ตอนที่ 1326 ความจริงเพียงหนึ่งเดียว
ในเวลาสิบวันต้องผ่านทางเข้าโลกพันมิติที่มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหรือ?
ตามหาตงฟาง?
มองดูผิวเผินเหมือนเรียบง่าย แต่จริงๆแล้วนี่เป็นงานที่ไม่มีใครทำได้เพียงลำพัง
เย่ว์หยางค้นพบว่าวงกตมิติเวลาของโลกส่วนต่างๆกำลังเปลี่ยนแปลงทุกนาที และแม้ทุกวินาที ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงนั้นรวดเร็วมากอย่างน่าประหลาดแม้ว่าเขาจะมีจักษุญาณทิพย์ เขาก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจะเคยเห็นเส้นทางที่หลงทางมาแล้วฝ่าปริศนาและมุ่งไปยังโลกข้างหน้าอย่างมั่นใจเพื่อมองหาตงฟางที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใดเขาต้องพบกับความยากลำบากนานัปประการ
ตัวอย่างเช่นเมื่อใดก็ตามที่เขาไปยังโลกข้างหน้าเขาไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับโลกแบบไหนหรือว่าเขาจะกลับไปยังโลกที่เขาเคยเดินผ่านมาแล้วหรือไม่
ในแต่ละโลกมิติไม่เหมือนกัน
มีการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด
และมีคุณสมบัติลักษณะต่างๆ
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางนึกไม่ถึงก็คือวงกตมิติเวลานี้สามารถเชื่อมต่อแดนสวรรค์ได้อย่างไม่คาดคิดบันไดสวรรค์ หอทงเทียน ทวีปมังกรทะยาน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ฯลฯ เหมือนเป็นร่างเดียวกัน
นั่นเหลือเชื่อมาก
ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง เย่ว์หยางไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็นความจริง
“หือ?” เย่ว์หยางมุ่งไปด้วยความเร็วมากที่สุดผ่านมิติโลกหลายแห่งที่แล้วที่เล่า ทันใดนั้นเขาพบด้วยความประหลาดใจว่าตัวเขาเองกลับมายังจุดศูนย์ตั้งต้นอีกครั้งไม่ถึงกับเป็นจุดศูนย์เสียทีเดียว แต่เป็นสถานที่ซึ่งเย่ว์หยางเคยมาแล้วประตูเข้าแดนสวรรค์
ในเวลานี้ประตูสวรรค์ดูสงบเงียบเป็นพิเศษไม่มีการต่อสู้ใดๆและไม่มีองครักษ์คอยปกป้อง
ปรากฏว่าผู้ปกป้องที่นี่ก็คือจางเว่ย
ไม่มีร่องรอย
สิ่งที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือเย่คง และเจ้าอ้วนไห่ที่ออกมาช่วยต่อสู้ก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นเช่นกัน
มีแต่เพียงประตูที่เย่ว์หยางเปิดไว้แต่เดิมตั้งเด่นอยู่บานเดียวในพื้นที่โล่งด้านหน้า ประตูสวรรค์หากไม่มีอยู่จริงเย่ว์หยางจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเคยอยู่ที่นั่นและสงสัยว่านี่คือมิติเวลาอื่นของประตูสวรรค์ ประตูที่เย่ว์หยางเปิดไว้ยังคงอยู่อย่างเดิมแต่ทุกคนหายไปแล้ว เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและกำลังเสริมของพวกเขาทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีร่องรอยการต่อสู้บนพื้นดิน... เขาเชื่อว่านี่เป็นส่วนที่น่ากลัวที่สุดของวงกตมิติเวลานี้!
“ไม่ใช่แค่เพียงมิติแม้แต่เวลาก็เป็นส่วนหนึ่งของวงกตด้วยหรือ?” เย่ว์หยางยื่นมือไปสัมผัสประตูนั่นอย่างระมัดระวังและผลักเปิดออก
เป็นประตูล่องหนที่เขาสร้างขึ้นมาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งไปกว่านั้นพลังเทพชนิดนี้รวมกับเจตจำนงราชันย์เป็นหนึ่งเดียวกันจะไม่ถูกขัดขวางโดยอำนาจใดๆอย่างแน่นอน
ดังนั้นประตูนี้จึงยังคงอยู่โดยไม่ได้รับผลกระทบจากมิติและเวลา แต่วงกตมิติได้ลบร่องรอยอื่นอย่างเงียบๆ.. เย่ว์หยางไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆในโลกแห่งประตูสวรรค์นี้ แต่เมื่อผ่านประตูเขาสามารถรู้ได้ว่าเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆได้นำกลุ่มเข้ามาในโลกนี้แล้ว และกองทัพทั้งหมดก็ออกมาแม้กระทั่งชาวประมงและคนรับใช้อื่นของเผ่าทะเลก็ไม่มีการยกเว้น
กำลังเสริมอย่างน้อยแสนรายเข้าสู่โลกประตู
ตอนนี้หายไปไม่เหลือร่องรอย
จะต้องรู้ให้ได้
อย่างเช่นมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นที่เริ่มมีพลังเทพประกายเทพ ได้ต่อสู้และทิ้งเครื่องหมายไว้โดยจงใจสามารถจัดการได้ เย่ว์หยางต้องถอนหายใจและเห็นด้วยครั้งนี้ว่าวงกตมิติเวลานั้นยอดเยี่ยมมากมาย!
“หากยังคงไปต่อแบบนี้อย่าว่าแต่สิบวันเลย ต่อให้ทั้งปีหรือร้อยปีก็อาจหาตงฟางไม่พบ” เย่ว์หยางขมวดคิ้วแน่น ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนักก็มีแสงลึกลับกระพริบที่ประตูสวรรค์อาหงและอาหมันทั้งสองปรากฏตัวข้างหน้าเขาพร้อมกัน ทั้งสองคนประหลาดใจและดีใจที่ได้พบเย่ว์หยางที่นี่
“เป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมจริงๆ!” ใบหน้าอาหงเปล่งประกายตื่นเต้นและโผเข้าไปกอดเย่ว์หยาง ขณะที่อาหมันเดินช้ากว่าแต่กอดทั้งสองในอ้อมแขนอย่างมีความสุข
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า?” เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เราพบกับศัตรูระหว่างทางและคนผู้นั้นปลอมตัวเป็นท่านเพื่อลอบโจมตีเรา มันน่าเกลียดเกินไป...”หลังจากเย่ว์หยางรู้ว่าอาหงพบเจออะไรมาก่อน ปรากฏว่าพวกนางพบเจอนักสู้ระดับเทพจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของแดนสวรรค์ คนผู้นั้นแปลงร่างเป็นเขาเองโดยคิดว่าจะสามารถหลอกอาหงและอาหมันซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์ได้ ผลที่ตามมาคือเกิดการต่อสู้และไล่ล่าเป็นเวลานานอาหงและอาหมันไล่ตามศัตรูเข้ามาในประตูสวรรค์นี้ และเมื่อพวกนางได้พบกับเย่ว์หยางตัวจริง พวกนางก็ตระหนักว่า แม้ว่าพวกนางจะช้ากว่านั้นเพียงไม่กี่วินาทีพวกนางก็เข้าสู่อีกมิติหนึ่งพลาดเป้าหมายไป และเบี่ยงเบนเส้นทางไปอย่างสิ้นเชิง
ที่น่าแปลกก็คือทั้งสองมีความเข้าใจกันโดยปริยายหรือไม่ก็เคลื่อนไหวได้เหมือนกัน
ก่อนนี้พวกนางผ่านมาหลายโลกหลายมิติมาก่อน
และพวกนางไม่ได้แยกจากกัน
เย่ว์หยางรู้สึกว่าดูเหมือนเขาจะจับเคล็ดได้แต่ความคิดโดยทั่วไปนี้ยังไม่สามารถจับเคล็ดได้สำเร็จจริงเป็นเพียงประกายความคิดเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาเพียงวับหนึ่งเท่านั้น
“คนอื่นมีใครฟื้นขึ้นบ้าง?” เย่ว์หยางในตอนนี้มีกระแสจิตนับล้านผ่านเข้ามาพร้อมกันเวลาเดียวเนื่องจากเขายังไม่ได้ควบคุมพลังเทพได้อย่างเต็มที่และเขายังไม่เข้าใจระดับพลังของเทพราชันย์อย่างแท้จริงเขาจึงไม่กล้าเชื่อมโยงจิตใจของเขากับทุกคนในระยะที่ไม่สิ้นสุดเพราะกลัวว่าการกระทำเช่นนั้นอาจจะก่อให้เกิดอันตราย หรืออิทธิพลที่มิอาจคาดเดาได้ต่อทุกคน
“เมื่อเราฟื้นขึ้นสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์และเป่าเอ๋อตื่นกันหมดแล้วแต่ท่านหญิงหลายคนยังคงหลับอยู่” อาหงบอกว่านางและอาหมันเพิ่งตื่นขึ้นมาก็ได้ต่อสู้เพียงครั้งเดียวและพวกนางกำลังไล่ล่าศัตรู
“แม้ว่าข้าจะสามารถผ่านประตูและกลับไปยังโลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ข้าสงสัยว่าศัตรูกำลังสอดแนมอยู่ในความมืด ดังนั้นข้าตัดสินใจที่จะไม่กลับไปในตอนนี้ พวกเจ้ากลับไปดูและถ้าพวกนางตื่นขึ้นแล้วก็ให้พวกนางมาพบข้าทันที ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่ ถ้าอู๋เสียและคนอื่นๆ ยังไม่ตื่น เจ้าก็ให้พี่หวี่อี้หนานหรือหลิวเย่มาก่อนก็ได้... ข้าต้องการทักษะแฝงเร้นของพวกนางเพื่อยืนยันบางสิ่ง!” เย่ว์หยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามอบค้อนชะตาพลังของเทพราชันย์ให้กับอาหมัน “ถ้าเจ้าผ่านประตูนี้และไม่ได้กลับมาที่บ้านของเราก็ให้ใช้สิ่งนี้จัดการศัตรูทั้งหมดที่เจ้าพบเจอตามรายทาง! จำไว้ว่าตราบใดที่เจ้าถือค้อนไว้ในมือ เจ้าจะมีพลังไม่สิ้นสุด!”
อาหงและอาหมันฟังคำสั่งอย่างตั้งใจและไม่ยอมพลาดแม้แต่น้อย
ทั้งสองคนจับมือกันและเดินผ่านประตูล่องหนอย่างระมัดระวัง
วินาทีต่อมา
ร่างของพวกนางเทเลพอร์ตหายไป
สีหน้าของเย่ว์หยางแสดงอาการโกรธทันทีเพราะเขารู้สึกได้ว่าอาหงและอาหมันไม่ได้กลับไปยังโลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เขาคิดไว้ แต่ถูกส่งไปยังโลกอื่นตามกระแสงวงกตมิติเวลา
เป็นไปตามคาดมีศัตรูบางกลุ่มกำลังจับตามองดูพวกเขา และวงกตมิติเวลาถูกพวกเขาควบคุมไว้
พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนประตูล่องหนที่เขาสร้างด้วยพลังเทพและสติปัญญาของเขา แต่พวกเขาสามารถควบคุมทุกอย่างในวงกตมิติเวลาด้วยกุญแจในตำนาน ตอนนี้ประตูสวรรค์กลายเป็นประตูที่สามารถเข้ามาข้างในได้เท่านั้นแต่หาช่องทางใหม่ไม่ได้...และเย่ว์หยางเชื่อว่าแม้ว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะออกมาจากประตูพวกนางก็จะไม่ปรากฏตัวข้างๆ เขา ศัตรูจะส่งพวกนางไปยังมิติเวลาอื่นก่อน
“เป็นเจ้าสินะ? เจ้ากำลังเล่นลูกไม้ใช่ไหม? ราชันย์ไร้ใจ!” เย่ว์หยางเงยหน้าขึ้นมอง เสียงของเขาดังลั่น
“......”ในท้องฟ้าไม่มีเสียงสะท้อนใดๆ
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงความลึกลับที่ไม่สามารถตรวจพบได้ก่อนหน้านี้และหายตัวไปอย่างเงียบๆ บางทีเขาอาจจะกังวลเกี่ยวกับมาตรการรับมือของเย่ว์หยาง บางทีเขาอาจจะสับสนบางทีอาจมีเหตุผลอื่น ศัตรูถึงได้จากไปชั่วคราว
ยกเลิกการสอดแนมที่มีมาตลอดและทำตัวเป็นเหมือนเงา
เย่ว์หยางวนดูหน้าประตูและหลังประตูล่องหนบานแรก
และสร้างประตูล่องหนอีกสี่บาน
ประตูห้าบานตั้งเด่นด้วยกัน
พื้นผิวประตูวาดเป็นผังภูมิอักขระรูนโบราณที่มีเพียงเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียอู๋เหินและโล่วฮัวและสตรีอีกสองสามคนเข้าใจ
บางทีราชันย์ไร้ใจที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับอาจเปลี่ยนตำแหน่งประตูเทเลพอร์ตได้ แต่เขาไม่สามารถยับยั้งอักขระรูนพลังเทพที่เย่ว์หยางสร้าง อักขระรูนเหล่านี้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อออกมาและเห็นอักขระรูนด้านบนที่เย่ว์หยางแสดงไว้จะเข้าใจว่าเย่ว์หยางต้องการสื่อถึงอะไรในใจเขา
“ก่อนที่ข้าจะไปหาตงฟางดูเหมือนว่าข้าต้องเอาเต่าแก่ออกมาก่อนมิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถหาทางออกจากวงกตได้อย่างสบายใจ” เย่ว์หยางมีลางสังหรณ์มานานแล้วว่า จ้าวภูผาราชันย์ไร้พ่ายมาแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ราชันย์ไร้ใจจะยืนดูอยู่เฉยๆ ตาเฒ่าผู้นี้ต้องซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขารอโอกาสลงมือทำร้ายให้เขาบาดเจ็บสาหัส
“เราผู้ชรากำลังรอเจ้าอยู่...” เขาไม่รู้ว่ามิติเวลาห่างไกลกันแค่ไหนแต่ทันใดนั้นมีข้อความดังกล่าวเดินทางผ่านแต่ละห้วงมิติเวลาโดยไม่มีสิ่งกีดขวางและส่งเข้าสู่ใจเย่ว์หยาง
ฟ้าเหนือฟ้าหรือ?
แดนสวรรค์ยังมีเหนือแดนสวรรค์ขึ้นไปอีกหรือ?
เย่ว์หยางฝึกอยู่ในคัมภีร์เทพและได้เข้าสู่หอคอยเหนือหอคอยขุนเขาเหนือขุนเขาและฟ้าเหนือฟ้าราชันย์ไร้ใจสามารถใช้มือเชื่อมโยงคัมภีร์เทพฝึกฝนเข้ากับวงกตมิติเวลาได้หรือ?ไม่, เป็นไปไม่ได้! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเขาก็สามารถสังหารเขาได้อย่างสิ้นเชิงในคัมภีร์เทพได้! แต่เขาเป็นเจ้าของคัมภีร์เทพ ต่อให้ราชันย์ไร้ใจกินเศษสมองมาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเช่นนั้น! คำอธิบายและความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือในแดนสวรรค์มีโลกฟ้าเหนือฟ้า บางทีอาจเป็นรังที่ราชันย์ไร้ใจสร้างขึ้น
หลังจากคิดเล็กน้อยเย่ว์หยางได้สลักผังภูมิอักขระรูนไว้ที่ประตูล่องหน
ระบุเป้าหมายที่เขาไป
และกลายเป็นดาวตก
พุ่งตัดผ่านท้องฟ้าและเข้าไปในประตูสวรรค์ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่สมัยโบราณ
ทันทีที่เย่ว์หยางออกไปจากมิตินี้โลกทั้งโลกก็เปลี่ยนไปทันทีราวกับว่าผ่านไปสิบล้านปีในหนึ่งวินาทีเว้นแต่ประตูวิเศษทั้งห้าบานที่อยู่บนพื้นโลกก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน
จากนั้นเห็นเย่คงเจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ กลับมาจากมิติเวลาอื่นและพวกเขายังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความประหลาดใจ และเมื่อพวกเขาหายไปโลกที่ประตูสวรรค์ตั้งอยู่ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อเย่ว์หยางไปที่ประตูสวรรค์อีกครั้งโลกก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างน้อยสิบแปดครั้ง...แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อความของเจ้าอ้วนไห่บนพื้นดินหรือเครื่องหมายพลังเทพที่มารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นๆ สลักไว้บนพื้นก็หายไปทั้งหมดไม่เหลือร่องรอย
เย่ว์หยางไม่สนใจสภาพแวดล้อมเพียงแต่มองไปที่ประตูล่องหนที่เขาสร้างขึ้นด้วยมือของเขาเอง ทันใดนั้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ราวกับพระอาทิตย์ฉายแสงตอนหลังฝนตก
ปรากฏว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง...
ความจริง? มีเพียงหนึ่ง!
*** *** ***