ตอนที่ 1330 ภูเขากวงหมิง
ภาพของเย่ว์หยางปรากฏในท้องฟ้าไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่อาจละเว้นปกปิดได้
สู้บินและเดินผ่านวงกตมิติเวลา
ใช้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามตงฟางที่อยู่ใต้ต้นไม้โบราณขมวดคิ้วมากขึ้น
ชายชราที่ดูเกมหมากรุกด้วยแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นตงฟางมีสีหน้ารำคาญหงุดหงิดขนาดนี้ ต้องรู้ว่าตงฟางนั้นเป็นผู้มีสติปัญญาอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แทบจะเป็นเรื่องปกติที่สุดในการคำนวณจัดการคนและทำกับคนอื่นเหมือนอยู่ในเงื้อมมือ เขายังมองทะลุคนอื่นไม่ได้อีกหรือ? ชายชราที่เล่นหมากรุกด้วยวางหมากลงและถามพร้อมกับยิ้ม “เจ้าคิดว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเย่ว์ไตตันผู้นี้หรือไม่? ข้าไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ เลย!”
“เพราะอย่างนี้ข้าถึงรู้สึกว่าผิดปกติ” ยิ่งตงฟางคิดมากเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากขึ้น
“แม้ว่าเขาจะร้ายกาจแม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่ไม่ธรรมดาแม้ว่าเขาจะเป็นคนโชคดีอันดับหนึ่งระหว่างโลกและสวรรค์ แล้วยังไงเล่า? ที่นี่คือวงกตมิติเวลาที่สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ซิวคงซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยเทียนอี้ผสานกับทักษะโลกกระดานหมากรุกของเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้การแทรกแซงจากข้าข้าไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีคนที่ออกมาข้างนอกได้ เว้นแต่จะเป็นเทพโบราณออกมา มิฉะนั้นความจริงทั้งหมดอาจจะกลายเป็นความลึกลับอย่างนิรันดร์” เฒ่าหมากรุกอีกคนใจเย็นมาก
“แม้ว่าพูดอย่างนี้ก็ถูก...”แต่ตงฟางยังคงสงสัย แต่เขารู้สึกว่ามักมีบางเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เสมอ
“เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเป็นนักเล่นหมากรุกที่ยืนดูหมากอยู่ด้านนอกเสมอก็เลยสับสนกับตัวหมาก?” ชายชราหัวเราะลั่น
“ไม่ไม่ดีเลย!” ชายชราที่กำลังเล่นหมากรุกบังเอิญพูดสร้างแรงบันดาลใจให้ตงฟางโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีตงฟางตะลึงและจ้องมองภาพคุณชายสามตระกูลเย่ว์ในท้องฟ้า มือของเขาไม่หยุดสั่น “แย่แล้วร้ายกาจ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ร้ายกาจนัก!”
“มีอะไรผิดปกติ”ชายชราที่นั่งเล่นหมากรุกอย่างสงบเห็นสีหน้าตกใจของตงฟาง
“เย่ว์ไตตันออกจากโลกกระดานหมากรุกของข้าได้แล้วไม่, เขาหนีออกไปจากโลกวงกตมิติเวลาที่ท่านซิวคงสร้างได้สำเร็จภาพเย่ว์ไตตันที่เราเห็นไม่ใช่ตัวจริงแม้แต่น้อย แต่เป็นแค่เงาปีศาจ! ข้ารู้สึกแปลกๆมาโดยตลอดว่าเย่ว์ไตตันทำไมถึงทำตัวไม่สำคัญทำไมเขาไม่ดำเนินการใดๆความจริงเขาลงมือไปแล้ว ตั้งแต่สร้างอักขระรูนประตูสวรรค์ เขาออกไปจากวงกตมิติเวลาเขาออกไปจากสายตาของเราเขาทิ้งไว้แต่เงาปีศาจที่ร่างเหมือนกับเขาสร้างความสับสนให้สายตาของเราแต่ความจริงกลับหนีออกไปได้!” ตงฟางโกรธจัดทุบหมากรุกในมือลงพื้น
เขาคิดว่าฝ่ายตรงข้ามยังอยู่ในเกมของเขาในตอนนี้
ใครๆก็ไม่ต้องการ
คู่ต่อสู้ที่เขาเองคิดว่าแพ้มาตลอดกลับหนีออกไปได้โดยไม่ได้ตั้งใจและเขาก็ไม่รู้ตัว
ชายชราตะลึงงันกับภาพเย่ว์หยางเขายกมือขวาชี้ไปบนท้องฟ้า “นี่ตัวปลอมหรือ? แต่มันดูเหมือนจริงมาก เหมือนกับเย่ว์ไตตันดั้งเดิมไม่มีทางจะเป็นเท็จได้เลย! ยิ่งไปกว่านั้นเย่ว์ไตตันจะหลบหนีออกไปจากวงกตมิติเวลาได้หรือ?นั่นเป็นไปไม่ได้!”
ตงฟางสูดหายใจลึกและพยายามข่มอารมณ์ให้สงบ
เสียงของเขาเย็นชายิ่งกว่าหิมะน้ำแข็ง “นี่คือร่างปลอม เย่ว์ไตตันผู้นี้เป็นเงาของเย่ว์ไตตันจริงเช่นเดียวกับเย่ว์ไตตันจริงแต่เขาปลอมเป็นเงาปีศาจ ข้าเชื่อว่านี่เป็นทักษะแฝงเร้นบางอย่างของเย่ว์ไตตัน ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วว่าทำไมประสิทธิภาพของเย่ว์ไตตันก่อนหน้านี้ถึงได้ต่ำมาก? ไม่เพียงแต่การแสดงของเขาในวงกตมิติเวลาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการต่อสู้ครั้งก่อนด้วย ความสามารถของเขาสามารถบดขยี้ศัตรูได้เด็ดขาด แต่เขาไม่ทำ... ปรากฏว่าเขาจงใจใช้สิ่งนี้ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ลึกๆเพราะเขาทิ้งเงาปีศาจที่ไม่สามารถแทนที่ตนเองได้อย่างสมบูรณ์เพื่อทำให้เราสับสนว่าคนผู้นี้มีความพร้อมก่อนการต่อสู้หรือไม่?เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดหวั่นมาก! คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ตอนนี้เจ้าคงท้าทายเจ้าตำหนักสูงสุดถึงภูเขากวงหมิงแล้วกระมัง?”
ชายชราตกใจ “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไปภูเขากวงหมิงหรือ?”
ตงฟางพยักหน้าและกล่าวยืนยัน“เขาไม่ได้หนีออกไปจากวงกตมิติเวลาอย่างสิ้นเชิงตรงกันข้ามเขากลับใช้ทางลัดของวงกตมิติเวลาเดินทางไปยังภูเขากวงหมิง”
คำพูดฟันธงนี้ทำให้ชายชราพูดไม่ออกเป็นเวลานานเขาถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเย่ว์ไตตันจะมีทักษะแฝงเร้นที่ไม่ด้อยไปกว่าข้าเลย แม้ว่าข้าสามารถแบ่งภาคได้ถึงสิบล้านแต่ที่สำคัญ มันคือร่างอวตารไม่สามารถซ่อนตัวจากเทพได้ แต่แท้ที่จริงแล้วเย่ว์ไตตันผู้นี้กลับทำให้สายตาของเราสับสนกับเงาได้ บางครั้งข้าไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็ไม่มีทาง เราแก่แล้วจริงๆ..”
ภูเขากวงหมิง
เป็นที่รู้จักกันในแดนสวรรค์ว่าที่คือภูเขาแห่งเทพ
ที่นี่เป็นสถานที่แสวงบุญของเหล่านักรบแดนสวรรค์มาโดยตลอด มีการสร้างตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อปกครองแดนสวรรค์ไว้ที่ข้างบน
สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือแม้แต่นางพญาผู้พิชิตผู้มีชื่อเสียงก็ยังไม่สามารถพิชิตภูเขากวงหมิงได้ ที่นี่ไม่ใช่ภูเขาธรรมดานี่คือภูเขาโลกที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกปกติ ในแง่ของพื้นที่คาดว่าใหญ่กว่าหอทงเทียนสิบชั้นหลายร้อยเท่า
หากเทียบกับทวีปมังกรทะยานแล้วจะคล้ายกับหินก้อนเล็กที่เชิงเขา
ถ้าบันไดสวรรค์คือโลกแห่งพฤกษาภูเขากวงหมิงก็คือ โลกแห่งบรรพต
โลกทั้งใบที่มีแต่ภูเขา
ด้านล่างสุดของภูเขาว่ากันว่าเป็นดินแดนนรกมืดมิด ผู้คุมกฎแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ถานไถถูเมี่ยดูแลจัดการคุกมืดฉางเฮิ่นและใช้จัดการนักโทษในพื้นที่ด้านล่างของภูเขากวงหมิง เป็นโลกมืดที่ถูกปราบปรามโดยภูเขากวงหมิงไม่มีวันจะพลิกฟื้นกลับคืนได้เช่นเดียวกับนักรบวิบัติที่ถูกเนรเทศ เพียงแต่นักรบที่นี่จะเป็นอาชญากรทาสที่ความเป็นความตายของพวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป
พื้นที่ชั้นล่างของภูเขากวงหมิงยังอยู่ในแดนสวรรค์
การแสวงบุญของนักรบแดนสวรรค์ส่วนใหญ่นักรบจะรวมตัวกันที่เชิงเขากวงหมิงที่ประตูทางเข้าของตำหนักกลางมีจางเว่ยเป็นหัวหน้านายทวารบาลรักษาการณ์อยู่
พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ตั้งของตำหนักลมแสง มืดและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของตำหนักกลางแดนสวรรค์ ส่วนด้านบนอยู่ในแดนสวรรค์บนและเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
“ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน มีลักษณะอย่างนี้เองหรือนี่?
เชิงเขากวงหมิงเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางสู่สวรรค์จู่ๆ มีอาคันตุกะไม่คาดคิดมาถึงหน้าประตูตำหนัก
แตกต่างจากผู้แสวงบุญเดินดิน เด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีใบหน้าผ่องใสแต่กลับมีรังสีฆ่าฟันไม่สิ้นสุดที่มิอาจปกปิดไว้ได้
ในมือของเขาถือหน้ากากเจมินี่ที่มีพลังวิเศษสุดยอดขนาดเขายังไม่ได้สวมก็ทำให้โลกโดยรอบหลายพันเมตรกลายเป็นสีดำและขาวซึ่งขับเคลื่อนโดยพลังเจตจำนงของบุรุษหนุ่ม โลกที่มีเพียงสีดำและขาวในช่วงหนึ่งกิโลเมตรไม่อาจแก้ไขได้ตรงกันข้ามพวกมันสลับกันไปมาอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับปลาขาวดำหมุนวนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
พื้นที่ห่างออกไปอีกหนึ่งกิโลเมตรเป็นพื้นที่ทางช้างเผือกส่องประกายระยิบระยับ
ดวงดาวเหล่านี้เกิดขึ้นดวงแล้วดวงเล่า
โผล่ออกมาทีละดวง
จนกระทั่งในท้องฟ้า
นักรบและผู้บัญชาการในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนกรูกันออกมาราวกับกระแสน้ำรายล้อมเด็กหนุ่มผู้ลึกลับผู้นี้แต่ระยะไกลแต่ที่น่าตกใจก็คือจางเว่ย นายทวารบาลอันดับหนึ่งไม่อยู่ในกลุ่มนี้ก็เหมือนกับมังกรไร้หัว ไม่มีใครกล้าโจมตีโดยง่ายดาย
“เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเราผู้เป็นเทพจริงๆ! เด็กหนุ่มจากหอทงเทียนเก่งขนาดนี้เชียวหรือ?” แสงสีทองพุ่งลงมาจากด้านบนของท้องฟ้าอยู่ต่อหน้านักรบตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่รู้สึกนัยน์ตาลายก่อนจะหายมึนงงพวกเขาพบว่ามีชายชราพร้อมทั้งไม้เท้าอยู่ในพื้นที่แล้วหนวดเคราและผมของเขาสีขาวใบหน้าดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาแต่ที่หน้าผากมีสัญลักษณ์ระดับเทพที่ด้านหลังมีวงจักรที่ส่องแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
“ท่านคือ?” เย่ว์หยางค่อยๆ สวมหน้ากากเจมินีเขาไม่รู้จักไม่มีข้อมูลของชายชราข้างหน้า
“เราผู้เทพเป็นเพียงนักโทษข้ามกาลเวลาข้าลืมชื่อตัวเองมานานหลายปีแล้ว” ชายชราพยายามนึกอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาจึงนึกถึงชื่อว่า ‘จางเฮิ่น’ ได้ในที่สุด
“จางเว่ยเป็นอะไรกับท่าน?” เย่ว์หยางเคยได้ยินแต่ชื่อจางเว่ยเทพทวารบาลอันดับหนึ่งแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
“อาจเป็นเหลนรุ่นที่19 หรือ 18 มันนานเหลือเกิน เราผู้เป็นเทพลืมไปหมดแล้ว”ความทรงจำของชายชราชื่อจางเฮิ่นดูเหมือนไม่ค่อยดี
“ในเมื่อท่านเป็นผู้อาวุโสของจางเว่ย อย่างนั้นหลายๆ อย่างก็ง่ายขึ้นมาก” เย่ว์หยางแนบมือชื่นชม “จางเว่ยเหลนรุ่นที่สิบเก้าของท่านเป็นหนี้ของวิเศษข้าสองสามชิ้น ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสแม้ว่าท่านไม่สามารถชดใช้ได้ทั้งหมด แต่ก็สมควรจ่ายดอกเบี้ยแทนเขาสักเล็กน้อยได้ไหม?”
“ดอกเบี้ย?”ผู้เฒ่าจางเฮิ่นไม่เคยได้ยินว่าการหยิบยืมของวิเศษต้องคิดดอกเบี้ยด้วย
“ข้าเป็นคนอย่างที่ใครๆก็รู้ว่าซื่อสัตย์ จริงใจ ปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยคุณธรรมสูงส่งมากล้นน้ำใจ สาวๆหลายคนยังบอกว่าถ้าหาคนรัก ต้องหาให้ได้คนอย่างข้า คนดีไม่มีใครเทียบอย่างข้าเห็นแก่เงินช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขถือเสียว่าเงินก็ไม่ต่างอะไรกับมูลสัตว์ จะทำเรื่องน่าอายแบบนั้นได้อย่างไรดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นสองเท่าทุกวันใช่ไหม? ยืมไปเก้า คืนให้สิบสามข้ามีน้ำใจสหายให้เสมอ! เหลนรุ่นสิบเก้าของท่านจางเว่ยยืมสมบัติข้าไปเก้าชิ้นเมื่อวานนี้ท่านต้องใช้คืนสิบสามในวันนี้!” เย่ว์หยางยังคงยิ้ม
“สมกับเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์จริงๆ” จางเฮิ่นชื่นชมจนเขาแทบอยากจะเขียนป้ายไร้ยางอายมอบให้เย่ว์หยางไว้เป็นที่ระลึก
“แน่นอนความจริงบรรพบุรุษของเหลนรุ่นที่สิบเก้าอย่างจางเว่ย ก็รักเงินแม้ตายก็ไม่ใช้หนี้เหมือนกัน” เย่ว์หยางปรบมือหัวเราะ
“ตงฟางทำอะไรเจ้าไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะบุกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างป่าเถื่อนได้”ผู้เฒ่าจางเฮิ่นแนะนำเย่ว์หยางให้ดูสถานที่
“พูดได้ดีจักรพรรดิอวี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เจ้าบุกหอทงเทียนผลักดันย่ำยีพวกเขาผลักแม่เฒ่าจมทะเลเพื่อความปลอดภัยของตนเองพวกเจ้าทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ” ถ้าเย่ว์หยางกลายเป็นผู้พิพากษาเชื่อได้ว่าโลกนี้จะไม่มีการพิจารณาคดีผิดๆรั่วไหลกลายเป็นเรื่องอยุติธรรมทั้งหมด เมื่อได้ยินเย่ว์หยางกล่าวหาเช่น จางเฮิ่นเชิดหน้าแค่นเสียงเรื่องไม่ดีบางอย่างในอดีตนั้นเขาก็ทำมาจริงๆ
“ภายใต้เขากวงหมิงที่ยิ่งใหญ่กฎสวรรค์โบราณนั้นสำคัญมากเพียงไหน?เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมถึงบังอาจมาท้าทายตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของข้า? อย่าว่าแต่เจ้าต่อให้นางพญาผู้พิชิตที่มีชื่อเสียงตั้งใจกวาดล้างแดนสวรรค์ก็ยังไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามาในภูเขานี้” ผู้เฒ่าจางเฮิ่นแค่นเสียง
“ข้าน่ะหรือไม่กล้าเหยียบย่างเข้าภูเขา?น่าขันยิ่งนัก!” ด้านหลังเย่ว์หยาง ปรากฏนางพญาเฟ่ยเหวินหลียืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางผู้อยู่ในเหตุการณ์ทันที