ตอนที่ 2: น้ำยาปรับสภาพยีน
ตอนที่ 2: น้ำยาปรับสภาพยีน
ในปัจจุบันมันได้มียานอวกาศร่อนลงมาจอดภายในพื้นที่อันถูกทิ้งร้างบริเวณชานเมืองทางตอนใต้ของปักกิ่ง ก่อนที่อีกไม่กี่นาทีต่อมายานอวกาศลำนี้จะได้หายไปกับความมืดยามค่ำคืนราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
การเดินทางระหว่างดวงดาวด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้รวดเร็วกว่าที่ผู้คนบนโลกมนุษย์ได้คาดคิดเอาไว้มาก เพราะด้วยเทคโนโลยีการวาร์ปมันจึงทำให้การเดินทางระหว่างดวงดาวใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานเท่านั้น
ระยะห่างระหว่างดาวบลูซีกับโลกมนุษย์อยู่ห่างกันเกือบ 200,000 ปีแสง แต่ยานอวกาศลำนี้กลับใช้การวาร์ปเพียงแค่สี่ครั้งและใช้เวลาเดินทางรวมกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่มันจะนำเซี่ยเฟยเดินทางกลับมายังโลกมนุษย์
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ลงมาจากยานอวกาศแล้วเขาก็ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังเมืองปักกิ่งอันคุ้นเคยพร้อมกับสัมผัสกับธนบัตรใบบาง ๆ ที่อยู่ภายในกระเป๋าและถึงแม้ว่าเขาจะไม่หยิบพวกมันขึ้นมานับ แต่เขาก็รู้ว่าเขามีเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ 73 แอลไลคอยน์เท่านั้น ซึ่งเงินเหล่านี้มันก็เป็นเงินทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาแล้ว
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้เดินเลี้ยวตรงบริเวณหัวมุมเขาก็โชคดีได้พบกับแท็กซี่คันหนึ่งและหลังจากที่เขาได้เดินทางต่อไปอีกเพียงแค่ประมาณ 20 นาทีในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน
มันมีคำที่เคยใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณของเมืองปักกิ่งว่า ‘คนรวยจะอยู่ทางทิศตะวันออก เหล่าบรรดาผู้สูงศักดิ์จะอยู่ทางทิศตะวันตก พวกคนจนจะอยู่ทางทิศใต้และสามัญชนจะอยู่ทางทิศเหนือ’ ซึ่งแน่นอนว่าบ้านของเซี่ยเฟยได้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองโดยมันเป็นหอพักของอดีตโรงงานเครื่องหนัง
โรงงานของรัฐบาลแห่งนี้ได้ปิดกิจการไปเป็นเวลานานหลายปีแล้วและผู้อยู่อาศัยภายในหอพักส่วนใหญ่ก็เคยเป็นลูกจ้างของโรงงานที่ถูกเลิกจ้าง โดยตัวอาคารเป็นอะพาร์ตเมนต์เก่า ๆ ที่ถูกก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยเมื่อหลายสิบปีก่อน
เมื่อมาถึงอะพาร์ตเมนต์เซี่ยเฟยก็ได้พบกับอาคารที่มืดสนิทและไม่มีแหล่งกำเนิดแสงสว่างใด ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเดินขึ้นบันไดไปท่ามกลางความมืด
หลังจากที่เขาได้ถูกจำคุกอยู่นอกโลกมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน มันจึงทำให้โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวของเขาไม่สามารถที่จะนำมาใช้การได้ นั่นก็เพราะว่าแบตเตอรี่ของมันได้หมดไปตั้งนานแล้ว
เซี่ยเฟยได้ก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดแต่ละขั้นด้วยท่าทางอันมั่นคง โดยทางเดินของบันไดนี้ได้เต็มไปด้วยจักรยาน, ขวดเบียร์และสิ่งกีดขวางอื่น ๆ อีกอย่างมากมาย
แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันจะก้าวล้ำพัฒนาไปไกลแต่สำหรับพื้นที่สลัมที่เซี่ยเฟยได้อาศัยอยู่มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมมากนักและถ้าหากว่าคนภายนอกได้มาชำเลืองมองพื้นที่บริเวณนี้เพียงแค่ครั้งเดียว มันก็อาจจะทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าพวกเขากำลังหลงยุคกลับไปเป็นเวลานานนับสิบ ๆ ปี
ห้องของเซี่ยเฟยอยู่ที่ชั้นบนสุดโดยภายในห้องมีพื้นที่เพียงแค่ประมาณ 40 ตารางเมตร ซึ่งภายในนั้นได้ถูกประดับตกแต่งเอาไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ เพียงแค่ไม่กี่ชิ้นและเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงของเหลือที่เจ้าของเก่าได้ทิ้งเอาไว้
สิ่งเดียวที่เป็นของเซี่ยเฟยคือเสื้อผ้า, คอมพิวเตอร์เก่า ๆ ในห้องนอนและจักรยานเสือหมอบยี่ห้อไจแอนส์ไบซิเคิล
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ปิดประตูเบา ๆ เขาก็เดินเข้าไปภายในห้องนอนพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะได้เปิดคอมพิวเตอร์ของตนเองขึ้นมา
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เป็นรุ่นที่ล้าสมัยมากและมันก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการเปิดเครื่องขึ้นมาค่อนข้างนาน ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้หยิบกล่องโลหะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างระมัดระวัง
ภายในกล่องได้บรรจุขวดของเหลวสีม่วงที่ส่องประกายและเมื่อมันได้กระทบกับแสงไฟมันก็ทำให้ของเหลวภายในขวดนี้ดูลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ
ขวดของเหลวสีม่วงภายในกล่องไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ซึ่งในความเป็นจริงมันดูเหมือนกับขวดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่สามารถกระดกขึ้นมาดื่มด้วยปากได้อย่างง่ายดาย โดยบริเวณรอบ ๆ ขวดไม่มีข้อมูลใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต, วันหมดอายุหรือฉลากที่ให้คำแนะนำ
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้ใช้นิ้วของเขาถูที่ขวดของเหลวสีม่วงภายในกล่องเบา ๆ โดยหัวใจของเขาได้ถูกเติมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
ในทุก ๆ ปีพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวจะทำการส่งมอบน้ำยาปรับสภาพยีนมาให้กับสหพันธ์โลกจำนวน 100 ขวดและพวกมันก็ช่วยให้ชนชั้นสูงบนโลกสามารถทำการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของพวกเขาได้
อย่างไรก็ตามน้ำยาปรับสภาพยีนจำนวน 100 ขวดย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้งโลกอยู่แล้วและมันก็สามารถจะจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่าการแข่งขันเพื่อแย่งชิงน้ำยาปรับสภาพยีนเหล่านี้จะเป็นการแข่งขันที่มีความเข้มข้นมากแค่ไหน ซึ่งคนที่ไม่มีอำนาจใด ๆ อย่างเซี่ยเฟยย่อมไม่กล้าคิดฝันที่จะได้ครอบครองน้ำยาปรับสภาพยีนพวกนี้เลย
เซี่ยเฟยเคยดูข่าวที่ประธานสหพันธ์โลกได้ทำการมอบกล่องที่บรรจุน้ำยาปรับสภาพยีนให้แก่ชนชั้นสูงที่เหมาะสมจำนวน 100 คนต่อหน้าสื่อทั่วทั้งโลก โดยชนชั้นสูงที่ได้รับน้ำยาปรับสภาพยีนต่างก็พากันยืนร้องไห้ในขณะที่บางคนถึงกับเป็นลมไปเพราะความสุข
ส่วนทางด้านผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับน้ำยาก็ทำได้เพียงแต่ยืนมองดูภาพข่าวด้วยความอิจฉาริษยาและพวกเขาทุกคนต่างก็ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะได้รับน้ำยาอันล้ำค่าเหล่านั้นบ้าง
อย่างไรก็ตามเท่าที่เซี่ยเฟยจำได้น้ำยาปรับสภาพยีนสมควรที่จะมีสีเขียวอันสดใส แต่น้ำยาปรับสภาพยีนที่เขาได้รับกลับเป็นสีม่วงที่ดูลึกลับและชวนให้น่าค้นหา
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่ภายในใจคอมพิวเตอร์ของเขาก็ได้เปิดขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยจึงอดกลั้นความต้องการของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะทำการปิดกล่องและเก็บมันลงไปในลิ้นชัก
เนื่องมาจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วมันได้มีมนุษย์ต่างดาวติดต่อเข้ามายังโลกมนุษย์ มันจึงทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างมากมายและภายในคืนเดียวมันก็ได้มีเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมนอกโลกผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดโดยเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาเว็บไซต์เหล่านั้นก็คือสตาร์รี่สกายเน็ตเวิร์ก
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มทำการค้นหาข้อมูลของน้ำยาปรับสภาพยีนจากสตาร์รี่สกายเน็ตเวิร์กด้วยความคาดหวัง
สมองเป็นอวัยวะที่น่าทึ่งที่สุดของร่างกายมนุษย์ซึ่งโดยปกติมนุษย์โดยทั่วไปจะสามารถใช้งานศักยภาพของสมองได้ไม่ถึง 10% และแม้แต่อัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์ก็สามารถที่จะใช้ศักยภาพของสมองออกมาได้เพียงแค่ 30% เท่านั้น
แต่ถ้าหากว่าใครได้ทำการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปมันก็จะช่วยทำให้พวกเขาสามารถใช้งานสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่ระบุเอาไว้ผู้คนแต่ละคนจะสามารถใช้งานศักยภาพของสมองได้แตกต่างกัน โดยผู้ที่สามารถใช้สมองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดก็จะสามารถใช้ศักยภาพของสมองได้เกินกว่า 90%
อันที่จริงสมองยังมีพื้นที่ส่วนพิเศษที่ซ่อนอยู่ โดยพื้นที่ส่วนพิเศษของสมองนี้ได้ถูกเรียกว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ซึ่งถ้าหากว่าใครสามารถปลดล็อกใช้งานพื้นที่สมองส่วนนี้ได้สำเร็จพวกเขาก็จะสามารถใช้พลังพิเศษที่เหนือมนุษย์ได้
“พลังพิเศษ?! แบบนี้ฉันก็อาจจะมีพลังเหมือนไอ้แมงมุมจากนิวยอร์กใช่ไหม” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย
แม้ว่าการพัฒนาศักยภาพของสมองและทำให้ผู้คนฉลาดขึ้นจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันก็คงจะเป็นเรื่องการได้รับพลังพิเศษมากกว่า
พลังพิเศษที่บุคคลแต่ละคนได้รับจากการกระตุ้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็จะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งแม้แต่อารยธรรมนอกโลกที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดก็ยังไม่สามารถที่จะให้คำอธิบายเกี่ยวกับพลังพิเศษเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
โดยส่วนใหญ่ผู้คนกว่า 70% ที่ได้รับการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 จะกลายเป็นยอดนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ แต่มันก็มีบางคนที่ได้กลายเป็นนักดนตรี, นักคณิตศาสตร์, นักฟิสิกส์, นักเคมีและอื่น ๆ อย่างมากมาย
“นักคณิตศาสตร์? นี่ถ้าหากว่าฉันได้กลายเป็นนักคณิตศาสตร์มันคงจะเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันเลย” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้วเพราะตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยให้ความสนใจกับวิชาคณิตศาสตร์หรือวิชาฟิสิกส์เลย
ตามสถิติมันจะมีคนเพียงแค่ 1 ใน 10,000 คนเท่านั้นที่จะไม่ได้รับพลังพิเศษใด ๆ หลังจากที่พวกเขาได้ทำการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปอย่างเพียงพอและมันก็มีคน 1 ใน 100,000 คนที่จะเสียชีวิตและมีคนอีก 1 ใน 1,000,000 คนที่จะกลายเป็นเจ้าชายนิทราหลังจากที่ได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็หมายความว่าน้ำยาปรับสภาพยีนในปัจจุบันยังไม่ใช่สิ่งที่มีความปลอดภัย 100%
หลังจากเซี่ยเฟยได้อ่านบทความทั้งหมดเขาก็เหลือบสายตามองไปยังกล่องบุหรี่ยี่ห้อหงตะชานที่เหลืออยู่ครึ่งกล่องซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
เซี่ยเฟยถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สูบบุหรี่ค่อนข้างจัดและเขาก็เลือกที่จะทำการสูบบุหรี่ยี่ห้อหงตะชานซึ่งเป็นบุหรี่ที่มีราคาถูกที่สุดเท่านั้น
เมื่อเซี่ยเฟยได้จุดบุหรี่ขึ้นมามันก็ได้ปล่อยควันออกมาจาง ๆ และทำให้บรรยากาศภายในห้องนอนของเขาได้กลายเป็นภาพศิลปะที่ชวนน่าหลงใหล
ถึงแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในการบริโภคน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไป แต่ความเสี่ยงจากน้ำยาปรับสภาพยีนเหล่านี้มันก็เทียบไม่ได้จากผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับกลับมา
ในความเป็นจริงนอกเหนือจากการบริโภคน้ำยาปรับสภาพยีนแล้วมนุษย์ยังสามารถที่จะทำการฝึก ‘มนตราดวงดาว’ เพื่อทำการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อีกด้วย
เมื่อความรู้ในเรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปมันก็ทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมากตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่ได้พยายามฝึกฝนมนตราดวงดาวในทุก ๆ วัน แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 3 ปีแต่มันก็มีคนที่สามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ด้วยการฝึกฝนมนตราดวงดาวเพียงแค่ไม่ถึง 8,000 คน
“ไม่ต้องรีบร้อน ฉันต้องตรวจสอบมันให้ได้ก่อนว่าทำไมน้ำยาปรับสภาพยีนของฉันมันถึงมีสีม่วง” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ เลื่อนเมาส์เพื่อทำการค้นหาบทความเกี่ยวกับน้ำยาปรับสภาพยีนภายในเว็บไซต์ เพราะท้ายที่สุดเพียงแค่ภายในสตาร์รี่สกายเน็ตเวิร์กเพียงเว็บไซต์เดียวก็มีบทความเกี่ยวกับน้ำยาปรับสภาพยีนอยู่ไม่น้อยกว่า 2,000-3,000 บทความ
“น้ำยาปรับสภาพยีนมีหลายประเภทอย่างนั้นหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาพร้อมกับทำการคลิกเปิดบทความขึ้นมาเบา ๆ
คุณภาพของน้ำยาปรับสภาพยีนได้ถูกแบ่งประเภทออกเป็นน้ำยาระดับสูงสุด, น้ำยาระดับสูง, น้ำยาระดับกลางและน้ำยาระดับต่ำ โดยอารยธรรมส่วนใหญ่ภายในจักรวาลจะทำการผลิตน้ำยาที่มีความเหมาะสมกับยีนของผู้คนภายในดวงดาวของตนเอง ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้น้ำยาปรับสภาพยีนมีสีและรสชาติที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ของจักรวาล ซึ่งแน่นอนว่าน้ำยาที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกันย่อมให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน
“อ๋อ! น้ำยาปรับสภาพยีนไม่จำเป็นที่จะต้องมีสีเขียวเพียงอย่างเดียวสินะ ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าน้ำยาขวดนี้เป็นน้ำยาปรับสภาพยีนระดับไหนกันแน่?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาหลังจากที่เขาได้อ่านบทความจนจบ
“ช่างหัวมันก็แล้วกัน! หลังจากดื่มมันเข้าไปเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดฉันก็แค่ตายหรือไม่ก็กลายเป็นนักคณิตศาสตร์ ท้ายที่สุดมันก็ไม่สำคัญว่าน้ำยาขวดนี้อยู่ในระดับไหนเพราะมันคงจะไม่ทำให้สถานการณ์ของฉันเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว” เซี่ยเฟยคิดภายในใจขณะที่กวาดสายตามองไปยังสภาพห้องอันน่ากลัว
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบขวดน้ำยาสีม่วงออกมาจากลิ้นชัก
โบ๊ะ!
เมื่อเขาได้เปิดฝาขวด เขาก็กระดกมันเข้าไปในปากทันที
อึก ๆ ๆ!
เซี่ยเฟยทำการกลืนน้ำยาปรับสภาพยีนทั้งหมดลงไปในครั้งเดียว ซึ่งตลอดกระบวนการเขาไม่ได้มีร่องรอยแห่งความลังเลใด ๆ ได้ปรากฏขึ้นมาเลย
น้ำยาสีม่วงภายในขวดมีรสเปรี้ยวอยู่เล็กน้อยแล้วมันก็ผสมกับรสชาติอันแปลกประหลาดอย่างที่เขาก็ไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ทำการจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกมวนพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้และรอคอยการเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบ ๆ
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปครบ 1 นาทีนอกเหนือจากความรู้สึกอุ่น ๆ ภายในท้องของเขาแล้วเซี่ยเฟยก็ไม่ได้พบกับความผิดปกติอื่นใดอีก
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้เซี่ยเฟยก็รู้สึกกังวลและเมื่อเขาได้เหลือบสายตามองไปยังขวดน้ำยาเล็ก ๆ เขาก็ได้พบว่ามันยังคงมีของเหลวสีม่วงติดอยู่ภายในขวดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปในห้องน้ำก่อนที่จะเติมน้ำจากก๊อกเข้าไปภายในขวด จากนั้นเขาก็ทำการเขย่าขวดซ้ำ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาสีม่วงภายในขวดทุกหยดจะได้ผสมเข้ากับน้ำเปล่าที่เขาได้เติมเข้าไป
อึก ๆ ๆ!
เมื่อเซี่ยเฟยได้ทำการดื่มน้ำยาที่ผสมกับน้ำเปล่าเข้าไปจนหมดเขาก็ได้พบว่าขวดน้ำยาไม่ได้หลงเหลือน้ำยาสีม่วงอยู่เลยแม้แต่หยดเดียว ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้เผยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจออกมา
ทันใดนั้นน้ำยาปรับสภาพยีนก็เริ่มส่งผล!!
ในชั่วเวลาเพียงแค่พริบตาเซี่ยเฟยก็รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรงและเขาก็รู้สึกเหมือนกับเห็นผีเสื้อนับพันได้บินอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสภาพจิตใจของเขาที่กำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อ
ภายในห้องน้ำมีอ่างน้ำเก่า ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานมานานหลายปีและในพื้นที่สลัมเช่นนี้ก็มักที่จะมีเหตุการณ์น้ำหยุดไหลขึ้นมาอยู่เสมอ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงได้เปิดน้ำเก็บไว้ภายในอ่างน้ำจนเต็มอยู่เป็นประจำเผื่อเอาไว้ในกรณีที่น้ำไม่ไหลเขาจะได้มีน้ำเอาไว้ใช้งาน
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้สะบัดหัวเรียกสติ 2-3 ครั้งเขาก็รีบมุ่งตรงไปยังอ่างอาบน้ำ ก่อนที่เขาจะได้จุ่มศีรษะของเขาลงไปภายในอ่างน้ำเย็น
***************
สารภาพมาซะ! ใครเกลียดคณิตเหมือนพี่เฟยบ้าง?