MDB ตอนที่ 278 แม่ทัพสิงโต
หนังสือและตำนานโบราณหลายเล่มบรรยายว่าปีศาจมีพลังและน่าสะหรึงกลัว ถึงกระนั้นมันก็ใช้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
หากมนุษย์ทั่วไปเก็บงำความหลงใหลไว้ เขาอาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกัน แต่ขอบเขตความแข็งแกร่งของเขาจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเริ่มต้นของบุคคลนั้น ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงเป็นปีศาจธรรมดา ในทำนองเดียวกันในกรณีของฮูหยู่เจิน เธออยู่ที่จุดสูงสุดของระดับห้า ก่อนที่เธอจะกลายเป็นปีศาจ
อย่างไรก็ตาม ตามที่พิพิธภัณฑ์ระบุว่านั่นไม่ใช่ทั้งหมดสำหรับปีศาจ เนื่องจากความหลงใหลที่รุนแรงของพวกเขา ปีศาจจึงไม่สามารถดึงตัวเองออกไปได้ และมักจะลงเอยด้วยการทำสิ่งที่น่ากลัวและอุกอาจอยู่เสมอ
การสังหารปีศาจหมายถึงการทำลายความหลงใหลของพวกเขา
เมื่อเรียบเรียงความคิดในใจเสร็จ หลินจินจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านฮู เจ้าคิดว่ากายาแห่งธรรมคืออะไร?”
เขาเริ่มให้คำแนะนำของอีกฝ่าย
เห็นได้ชัดว่ามีการศึกษาคำถามนี้มาก่อน ฮูหยู่เจินจึงตอบอย่างง่ายดายโดยไม่พลาดสักจังหวะ
“กายาแห่งธรรม หมายถึงการรวมกฎแห่งจักรวาลไว้ในร่างกายโดยธรรมชาติ ออกจากร่างเก่าและรับจิตวิญญาณของเราใหม่ พลังวิเศษจะมาอย่างง่ายดายและหลั่งไหลไม่รู้จบ ในขณะที่ร่างกายไม่เสื่อมสลาย…”
ปีศาจพยัคฆ์ตอบอย่างฉะฉาน เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าเธอใช้ความพยายามมากเพียงใดในการค้นคว้ากายาแห่งธรรม แต่ล้มเหลวในการบรรลุแนวทางที่เหมาะสมในการฝึกฝน
เธอไม่สามารถถูกตำหนิในเรื่องนี้ได้ และไม่ใช่เพราะเธอโชคร้าย แต่ ตรงกันข้าม ไม่ใช่ว่าทุกคนหรือสัตว์ปีศาจจะบรรลุกายาแห่งธรรมได้เพียงเพราะความปรารถนาเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การบรรลุกายาแห่งธรรมเป็นเพียงความเป็นไปได้บนเส้นทางของการบ่มเพาะ แต่ไม่ใช่ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าใครเป็นคนบอกเธอว่าการบรรลุกายาแห่งธรรมเป็นหนทางเดียวที่เธอจะฝ่าฟันสถานการณ์คอขวดได้ แต่หลินจินก็มั่นใจได้ว่าไม่เป็นความจริง บุคคลนั้นอาจพูดเช่นนั้นโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดนี้ลงเอยด้วยการทำร้ายฮูหยู่เจิน หากจะอธิบายเป็นสำนวนก็คือ 'ครูไร้ความสามารถขัดขวางความก้าวหน้าของนักเรียน'
แม้ว่าหลินจินจะมีพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยฮูหยู่เจินกลั่นร่างกายาแห่งธรรมได้ในตอนนี้
กายาแห่งธรรมเป็นสิ่งที่โชคชะตานำพา ถ้าใครมีชะตาต้องกันก็จะได้พบกับมัน แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น การรอคอยหลายพันปีก็ยังคงไร้ประโยชน์
และสถานการณ์ของฮูหยู่เจินก็เป็นอย่างหลังอย่างชัดเจน
พูดตรง ๆ ฮูหยูเจินไม่มีวันบรรลุกายาแห่งธรรมได้
มันไม่ได้มีความหมายสำหรับเธอ
อย่างน้อยพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ได้ระบุไว้ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีกลั่นร่างกายาแห่งธรรมของเสี่ยวฮัวกับเธอหรือไม่ก็ตาม หลินจินก็ไม่เชื่อ ถ้าเขาทำได้ พิพิธภัณฑ์คงจะบอกเขาไปแล้ว
แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ มันจะทำให้ความหวังของเธอพังทลายและผลักไสเธอไปสู่ความสิ้นหวัง แม้ว่าเธอจะกลายเป็นปีศาจ แต่ก็ยังมีความหวัง หากความหลงใหลของเธอถูกทำลาย ถ้าเขาบอกความจริงแก่เธอ ปีศาจพยัคฆ์อาจคลุ้มคลั่งทันที เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งปีศาจหยั่งรากลึกเกินไป เธอจะสูญเสียเหตุผลและกลายเป็นปีศาจร้ายที่รู้วิธีฆ่าเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่หลินจินต้องสังหารไม่ใช่เพียงแค่ความลุ่มหลงของเธอ แต่เป็นร่างกายและจิตวิญญาณของเธอด้วย
ด้วยเหตุนี้ หลินจินจึงตัดสินถ่วงเวลา โดยเขาจะค่อย ๆ สลายความหลงใหลของเธอด้วยคำพูดของเขา
แน่นอนว่า เขาสามารถทำได้ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์มีห้องโถงสังหารปีศาจ ถ้าเขาต้องต้องการสังหารความหลงใหลของฮูหยู่เจิน หากเขาไม่ใช้โอกาสนี้ เขาอาจจะพลาดบางสิ่งที่ยอดเยี่ยมไป
“เสี่ยวฮั่ว มานี่สิ” หลินจินกวักมือเรียกเสี่ยวอฮั่ว และคนหลังก็กระโดดอย่างรวดเร็ว ด้วยแสงธรรมชาติบนร่างกายของมัน ดูเหมือนว่าเขาจะทิ้งร่องรอยของแสงไว้ในคืนที่มืดมิดซึ่งหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น
นี้เป็นความยอดเยี่ยมของกายาแห่งกายธรรม
ดวงตาของฮูหยู่เจินเป็นประกายขณะที่เธอจ้องมองที่เสี่ยวฮั่ว
หลินจินกล่าวต่อว่า “สิ่งที่สัตว์เลี้ยงของข้าได้รับคือกายาแห่งธรรมหยินหยาง”
“กายาแห่งธรรมหยินหยาง?” ลมหายใจของฮูหยู่เจินขาดช่วง หูของเธอตั้งขึ้น เธอรู้ว่ายอดฝีมือคนนี้กำลังวางแผนที่จะสอนเธอในตอนนี้
"ถูกต้อง กายาแห่งธรรมหยินหยาง ด้วยการรวมหยินสุดขีดและหยางสุดขีดเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดความสมดุลกับพลังแห่งจักรวาล แม้ว่ากายาแห่งธรรมจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่การบ่มเพาะนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นหากเจ้าต้องการบ่มเพาะกายาแห่งธรรม มันก็ใช่ว่าจะสำเร็จในทันที” หลินจินตั้งใจจะบอกเธอว่าอย่าเร่งรีบและค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
ฮูหยู่เจินจ้องมองที่กายาแห่งธรรมของเสี่ยวฮั่วด้วยความอิจฉาริษยา เมื่อได้ยินคำพูดของหลินจิน เธอจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านกำลังจะสื่อ ข้าเดินทางไปหลายที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถหาทางออกได้ ดังนั้นข้าจึงรู้ว่าการกลั่นร่างกายาแห่งธรรมนั้นไม่ง่ายเลย แต่ข้าเชื่อว่าด้วยคำแนะนำของท่าน สักวันหนึ่ง ข้าจะบรรลุกายาแห่งธรรม”
จากนั้น เธอทำท่าราวกับเธอกำลังจะกราบเพื่อแสดงความเคารพหลินจิน
หลินจินรีบหยุดเธอทันที
“หากท่านแนะนำข้าสู่เส้นทางแห่งการบรรลุกายาแห่งธรรม ท่านจะเปรียบดั่งพ่อแม่คนที่สองของข้าทันที เมื่อข้าบรรลุกายาแห่งธรรมสำเร็จ ข้าจะปฏิบัติตามทุกคำสั่งของท่านอย่างไม่มีเงื่อนไขเจ้าค่ะ” ฮูหยู่เจินยืนยันในการทำความเคารพ
หลินจินไม่ได้หยุดเธอในครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่มีวิธีการกลั่นร่างกายาแห่งธรรมสำหรับปีศาจพยัคฆ์ แต่ถ้าเขาสามารถทำลายความหลงใหลของเธอได้สำเร็จ นั่นหมายถึงการช่วยชีวิตเธอ แล้วเธอจะสามารถวิวัฒนาการได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น การยอมรับการทำความเคารพของของเธอในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
ณ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน
จู่ ๆ หลินจินก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นพระจันทร์สว่างไสวในขณะที่ลมกลางคืนพัดเอื่อย ๆ ชั่วพริบตาต่อมา สถานที่นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ออร่าที่มองไม่เห็นเริ่มล้นออกมาจากลานขณะที่หมอกโผล่ออกมาจากที่ใด หลินจินสามารถเห็นการหมุนวนภายในหมอกได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามันเชื่อมโยงกับที่อื่น คล้ายกับตอนที่ประตูของห้องโถงเยี่ยมชมเปิดออกซึ่งประตูจะนำเขาไปสู่อีกมิติหนึ่ง
คนทั่วไปไม่สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้ได้ และแน่นอนว่าวานรยักษ์ขาวและซอมบี้คธูลูก็ไม่รู้เช่นกัน มีเพียงเสี่ยวฮั่วเท่านั้นที่จ้องมองการหมุนวน คำรามอย่างดุร้าย
ทันใดนั้นก็มีคนออกมาจากการหมุนวน
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาโดยมีเศียรเป็นสิงโตและมีกายเป็นชายกำยำ สวมชุดเกราะที่มีเกล็ด เขาถือค้อนเมฆายาว 2 เมตร เมื่อเขาปรากฏตัว สิ่งแรกที่เขาทำคือมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมพวกเจ้าถึงมากันน้อยถึงเพียงนี้?”
ดูเหมือนว่าเขาจะคาดว่าที่นี่น่าจะมีคนมากกว่านี้
‘สัตว์ปีศาจสิงโต’
หลินจินสงสัยว่าสัตว์ปีศาจสิงโตตนนี้มาจากไหน เขาไม่สามารถบอกได้เลย มีหมอกกลิ้งที่เท้าของสิงโต หลินจินจึงสันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นคาถาปกปิดบางอย่าง อย่างน้อย ๆ เจ้าลิงขาวและซอมบี้คธูลูก็ไม่รู้ตัวว่าสัตว์ปีศาจสิงโตมาถึงที่นี่ตอนไหน
เมื่อเห็นสิงโตตนนี้ ฮูหยู่เจินก็ก้าวไปข้างหน้า “ขอคารวะ ท่านแม่ทัพสิงโตเจ้าค่ะ!”
พูดจบเธอก็โค้งคำนับ
"เจ้าก็มาที่นี่ด้วยงั้นหรือ" สัตว์ปีศาจสิงโตเหลือบมองเธอ และจำเธอได้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้น ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ เขาก็โกรธจัด “เห็นได้ชัดว่ามีคนเปิดเผยข้อมูลว่าจะมีคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่ที่นี่ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงไม่ควรว่างเปล่าไร้ผู้คน ข้าขอถามหน่อยเพราะเจ้ากินมนุษย์พวกนั้นทั้งหมดหรือเปล่า? เจ้ากล้าดียังไงถึงทำเช่นนั้น เจ้าปีศาจพยัคฆ์!”
เขาประณามเธออย่างชัดเจน
ฮูหยู่เจินขมวดคิ้ว “ท่านแม่ทัพสิงโต ท่านกำลังกล่าวหาข้า ข้าแค่กินคนโง่ไปสองคนเท่านั้นและไม่ได้แตะต้องใครอีกเลย พวกเขาต่างกลัวและวิ่งหนีออกไปอย่างปลอดภัยกันทุกคน”
“เจ้ากล้าดียังไงมาต่อปากต่อคำกับข้า!” สัตว์ปีศาจสิงโตยกค้อนเมฆาขึ้นมา ปล่อยพลังออร่ากดดันออกมา “ก่อนหน้านี้ ข้าแสดงความเมตตาต่อเจ้าและปล่อยเจ้าไป ใครจะคิดว่าเจ้าจะกลับมาอีกครั้งและทำให้พวกมนุษย์แตกตื่น ข้าจะกลับไปรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้านายของข้าได้อย่างไร!? วันนี้ข้าต้องสอนบทเรียนให้แก่เจ้า!”
เมื่อพูดจบเขาก็เหวี่ยงค้อนลงมา