ตอนที่ 1333 ขอคำแนะนำจากผู้อาวุโส
บันไดสวรรค์ชั้นที่สิบ
โลกที่ว่างเปล่าซึ่งแต่เดิมแตกเป็นเสี่ยงๆและหายไปเป็นช่วงเวลานานและการแตกแยกในมิติอวกาศพังทลายลงอย่างต่อเนื่องจากการต่อสู้ป่าเถื่อนของยักษ์ใหญ่ระดับสูงหมื่นเมตรถึงสองตน หากไม่ใช่เพราะกฎสวรรค์โบราณรักษาโลกไว้ไม่ให้พังทลายอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าโลกทั้งใบจะถูกทำลายในการต่อสู้ที่บ้าคลั่งระหว่างทั้งสอง
ไม่มีผู้ชมไม่มีกรรมการผู้ตัดสินในการต่อสู้ประฝีมือของยักษ์ทั้งสองที่สู้กันอย่างไม่ยอมจบสิ้น
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา
แม้จะต่อสู้กันสามวันสามคืนก็คงไม่มีผลลัพธ์
ภายใต้ความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจภูเขาอาจกลายเป็นพื้นที่ราบในทันทีและมหาสมุทรอาจแห้งแล้งเป็นทะเลทรายในพริบตาท้องฟ้าที่สว่างและสดใสเเบบเดิมอาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆเมื่อใดก็ได้และถูกจัดเรียงใหม่อย่างไม่น่าเชื่อกลายเป็นอวนหรือแหชำรุดที่เต็มไปด้วยรู โชคดีที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกแห่งความว่างเปล่าบนชั้นที่สิบของบันไดสวรรค์ มิฉะนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถรอดพ้นจากหายนะสงครามแท้จริงนี้ได้ไม่ต้องพูดถึงเลือดเนื้อมนุษย์ ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับเทพที่สามารถปกครองอาณาจักรสวรรค์ได้หากเข้าไปแทรกแซง อาจอยู่ได้ไม่ถึงนาที
ไม่มีแรงอัดกระแทกจากการระเบิดทางอากาศไม่มีเสียงดังของภูเขาถล่มทลาย
เพราะ
แม้แต่เสียงก็ถูกพลังเทพกลืนหายไป
มีแต่ร่างเทพสีทองขนาดยักษ์ขนาดหมื่นเมตรสองตนเท่านั้นส่วนพื้นที่อื่นๆ ถูกทำลายหรืออาจรอถูกทำลาย
“บัดซบเจ้ามันช่างโหดอำมหิตจริงๆ!” มีร่างเทพสีทองที่มีเขาขนาดใหญ่บนศีรษะถูกกระแทกลงกับพื้นอีกครั้งโดยร่างเทพทองที่สูงมากกว่าห้าหรือหกร้อยเมตรกว่า จากพื้นร่างของเขากระแทกเข้าไปในหลุมขนาดใหญ่กว้างหลายร้อยกิโลเมตรและลึกสิบกิโลเมตร ร่างเขาอาบไปด้วยเลือดและตอนนี้เขาบอบช้ำไปทั่วร่าง ไม่เพียงแต่แค่นั้นยังมีบาดแผลที่น่ากลัวมากที่อกของเขา ดูเป็นรูโปร่งใสทะลุด้านหน้าและหลังและไม่รู้ว่าถูกหมัดใครทะลวง แม้จะมีระยะหลายหมื่นเมตรก็ตาม แต่ร่างเทพก็แทบจะทนไม่ได้
“เจ้าไม่สามารถไปไหนได้เมื่อครู่นี้เจ้าเพิ่งขโมยลูกท้อกับเจ้าวานร เจ้าหน้าด้านขนาดนี้ยังนับเป็นเทพอยู่อีกหรือ?” เทพที่ยืนอยู่ด้านตรงข้ามค่อนข้างลำบากเช่นกัน
“เฮอะ,ข้าใช้แต่ราชสีห์ให้ขโมยลูกท้อ!” ดูเหมือนเทพร่างทองที่มีเขายาวทำท่าเสียดายเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่ได้ขโมยอะไรไป
“กลับไปแดนสวรรค์บนซะ หอทงเทียนไม่มีอะไรให้เจ้าต้องดูแล!” เทพที่ดูเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โมโห
“ผู้ดูแลหอทงเทียนตอนนี้คือน้องของข้า ข้ามาเพราะความรัก เมื่อไปก็ต้องไปด้วยความรักส่วนเจ้าเป็นคนเก่าที่ตกยุคสมัยไปแล้ว เจ้าน่าจะนอนในโลงศพมานานแล้วแต่กลับตะเกียกตะกายออกมาก่อกวนโลกภายนอกรู้สึกละอายใจบ้างไหม? คนแก่ที่อยู่มานานหลายหมื่นปีอยู่ร่วมกับเด็กไม่ได้อย่าว่าแต่การกลั่นแกล้งกันแบบนี้เลย ต่อให้ผู้ถูกรังแกกลั่นแกล้งจะไม่ใช่น้องของข้าและข้าผ่านมาเห็นเข้าก็ยังทนไม่ได้! เมื่อข้าอยู่ในแดนสวรรค์ฉายาแรกของข้าคือมังกรปีศาจผู้พิทักษ์ความเป็นธรรมนั่นเอง” ร่างเทพสีทองที่มีเขายาวนั้นเป็นมังกรปีศาจนั่นเองเขาไม่รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยางหรือเปล่า แต่มังกรปีศาจถึงกับเอ่ยคำว่าอย่างว่าผู้พิทักษ์ความยุติธรรมแดนสวรรค์! คำพูดอย่างนี้ทำให้คนอื่นอึดอัดเมื่อได้ยิน
“....”ร่างเทพทองที่มีตาเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พูดไม่ออก สมญานามผู้พิทักษ์ความเป็นธรรมอันดับหนึ่งแดนสวรรค์ เขาฟังแล้วรู้สึกหน้าแดงละอายใจแทน
“ถ้าไม่ใช่เพราะข้ายังไม่ฟื้นฟูอยู่ในสภาพสูงสุดเจ้าคงกลายเป็นขยะเน่าตั้งแต่เนิ่นๆ ไปแล้ว! เจ้างี่เง่า!” ร่างเทพเขายาวไม่พอใจ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาเจ็บตัวอย่างหนัก
“เราจักรพรรดิยอมปล่อยเจ้าถ้าเจ้าต้องการสู้จริงๆ รับรองกระดูกเจ้าไม่เหลือแล้ว” ร่างเทพทองที่มีดวงตาเหมือนดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ยิ้มเยาะ
“เจ้ากล้าลงมือหรือ?”ร่างเทพเขายาวได้ยินก็ถลึงตา
“เจ้ามันค่อนข้างชอบเจ็บตัวอยู่แล้ว!” ร่างเทพสีทองที่ดวงตาเหมือนกับดวงสุริยันต์จันทราหมุนตัวดึงร่างยักษ์ของคู่ต่อสู้ขนาดหมื่นเมตรทันทีและทุ่มเหวี่ยงไปที่ตกลงบนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปพันกิโลเมตรภูเขากลายเป็นฝุ่นผุยผงทันที
เทพทองเขายาวโกรธจัดใช้เท้าทั้งสองยันพื้น
แผ่นดินระเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ
พุ่งออกไปอย่างรุนแรงยิ่งกว่าดาวตก
ร่างใหญ่โตของเขาพุ่งกลับไปอยู่หน้าร่างเทพที่มีดวงตาเหมือนดวงสุริยันต์จันทราและคราวนี้ไม่มีทางที่จะถูกเหวี่ยงออกไปอีกเขาคว้าข้อมือใหญ่โตของคู่สู้ไว้ได้และเตะใส่อกยักษ์ทองตาดวงอาทิตย์และพระจันทร์ในตำแหน่งหัวใจ
เมื่อท่าต่อสู้นี้ได้ผลเทพทองเขายาวจับแขนเทบทองอีกคนหนึ่งบิดและตั้งใจใช้วิธีจับคอบิดเพื่อพิชิตคู่ต่อสู้
ยักษ์ทองอีกตนหนึ่งคำรามเสียงลั่นยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า
พลังเทพของเขาระเบิดออกอย่างรุนแรง ศัตรูที่ล็อคคออยู่ข้างหลังเขาถูกยกดึงมาอยู่ด้านหน้าและเขากดหน้าผากศัตรูไว้เตรียมใช้พลังอัดกระแทกใส่หน้าศัตรูไม่ให้จดจำได้ เทพทองเขายาวถูกทุบอยู่ด้านล่างเขาไม่ยอมแพ้ใช้มือบีบคอเขาพร้อมทั้งกระแทกเข่าเข้าระหว่างขาของเขา
เขายังมีลูกเล่นอีกเยอะ
ทันใดนั้น
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พวกท่านทั้งสองกำลังปรับพื้นดินหรือ?” ท้องฟ้าและโลกที่มืดมิดสว่างขึ้นอีกครั้งนี่ทำให้เจตจำนงทั่วไปของเทพทองทั้งสองและพลังกฎสวรรค์ที่ท่วมเข้ามาในมิติว่างได้รับผลกระทบทันใดนั้นมีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง
เทพทองทั้งสองที่กำลังต่อสู้ตกตะลึงและอดมองขึ้นไปบนฟ้าไม่ได้
ร่างเทพทองทั้งสองสูงถึงหมื่นเมตรคิดว่ารัศมีที่เจิดจ้าและเจตจำนงของร่างพวกเขาสามารถครอบงำทุกอย่างในโลกได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาค้นพบว่ายังมีคนแปลกประหลาดที่ไม่เหมือนใครในโลกนี้รัศมีบนร่างกายเป็นเหมือนแก้วผลึกแม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เกินขอบเขตของร่างกายมากเกินไปมีการควบแน่นแสงและรูปร่างเหมือนกับดวงดาวสว่างไสวยามเช้าที่ยังเปล่งแสงออกมาได้ รัศมีเทพอันยอดเยี่ยมแพรวพราวในท้องฟ้าและภาคพื้นพร้อมกับแสงเจิดจ้าที่สามารถขับแสงจันทร์แสงอาทิตย์ในท้องฟ้าจนพวกเขาแทบจะรับไม่ทัน
ในโลกนี้ไม่มีอะไรสามารถปกปิดพลังเทพของมันได้
ไม่มีสิ่งใดสามารถกดดันประกายเทพโดยกำเนิดได้
สิ่งที่ทำให้ร่างเทพทองทั้งสองประหลาดใจมากที่สุดก็คือเทพที่แปลกประหลาดนี้เป็นสตรี
“เจ้าคือ อะแฮ่ม..เจ้าคนที่น้องชายข้าเรียกว่าจื้อจุนชาวมนุษย์ใช่ไหม?” เทพทองเขายาวรีบพลิกตัวอย่างรวดเร็วผลักคู่ต่อสู้ออกห่างจากตัวและพยายามแสดงท่าทีที่สง่างาม “ข้า อ่า.. เย่ว์หยางน้อยคงบอกเจ้าไปแล้วข้าคือมังกรปีศาจ เป็นพี่ใหญ่ของเขา!”
“ท่านเป็นพี่ใหญ่ของเขาจริงๆหรือ?” จื้อจุนสงสัยลึกๆ ในเรื่องนี้
“แน่นอนถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ไม่มีใครให้เชื่อใจอีกแล้ว!” มังกรปีศาจตบอกแสดงความมั่นใจ
“.....” คราวนี้แม้แต่จื้อจุนยังพูดไม่ออก คนที่คุ้นเคยกับเย่ว์หยางจะปล่อยให้เขาทำเรื่องแย่ๆ หรือไม่? เจ้าผู้นี้อยู่เกือบแสนปียังไม่เปลี่ยนนิสัยอีกหรือ?เทพทองที่มีดวงตาเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์รู้สึกปวดหัว หากไม่ใช่เพราะการต่อสู้ในช่วงหลายวันหลายคืนมานี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อว่าบุรุษตัวร้ายที่อยู่ด้านตรงข้ามก็คือมังกรปีศาจผู้ร้ายกาจจากแดนสวรรค์
“วางใจได้ข้าเป็นพี่ใหญ่ ข้าจะปกป้องเจ้าด้วย ที่นี่ข้าไม่ต้องให้เจ้าช่วยเหลือข้าสามารถจัดการจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อได้” มังกรปีศาจตบอกและใช้มือปิดรูขนาดใหญ่ที่หน้าอกโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ท่านคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อหรือ?” จื้อจุนไม่ได้มองมังกรปีศาจที่เหมือนไก่ที่ตายแล้วแต่กลับหันไปมองร่างทองที่ดวงตาเหมือนดวงตะวันจันทรา
“มันไม่ดีนักหรอกที่เรียกกันว่าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ เป็นเรื่องน่าหดหู่ที่ต้องถูกจองจำและมีคนมารบกวนทุกๆ หนึ่งพันปีหรือหลายร้อยปีถ้าเปลี่ยนได้ข้าอยากจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อขยะไร้ประโยชน์!” ยักษ์ทองที่ตาเหมือนดวงตะวันจันทรามองจื้อจุนและส่ายหน้า “เจ้าเป็นผู้เยาว์ข้าไม่สู้กับเจ้า!”
“นี่คือการยอมแพ้ใช่ไหม?” คำพูดของจื้อจุนเหมือนกับฆ่าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อขณะที่มังกรปีศาจชูนิ้วโป้งขนาดหลายร้อยเมตรให้ทันที
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งชาวมนุษย์ของหอทงเทียนยุคใหม่แต่ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับภายใต้สวรรค์หรือไม่” จักรพรรดิจิ๋วซื่อเห็นแก่ผู้เยาว์ดังนั้นเขาไม่สนใจต่อสู้กันเองหากเปลี่ยนเป็นคนแดนสวรรค์ หรือแดนสวรรค์บนพูดอย่างนี้คาดว่าคงถูกกำปั้นใหญ่ทุบแน่นอน
“ไม่ว่าท่านเป็นใครก็ตามข้าต้องเป็นอันดับหนึ่งให้ได้ อย่าว่าแต่ท่านเลยแม้กระทั่งเย่ว์หยางก็เหมือนกัน” จื้อจุนตวาดด้วยความหยิ่งภูมิใจ “หอทงเทียนมียอดฝีมืออันดับหนึ่งคนเดียว นั่นคือข้า!”
“ถ้ามีบางคนไม่เห็นด้วยเล่า?” มังกรปีศาจเติมเชื้อไฟ
“อย่างนั้นก็ต้องสู้กันจนกว่าจะยอมรับ” จื้อจุนทำอย่างนี้มาตลอด นางตรงไปตรงมา
“อืม..ข้าชื่นชมเจ้าในฐานะคนที่บุคลิกเข้มแข็งมากที่สุด” มังกรปีศาจแทบอดไม่ได้ที่จะหยิบสมุดออกมาขอลายเซ็นต์ เขาปรบมือชื่นชม“ตอนนี้มีอย่างน้อยสองคนในหอทงเทียนที่ควรค่าแก่การให้ข้ามังกรปีศาจชื่นชมคนหนึ่งคือคุณหนูเฟ่ยเหวินหลี ข้ามังกรปีศาจหยิ่งผยองขนาดไหนก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะถล่มแดนสวรรค์ให้ราบคาบแต่นางกล้าจะทำเช่นนั้นทำให้ข้าอดชื่นชมนางไม่ได้ ตอนนี้ข้าเพิ่มชื่อเจ้าน้องสาว ข้าชื่นชมเจ้าเพราะเจ้าคือมนุษย์สตรีที่พิชิตจักรพรรดิไร้เทียมทานปีศาจเฒ่าได้สำเร็จ หอทงเทียนต้องการคนรุ่นหลังอย่างเจ้า”
“มนุษย์ผู้หญิง?” จื้อจุนคิดว่ามังกรปีศาจทำให้เย่ว์หยางเสียนิสัย ใช้คำพูดที่น่าเบื่องาช้างไม่มีวันงอกจากปากสุนัขได้จริงๆ
“จักรพรรดิไร้เทียมทานเป็นแค่ศิลาให้เหยียบก้าวผ่านรีบตบหน้าเขาเร็วๆ ไม่ต้องเกรงใจข้าผู้อาวุโส จัดการได้เลย!” เมื่อมังกรปีศาจเห็นว่าสีหน้าของจื้อจุนผิดปกติ เขารีบเปลี่ยนเรื่องในบรรดาคนที่เขาถือเป็นพี่น้อง เขาคิดว่านางดูเคร่งเครียดจริงจังที่สุดแต่พูดไปแบบนั้นคงไม่ดีแน่ นางไม่ใจดีเหมือนสาวน้อยอี้หนานและสาวมังกรไร้เขา ในฐานะบุคคลร้ายกาจอันดับหนึ่งของแดนสวรรค์เขาได้แต่ล้อเล่นอย่างระมัดระวัง
“ผู้อาวุโสขอนับถือท่านในฐานะผู้อาวุโส ถ้าท่านยอมรับความพ่ายแพ้ทันทีเลิกรุกรานโลกและกลับไปจำศีลในเจดีย์ดำอย่างนั้นข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” จื้อจุนยื่นเงื่อนไขให้จักรพรรดิไร้เทียมทาน แต่คำพูดของนางไม่อ้อมค้อมตรงไปตรงมา
“ถ้าข้ายอมรับความพ่ายแพ้น่ะหรือ?” จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมีความหยิ่งมากพอ ต้องบอกว่ามีผู้เยาว์รุ่นหลังมาขอร้องวิงวอนขอให้กลับไปจำศีลในเจดีย์ดำอย่างนั้นก็ยังนับว่าดี
ยอมรับความพ่ายแพ้หรือ?
นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิไร้เทียมทานยอมรับหรือ?
สวรรค์เบื้องบนและโลกเบื้องล่างใครกล้าพูดคำนี้? เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ก็ยังไม่กล้าพูดด้วยตนเอง!
จื้อจุนดูเคร่งขรึมและค่อยๆปล่อยพลังเทพออกมา ครู่หนึ่งทุกอย่างถูกปลดปล่อยออกมาด้วยสำนึกเทพของนาง “ถ้าอย่างนั้น ขอผู้อาวุโสโปรดประทานการสั่งสอน!”
มารยาทของนางแน่วแน่มั่นคงไม่เพียงแต่จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแม้แต่มังกรปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ก็ยังตกใจ “เอาจริงหรือ? บุรุษคนนี้คือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อนะ! ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่พูดตามตรงบุรุษผู้นี้หนังหนาเจ้าจะสู้จริงๆ หรือ?”