ตอนที่ 60 ขวดน้ำมนต์
ตอนที่ 60 ขวดน้ำมนต์
ควันไฟผ้าคลุมที่ยืมมาจากศพหมอผีนอกรีต ลีโอรีบถอดและโยนมันทิ้ง
ลีโอที่พึ่งหนีเข้ามาหลบในโลกมิติดวงตาผนึกเทพกำลังมีสีหน้าหวาดกลัวต่อยันต์ไปของตัวเอง เพราะถ้าเขาช้าไปกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียวอาจจะโดนเผาไปด้วย
“รุนแรงจริง ๆ”
ครั้งก่อนที่ลีโอใช้ยันต์พร้อมกันมากแบบนี้คือตอนที่เจอกับปีศาจประเภท 1 ตอนนี้เขาใช้มันโจมตีหมอผีฝึกหัดระดับ 2 และ 3 พร้อมกัน
ถึงจะไม่ใช่พื้นที่ปิด แต่อานุภาพก็ใช่ย่อย
ลีโอมองผ่านช่องที่เปิดไว้ด้านนอกเต็มไปด้วยเพลิงที่วูบวาบอยู่สองสามวินาที ก่อนจะดับหายไป ซึ่งเป็นปกติของยันต์ไฟ มันไม่มีการคงสภาพไว้โครงสร้างยันต์จึงไม่ได้ดูดซับเอาอนุภาควิญญาณมาสร้างเปลวไฟต่อ
ลีโอมองหาหมอผีฝึกหัดระดับ 3 เขารู้ว่าเจ้านั่นอยู่ไกลพอสมควร จึงไม่แน่ใจว่ามันรอดหรือดับไปแล้ว
“หืม อึดนักนะ” ลีโอเห็นว่าหมอผีฝึกหัดระดับ 3 ยังไม่ได้ แต่ว่าสภาพของมันบาดเจ็บสาหัสโดนแผลไฟไหม้กว่า 50 % ของร่างกาย
มันร้องอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด
ลีโอปรากฏตัวออกมา สิ่งแรกที่รู้สึกคือรอบตัวนั้นอุณหภูมิสูงเป็นอย่างมาก
“เจ้า...ยัง...ไม่...ตาย” หมอผีฝึกหัดระดับ 3 กัดฟันกล่าวออกมาทีละคำอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา หมอผีฝึกหัดระดับ 2 ที่อ่อนแอกว่ามัน แถมยังอยู่ใกล้รัศมีการทำลายล้างของยันต์ที่มาพอจะทำลายร่างไม่มีเหลือกับยังรอดมาได้ โดยไม่เป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว
“ตาย” ลีโอยกดาบไปจะปลิดชีวิตมัน แต่แล้วตอนนั้นก็มีผีพุ่งออกมาจากหวี มันเป็นประเภท 0 ที่ทรงพลังมาก
“ข้ารออยู่เลย”
ลีโอเบิกตาขวากว้าง ก่อนจะจ้องไปที่ผีประเภท 0
ผีประเภท 0 ตนนั้นตกใจมากที่อยู่ ๆ ก็มีแรงดึงดูดมันเข้าไปโดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้เลย ไม่กี่วินาทีผีก็หายไปในทันที
นอกจากผีที่ตกใจ หมอผีฝึกหัดระดับสามที่สภาพเป็นตายเท่ากันก็ตื่นตกใจไม่แพ้กัน มันไม่เห็นว่าเกิดอะไรกับผีของตนนอกจากท่าทีที่หวาดกลัวของผีและอยู่ ๆ ก็หายไปทางลีโอ
“หมดแล้วสินะ” ลีโอกล่าวด้วยแววตาเยือกเย็น ก่อนจะก้าวเดินไปหามัน
“ข้า ๆ ยินดีจ่ายเงินแลกชีวิต เดี๋ยว ๆ ก่อน ไว้ชีวิตข้าจะมีประโยชน์มากกว่าข้ารู้แผนของพวกนั้น”
มันพยายามต่อรองกับลีโอ โดยหวังว่าจะมีชีวิตรอด แต่ว่าลีโอกลับไม่สนใจ
“พวกเจ้าทิ้งรถไว้หรือเปล่า” ลีโอถามมัน
“ทิ้งไว้พร้อมกับหมอผีคอยเฝ้าอีกคน” หมอผีฝึกหัดระดับสามตอบไปอย่างงุนงง เพราะนึกว่าลีโออยากจะรู้เรื่องที่เขาพูดไป แต่ลีโอกลับเป็นห่วงว่าจะไม่มีรถไปที่ฐานขุดเจาะ
“อืม งั้นก็ตายได้ละ” ลีโอกล่าว
“เดี๋ยว!”
ลีโอไม่สนใจคำพูดใดอีก เขายกดาบขึ้นมา ก่อนจะเปลี่ยนด้านคมดาบฟันลงไปที่คอ ดาบตัดคออย่างไม่ยากเย็นส่งหมอผีฝึกหัดระดับ 3 กลับคืนสู่โลกวิญญาณอย่างสมบูรณ์
ลีโอส่งร่างเข้าไปในโลกมิติดวงตาผนึกเทพ
“คงซ่อมไม่ได้แล้ว” ลีโอหันไปเหลือบมองค่ายกลอักขระวิญญาณที่อยู่ในสภาพเละเทะ ลีโอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะเขียนคำง่าย ๆ
“หมอผีนอกรีต”
หลังจากทิ้งเบาะแสไว้หวังว่าจะมีคนมาตรวจสอบที่นี่เมื่อพบว่าค่ายกลนี้ไม่ทำงาน ลีโอหันกลับวิ่งไปยังจุดที่รถบรรทุกเหมืองจอดอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
...
ขณะเดียวกันที่รถบรรทุก
ซูซี่ แฮงแมนและฮาน ทั้งสามถูกมัดไว้อยู่ข้าง ๆ รอรถขนาดใหญ่ที่มีหมอผีฝึกหัดระดับ 2 ยืนเฝ้าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล เนื่องจากเมื่อครู่นี้มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้นมาจากทิศทางของค่ายกลอักขระวิญญาณที่หมอผีนอกรีตฝ่ายตนไปตามล่าผู้จารึก
ซูซี่และพวกเองก็เป็นห่วงลีโอด้วย แม้จะไม่รู้เรื่องราวที่หมอผีเหล่านี้ทำมากนัก แต่ก็พอรู้ว่าลีโอหัวหน้าทีม 107 นั้นมีสถานะเป็นผู้จารึก เพราะตอนมาได้มีการอธิบายแผนคร่าว ๆ ให้คนงานฟังด้วย
“เจ้าได้ยินไหม หัวหน้าจะเป็นอะไรไหม” ซูซี่กระซิบถามแฮงแมนที่นั่งติดกับตน
“ได้ยิน แบบนี้แสดงว่าคงสู้กันรุนแรงมาก หัวหน้าคงยังไม่เป็นอะไร” แฮงแมนตอบกลับ
“เสียงเงียบไปแล้ว อาจจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นมา” ฮานตอบ
“เราต้องหาทางขึ้นไปบนรถและขับไปช่วยหัวหน้า” ซูซี่กล่าวบอกกับทั้งสอง
“เอาจริงเหรอ เราจะสู้ยังไงกับคนเหล่านี้” แฮงแมนกล่าวอย่างจนปัญญา
“พวกที่เขาเผชิญหน้าเป็นมนุษย์หรือเปล่าก็ไม่รู้ จะสู้ยังไงก็ยังไม่รู้เลย” ฮานเองก็พูดขึ้นมาด้วย
“หุบปากและอยู่เงียบ ๆ กันซะ หรือจะให้ข้าฆ่าพวกเจ้าสักสองคน เหลือไว้คนเดียวจะได้ไม่ต้องคุยกัน” หมอผีนอกรีตหันกลับมาตวาดทั้งสามคน ทั้งสามรู้สึกถึงความกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออก จนสั่นกลัวไปทั้งตัว
พอเห็นว่าตัวประกันทั้งสามเชื่อฟังและอยู่นิ่ง ๆ แล้ว มันก็หันมาสนใจเรื่องราวที่กังวลต่อ
“บ้าจริงพวกมันยังไม่มากันอีก หรือจะเป็นอะไรกันหรือเปล่า”
“ช่างมันข้าจะไปดูด้วยตัวเอง”
หมอผีนอกรีตไม่อาจจะอดกลั้นได้อีก มันหยิบตุ๊กตาเด็กน้อยออกมา ก่อนจะวางไว้ที่พื้นและกล่าว “อย่าให้พวกมันไปไหน ถ้ามีใครกล้าหนีก็ฆ่าทิ้งได้เลย”
กล่าวจบหมอผีนอกรีตก็รีบวิ่งไปทันทีปล่อยให้ทั้งสามคมที่เหลือมองดูตุ๊กตาด้วยความมึนงง
“เกิดอะไรขึ้น” ฮานกล่าวอย่างงุนงง
“พวกเจ้าว่าตุ๊กตานั่น” แฮงแมนยังไม่ทันจะกล่าวจบ ไฟรอบ ๆ ก็เริ่มกะพริบติด ๆ ดับ ๆ ไม่หยุด
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขารู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่เพียงแค่ตุ๊กตาทั่วไปแน่นอน เงาดำค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาจากตุ๊กตา
“อย่ามอง” ฮานที่เคยเจอมาก่อนรีบกล่าวเตือนอีกสองคน ทั้งสามพากันหลับตานั่งตัวสั่น เหงื่อแตกอยู่แบบนั้น พวกเขาสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งวิ่งไปรอบ ๆ ตัวเอง
บางคนก็มีเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วย
“เราจะตายใช่ไหม” ซูซี่เริ่มกลัวจนน้ำตาไหล แม้จะมีนิสัยห้าวและดูกล้าหาญ แต่ว่านางก็ยังเป็นหญิงสาว พอเกินขีดจำกัดก็ระเบิดอารมณ์ออกมาในทันที
“ไม่ เรายังพอมีทางหนี” ฮานกระซิบขึ้นมา
“อะไรเจ้าคิดอะไรออก” ซูซี่รีบถามทันที ขณะที่ยังคงหลับตาอยู่
“จำขวดที่หัวหน้าทีมให้ไว้ได้ไหม” แฮงแมนกล่าว
“ขวด จริงด้วย แต่ว่ามันอยู่บนรถ” ฮานเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้และน้ำเสียงกลับมาผิดหวังอีกครั้ง
“ถ้าเราไปเอามันมาได้ก็คงจัดการมันได้”
“มันได้ผลแน่นะ” ฮานถามซ้ำ
“ต้องได้สิ เพราะเป็นของที่หัวหน้ามอบให้ไว้” แฮงแมนตอบ ก่อนจะกล่าวเสริมในใจว่าถ้าไม่ได้ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
“พวกเจ้าไปเอามันมา ข้าจะหลอกล่อมันเอง” ฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
“ลุงฮาน...ท่านอาจจะตายได้” ซูซี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง
“รถอยู่แค่นี้ ข้าไม่ตายหรอก พวกเจ้าไปเอามาแล้วจัดการมันซะ” ฮานยืนยันอย่างหนักแน่น
ซูซี่เม้มปากด้วยความเศร้าใจ
“แฮงแมนเจ้าต้องเอาขวดนั้นมาจัดการมันให้ได้” ฮานบอก
“ข้าจะทำให้ได้” แฮงแมนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นับถึงสามแล้วลงมือ” แฮงแมนบอกกับทั้งสอง
“หนึ่ง…” ฮานเริ่มนับ
“สอง...”
นับถึงตรงนี้หัวใจของแฮงแมนและซูซี่ต่างก็เต้นกระหน่ำไม่หยุด
“สาม...ไป” ฮานพูดจบก็ลืมตาขึ้นมาพุ่งเข้าไปยังทิศทางที่เคยเห็นตุ๊กตาอยู่ ส่วนแฮงแมนและซูซี่ทั้งสองต่างก็ลืมตาหันไปทางรถเพื่อวิ่งขึ้นไปเอากุญแจ
แต่ว่าพอฮานลืมตาแล้วก็พบว่าตุ๊กตานั้นหายไป
“หายไป” ฮานรีบมองหา ก่อนจะพบว่ามันอยู่ที่หลังคารถและกำลังมองการกระทำของทั้งสามคนด้วยท่าทางน่าขนลุก
“ระวัง” ฮานร้องเตือน แต่สายไปเสียแล้ว
“ซูซี่” แฮงแมนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตื่นตกใจทันที เมื่อเห็นว่าอยู่ ๆ ซูซี่ก็ยืนแข็งทื่อจ้องมองไปที่ตุ๊กตาไม่ขยับ
“ไปเอาขวดนั้นมา” ฮานตะโกนเสียงดัง เพราะรู้ดีว่าพวกตนไม่มีทางทำอะไรได้ นอกจากไปเอาขวดนั้นมา
ฮานยังดึงดูดความสนใจมันโดยการหยิบหินที่พื้นขึ้นมาปาใส่ตุ๊กตา ตุ๊กตาหันมาสนใจฮานทันที ก่อนจะบินมาหาฮาน
แฮงแมนขบฟันรีบวิ่งเข้าไปในรถตรงไปยังที่นั่งของตนเอง ตรงนั้นมีขวดน้ำใส ๆ ที่วางไว้อยู่ ขนาดมันไม่ใหญ่มากนัก แต่ว่ามันคือความหวังทั้งหมดของพวกเขา
“เจอแล้ว” แฮงแมนคว้ามันออกมาและกระโดดลงไปจากรถ
เขามองหาตุ๊กตา ซึ่งตอนนี้มันนั่งอยู่ที่ตัวของฮาน ซึ่งฮานในตอนนี้นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“แก...ไอปีศาจ” แฮงแมนเปิดฝาขวด ก่อนจะปาใส่ตุ๊กตาตัวนั้น
ขวดลอยออกไปกระแทกใส่ตุ๊กตา น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในขวดหกเปียกตัวของตุ๊กตา ทันใดนั้นก็มีควันลอยขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังไปทั่วทั้งบริเวณ
แฮงแมนรีบเอามืออุดหู ผ่านไปสักพักทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ตุ๊กตาล้มลงที่ข้าง ๆ ร่างของฮาน ขณะที่ซูซี่ที่ยืนแข็งทื่อก็ฟุบลงอย่างอ่อนแรงอยู่ที่พื้น
“มันตายแล้ว?” แฮงแมนพูดอย่างสงสัย
“แฮงแมน...” ซูซี่กล่าวเสียงอ่อนล้า
แฮงแมนรีบเข้าไปพยุงนาง
“มันเป็นอย่างไรบ้าง”
“มันน่าจะตายแล้ว”
แฮงแมนตอบ แต่ยังไม่ทันขาดคำก็มีเงาสีดำลอยออกมาจากตุ๊กตา เป็นเด็กน้อยที่สภาพดำมืดน่ากลัวเป็นอย่างมาก
แฮงแมนและซูซี่ต่างร่างกายแข็งทื่อไม่อาจจะขยับได้ แววตาเริ่มกลายเป็นสีขาว ทั้งสองรู้ว่าแย่แล้ว พวกเขากำลังจะตาย
ฉับ!
ในวินาทีสุดท้ายตอนนั้นเองก็มีดาบพุ่งเข้ามาเสียบร่างของผีเด็กตัวนั้นจนร่างของมันแตกสลายตกตายลงไปเหลือเพียงผงวิญญาณที่ตกลงพื้นดิน