ตอนที่ 16: ต้นเพลิงมังกร 1,000 ปี
ตอนที่ 16: ต้นเพลิงมังกร 1,000 ปี
ตรงบริเวณมุมของร้านค้ามีแบบจำลองของยานอวกาศถูกตั้งโชว์อยู่ โดยยานอวกาศลำนี้มีลักษณะอันสง่างามราวกับเหยี่ยวกำลังกางปีก ตัวโครงยานได้ถูกผลิตขึ้นมาจากโลหะผสมไทเทเนียมที่เปล่งประกายอย่างแวววาว
“นั่นคือยานฟริเกตรุ่นไทนี่ฟอลคอน” อันธกล่าวออกมาราวกับว่ามันไม่มีอะไรสำคัญ จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า
“ยานไทนี่ฟอลคอนเป็นยานฟริเกตที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 ในจักรวาลและมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่าสำหรับการนำไปใช้งานแน่นอน ถ้าหากว่านายต้องการจะเดินทางในจักรวาลที่เต็มไปด้วยอันตรายจริง ๆ อย่างน้อยที่สุดนายจะต้องมียานแบทเทิลครุยเซอร์ซึ่งมันจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากว่ามันเป็นยานแบทเทิลครุยเซอร์ที่ติดอาวุธหนัก”
“ยานลำนี้มันสวยงามมากจริง ๆ ฉันอยากรู้จังว่ามันราคาเท่าไหร่” เซี่ยเฟยพึมพำออกมา
“ยานลำนี้น่าจะมีราคาอย่างน้อย 80 ล้านสตาร์คอยน์”
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากอันธมันก็ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะท้ายที่สุดเงินจำนวน 80 ล้านสตาร์คอยน์ก็เป็นเงินก้อนโตอย่างแท้จริง ในปัจจุบันเขายังคงอยู่ห่างไกลจากการได้เป็นเจ้าของยานอวกาศของตัวเอง
“ซักวันนึงฉันจะต้องซื้อยานอวกาศให้ได้!” เซี่ยเฟยประกาศออกไปอย่างกล้าหาญ
“ถ้านายต้องการซื้อยานไทนี่ฟอลคอนนายจะต้องมีระดับความสามารถอยู่ในระดับสตาร์ฟิลด์เป็นอย่างน้อย แล้วเงินแค่ 80 ล้านมันก็เป็นราคาของยานเปล่า ความเป็นจริงนายจะต้องทำการติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยานอย่างครบครันและเมื่อมันรวมกับราคาของระบบนำทางหากนายมีเงินไม่ถึง 200 ล้านสตาร์คอยน์ก็อย่าคิดที่จะเป็นเจ้าของยานอวกาศเลย” อันธกล่าวความจริงออกมาอย่างโหดร้ายโดยไม่คิดที่จะถนอมน้ำใจเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อได้ฟังคำพูดที่บาดใจเซี่ยเฟยก็กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะเดินออกมาจากร้าน
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้เดินทางไปจนถึงตลาดวัตถุดิบผสมน้ำยานิสัยเดิมของอันธก็เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยวิญญาณตนนี้ได้ทำการซื้อชุดเครื่องปรุงยาอีกสองชุดและให้เหตุผลอันชอบธรรมว่าชุดอุปกรณ์ปรุงยาอีกชุดถือว่าเป็นชุดสำรอง
สำหรับวัตถุดิบผสมน้ำยาอันธก็ทำการซื้อวัตถุดิบทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นและเมื่อเซี่ยเฟยได้ชำระเงินค่าสินค้าทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ใช้จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 8.7 ล้านสตาร์คอยน์
“ยังดีว่าในคราวนี้นายยังค่อนข้างมีสติเหลือเงินเอาไว้ให้ฉันได้ใช้บ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวเหน็บแนมขณะที่หยิบบัตรเครดิตออกมาชำระเงิน
ไม่ไกลออกไปมีร้านค้าที่มีสไตล์การตกแต่งเฉพาะตัวตั้งอยู่ โดยร้านแห่งนี้ไม่ได้ถูกประดับตกแต่งด้วยไฟนีออนอันสวยงามแล้วก็ไม่ได้มีพนักงานสาวสวยคอยยืนหลอกล่อลูกค้าตรงทางเข้าร้านอีกด้วย ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นร้านที่ค่อนข้างแปลกประหลาดในถนนสายการค้าเสมือนจริงที่พลุกพล่านแห่งนี้
“เอาล่ะพวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ลังเลเพื่อที่จะดึงเซี่ยเฟยเข้าไปในร้านค้าอันแปลกประหลาดนี้
ภายในร้านค้าอันว่างเปล่าได้มีเคาน์เตอร์จัดแสดงสินค้าอยู่น้อยกว่า 20 แห่ง โดยในเคาน์เตอร์แต่ละแห่งจะถูกจัดแสดงสินค้าเอาไว้เพียงแค่รายการเดียว มันจึงทำให้ภายในร้านแห่งนี้มีสินค้าให้เลือกซื้อหาอยู่เป็นจำนวนน้อยมาก
ขณะเดียวกันหนึ่งในสินค้าที่ถูกจัดแสดงก็เป็นต้นไม้สีแดงขนาดมหึมาที่ดูสะดุดตามาก โดยมันเป็นต้นไม้สีแดงเพลิงที่มีดอกสีแดงเจิดจ้าและเปล่งประกายออกมาอย่างสว่างไสว
“ต้นไม้ต้นนี้น่าสนใจจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ” อันธกล่าวคำที่หาได้ยากจากปากของเขาออกมา เพราะโดยปกติเมื่อเขาได้เห็นวัตถุดิบจากร้านค้าอื่น ๆ เขาก็มักที่จะบ่นว่าวัตถุดิบเหล่านั้นมีคุณภาพต่ำมากจนเกินไป
แต่เมื่อเซี่ยเฟยได้จ้องไปยังแถบด้านล่างซึ่งแสดงราคาของมันอยู่นั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างแท้จริง
“1.. 2.. 3.. 4.. 5.. 6!”
“เลข 0 จำนวน 6 ตัว… ต้นไม้ต้นเดียวมีราคา 9 ล้านสตาร์คอยน์เนี่ยนะ!!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อและถึงแม้ว่าต้นไม้ต้นนี้จะดูสวยงามมากแต่ราคาของมันก็แพงเกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกล
ในระหว่างนั้นเองอันธก็เผยรอยยิ้มออกมาให้กับเซี่ยเฟยซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“นี่ ๆ พวกเราซื้อต้นไม้ต้นนี้กันเถอะ!”
—--
บ้านของอันเดร์ไม่ได้ตั้งอยู่ในแมนฮัตตันแต่มันอยู่บนเกาะสแตเทนที่อยู่ทางตอนใต้ ดังนั้นการพยายามเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องนั่งเรือข้ามฟากไป
ขณะเดียวกันคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของอันเดร์ก็ถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยบอดี้การ์ดผู้สวมชุดสูทอย่างมากมาย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าชายชราคนนี้รู้สึกกังวลเรื่องแก๊งอสรพิษดำมากแค่ไหน
เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางมาถึงอันเดร์กับอู่หลงก็เดินออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง โดยด้านข้างของชายทั้งสองคนนี้เป็นชายวัยรุ่นผู้มีอายุประมาณ 13-14 ปีที่มีผมหยิกและยังคงมีจุดฝ้ากระอยู่บนใบหน้า
“ยินดีต้อนรับสหาย” อันเดร์กล่าวออกมาด้วยความสุภาพซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ทักทายกันพอเป็นพิธีเซี่ยเฟยก็หันหน้าไปทางเด็กชายพร้อมกับกล่าวถามขึ้นมาว่า
“ว่าแต่เด็กคนนี้คือใครหรอครับ”
“โอ้ เด็กคนนี้ชื่อชาร์ลีเขาเป็นหลานชายของฉันเอง ตั้งแต่ที่ภรรยาของฉันได้จากไปชาร์ลีก็มักที่จะมาหาฉันเพื่อเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับการลงทุนและการเงินอยู่เป็นประจำ ซึ่งมันก็ช่วยให้ฉันคลายเหงาลงไปได้มากเลยทีเดียว”
“เรียนการเงินตั้งแต่อายุแค่นี้เนี่ยนะ!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลรอธส์ไชลด์ถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเงินมาหลายชั่วอายุคน ดูเหมือนว่ามันจะมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของตระกูลสินะ” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความประทับใจ
เมื่อได้รับคำชมจากเซี่ยเฟยมันก็ทำให้ชาร์ลีรู้สึกเขินอายอย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ทักทายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังห้องอาหาร
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าเขาจึงซัดอาหารเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ โดยเขาได้กินกุ้งมังกรตัวใหญ่เข้าไปอย่างน้อย 4 ตัวแล้วมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงซุปเนื้อลูกวัวชามโต ๆ ที่อยู่บนโต๊ะ
ส่วนทางด้านของอู่หลงก็กินจุไม่แพ้กันมันจึงทำให้ดูเหมือนว่าอันเดร์กับชาร์ลีกินอาหารเข้าไปเพียงแค่เล็กน้อย โดยในตอนนี้สมาชิกจากตระกูลรอธส์ไชลด์ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มแห้ง ๆ ออกมาในขณะที่ดูผู้มีพลังพิเศษทั้งสองคนได้สวาปามอาหารเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ต้องขออภัยทุกคนด้วย ช่วงนี้ผมออกกำลังกายหนักมากมันจึงทำให้ผมต้องกินอาหารกว่าเดิมและพฤติกรรมการกินอาหารของผมในก่อนหน้านี้มันจะต้องดูเป็นภาพที่ตลกมากแน่ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดปาก
อันเดร์โบกมือไปมาโดยไม่ได้มีสีท่ารังเกียจแต่อย่างใด
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าร่างกายผอมบางนั่นจะสามารถกินอาหารเข้าไปได้มากกว่าฉันจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมน้องเฟยถึงได้มีความเร็วอันน่าอัศจรรย์ขนาดนั้น” อู่หลงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงเรอ ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
การสนทนาบนโต๊ะอาหารของตระกูลคนรวยค่อนข้างที่จะมีกฎเกณฑ์อยู่อย่างมากมาย ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาได้รับประทานอาหารจนอิ่มแล้วพวกเขาจึงได้ย้ายไปยังห้องสูบบุหรี่ โดยในระหว่างนี้อันเดร์ได้บอกให้ชาร์ลีขึ้นไปอ่านหนังสือบนบ้านก่อน
จากนั้นอันเดร์ก็หยิบกล่องซิก้าอันสวยงามออกมาซึ่งเมื่อพิจารณาจากลวดลายบนกล่องแล้วมันย่อมเป็นซิก้าที่มีราคาแพงมากอย่างแน่นอน
“ลองหน่อยไหม นี่คือซิก้าที่ทำขึ้นมาจากช่างฝีมือชั้นยอดเลยนะ ซิก้าพวกนี้มีรสชาติที่นุ่มนวลมาก” อันเดร์กล่าวพร้อมกับยื่นกล่องซิก้าให้กับเซี่ยเฟย
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับส่งเสียงหัวเราะก่อนที่เขาจะได้หยิบกล่องบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ของเขาออกมา
“พวกคุณก็น่าจะรู้ว่า…”
“พวกเรารู้แล้ว ๆ ว่าคุณสูบแต่หงตะชานเท่านั้น”
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะพูดจบอันเดร์ก็กล่าวขัดขึ้นมา
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ นายยังเด็กและรวยมาก แต่ทำไมนายถึงยังสูบบุหรี่ราคาถูกแบบนั้นต่อ บุหรี่ยี่ห้อนี้มันฉุนมากจนเกินไป ตอนที่ฉันได้สูบมันเข้าไปฉันก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองได้กลิ่นดินปืน” อู่หลงกล่าวแสดงความคิดเห็นพร้อมกับจุดซิก้าของเขาเช่นเดียวกัน
เซี่ยเฟยหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบหนึ่งม้วนพร้อมกับกล่าวตอบออกไปว่า
“ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ผมคุ้นเคยกับมันมานานแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าผมจะอยากเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ยี่ห้ออื่นแต่ผมก็ไม่สามารถลืมรสชาติของมันได้จริง ๆ”
ในช่วงเวลานี้ทั้งสามคนก็ได้พ่นควันออกมาจนทำให้ห้องแห่งนี้ได้ตลบอบอวลไปด้วยควัน
“ตระกูลของพวกเราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชั่นแล้ว โดยพวกเราจะเริ่มสร้างโรงไฟฟ้าทดลองในอเมริกาเหนือ ถ้าหากว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้ประสบความสำเร็จปัญหาเรื่องพลังงานของอเมริกาก็จะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์” อันเดร์กล่าว
โรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวกลับสามารถแก้ปัญหาพลังงานของอเมริกาได้ทั้งประเทศ!
“ตามแผนการเบื้องต้นพวกเรายังต้องการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นมาเพิ่มอีกสามแห่ง โดยแบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้าในเอเชียตะวันออก, แอฟริกาเหนือและออสเตรเลีย ถ้าหากว่าโรงไฟฟ้าทั้งสี่แห่งได้ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จแหล่งพลังงานทั้งหมดในโลกก็จะเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีความสะอาดและปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม” อันเดร์กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขณะที่เขาได้อธิบายแผนงานในอนาคตของโลก
“พวกเราอยากจะให้คุณลงทุนเพิ่มอีก 4 ล้านสตาร์คอยน์ ส่วนทางฝั่งตระกูลรอธส์ไชลด์ของพวกเราก็จะลงทุน 80,000 ล้านแอลไลคอยน์เพื่อจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องหุ้นพวกเราจะแบ่งกันฝ่ายละ 50%”
“คุณคำนวณผิดแล้วเงินจำนวน 80,000 ล้านแอลไลคอยน์มีมูลค่าเท่ากับ 8 ล้านสตาร์คอยน์ ผมคิดว่าตระกูลของพวกคุณสมควรที่จะถือหุ้น 70% ในขณะที่ผมถือหุ้นแค่ 30% ก็พอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับนำมือทั้งสองข้างมาประสานเข้าด้วยกัน
“ตระกูลรอธส์ไชลด์ของพวกเราไม่เคยคำนวณผิด ถึงแม้ว่าอัตราการแลกเปลี่ยนปกติมันจะเป็นเหมือนกับที่คุณบอกแต่พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องหาสตาร์คอยน์อย่างเร่งด่วน ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นที่จะต้องคิดมาก เรื่องการแบ่งหุ้นให้คุณ 50% เป็นมติเอกฉันท์ของตระกูลพวกเราแล้ว” อันเดร์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
หลังจากเซี่ยเฟยปฏิเสธซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้งในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าทางตระกูลรอธส์ไชลด์จะถือหุ้น 60% ขณะที่เซี่ยเฟยจะถือหุ้น 40%
“ตอนนี้ผมเหลือเงินอยู่ไม่มากนัก อีกซัก 2-3 วันผมจะโอนเงินไปให้ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจิบไวน์แดงภายในมือ
“เมื่อวานคุณมีเงินในบัญชี 11 ล้านสตาร์คอยน์ไม่ใช่หรอ หรือว่าคุณได้ทำการแลกเปลี่ยนสตาร์คอยน์พวกนั้นไปจนหมดแล้ว?” อันเดร์อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“นั่นมันเรื่องของเมื่อวาน เมื่อบ่ายนี้ผมเพิ่งใช้พวกมันไปหมดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“คุณใช้เงินมากกว่า 10 ล้านสตาร์คอยน์หมดไปในช่วงบ่ายเนี่ยนะ!!” อันเดร์อุทานพร้อมกับรู้สึกตกใจจนเกือบจะตกเก้าอี้
เงิน 10 ล้านสตาร์คอยน์มีมูลค่าเท่ากับ 100,000 ล้านแอลไลคอยน์ ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนที่คนธรรมดาสามารถนำไปใช้จ่ายได้มากกว่า 100 ชั่วอายุคน!
“โอ้พระเจ้า!!! นี่นายเอาเงินมากขนาดนั้นไปซื้ออะไรกันแน่” อู่หลงอุทานพร้อมกับลูบหัวล้านของเขาด้วยความสงสัย
“ซื้อต้นไม้”
"ต้นไม้!!!"
คำพูดของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้อู่หลงและอันเดร์พูดไม่ออกและถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยมีประวัติการใช้เงินแบบฟุ่มเฟือยอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมีใครกล้าใช้เงินถึง 10 ล้านสตาร์คอยน์เพื่อซื้อต้นไม้จริง ๆ!
‘ฉันควรจะหาเงินให้ได้มากกว่านี้สินะ ดูจากการใช้เงินของอันธแล้วถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเจ้าของเหมืองทอง แต่เงินทั้งหมดของฉันก็คงจะหมดในเวลาเพียงแค่ไม่นาน’
เซี่ยเฟยพ่นควันออกมาจากปากพร้อมกับคิดถึง ‘ต้นเพลิงมังกรไฟ 1,000 ปี’
เพราะว่าเขาต้องซื้อต้นไม้ต้นสีแดงต้นนี้มันจึงทำให้ยอดเงินในบัญชีของเขาลดลงไปจนเกือบจะหมดอีกครั้ง
“ตอนนี้ผมเหลือเงินอยู่เพียงแค่ 1 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น เดี๋ยวเงินในส่วนที่เหลือผมจะทำการโอนให้คุณภายใน 2-3 วัน”
อันเดร์พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะยกมือของตนออกมา หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นานมันก็มีชายร่างใหญ่สองคนเดินเข้ามาภายในห้อง โดยที่ภายในมือของชายทั้งสองคนนี้ได้มีกระเป๋าอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่เคยอยู่กับอันเดร์
เมื่ออันเดร์ได้ทำการพยักหน้าให้กับบอดี้การ์ดทั้งสองคนพวกเขาก็นำกุญแจมาปลดล็อกกุญแจมือที่ยึดติดอยู่กับกระเป๋า จากนั้นพวกเขาก็ได้ทำการส่งมอบกระเป๋าให้กับเซี่ยเฟย
“นี่มันหมายความว่าอะไร?” เซี่ยเฟยจ้องมองไปที่กระเป๋าบนตักพร้อมกับถามออกมาด้วยความสับสน
อันเดร์ยกมือขึ้นโบกเพื่อให้บอดี้การ์ดทั้งสองคนออกไป จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกมาว่า
“ข้างในกระเป๋านั่นคือโกลเดนสทิงเกอร์ ทางตระกูลของพวกเราได้ตัดสินใจที่จะมอบมีดเล่มนั้นให้กับคุณในฐานะที่คุณเป็นมิตรภาพที่ดีของตระกูลพวกเรา”
โกลเดนสทิงเกอร์!
เมื่อเซี่ยเฟยได้เปิดกระเป๋าเขาก็ได้พบกับโกลเดนสทิงเกอร์นอนอยู่ด้านในจริง ๆ ซึ่งหลังจากที่เขาได้หยิบมันขึ้นมามีดเล่มนี้ก็ให้ความรู้สึกอันยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นโกลเดนสทิงเกอร์ยังให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายจนเซี่ยเฟยเผลอคิดไปว่ามีดเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของแขนเขาเลยทีเดียว
“ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่ามากเกินไป ผมคงจะรับมันเอาไว้ไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับนำโกลเดนสทิงเกอร์ไปวางไว้ในกระเป๋าดังเดิม
“คุณตั้งใจที่จะปฏิเสธมิตรภาพจากตระกูลรอธส์ไชลด์อย่างนั้นหรอ?” อันเดร์กล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เห้อ! มิตรภาพจากพวกคุณช่างหนักหนาจริง ๆ เอาล่ะผมจะยอมรับมันไว้ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยปิดกระเป๋าก่อนจะค่อย ๆ นำมันไปวางลงบนพื้น
“เอาล่ะในตอนนี้ฉันขอเชิญพวกคุณทั้งสองคนให้เข้าร่วมโครงการสำรวจแอตแลนติสอย่างเป็นทางการ จากข้อมูลที่พวกเรามีพวกเราก็มั่นใจว่าพวกเราจะสามารถค้นหาหนึ่งในความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติได้อย่างแน่นอน” อันเดร์กล่าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ซึ่งอู่หลงก็พยักหน้าแสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมในทันที
“แน่นอนว่าผมก็ยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ว่าแต่แอตแลนติสถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหนอย่างนั้นหรอ” เซี่ยเฟยกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้น
“แอตแลนติสอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรอ? มันก็ถูกซุกซ่อนไว้อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกน่ะสิ” อันเดร์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะลึกลับ
***************
เอาจริงอันธนี่มันวิญญาณติดชอปปิ้งชัดๆ