ตอนที่ 1322 ลึกลับซับซ้อน
แท่นบูชายัญบันไดสวรรค์ชั้นที่ห้า
เย่ว์หยางเดินไปที่ขอบแท่น
เขาก้าวไปข้างหน้าช้าๆ เท้าข้างหนึ่งยังคงอยู่บนแท่นบูชายัญแต่โลกตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่หุบเขาแม่น้ำขาวที่แห้งแล้งแต่เป็นป้อมสายฟ้าของหอทงเทียนชั้นหกเย่ว์หยางชักเท้ากลับและมองไปรอบๆ ยังคงเป็นบันไดสวรรค์ชั้นที่ห้าที่คุ้นเคยเพราะการต่อสู้ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งทำให้หุบเขาแม่น้ำขาวพังทลาย... ใครกัน? ใช้ความสามารถอะไร? อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างบันไดสวรรค์ชั้นห้ากับป้อมสายฟ้าชั้นหกหอทงเทียน? เขาจะทำลายวงกตมิติเวลาได้อย่างไร?
“เจ้ารู้จักใครที่มีข้อมูลภายในบ้างไหม?” เย่ว์หยางหันไปมองผู้ชมดู
“ข้าเองเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก” เด็กหนุ่มอสูรส่ายหน้าและโบกมือบอกว่าไม่รู้
“นี่คือความลับของสวรรค์”มังกรสองหัวกู่อั๋งบอกว่าเขาไม่รู้
“......”ราชินีว่านกูซูดูเหมือนจะเคยได้ยินมาเล็กน้อย แต่นางริมฝีปากสั่นหลบสายตาเย่ว์หยางโดยไม่ตั้งใจ ทำนองว่าไม่มีอะไรจะพูด
“วงกตมิติเวลากล่าวกันว่าสร้างโดยท่านจ้าวมิติแห่งแดนสวรรค์บนปริศนาที่เขาสร้างขึ้นไม่มีใครสามารถไขได้นอกจากตัวเขา จ้าวมิติได้ค้นพบจุดจบของโลกที่ไม่มีที่สิ้นสุดเขาได้มอบกุญแจเพียงดอกเดียวให้กับเจ้าตำหนักเทียนอี้ศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขา ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาหลายพันปีหรือไม่เทียนอี้จึงสร้างตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ขึ้นบนรากฐานดั้งเดิมของวงกตมิติเวลา ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างจากตรงนั้นด้วยความช่วยเหลือจากนักสู้ระดับเทพอาทิราชันย์ไร้ใจและนักสู้ระดับเทพอื่นเป็นต้น มีการปรับปรุงแก้ไขตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บนเขาต้ากวงหมิงทำให้เป็นสถานที่นิรันดร์ไม่มีวันพังทลายหรือเสียหายได้ เพราะมีอายุยาวนานเกินไป ไม่เช่นนั้นตำนานนี้จะจริงหรือเท็จก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่เพื่อสลายความวุ่นวายและออกจากวงกตมิติเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่มีที่สิ้นสุดได้อย่างราบรื่นการได้รับคำแนะนำและกุญแจที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ต้องทำ!” จักรพรรดิอสูรให้คำแนะนำกับเย่ว์หยาง แต่เขาไม่สามารถช่วยเย่ว์หยางได้มากกว่านี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากุญแจผ่านวงกตมิติเวลามีประวัติความเป็นมาเช่นไร
“ขอบคุณ”เย่ว์หยางไม่ฝืนบังคับ เกมปริศนา เป็นเรื่องน่าสนใจมากไม่ใช่หรือ?
“เย่ว์ไตตัน! ถ้าเจ้าต้องการหาตงฟางภายในเวลาสิบวัน เป็นไปไม่ได้สำหรับการอาศัยคนเพียงคนเดียว เจ้าต้องมีคนช่วยมากขึ้น” ดูเหมือนว่านั่นน่าจะเป็นการส่งข่าวของจั่นซือ ลูกนอกสมรสของถูซื่อ จู่ๆ เขาก็ตะโกนบอกเย่ว์หยาง
“เจ้าต้องการบอกอะไร?” เย่ว์หยางมองดูเขาด้วยความสงสัย
“หมาป่าล้างโลกและผีพรายที่ปรากฏออกมาทีละตนทั้งหมดพิสูจน์ได้ว่านั่นคืออัจฉริยะเหมือนเจ้า เย่ว์ไตตันเจ้าจะต้องมีวิธีการลับนำผู้ช่วยเข้ามาในโลกกระดานหมากรุกได้หรือว่าในวงกตมิติเวลาแห่งนี้ทำไมเจ้าไม่เรียกผู้ช่วยออกมาช่วยเจ้าให้มากขึ้น เจ้าเพียงคนเดียวกับโลกที่มีอยู่พันใบ เพียงสิบวันจะทำอะไรได้
“เจ้าเป็นลูกของถูซื่อไม่ใช่หรือ?เจ้าไม่สนใจพี่ชายและพ่อเจ้าได้อย่างไรแต่กลับมาสนใจข้าที่เป็นศัตรูเพราะอะไร?” เย่ว์หยางกล่าวพร้อมกับยิ้ม
“เพราะข้าเป็นศัตรูกับพวกเขาศัตรูของศัตรูก็คือสหาย” จั่นซือพยักหน้าจริงจัง
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้ไหม?” เย่ว์หยางยิ้มอย่างโง่งม
“ระมัดระวังไว้เป็นเรื่องจำเป็นแต่เจ้าก็สามารถลองดูได้” จั่นซือยังคงยิ้มครั้งนี้
“อืม..ถ้าเราเป็นพันธมิตรกันในตอนนี้ พวกท่านมีข้อเสนอแนะอะไรดีๆ อีกหรือไม่?” เย่ว์หยางเกาหลังศีรษะทำตัวเหมือนน้องชายที่เพิ่งออกมาสังคมภายนอก
“ข้าสังเกตเจ้าอย่างระมัดระวังเย่ว์ไตตัน อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่ใช้พลังที่แท้จริงของเจ้าออกมาเลย เจ้าไม่เคยเชื่อใจใคร แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะให้ความสำคัญกับเจ้าแต่เจ้าก็ยังไม่ไว้วางใจเขาแม้แต่ระดับพื้นฐานก็ตาม ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดการเฝ้าระวังของเจ้าจึงเข้มแข็งมากจนไม่ให้ความสนใจใครๆแต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องมีเหตุผลของเจ้า ข้าไม่คาดหวังให้เจ้าปฏิบัติต่อข้าในฐานะสหาย ตราบใดที่เจ้าไม่ถือว่าข้าเป็นศัตรู ตอนนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้ความสงบและเหตุผลสักเล็กน้อยเพื่อพิจารณาคำแนะนำของข้าต่อไปอย่างรอบคอบ จงหาผู้ช่วยให้เร็วที่สุดอย่างเช่นหมาป่าปีศาจและผีนางพรายเจ้าจะมีกำลังมากขึ้นและสำรวจวงกตมิติเวลาด้วยกันหาทางออกให้เร็วที่สุดจากนั้นก็ค้นหาตงฟาง” จั่นซือมองเย่ว์หยางด้วยความจริงใจ
“ท่านคิดว่าช่วงเวลาสิบวันตามที่ตงฟางบอกเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” เย่ว์หยางมองดูจั่นซือ
“เป็นจริงไม่แปลกปลอมแน่ ของปลอมไม่อาจเป็นจริงได้” จั่นซือพูดคลุมเครือ แต่เย่ว์หยางเข้าใจ
เขาหันหน้าและเดินตรงไปที่รูปปั้นเทพธิดา
รอจนกระทั่งถึงทางเข้า
จู่ๆเขาหันกลับมามองจั่นซือ “ท่านคิดว่าถ้าหอทงเทียนถูกทำลาย จะมีอะไรดีสำหรับเทียนอี้?”
จั่นซืออึ้งและเขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี รอจนเย่ว์หยางหันกลับไปอีก เขาพยายามเดินออกไปและตะโกน “แดนล่มสลายแห่งทวยเทพจะไม่หายไป และถูกปิดผนึกไว้ บางทีอาจมีการระเบิดมิติเวลาของหอทงเทียน การปลดผนึกผู้พิทักษ์ของเทพโบราณทั้งหมดสมบัติต่างๆ ที่ปกติหาไม่ได้จะตามมา แน่นอนว่านี่เป็นความคิดของข้า บางทีอาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้”
เย่ว์หยางไม่หันกลับมามองแต่โบกมือให้ “เจ้าพูดถูกนี่คือคำตอบที่ดีที่สุด”
ร่างของเขาหายวับเข้าไปในทางผ่านอย่างรวดเร็ว
มีเพียงผู้ชมอีกหลายคนเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่
พวกเขามองหน้ากันเองด้วยความตกใจ
เย่ว์ไตตันหมายถึงอะไร?เขาเชื่อหรือยังสงสัยตามปกติของเขา? ถ้าเขาไม่รีบผ่านวงกตมิติเวลาไปให้ได้ และเขาจะไปไหน?เป็นไปได้ไหมว่าถ้าเขาวิ่งเข้าไปในทางนั้นเขาสามารถเข้าไปในบันไดสวรรค์เดิมและหนีออกจากวงกตมิติเวลาได้?เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม? คนที่วางแผนมานานอย่างตงฟางและเทียนอี้จะทิ้งข้อบกพร่องใหญ่ไว้ให้เขาเห็นหรือ?
เย่ว์หยางเดินผ่านไปตามทางเดินและบันไดสวรรค์เดิมยังคงดูเหมือนเดิม
แต่เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง
ที่ข้างหน้าเขาภาพบันไดสวรรค์กลับเปลี่ยนไป
กลายเป็นจัตุรัสนอกวังเทียนหลัวและเมื่อเงยหน้ามองก็เห็นทหารรักษาการณ์อยู่หน้าวงเวทเทเลพอร์ตยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
“ท่านจาง! วันนี้ลูกน้องท่านไม่มาเข้าเวรหรือ?” เย่ว์หยางทักทายทหารผู้เคร่งครัดปฏิบัติหน้าที่
“ขอรับ, คารวะคุณชายสาม”เมื่อทหารเห็นเย่ว์หยางเขารีบแสดงความเคารพตามมารยาททันทีท่าทางให้เกียรติ
“หลี่ต้าจุ่ยเล่า?”เย่ว์หยางยื่นมือตบไหล่ทหาร
“เขาเขาเข้าเวรกลางคืน!” ทหารผู้นั้นตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
“ทำงานกันแข็งขันดีมาก” เย่ว์หยางมองทหารทีละคน “ต่อไปเมื่อข้าพบราชันย์ฟ้าบูรพา ข้าจะขอให้เขาช่วยเลื่อนตำแหน่งเจ้า!”
เย่ว์หยางก้าวเท้าถอยและทหารที่ตื่นเต้นหน้าแดงหายไป เขากลับมาอยู่โลกพฤกษา บันไดสวรรค์ เย่ว์หยางก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวและพบว่าฉากภาพข้างหน้าเขากลายเป็นประตูสถาบันฉางชุนเฉิงเดินผ่านประตูห้องยามรักษากาณ์เขาสามารถเห็นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าถือหนังสือภาพวาบหวิวเล่มหนึ่งดวงตาของเขาแดงน่ากลัว น้ำลายแทบหกใส่เคราแพะ
ครูบาอาจารย์ที่ควรเป็นแบบอย่างทำแบบนี้ได้ยังไง?
เย่ว์หยางผู้มีคุณธรรมในใจรีบวิ่งเข้ามาคว้าสมุดภาพหญิงสาววาบหวิวติดมือทันที
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นท่าทางน่าสมเพชราวกับไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ เย่ว์หยางหัวเราะและหันหลังวิ่งหนีเมื่อเขากลับมาที่ทางเดินเข้าบันไดสวรรค์ ภาพสถานบันศึกษาของเขาหายไป ภาพอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้ถือมีดทำครัววิ่งไล่ก็หายไป ด้านหลังของเขากลายเป็นโลกบันไดสวรรค์ดังเดิม
เพียงแต่สมุดภาพหญิงสาววาบหวิวยังอยู่ในมือของเขา
เย่ว์หยางพลิกปิด
ด้วยความตั้งใจไม่ให้ของดีต้องเสียไปเขาเก็บใส่กระเป๋า
เดินกลับไปตามทางเดินเข้าแท่นบูชายัญเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าผู้ชมดูที่แท่นบูชายัญหายไปหมดแล้วว่างเปล่ามีแต่หุบเขาแม่น้ำขาวที่ว่างเปล่า
จากนั้นเย่ว์หยางได้สติวิ่งกลับไปที่แท่นบูชายัญในครั้งแรกตรวจมองบนพื้นพล่านไปมาราวกับมดไม่เพียงแค่นั้น เขายังปีนขึ้นไปบนรูปปั้นเทพธิดาที่ไม่สมบูรณ์การยื่นมือออกไปแตะรูปเทพธิดาอย่างไม่สำรวมอาจมองว่าเป็นการดูหมิ่นได้แต่โชคดีที่ไม่มีใครเห็น
มิฉะนั้นแม้แต่เจ้าอ้วนไห่
ก็ยังดูหมิ่นเด็กหนุ่มจากโลกอื่น!
หลังจากสัมผัสเป็นเวลานานเย่ว์หยางถอนหายใจทันที “ข้าคิดว่าข้าเป็นคนฉลาดเป็นผู้ที่ไม่มีใครรู้จักและหลอกคนอื่นมาแต่ต้น โชคดีที่เราคุณชายผ่านประตูเป็นตายและข้าได้รับข้อมูลมิติลวงของฝ่าบาทมาบ้างมิฉะนั้นคงถูกคนปั่นหัวเล่นโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...”
เขาหลับตา
มือทั้งสองผ่อนคลาย
เจตจำนงราชันย์ระเบิดออกทันที
แท่นบูชายัญทั้งหมดและแม้แต่หุบเขาแม่น้ำขาวระเบิดออกไปราวกับกระจกแตก พื้นฟ้าพื้นโลกสลายเป็นผุยผง
มีหลุมดำดูดกลืนและทำลายทุกสิ่งขณะที่ท้องฟ้าและพื้นดินสลายไม่ทราบว่ามีแสงฉายส่องมาจากที่ใดโลกใหม่สว่างไสวเกิดขึ้นในขอบเขตการมองเห็นของเย่ว์หยาง
โลกกระดานหมากรุกเย่ว์หยางพบว่ายังไม่ได้ไปจากโลกกระดานหมากรุกแม้แต่ก้าวเดียว
เป็นจักรพรรดิอสูรและคนอื่นๆที่ยังเฝ้าดูการต่อสู้ในครั้งแรก
ครั้งนี้พวกเขาอยู่ห่างไกลในมิติเวลาอื่นแต่ยังยืนอยู่บนแท่นบูชายัญ
“เหลวไหล,ข้าคือผู้เดินหมาก ไม่ใช่ตัวหมาก โลกกระดานหมากรุก เจ้าคิดจะกักตัวข้าไว้นานๆ หรือ?” เย่ว์หยางยื่นมือออกไปทันที ทันใดนั้นรอบๆตัวเขามีประตูล่องหนสี่บาน เขาอยู่ตรงกลางระหว่างประตูใต้ ตะวันออก เหนือ ตะวันตกประตูแปลกประหลาดทั้งสี่บานนี้ มีสามบานที่มีความคล้ายคลึงกันแต่ประตูลึกลับสี่บานนี้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
โลกกระดานหมากรุกหากปราศจากการช่วยเหลือจากเจตจำนงของตงฟางที่เป็นเจ้าของก็ไม่สามารถป้องกันความเป็นอิสระของประตูทั้งสี่ได้
เย่ว์หยางโบกมือให้จักรพรรดิอสูรที่มองดูอยู่ในมิติเวลาที่ห่างไกล
เขาเปิดประตูล่องหนทางทิศตะวันออก
และก้าวยาวๆ
เข้าไปข้างใน
ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลถึงโลกเบื้องหลังประตูว่าจะเป็นโลกแบบไหน
หลังจากผ่านเข้าประตูไปแล้วโลกทั้งหมดก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและโลกกระดานหมากรุกหายไปกลับเป็นประตูแดนสวรรค์ที่เย่ว์หยางเคยผ่านมาและมีความคิดที่แย่อย่างหนึ่ง
มีบางคนอยู่ที่ประตูสวรรค์ปรบมือเสียงดังชัดเจนต้อนรับเย่ว์หยางอย่างอบอุ่นและจริงใจ “ยินดีต้อนรับเข้าประตูโลก ข้าคือจางเว่ยสหายเก่าของเจ้า ใช่แล้วข้ากังวลจริงๆ ว่าจะรอให้เจ้ามาถึงไม่ไหว เจ้ารู้ไหมว่าคนโง่เง่าบางคนไม่สามารถออกจากวงกตมิติเวลาได้ชั่วชีวิต และหายไปในวงกตมิติเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เจ้ากลับทำได้เร็วไม่เยิ่นเย้ออืดอาด เย่ว์ไตตัน เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ เจ้าสมกับเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบในรอบหมื่นปีที่ผ่านมา เจ้าสามารถทำลายแผนการวงกตมิติเวลาได้อย่างรวดเร็วและมาอยู่ต่อหน้าข้าได้ แม้ว่าข้าจะเป็นศัตรูเจ้าก็ตาม แต่ข้าก็อดชื่นชมเจ้าไม่ได้ เจ้าเป็นอัจฉริยะจริงๆ!”
“เจ้าไม่ต้องมาประจบเอาใจข้าก็ได้ ต้องการสิ่งใดตอบแทนจากข้าหรือ?” เย่ว์หยางเป็นเด็กดีที่มักจะมีมารยาทดีเสมอ
“อย่าทำอย่างนี้ข้ารู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อเจ้าต้องทำให้ข้าต้องคลานหาฟันของตนเอง”จางเว่ยไม่โกรธแม้แต่น้อย
“ข้าคิดว่านั่นเป็นไปได้มากทีเดียว” เย่ว์หยางยิ้ม
“ทุกคนที่เข้าออกหรือผ่านประตูโลกเข้ามาจะไม่สามารถใช้พลังเทพตนเองได้นี่คือกฎที่ข้าสร้างไว้ในมิติเวลานี้” จางเว่ยองครักษ์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ “เจ้าไม่สามารถเรียกอสูรศึกได้ไม่สามารถใช้คัมภีร์อัญเชิญ ไม่สามารถใช้พลังเทพตนเองเจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า? คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ข้าจะสอนอะไรบางอย่างให้เจ้าโลกนี้ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้ด้วยกำลังป่าเถื่อน! พลังเทพของเจ้าดีกว่าข้า ใช่แล้วข้าไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น แต่เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่รอถูกทุบตีเจ้าคือคุณชายสามตระกูลเย่ว์แล้วไงเล่า?อัจฉริยะอันดับหนึ่งของหอทงเทียนจะทำอะไรได้? ในโลกกระดานหมากรุกในวงกตมิติเวลาภายใต้ประตูสวรรค์ของข้าองครักษ์ใหญ่ เจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เป็นได้แค่เพียงหนอนน่าสมเพชที่ไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้!”
****** ***