ตอนที่แล้วตอนที่ 14: เพิ่มพลัง 2 ระดับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16: ต้นเพลิงมังกร 1,000 ปี

ตอนที่ 15: ขึ้นบัญชี


ตอนที่ 15: ขึ้นบัญชี

ป่าอเมซอนในอเมริกาใต้เป็นพื้นที่ที่มีความชื้นและร้อนอบอ้าวมาก โดยในแต่ละปีมันจะมีฝนตกหนักประมาณ 300 วัน ส่วนอีก 65 วันที่เหลือจะมีฝนตกโปรยลงมาเล็กน้อย

ในปัจจุบันป่าฝนที่มีขนาดกว่า 6.7 ล้านตารางกิโลเมตรได้ถูกทิ้งร้างปราศจากการรบกวนจากมนุษย์ มันจึงทำให้สิงสาราสัตว์สามารถอยู่อาศัยภายในป่าได้อย่างอิสระ

ขณะเดียวกันสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่สวรรค์สำหรับเหล่าบรรดาสิงสาราสัตว์เท่านั้น แต่มันยังเป็นสถานที่ซุกซ่อนตัวสำหรับอาชญากรตัวฉกาจอีกด้วย

ในพื้นที่หนึ่งของป่าอเมซอนมีทุ่งราบที่ถูกปลูกพืชพันธ์ุเอาไว้เพียงแต่พืชเหล่านี้ไม่ใช่ต้นข้าวแต่อย่างใดแต่มันกลับเป็นทุ่งฝิ่นที่สวยงามแต่มีโทษถึงตาย

ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่ดอกฝิ่นกำลังผลิบานมันจึงทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนกับสวนดอกไม้อันบานสะพรั่งที่ประดับตกแต่งอยู่บริเวณใจกลางป่า

สถานการณ์นี้คล้ายกับสุภาษิตโบราณที่กล่าวเอาไว้ว่าสัตว์ประหลาดที่แท้จริงมักที่จะอาศัยอยู่เพียงแค่กระท่อมกลางทุ่งนา

อย่างไรก็ตามสำหรับกระท่อมกลางทุ่งฝิ่นแห่งนี้กลับได้มี ‘ไรนอร์’ ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งอสรพิษดำนั่งอยู่บนโซฟา โดยเขาเป็นชายร่างกายกำยำอายุ 41 ปี ส่วนทางด้านแก้มซ้ายของเขามีรอยสักรูปอสรพิษดำที่กำลังแลบลิ้นสีแดงสดออกมา

โดยปกติสมาชิกคนอื่นภายในแก๊งจะซ่อนรอยสักอสรพิษดำของพวกเขาเอาไว้ใต้ร่มผ้า เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องออกจากป่าเพื่อแฝงตัวเข้าไปในสังคม แต่สำหรับหัวหน้าแก๊งอสรพิษดำคนนี้กลับกล้าที่จะนำรอยสักมาไว้บนใบหน้าของตน ราวกับว่าเขาไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวว่ามันจะมีใครรู้ว่าเขามาจากแก๊งอสรพิษดำที่โด่งดังเลย

“ฉันไม่สนใจ! ใครก็ตามที่ฆ่าน้องเจ็ดจะต้องถูกฆ่าลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นไอ้เซี่ยเฟย! ไอ้อู่หลง! หรือไอ้สารเลวอันเดร์จะต้องตายไปให้หมด!” ไรนอร์ส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวหลังจากที่เขาได้รับข่าวการเสียชีวิตของชายหนุ่มผิวซีดที่เสียชีวิตบนเครื่องบิน

ทางด้านข้างของไรนอร์มีชายหนุ่มผู้มีท่าทางที่เรียบร้อยยืนอยู่ โดยชายคนนี้มีผมสีบลอนด์, มีรอยยิ้มที่สดใสราวกับแสงสว่างและถึงแม้ว่าอากาศภายในป่าอเมซอนจะค่อนข้างร้อนแต่เขาก็ยังคงสวมใส่ชุดสูทอันปราณีตและผูกเน็คไทเอาไว้อย่างเป็นทางการ

“พวกเขาสมควรที่จะถูกฆ่าแต่คุณยังไม่สามารถที่จะฆ่าพวกเขาด้วยตัวเองได้ ปล่อยเรื่องนี้ให้ผมเป็นคนจัดการเองดีกว่า”

คนที่กล้าพูดแบบนี้กับไรนอร์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็มีเพียงแต่ชายหนุ่มผู้มีชื่อว่า ‘ไวเปอร์’ คนนี้เท่านั้น

ไวเปอร์กับไรนอร์เป็นชายสองคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยไวเปอร์เป็นชาวอังกฤษที่เกิดในตระกูลขุนนางและพ่อของเขาก็เป็นถึงดยุกแห่งเวสต์มินสเตอร์ที่มีชื่อเสียง มันจึงไม่มีใครรู้ว่านักเรียนดีเด่นของวิทยาลัยอีตันและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์มาเข้าร่วมกับแก๊งอสรพิษดำอันโด่งดังได้ยังไง

ขณะเดียวกันสมาชิกของแก๊งอสรพิษดำก็รู้สึกเกรงกลัวไรนอร์แต่พวกเขาก็ให้ความเคารพไวเปอร์อย่างเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดความเฉลียวฉลาดและความรอบรู้ของไวเปอร์ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้แก๊งมีความยิ่งใหญ่มาจนถึงขนาดนี้

ถ้าหากว่าแก๊งไม่มีไรนอร์แก๊งอสรพิษดำก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแก๊งไม่มีไวเปอร์แก๊งของพวกเขาก็คงจะถูกรัฐบาลกลางกำจัดไปตั้งนานแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างไวเปอร์กับไรนอร์มีความละเอียดอ่อนมาก เพราะถึงแม้ว่าไวเปอร์จะเหนือกว่าไรนอร์ในเกือบทุกด้าน แต่ไวเปอร์ก็ยังคงเต็มใจที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อไรนอร์อยู่ดีและถึงแม้ว่าไรนอร์จะขอให้ไวเปอร์ออกไปตายแต่ชายคนนี้ก็คงจะไม่มีความลังเลเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

“คุณมีแผนอะไร” ไรนอร์กล่าวถามไวเปอร์อย่างใจเย็น เพราะท้ายที่สุดเขาก็มักที่จะรับฟังคำเสนอแนะของไวเปอร์อยู่เสมอ แต่ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นที่เข้ามาขัดจังหวะในตอนที่เขารู้สึกโกรธอยู่แบบนี้ใครคนนั้นก็คงจะถูกเขาอัดไปตั้งนานแล้ว

“ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลของอู่หลงกับเซี่ยเฟยที่ฆ่าน้องเจ็ดแล้ว พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้มีระดับความสามารถที่สูงนัก อู่หลงเป็นผู้มีพลังพิเศษสายความแข็งแกร่งระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลาง ส่วนทางด้านของเซี่ยเฟยก็มีพลังพิเศษสายความเร็วระดับสตาร์ไลท์ขั้นพื้นฐานเท่านั้นและพวกเขาก็ไม่ได้ทำงานให้กับองค์กรของรัฐบาล”

“อู่หลงเคยเป็นนักสืบเอกชนมาก่อนเขาจึงพอมีประสบการณ์ในการต่อสู้อยู่บ้าง ส่วนทางด้านของเซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่เมื่อเดือนก่อนยังปั่นจักรยานส่งของอยู่เลย”

“พวกเรายังไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างละเอียด แต่ผมเดาว่าคนทั้งสองคนนี้สังหารน้องเจ็ดได้เพราะความโชคดีเท่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่คุณจะไปจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง ผมคิดว่าพวกเราควรจะให้แมดแมนกับไวลด์โรสไปจัดการพวกเขาจะดีกว่า”

“ไวลด์โรสกับแมดแมนถือได้ว่าเป็นส่วนผสมที่ดีในการจัดการกับผู้มีพลังพิเศษสายความแข็งแกร่งและความเร็ว” ไรนอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นเขาก็ได้กล่าวต่อไปว่า

“คุณจัดการเรื่องนี้ไปได้เลยฉันขอไปดูดบุหรี่ซักหน่อยก่อนก็แล้วกัน”

—--

ปัจจุบันความเร็วของเซี่ยเฟยอยู่ที่ 85 เมตรต่อวินาทีซึ่งมันเป็นความเร็วที่เหมือนกับประกายแสงที่เกิดจากไฟแช็ก น่าเสียดายที่สภาพร่างกายของชายหนุ่มในปัจจุบันยังทำให้เขาไม่สามารถรักษาความเร็วเต็มที่ได้เป็นเวลานาน ดังนั้นหลังจากที่เขาได้วิ่งติดต่อกันเป็นเวลา 30 วินาทีเขาก็รู้สึกเหมือนกับขาของตัวเองกำลังจะหมดแรง แต่ถ้าหากว่าเขาลดความเร็วลงมาเหลือ 60 เมตรต่อวินาทีเขาจะสามารถวิ่งต่อเนื่องได้เป็นเวลาประมาณ 60 วินาที

หลังจากที่เซี่ยเฟยกลับไปอาบน้ำที่โรงแรมและวางแผนที่จะออกไปด้านนอกเขาก็ได้รับโทรศัพท์ที่ติดต่อมาจากอู่หลง

“พี่หลงคุณเป็นอะไรไปทำไมคุณถึงเงียบไปแบบนั้น มันมีคนกำลังไล่ล่าคุณอยู่หรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความล้อเล่น

“ฉันได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาว่าไอ้พวกสารเลวจากแก๊งอสรพิษดำขึ้นบัญชีฉัน, นายและลุงอันเดร์เอาไว้แล้ว”

“ขึ้นบัญชี? มันหมายความว่าอะไรหรอ?”

“สมาชิกภายในแก๊งอสรพิษดำไม่ได้มีเพียงแต่ผู้มีพลังพิเศษแต่มันยังรวมถึงพวกที่มีกองกำลังทางทหารและพวกลักลอบขนยาเสพติดด้วย พวกเขาจึงมีเงินสดอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก ส่วนการขึ้นบัญชีก็เป็นเหมือนกับการตั้งค่าหัวให้กับพวกเรา ดังนั้นตราบใดก็ตามที่สมาชิกภายในแก๊งสังหารพวกเราได้ พวกเขาก็จะสามารถเอาศพของพวกเราไปขึ้นเงินได้โดยตรง”

“ค่าหัวผมเท่าไหร่หรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย

อย่างไรก็ตามคำถามของเขากลับได้ก่อให้เกิดความเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง

“เฮ้น้องชาย! ความแข็งแกร่งของพวกแก๊งอสรพิษดำไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ การที่พวกเขาขึ้นบัญชีเราแบบนี้มันก็หมายความว่าพวกเขาตั้งใจที่จะฆ่าพวกเราจริง ๆ”

“พี่หลงผมไม่ได้ล้อเล่นอยู่นะ ผมถามจริง ๆ ว่าค่าหัวของผมมีมูลค่าเท่าไหร่?”

“ค่าหัวของฉันอยู่ที่ 10 ล้านแอลไลคอยน์, ของลุงอันเดร์ก็ 10 ล้านแอลไลคอยน์เหมือนกัน ส่วนค่าหัวของนายคือ 1 ล้านแอลไลคอยน์”

“ไอ้พวกสารเลว! คนพวกนี้มันกล้าตั้งค่าหัวฉันแค่ 1 ล้านได้ยังไง นี่มันจะดูถูกกันมากจนเกินไปแล้ว” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนสาปแช่ง

คำพูดของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้อู่หลงพูดไม่ออก เพราะตามปกติการมีค่าหัวสูงมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งหมายความว่าพวกเขามีอันตรายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้การที่เซี่ยเฟยมีค่าหัวน้อย ๆ มันก็สมควรเป็นเรื่องที่เขาจะต้องรู้สึกดีใจแล้ว

หลังจากที่เซี่ยเฟยวางสายจากอู่หลง อันเดร์ก็ได้โทรเข้ามาโดยชายชราได้พูดถึงเรื่องแก๊งอสรพิษดำเช่นเดียวกัน พวกเขาจึงได้นัดพบกันที่บ้านของอันเดร์ในตอนเย็นก่อนที่เซี่ยเฟยจะได้เดินทางออกมาจากโรงแรม

เดิมทีอันเดร์ได้จัดคนขับรถธรรมดาให้กับเซี่ยเฟยเพียงเท่านั้นแต่ในเช้าวันนี้คนขับถูกแทนที่ด้วยชาวอเมริกันและชาวแอฟริกันที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากเสื้อของพวกเขาที่นูนขึ้นมามันก็เห็นได้ชัดเลยว่าภายใต้เสื้อสูทพวกนั้นได้มีการติดตั้งอาวุธเอาไว้

นอกจากนี้รถลีมูซีนที่เซี่ยเฟยได้ใช้ในการเดินทางยังมีรถเก๋งติดตามมาด้วยอีกสองคัน โดยในรถแต่ละคันมีชายผู้มีร่างกายอันกำยำที่แต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดนั่งอยู่อีก 4 คน ไม่จำเป็นที่จะต้องคาดเดาเลยว่าอันเดร์คงจะได้ทำการจ้างบอดี้การ์ดเหล่านี้มาเพื่อคุ้มกันเซี่ยเฟยโดยเฉพาะ

สำนักงานใหญ่ของสำนักงานจัดการพลเมืองของสหพันธ์ได้ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำตามขั้นตอนการเช่าคอมพิวเตอร์ AI แล้วเขาก็คว้าหมวกเสมือนจริงก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในห้องเพียงแค่คนเดียว

“การเดินทางมาที่นี่ช่างลำบากจริง ๆ ดูเหมือนว่าฉันควรจะต้องซื้อคอมพิวเตอร์ AI มาใช้โดยเร็วที่สุดสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง

หมวกเสมือนจริงถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ธรรมดา เพราะทันทีที่เขาได้เปิดใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาว เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้ถูกส่งเข้าไปอยู่ภายในโลกเสมือนจริง ซึ่งสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาก็ดูสมจริงอย่างไม่น่าเชื่อและมันก็มีแม้แต่ตัวหนอนที่กำลังกระดื้บ ๆ อยู่บนใบไม้

เมื่อเซี่ยเฟยได้เข้าสู่เว็บไซต์กวีนิพนธ์เขาก็ได้เห็นอีเมลที่ถูกส่งมาจากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ดูแลระบบของเว็บไซต์แห่งนี้ก็ค่อนข้างที่จะมีหัวในด้านการทำธุรกิจเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่ได้กะฟาดผลกำไรจากเซี่ยเฟยเพียงฝ่ายเดียว

อีเมลจากผู้ดูแลระบบได้ระบุเอาไว้ว่าตราบใดที่เซี่ยเฟยไม่ทำการเผยแพร่บทกวีของเขาในเว็บไซต์อื่น ๆ เขาจะได้รับส่วนแบ่งจากการฝากขายบทกวีเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 80% นอกจากนี้พวกเขายังจะคืนค่าธรรมเนียมที่พวกเขาได้เรียกเก็บเอาไว้ในก่อนหน้านี้ให้อีกด้วย

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมทำการยอมรับเงื่อนไขในครั้งนี้อย่างรวดเร็วและในเวลาไม่กี่นาทีต่อมาค่าธรรมเนียมมูลค่า 7.6 ล้านสตาร์คอยน์ก็ได้ถูกส่งคืนไปยังบัญชีของเซี่ยเฟยจนทำให้ในตอนนี้เขามีเงินอยู่เกือบ 20 ล้านสตาร์คอยน์แล้ว

นอกเหนือจากข้อความจากผู้ดูแลระบบมันก็มีอีเมลสีชมพูที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอีเมลของแอวริลถึงมีสีชมพูพิเศษกว่าชาวบ้านเขาอยู่คนเดียว

อีเมลจากแอวริล: “คุณโกรธฉันอย่างนั้นหรอ? ทำไมคุณถึงส่งบทกวีแบบนั้นมาให้กับฉัน ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?

“ผู้หญิงคนนี้ช่างอ่อนต่อโลกซะจริง ๆ” เซี่ยเฟยส่ายหัวพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ส่งอีเมลตอบกลับไปว่า

“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะโกรธคุณหรือเปล่า แล้วมันก็ไม่สำคัญว่าคุณได้ทำอะไรผิดไปหรือไม่ ท้ายที่สุดพวกเราก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า บทกวีที่ฉันส่งให้คุณก็เป็นบทกวีที่น่าภาคภูมิใจจากสหายคนหนึ่งของฉัน มันก็เหมือนกับที่ฉันได้ให้ของขวัญกับคุณแต่คุณกลับกำลังวิพากษ์วิจารณ์ของขวัญจากฉัน เรื่องนี้มันจะสมเหตุสมผลได้ยังไงเพราะท้ายที่สุดฉันก็ไม่ได้เป็นหนี้อะไรคุณเลย”

หลังจากที่เซี่ยเฟยกดส่งข้อความเขาก็หยิบโน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋าซึ่งมันเป็นโน๊ตบุ๊กที่เขาได้ซื้อเอาไว้เมื่อวานนี้และภายในโน๊ตบุ๊กก็ได้บันทึกบทกวีเกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกเอาไว้

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มทำการอัปโหลดบทกวีแต่ละบทลงไปในเว็บไซต์กวีนิพนธ์อย่างอดทน

บทกวีไม่ใช่สิ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันและผู้ซื้อส่วนใหญ่ก็เข้ามาหลังจากที่พวกเขาได้รับชมรายการของเอ็นย่าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อบทกวีจึงเป็นเพียงแค่ลูกค้าขาจร เซี่ยเฟยจึงวางแผนที่จะตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อนพร้อมกับรีบกอบโกยผลกำไรกลับมาให้ได้มากที่สุด

ขณะเดียวกันบทกวีส่วนใหญ่ก็เป็นการรำลึกถึงใครคนหนึ่งหรืออธิบายความสวยงามของสถานที่บางแห่ง ซึ่งมันเป็นบทกวีที่ยากจะทำให้มนุษย์ต่างดาวเข้าใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ถูกสรรสร้างขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมบนโลกมนุษย์ มันจึงทำให้บทกวีเหล่านี้ถูกขายออกไปในปริมาณที่ต่ำมาก

ส่วนทางด้านของบทกวีที่ได้รับความนิยมจะเป็นบทกวีที่สื่อถึงการแสดงอารมณ์โดยเฉพาะ เพราะท้ายที่สุดแม้แต่มนุษย์ต่างดาวก็มีอารมณ์เช่นเดียวกัน พวกเขาจึงสามารถทำความเข้าใจบทกวีประเภทนี้ได้อย่างง่ายดาย

วิธีการป้อนข้อมูลของคอมพิวเตอร์ AI มาจากการใช้ความคิด ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยได้ทำการคิดอะไรบางอย่างมันก็จะมีคำที่เกี่ยวข้องได้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังทำการวิเคราะห์โดยอัตโนมัติว่าความคิดใดเป็นความคิดที่จะต้องป้อนข้อมูลลงไปและความคิดใดเป็นคลื่นความคิดที่เกิดขึ้นมาเพียงแค่ชั่วคราว มันจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถที่จะอัปโหลดบทกวีขึ้นเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว

ตลอดเวลาทั้งช่วงเช้าเซี่ยเฟยได้ทำการอัปโหลดบทกวีไปยังเว็บไซต์ทั้งสิ้นกว่า 1,300 บท ซึ่งหลังจากที่เขาได้พักทานอาหารกลางวันครู่หนึ่งแล้วเขาก็ได้กลับเข้าไปสู่ระบบอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวอีกครั้ง

“เอาล่ะได้เวลาชอปปิงแล้ว” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและเมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของเขาแล้วมันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า เขาไม่สนใจว่าเซี่ยเฟยจะล้มละลายจากการชอปปิงของเขาหรือเปล่า

“ไม่! ฉันต้องซื้อของอย่างอื่นก่อน!! ทันทีที่นายได้เข้าไปในตลาดวัตถุดิบผสมน้ำยา ฉันจะไม่เหลือเงินไปซื้อของอย่างอื่นเลย”

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ไม่สนใจการประท้วงของอันธ ก่อนที่เขาจะเลือกเข้าไปยังร้านคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างใหญ่

ทันใดนั้นพนักงานเสมือนก็ได้พาเซี่ยเฟยเข้าไปภายในร้านซึ่งมันก็มีสินค้าอยู่มากมายจนเกินไปจนทำให้เซี่ยเฟยตาลายเลยทีเดียว

“ฉันอยากจะซื้อคอมพิวเตอร์ AI” เซี่ยเฟยกล่าว

“นี่คือคอมพิวเตอร์ AI รุ่นล่าสุดทั้งหมด ไม่ทราบว่าคุณต้องการคอมพิวเตอร์ AI รูปแบบไหน”

พริบตาต่อมามันก็มีหน้าจอแสดงรายการของคอมพิวเตอร์ AI รุ่นต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมามากกว่า 1,000 ชนิด โดยคอมพิวเตอร์ AI แต่ละชนิดต่างก็มีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน

“เอ่อ… ฉันต้องการซื้อรุ่นที่มันอันเล็ก ๆ ที่สามารถนำพกติดตัวไปด้วยได้”

“ถ้าอย่างนั้นคุณลองดู 3 รุ่นนี้หน่อยเป็นยังไง?”

เมื่อพนักงานทำการโบกมือรายการคอมพิวเตอร์ทั้งหมดก็หายไปหลงเหลือไว้เพียงแค่คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเพียงแค่สามรายการ

ในบรรดาคอมพิวเตอร์ทั้งสามเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับกล่องบุหรี่ ส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดเป็นคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในรูปแบบของนาฬิกา

เมื่อได้เห็นนาฬิกาที่แสดงอยู่บนหน้าจอเซี่ยเฟยก็เผลอจับนาฬิกาบนข้อมือของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เขาได้สวมใส่นาฬิกาเรือนเก่าเรือนนี้มาเป็นเวลานานมากกว่า 7 ปีแล้วมันจึงทำให้มีร่องรอยการขีดข่วนอยู่บนตัวเรือนจำนวนมาก

“คอมพิวเตอร์ที่เป็นนาฬิกาเรือนนั้นทำอะไรได้บ้าง?”

“คุณช่างเป็นผู้ที่มีรสนิยมที่ดีจริง ๆ นาฬิกาเรือนนี้คือไมโครอิเล็กทรอนิกส์รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์และระบบสกีวโอมอร์ฟซึ่งมีจุดประมวลผลอยู่ทั้งสิ้น 128 จุด นอกจากนี้มันยังเป็นเครื่องบอกเวลาที่ดีที่มีอัตราความผิดพลาดอยู่น้อยกว่า 1/10,000 วินาทีและยังสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของสภาพอากาศบริเวณรอบ ๆ ได้อีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือมันมีเครื่องกระตุ้นหัวใจถูกติดตั้งเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นถ้าหากว่าผู้ใช้เป็นโรคหัวใจและเกิดอาการขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตัวเครื่องจะทำการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาเพื่อทำการกระตุ้นหัวใจโดยอัตโนมัติ…”

‘นี่มันยังเป็นคอมพิวเตอร์อยู่จริง ๆ ใช่ไหม ทำไมมันถึงมีฟังก์ชั่นมากมายขนาดนี้’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ฟังคำบรรยายจากพนักงานเสมือนจริง

“เอาล่ะถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นโรคหัวใจแต่ฉันก็ต้องการซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ ไม่ทราบว่ามันสามารถทำการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวได้ไหม”

“การเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวเป็นบริการแบบสมัครสมาชิกรายเดือน ซึ่งคุณจำเป็นที่จะต้องซื้อแยกจากคอมพิวเตอร์และคุณก็สามารถดูราคาการใช้บริการตามนี้ได้เลย”

เมื่อเซี่ยเฟยได้ดูราคาการให้บริการระบบอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวเขาก็ได้พบว่ามันเป็นระบบที่แบ่งระดับการให้บริการออกเป็นหลายระดับ

โดยบริการระดับ 1 จะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมกับอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวกับภูมิภาคดาวได้ ซึ่งค่าบริการของมันก็อยู่ที่ 10,000 สตาร์คอยน์

บริการระดับ 2 สามารถที่จะทำการเชื่อมต่อกับภูมิภาคดวงดาวบริเวณใกล้เคียงได้ 3 ภูมิภาค แต่ราคาค่าบริการของมันก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านสตาร์คอยน์

ส่วนบริการระดับ 3 เป็นบริการที่ไร้สาระมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันเป็นบริการที่สามารถทำการเชื่อมต่อกับภูมิภาคดวงดาวบริเวณใกล้เคียงได้ 6 ภูมิภาค แต่ราคาค่าบริการกลับเพิ่มขึ้นไปเป็น 10 ล้านสตาร์คอยน์!

เนื่องมาจากว่าการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับภูมิภาคดาวในบริเวณใกล้เคียงยังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงเลือกซื้อบริการเพียงแค่ระดับ 1 เท่านั้น

โดยสรุปคอมพิวเตอร์ AI รูปทรงนาฬิกาก็มีราคาอยู่ที่ 45,000 สตาร์คอยน์และเมื่อมันได้รวมกับค่าบริการอินเตอร์เน็ตระดับ 1 เซี่ยเฟยก็ได้ทำการซื้อพวกมันทั้งหมดมาในราคา 55,000 สตาร์คอยน์

หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ทำการชำระเงินและกำลังที่จะจากไป จู่ ๆ สายตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเขาได้เห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงหัวมุมของร้าน

“เอ๊ะ? นั่นมันอะไร?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

***************

เอ๊ะ!! นั่นมันอะไรน้าาา.. มารอดูกันซิว่าการชอปปิงรอบนี้จะล้มละลายกันอีกหรือเปล่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด