ตอนที่ 1329 ผนึกดับสุริยาและจันทรานิรันดร
อาจไม่ใช่เวลาหนึ่งวินาทีอาจผ่านไปเป็นพันปี
ราวกับว่าประตูสวรรค์ไม่เคยถูกทำลายมาก่อนถึงถูกทำลายแล้วก็เกิดใหม่ได้อีกครั้งและโลกทั้งใบก็เหมือนกับยักษ์ที่หลับใหลและตื่นขึ้นมาเมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น ท้องฟ้าและพื้นโลกจะกลับคืนสู่สภาพเดิมทันทีวงกตมิติเวลาไม่ใช่จะทำลายกันง่ายๆแม้ว่าเสวี่ยอู๋เสียจะใช้ภูมิปัญญาและพลังเหนือธรรมดาของนางเพื่อทำลายและมันก็หายไปจนมองไม่เห็น แต่สิ่งนี้พอหายไปในพริบตาแต่ก็ได้รับการฟื้นฟูและยิ่งกว่านั้นยังคงอยู่เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการ
“โลกทั้งใบถูกทำลายยังจะกลับคืนมาได้อีกหรือ? วงกตแห่งนี้น่าสนใจมาก!” สตรีสองคนไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างประตูสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไหร่และสตรีคนหนึ่งปรบมือหัวเราะ
“ไม่มีประตูแดนสวรรค์อย่างแน่นอน”จื้อจุนยังคงนิ่ง
คนหนึ่งคืออดีตเทพธิดาประกายจันทราอสูรพิทักษ์แต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าแม่จันทราในปัจจุบัน แตกต่างจากเย่ว์หยางที่คิดอย่างหนักเพื่อหาคำตอบไม่เหมือนกับเสวี่ยอู๋เสียที่พลิกคัมภีร์แห่งสัจจะเพื่อทำลายต่างจากจื้อจุนที่ใช้วิธีการรุนแรงทำลายโดยตรง
จุดดับสุริยาปรากฏรอบๆตัวนาง จุดเหล่านั้นทยอยกันเกิดขึ้นสิบแปดจุด ค่อยๆจัดเรียงกันตามสำนึกเทพลึกลับและน่าทึ่งมันขยายตัวอย่างรวดเร็วและถูกบีบอัดด้วยเจตจำนงของจื้อจุนในทันที
ทำซ้ำแบบนี้ถึงสิบครั้ง
ทั้งโลกไม่ว่าหินทราย อากาศหรือแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหลบพ้นแรงดึงดูดของสำนึกเทพนี้
มีพลังมากกว่าหลุมดำที่น่ากลัวมืดมิดยิ่งกว่าอวกาศที่แตกทำลาย ทรงพลังกลืนกินทุกอย่าง
จื้อจุนค่อยๆเหยียดแขนและใช้นิ้วเรียวยาวกรีดวาดเบาๆ
เป็นวงกลมงดงาม
เหมือนกับมีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นโอบกอดประตูสวรรค์จากนั้นก็ขยายขนาดใหญ่ด้วยความเร็วเกินกว่าที่ประตูสวรรค์ทั่วไปจะแผ่ขยายคลุมได้เพราะมือที่มองไม่เห็นนี้ ‘โลก’มีขนาดเล็กลงในทันใด บางทีนี่คือผนึกเทพอมตะก็ได้ โลกทั้งใบถูกห่อหุ้มไว้อย่างสมบูรณ์ ประตูสวรรค์ถูกบีบอัดให้เล็กลงมากกว่าลูกหินอ่อน ภายใต้ผลกระทบคู่ของพลังเทพและเจตจำนงราชันย์โลกจมอยู่ในใต้น้ำอย่างช้าๆ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของจุดดับสุริยาในสิบแปดจุด
“สำเร็จ! เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!” เจ้าแม่จันทราซึ่งทั้งรูปลักษณ์และความมีเสน่ห์แทบแยกไม่ออกจากจื้อจุนปรบมือชื่นชม
“เฮอะ”จื้อจุนชำเลืองมองนางอย่างเย็นชา
“ข้าคิดว่าเย่ว์หยางน้อยน่าสงสารมากอย่าโกรธอีกเลยนะ!” เจ้าแม่จันทราประจบอย่างฉลาด นางตีไหล่จื้อจุนเบาๆ เหมือนน้องสาวน้อยผู้น่ารักด้วยจริตของเทพธิดา“ผู้อื่นตกเป็นของเขาโดยไม่ระมัดระวัง”
“เจ้าจงใจทำแน่นอนอย่านึกว่าข้าไม่รู้” จื้อจุนโมโหมาก
“แต่มันช่วยไม่ได้ ก็มันรู้สึกดีจริงๆ” เจ้าแม่จันทราอธิบายอย่างอ่อนอกอ่อนใจแต่เมื่อจื้อจุนถลึงตามองนางตกใจทันที
ประตูโลกปรากฏอีกครั้ง ทุกคนฟื้นฟูเหมือนเดิมอีกครั้ง
จื้อจุนโบกมือเบาๆ
ใช้พลังผนึกเป็นครั้งที่สอง
พอเริ่มทำอย่างนี้
หลังจากจุดดับสุริยาจุดที่เก้าบรรจุโลกไว้ในภายใจผนึกประตูของโลกและสวรรค์ไม่ฟื้นตัวอีกต่อไป และประตูโลกไม่ปรากฏอีกต่อไป ยกเว้นประตูแปลกประหลาดที่เย่ว์หยางทิ้งไว้เป็นสิ่งดำรงคงอยู่นิรันดรพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นความว่างเปล่าสิ้นเชิงไม่มีอะไรอยู่ โลกและสวรรค์สูญสิ้น
“วงกตถูกทำลายแล้วหรือนี่ชักไม่สนุกแล้ว!” เจ้าแม่จันทราดูเหมือนทำของเล่นหายไป
“นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ตอนนี้เราผู้เป็นเทพขอประกาศเพราะเทพธิดาผู้ชอบทำตัวแกล้งโง่ชอบทำตัวท้าทายผู้บังคับบัญชาด้วยรูปลักษณ์หน้าตาของข้าผู้เป็นเทพหลอกล่อผู้เยาว์ผู้กล้าหาญทำให้ทำเรื่องวุ่นวาย.. นี่คือโทษที่จะต้องได้รับ : เทพธิดานั้นจะต้องรั้งอยู่ในวงกตแปลกประหลาดนี้” จื้อจุนพูดเสร็จนางชี้นิ้วปิดผนึกโลกภายในทั้งเก้าด้วยสำนึกเทพ
“ให้ข้ารั้งอยู่ แล้วท่านเล่า?” เจ้าแม่จันทราตะลึง
“ที่นี่ดูเหมือนจะไม่น่าสนใจอีกต่อไปแล้วข้าตัดสินใจไปดูสนามรบอื่นที่น่าสนใจมากกว่านี้” จื้อจุนเงยหน้าเล็กน้อยดวงตาของนางดูเหมือนจะมองทะลุผ่านความว่างเปล่า
“คนผู้นั้นมีชีวิตมาหลายหมื่นปีแล้วแขนของเขายาวหลายกิโลเมตร เขารู้สึกถึงอันตรายได้มากดังนั้นน่าจะให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสู้!” เจ้าแม่จันทราต้องการเกลี้ยกล่อมให้จื้อจุนเปลี่ยนใจ
“ไม่ใช่สหายอาวุโสนั้นแต่เป็นสองคน” จื้อจุนพึมพำเล็กน้อย “อาจเป็นสามก็ได้”
“เรายังมีมังกรปีศาจจอมทึ่มอยู่ฝ่ายเราด้วย!” หากผู้เฒ่ามังกรปีศาจได้ยินคำพูดนี้ลุงเคราคงน้ำตาตก
“เจ้าผู้นั้นบ้าพลัง ข้าไม่ไว้ใจต้องไปดูด้วยตัวเอง” จื้อจุนตัดสินใจไม่มีใครเปลี่ยนความตั้งใจของนางได้และสถานการณ์การต่อสู้ภายนอกนั้นวิกฤตยิ่งกว่าความวุ่นวายในโลกวงกตตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าการต่อสู้ระหว่างมังกรปีศาจและจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อจะเป็นอย่างไรคู่คี่หรือว่าปรากฏผลแล้ว?
ตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ฝ่ายหลังมีโอกาสมาก
แน่นอนว่าถ้านางพญาเฟ่ยเหวินหลีตื่นขึ้นมาและนางออกมาช่วยต่อสู้ลุงมังกรปีศาจและฝ่ายตรงข้ามคงเกิดการต่อสู้กันครั้งใหญ่ ที่สำคัญชื่อเสียงของนางพญาผู้พิชิตไม่ใช่ได้มาโดยไม่มีอะไร
จื้อจุนหายไปในความว่างเปล่า
ตอนนี้เทพธิดาจันทราที่คอยประจบเอาใจจื้อจุนเปลี่ยนไปทันที นางตื่นเต้นทันที “อา..เย่ว์หยางน้อยข้ามาแล้ว”
นางกลายเป็นลำแสงสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์เป็นหมื่นเท่าและหายวับไปในทันที
รอจนสตรีทั้งสองไปไกล
ในท่ามกลางความเปล่า ปรากฏเงาหน้าหนึ่งโผล่ขึ้นมาช้าๆเหมือนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ “แม้ว่าจะเป็นโลกต่างมิติ แต่ก็สามารถปิดผนึกได้โดยตรง คนเดียวทำได้ถึงเก้าผนึกทำลายกฎของวงกตได้อย่างสิ้นเชิง ตงฟางพูดถูก จื้อจุนชาวมนุษย์เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจมองข้ามได้ น่าเสียดายนางยังเด็กเกินไปที่จะเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักสูงสุดนางไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เลย”
ด้านหลังเงาร่างนั้นมีแสงกระพริบเหมือนหิ่งห้อย
เจ้าแม่จันทรากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งนางหัวเราะเสียงเหมือนระฆังเงิน “ท่านคือราชันย์ไร้ใจผู้ไม่ยอมเคลื่อนไหวง่ายๆ ใช่ไหม?ช่างเป็นความสามารถที่น่าทึ่ง ร่างแท้จริงไม่ต้องเคลื่อนไหวมั่นคงดุจภูเขาแต่มีร่างเงานับไม่ถ้วนเท่ากับความแข็งแกร่งของตัวร่างจริงคอยควบคุมสถานการณ์การต่อสู้อย่างมั่นคงในมือ”
ร่างเงานั้นได้ยินแล้วอึ้งเล็กน้อยและส่ายหัวโบกมือปฏิเสธทันที “เป็นร่างอวตาร ไม่ใช่ร่างเงา
“แล้วร่างทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร?” เจ้าแม่จันทราถามด้วยความประหลาดใจ
“แตกต่างกันมาก”ใบหน้าที่แท้จริงของร่างเงาค่อยๆปรากฏขึ้นและเขากลายเป็นชายชราที่มีใบหน้าสงบและใจดี “ร่างอวตารสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ แต่ร่างเงาแยกทำไม่ได้ อสูรศึกของจื้อจุนสามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้หากไม่เห็นด้วยตาตนเองข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าในหอทงเทียนจะมีคนผู้สามารถฝึกฝนอสูรศึกจนถึงระดับนี้ได้น่าทึ่ง วิเศษมาก!”
“เมื่อข้าห่อท่านเป็นของขวัญเอาไปมอบให้เสี่ยวเย่ว์หยางท่านจะโดดเด่นมากกว่านี้” เจ้าแม่จันทรายิ้ม
“ถ้าข้าเป็นร่างแยกเงาเจ้าจะต้องโดนระเบิดแน่ แต่ข้าเป็นแค่ร่างอวตารมันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เจ้าจะเอาตัวข้าไปแค่ไม่ขยับร่างจริง ในกรณีที่เจ้าพยายามลงมือ เจ้าจะไม่พบอะไรเลย” ชายชราหัวเราะ
“งั้นขอเอาร่างอวตารท่านก็แล้วกันไม่น่าจะต้องทุ่มเทพลังอะไรมาก” เจ้าแม่จันทราไม่สนใจ
“ก็ลองดู” ชายชราประมาณการ “หากไม่มีเวลาสามวันสามคืนด้วยพลังเทพระดับปัจจุบันของเจ้า เจ้าไม่น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้”
“ฮ่า...ข้าจะบอกว่าแค่สักครู่พอไหม?” เจ้าแม่จันทราเลียนแบบท่าทางเย่ว์หยางดัดนิ้วก่อนสู้ ข้างหลังนางมีดวงจันทร์สว่างเจิดจ้าฉายแสงไปในความว่างเปล่าทั้งหมดได้ ชายชราอาบแสงจันทร์ทันใดนั้นร่างของเขาเริ่มควบแน่นช้าๆ เหมือนกับหิน
ตอนแรกยังสามารถดิ้นรนได้เล็กน้อย
แต่ในเวลาอันรวดเร็วเขาไม่สามารถกระพริบตาได้
เจ้าแม่จันทรายิ้ม “แน่นอนว่าเรื่องที่จะฆ่าหรือจับร่างอวตารที่มีร่างกายหลักสนับสนุนอยู่แต่ข้าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ตราบใดที่แสงจันทร์ของข้ายังคงอยู่เป็นนิรันดร์ทุกสิ่งก็นิรันดร์อยู่ที่นี่อย่างเงียบๆนึกทบทวนตนเองให้ดี ท่านต้องการให้ข้าให้คำแนะนำอย่างจริงใจหรือไม่? ราชันย์ไร้ใจ อย่ามองเห็นคนอื่นว่าโง่ถ้าท่านทำอย่างนั้นจริงๆ ก็จะปรากฏว่าสติปัญญาของท่านมีจุดอ่อนข้อบกพร่องเท่านั้น! ท่านเข้าใจประโยคนี้ไหม? เมื่อท่านได้พบกับเย่ว์หยางน้อยข้าเชื่อว่าเขาจะอธิบายให้ท่านฟังได้..”
ดวงจันทร์สว่างอยู่ในท้องฟ้าอยู่ชั่วนิรันดร
ชายชรายืนอยู่เหมือนหิน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนมีเงาโผล่ออกมาจากเงาของชายชราโดยไม่มีแสงรัศมีใดปะปน
เขายื่นมือสีดำพร้อมจะพาชายชราที่กลายเป็นหินออกไปจากโลกที่ว่างเปล่าท่ามกลางแสงจันทร์นิรันดรนี้ มือของร่างเงานั้นแตะที่ร่างหินของชายชราเบาๆและยังไม่ทันที่จะแสดงพลังเทพ ที่หน้าอกของชายชรามีแสงจันทร์นับพันสายทะลุผ่านราวกับว่าเป็นพื้นผิวที่ปราศจากการรั่วไหลของแสงจันทร์และฉายลงบนเงานั้นโดยตรง เงาที่มาช่วยชีวิตนั้นแข็งเป็นหินทันที
“บัดซบ นี่ไม่ใช่การกลายเป็นหินแต่ะเป็นกฎสวรรค์ที่สามารถหยุดมิติเวลาได้ ในที่สุดร่างเงาก็พยายามพูด ”ข้าหวังว่าข้าจะเป็นคนโง่คนสุดท้าย..”
น่าเสียดายที่ความปรารถนาของเขาไม่เป็นจริงหลังจากเวลาผ่านไปไม่นานก็มีเงาที่สามโผล่ออกมาจากเงามืดของทั้งสอง
แต่เงาร่างนี้มีความตื่นตัวมากเขาพบความผิดปกติ
รีบหนีทันที
เขากลายเป็นเงาและรีบออกไปจากความว่างเปล่านี้
อย่างไรก็ตามแสงจันทร์ไม่รู้ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดส่องขึ้นมาจากด้านล่างของเขาขณะที่ศีรษะของเขาเริ่มจางหาย ไม่มีร่างมีแต่เพียงศีรษะที่กลายเป็นหินในอีกโลกหนึ่งตงฟางและชายชราคนหนึ่งนั่งหันหน้าไปทางต้นไม้โบราณชายชราผู้นั้นสูญเสียศีรษะและล้มลงกับพื้น
ตงฟางมองดูที่ศพและมองดูชายชราที่อยู่ตรงข้ามเขาไม่พูดอะไร
ชายชราร่างผอมที่อยู่ด้านตรงข้ามยังคงยิ้มมุมปาก“ไม่เลว ตอนนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นมาบ้าง”
บนท้องฟ้าเหนือศีรษะพวกเขายักษ์ทองสองตนสูงเกินกว่าหมื่นเมตรกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดภูเขาสั่นแม่น้ำสะเทือนแหลกเป็นชิ้น หากทั้งสองโลกไม่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเกรงว่าพื้นที่ต้นไม้โบราณของตงฟางและชายชราก็จะเหมือนกัน คงจะพังทลายกลายเป็นธุลี
ภาพนั้นพลันสว่างวาบ
การสู้ของยักษ์ทองหายไปและร่างของเย่ว์หยางปรากฏขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขตเหนือท้องฟ้า
“เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร?” ตอนนี้ตงฟางมึนงงเล็กน้อย เขาคิดไม่ออกจริงๆเป็นเรื่องปกติถ้าเขาเป็นเหมือนคนธรรมดา แต่คุณชายสามตระกูลเย่ว์มองเห็นความลึกลับของโลกวงกตได้อย่างชัดเจน เขาพบประตูวงกตและพบเส้นทางของวงกตในท้ายที่สุดเขาต้องใช้กุญแจแห่งวงกตเพื่อทำลายวงกตที่ไม่มีที่สิ้นสุดทั้งหมด แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยและไม่ได้ใช้งานโลกต่างมิติ เขาต้องการทำอะไรกันแน่?
“เขาอาจต้องการถ่วงเวลา” ชายชราที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามตงฟางตั้งข้อสงสัย
“ปัญหาก็คือตอนนี้เวลาไม่พอ”ตงฟางปฏิเสธ
“บางทีเขาอาจคิดว่าพอ” ชายชราพูดอีกครั้ง
“ไม่, ต้องมีเหตุผลอื่น การรอความตายไม่ใช่สิ่งที่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ทำแน่ เขาต้องมีแผนบางอย่างและต้องเป็นแผนพลิกสถานการณ์ ต้องไม่ปล่อยให้ดำเนินการเด็ดขาด” ตงฟางคิดอย่างหนัก แต่ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไร ก็ไม่ได้คำตอบ
*** *** ***