ตอนที่ 1320 ความไม่พอใจของตงฟาง
ที่ขอบฟ้าดูเหมือนจะมีแสงเทพชนิดหนึ่งกระพริบวาบ
เมฆค่อยๆสลายออกไป
ทันใดนั้นภาพของยักษ์ใหญ่มหึมาสูงอย่างน้อยหมื่นเมตรปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าเลือดท่วมตัวใช้หมัดระดมต่อยโดมท้องฟ้าของโลกกระดานหมากรุกจากภายนอกอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัดโจมตีจะมองเห็นท้องฟ้าและแผ่นดินแตกระเบิด
ทุกคนจำได้อย่างรวดเร็วยักษ์ใหญ่ผู้มาคือบุรุษมีเคราที่อ้างว่าเป็นพี่ชายของเย่ว์ไตตัน
มังกรปีศาจที่ว่ากันว่าเพิ่งหลุดออกมาได้หลังจากถูกผนึกมาหลายหมื่นปี!
ในตอนแรกเขายังไม่ตระหนักถึงพลังความแข็งแกร่งของเขา
ตอนนี้ดูร่างเทพที่แท้จริงของมังกรปีศาจด้วยขนาดที่สามารถค้ำได้ทั้งโลกและฟ้าสูงตระหง่านไม่อาจเข้าถึงได้แม้แต่จางเว่ยผู้หยิ่งยโส และราชันย์ไร้พ่ายผู้เฉิดฉายยังรู้สึกต่ำต้อย
เพราะนี่ไม่ใช่ระดับที่ใครจะเทียบได้
ถ้าจะใช้วิธีเปรียบเทียบเพื่ออธิบายถึงพลังเหนือธรรมชาตินี้ในฐานะเทพผู้แข็งแกร่งทั้งหมด กลุ่มนักสู้เทพที่ชมดูทั้งหมดเหมือนถูกลดสถานะเป็นเด็กทารก
ไม่มีใครที่มีพลังเทพเทียบกับเขาได้จางเว่ยองครักษ์อันดับหนึ่งจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้พลาดท่าพ่ายแและตงฟางผู้ฉลาดในการวางแผนชั่วร้ายราชันย์ไร้พ่ายผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้มาก่อนในชีวิตก็รู้สึกไกลเกินเอื้อมเช่นกัน แม้จะเพิ่มพลังเทพของผู้ชมรวมเข้าไปด้วยก็ยังยากจะเอาชนะได้ ร่างเทพที่สูงถึงหมื่นเมตรทั่วทั้งแดนสวรรค์จะมีสักกี่คนที่เข้าถึงระดับนี้ได้? บางทีอาจมีแต่เพียงเทียนอี้เจ้าตำหนักสูงสุดในตำนานซึ่งเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่ประกายร่างเทพสูงขนาดนี้ได้!
จักรพรรดิอสูรกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
เขาต้องการพูด
แต่จู่ๆเขาพบว่าเสียงขาดหายไปไม่สามารถเปล่งออกมาได้
ถูว่านนักรบระดับเทพกำลังตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อก่อนนี้เขามีความขัดแย้งเล็กน้อยกับมังกรปีศาจโชคดีที่ในเวลานั้นเขารู้สึกกลัวเช่นกัน ในเวลานั้นเขายั่วยุมังกรปีศาจอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่มังกรปีศาจไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา มิฉะนั้นแค่เพียงนิ้วเดียวมังกรปีศาจก็สามารถบดขยี้สังหารเขาได้ไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง
เมื่อนึกย้อนกลับไปถูว่านถึงกับหวาดกลัว
หัวใจสั่นสะท้าน!
“ทรงพลังเหลือเกินนี่แหละแบบอย่างที่ข้าเชิดชูมากที่สุด”เด็กหนุ่มอสูรผู้ดื้อด้านตื่นเต้นพูดไม่ขาดปาก
“มดแมลง, เราทุกคนเป็นแค่มดแมลง!” มังกรสองหัวทรุดตัวลงกับพื้นไม่สามารถพยุงร่างกายได้อีกต่อไปราชินีว่านกูซูขดตัวอยู่ข้างหลังเขาอย่างน่าสมเพชเหมือนกับลูกไก่ในท่ามกลางพายุความดีใจความพอใจที่ได้มายังหอทงเทียนไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใดหมด
ปีศาจหมีดำและปีศาจหมูป่าทิ้งตัวหมอบลงกับพื้น
ใช้มารยาทสูงสุดแสดงความเคารพต่อมังกรปีศาจเหมือนกับเป็นบรรพบุรุษเผ่าอสูร
แตกต่างจากพวกเขาสิ่งที่เย่ว์หยางเห็นไม่ใช่บารมีของพี่ใหญ่จอมปลอมแต่ตรงกันข้ามเขาเห็นรายละเอียดที่ผู้อื่นมองข้าม เย่ว์หยางนึกไม่ออกว่าพลังที่น่ากลัวชนิดใดที่เล่นงานมังกรปีศาจจนสร้างบาดแผลและทำร้ายถึงกระดูกได้ ยิ่งไปกว่านั้นภาพมังกรปีศาจระดมโจมตีแต่ละครั้งจะจางหายไปในช่วงเวลาสั้นๆดูเหมือนว่าเย่ว์หยางไม่ได้เพ่งพลัง แต่ดูเหมือนมีอีกคนหนึ่งที่อาจแข็งแกร่งมากกว่ามังกรปีศาจโจมตีด้านหลังเขาป้องกันไม่ให้เขาทำลายโลกกระดานหมากรุก!
แล้วใครกันที่ซ่อนอยู่หลังมังกรปีศาจโจมตีมังกรปีศาจจากมิติว่างนอกโลกกระดานหมากรุก?
ใครทำให้มังกรปีศาจหลั่งเลือดได้?
เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้?
หรือเป็นจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อผู้ลึกลับไม่เคยปรากฏตัวเสมอมา?
เป็นไปได้ไหมว่าเป็นหมากลับสองตัวที่ซ่อนอยู่ของตงฟาง? ด้วยพลังของเทียนอี้และจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ พวกเขาจะยอมเชื่อฟังทำตามแผนของตงฟางหรือ?
ถ้าเป็นพวกนั้นจริงๆเย่ว์หยางเองจะพลิกสถานการณ์อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกกระดานหมากรุกบ้าบอนี้เขาจะพลิกกับดักของตงฟางพลิกสถานการณ์ ได้อย่างไร
เย่ว์หยางไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
ตงฟางไม่ให้เวลาเขาคิดมากคนผู้นี้วางแผนไว้อย่างชาญฉลาด เขาเอ่ยปากโจมตีเย่ว์หยางไม่หยุด “เย่ว์ไตตัน ก็อย่างที่เจ้าเห็น พี่ชายของเจ้ามังกรปีศาจผู้มีชื่อเสียงกำลังดิ้นรนเพื่อช่วยเจ้าเขาไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองต้องการช่วยเจ้าจากโลกกระดานหมากรุกนี้อย่างยิ่งเจ้าจะได้ไม่ถูกจำกัดอยู่ในโลกกระดานหมากรุกต่อไปข้าเชื่อว่าถ้าเจ้าสามารถหลบหนีไปได้อย่างราบรื่นไม่ได้มีข้อจำกัดจากโลกกระดานหมากรุกอีกต่อไปจากนั้นมีความเป็นไปได้ว่ามังกรจะกลับลงทะเล พยัคฆ์จะกลับคืนป่าเขาข้าว่าเจ้าโชคดีมาก! เย่ว์ไตตัน บอกตามตรง เจ้าเป็นที่รักของชาวโลกและสวรรค์เจ้ามีโชคดีที่ไม่มีใครเทียบได้ ข้าวางแผนมานานแล้วและไม่เคยคิดเลยว่าในท้ายที่สุดจะมีคนแข็งแกร่งอย่างมังกรปีศาจออกมายืนหยัดเป็นกำลังสนับสนุนเจ้า”
“ถ้าไม่ใช่เพราะแผนชั้นแรกๆของข้าที่ข้าได้เริ่มเตรียมการไว้อย่างเต็มที่เมื่อหลายพันปีก่อนบางทีภายใต้การผสมผสานการโจมตีร่วมกันของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและมังกรปีศาจที่หนุนหลังเจ้าอยู่อาจจะพังทลายหายไปเพื่อเป็นหินให้เจ้าก้าวเติบโตอีกก้าวหนึ่ง...เมื่อเทียบกับจักรพรรดิอวี้แล้ว เจ้าได้รับการสนับสนุนมากกว่าเขาในหอทงเทียนไม่เคยมีการอุทิศและการเสียสละเช่นทุกวันนี้ ทุกสิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรเป็นของเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าและผู้สืบทอดหอทงเทียนทุกรุ่นไม่อาจขอมาได้.. แต่ถ้าจะพูดถึงข้อบกพร่องหรือเสียใจก็คือเวลาที่เหลือสำหรับเจ้ามีน้อยเกินไป น้อยเกินไปจริงๆ! หากเจ้ามีเวลาเติบโตสักสองสามร้อยหรือพันปี หากเจ้ามีเวลาเหมือนจักรพรรดิอวี้ข้าเชื่อว่าไม่ใช่แค่ข้าตงฟางเท่านั้น แม้แต่เทพในแดนสวรรค์บนทั้งหมดจะร่วมมือแสดงความเกลียดชังเจ้าที่อยู่ข้างหน้า! เย่ว์ไตตันเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยพบเจอมาในรอบหมื่นปีแน่นอนคนที่มีสิทธิ์เป็นเทพราชันย์เพียงคนเดียวของหอทงเทียน น่าเสียดายที่เกิดมาผิดยุคผิดเวลา!”
“ถ้าเจ้าเกิดก่อนหน้านี้สักหลายร้อยปี...”
“เย่ว์ไตตัน เจ้าเกิดในยุคที่โชคร้ายที่สุดนี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่หอทงเทียนจะล่มจม! ไม่มีใครสามารถหยุดได้ ต่อให้เป็นเจ้าก็ตามแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนโชคชะตาได้เพราะเมื่อหลายหมื่นปีก่อนหอทงเทียนถูกกำหนดไว้แล้วว่าถึงวาระที่จะพินาศและชะตากรรมของมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในวันเดียว!”
“ข้าได้เห็นจุดจบของมันก่อนหน้านี้แล้วในปีนั้นข้ามีความคิดแช่นเดียวกับเจ้าข้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะพลิกชะตาชีวิตของข้าและใช้สติปัญญาของข้าเพื่อฟื้นฟูหอทงเทียน!”
“แต่มันกลับจำข้าไม่ได้นับประสาอะไรกับการเลือกข้าและยังคงทำหน้าที่สำคัญเพื่อความอยู่รอดนี้ไว้จนถึงหลายพันปีต่อมาจนถึงวันที่เจ้าเกิด... รู้ไหมว่าใจข้าเกลียดอะไรที่สุด...ไม่ใช่เจ้าหรือจักรพรรดิอวี้ แต่เป็นตัวเลือกของหอทงเทียน! มันเพิกเฉยต่อความพยายามของข้าไม่สนใจความพยายามของข้าและส่งมอบชะตากรรมของมันให้กับเจ้าที่ยังห่างไกลกับการแจ้งเกิดในอนาคต! ข้าคิดว่ามันจะส่งมอบชะตากรรมของมันให้จักรพรรดอวี้ แต่ข้าคิดผิด ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าบุตรที่ถูกเลือกก็คือเย่ว์ไตตันเจ้าไม่ใช่คนอื่นไม่ใช่จักรพรรดิอวี้หรือข้า! นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระเราได้ทุ่มเททุกอย่างทั้งสติปัญญาและทำงานอย่างหนักแม้กระทั่งชีวิตเราก็ทุ่มเทให้ได้!”
นั่นมันไม่ยุติธรรม!
“เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วเจ้ารู้ไหมว่าข้าได้เตรียมการมามากแค่ไหน? ถ้ามันเลือกข้า ข้าจะสามารถกู้คืนสิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้เพียงไหนในช่วงหลายพันปีนี้?สิ่งที่ไร้สาระที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ว่าการทำงานอย่างหนักจะไร้ประโยชน์ แต่เป็นการที่ไร้โอกาสจะทำงานหนักต่างหาก! ชีวิตของข้าประสบความสำเร็จเพียงไหน สติปัญญาของข้ารุ่งเรืองเพียงไหน แต่ทำไม?ถึงไม่มีคุณสมบัติในการทำงานอย่างหนัก? ทำไม? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ไม่เป็นธรรมเลย! ไม่มีความยุติธรรม! ก็ได้ ในเมื่อไม่ต้องการให้ข้าอยู่รอด อย่างนั้นข้าจะเหยียบย่ำมันให้จม!”
“เพื่อพิสูจน์ทางเลือกของมันว่าผิด และเพื่อพิสูจน์ว่ามันไร้สาระแค่ไหนข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะฝังมันไว้กับการรอคอยทางเอกที่แสนน่าเบื่อ ข้าอยากจะให้มันรู้ว่าทางเลือกของโชคชะตาของมันต้องถูกต้อง ไม่ผิด จึงจะไม่มีทางสายเกินไป!”
หลังจากฟังคำพูดของตงฟางแล้วเย่ว์หยางเงียบ
เขาไม่แปลกใจที่ตงฟางจะมีความคิดและมีความเกลียดชังเช่นนี้
หากเป็นคนที่หวังผลตอบแทนกับสิ่งที่มอบให้ไปก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีความคิดเช่นนี้ หากเป็นคนที่เชื่อว่าของบางอย่างเป็นของเขา เขาจะต้องยึดถือเอาไว้ในมืออย่างแนบแน่นจึงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่มีความเกลียดชังเช่นนี้หลังจากสูญเสียไป!
เพราะตงฟางเป็นคนเช่นนี้
ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าเขาคือทายาทผู้รับสืบทอดหอทงเทียนเป็นผู้ช่วยให้รอดที่มองข้ามสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เป็นโอรสสวรรค์ที่ได้รับเลือก...แต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับพบว่าไม่ใช่
ข้อเท็จจริงที่โหดร้ายทำให้เขาไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงได้เลยโดยเฉพาะคนที่มีสติปัญญาสูงล้ำอย่างตงฟางมีแนวโน้มที่ที่จะไปยังจุดสุดยอดได้ง่าย! เมื่อไม่สามารถรับมันได้เขากลับมองโลกในแง่ร้ายและต้องการทำลายมัน! นี่คือตงฟาง การแก้แค้นของคนผู้หยิ่งทระนงยากจะทนทาน
“ตงฟาง! บอกตามตรง ถ้าเจ้ามาแทนข้าได้บางทีเจ้าอาจจะทำได้ดีกว่าข้า!” เย่ว์หยางพยักหน้าอย่างจริงใจ
“และยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่ต้องการเป็นโอรสที่ถูกสวรรค์เลือกข้าไม่ต้องการยืนหยัดเพื่อกอบกู้โลกและข้าไม่ต้องการจะฟื้นฟูหอทงเทียนและรับผิดชอบทั้งหมดข้าเกลียดที่จะทำเรื่องนี้ สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุดคือใช้เวลาอยู่กับหญิงงามอันเป็นที่รักดำเนินชีวิตตัวเองอย่างเรียบง่าย ข้าไม่เต็มใจจะแบกรับภาระหนักๆ ไว้บนบ่า แต่ก็ไม่มีใครให้ทางเลือกอื่นแก่ข้าเลย ข้ามีทางเลือกบ้างไหม? ไม่มี! ทุกอย่างได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่นและอาจกล่าวได้ว่าเจ้าบังคับให้ข้าต้องเป็นแบบนี้!”
“หากปราศจากแรงผลักดันภายนอก ข้าก็แค่นั่งกินนอนกิน ไปวันๆ และรอวันตาย”
“ก็เจ้านั่นแหละที่ผลักดันข้าไปสู่ความตายทีละก้าวทำให้ข้าต้องลุกขึ้นมาต่อต้าน ข้าต้องกัดฟันต่อสู้กับเจ้า! แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังบุกรุกหอทงเทียน และทำลายบ้านเกิดของเราแทนที่เราจะบุกเข้าไปในแดนสวรรค์และทำลายตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังบอกอะไรข้าเกี่ยวกับทางเลือกชะตากรรม ในความคิดของข้านั่นเป็นเรื่องตลก! ในความคิดของข้าการเลือกของโชคชะตานี้ไม่ใช่เป็นของหอทงเทียนแต่เป็นเพราะเจ้าได้กำหนดไว้กับข้า หากปราศจากแรงกดดัน ไม่มีการคุกคามจากเจ้า ข้าก็มีความสุขตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญไม่คิดจะฟื้นฟูหอทงเทียนด้วยซ้ำ! ถ้าเจ้าจะบ่นเกี่ยวกับเรื่องความไม่ยุติธรรมของเทพเจ้าข้าคิดว่าก่อนอื่นเจ้าต้องไตร่ตรองเสียก่อนว่าทำไมเจ้าถึงไม่มีคุณสมบัติ? ทำไมคนที่ดูผิวเผินด้อยกว่าเจ้าทำไมถึงมีคุณสมบัติได้? เป็นเพราะโชคชะตาไม่เลือกเจ้า?หรือเป็นเพราะเจ้า โชคชะตาถึงได้เลือกคนอื่น? ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของใคร? เป็นความผิดของคนอื่น?หรือเจ้าจะต้องรับผิดชอบด้วย”
“ข้านับถือเจ้าว่าเคยเป็นผู้อาวุโสดังนั้นข้าจึงตอบคำถามจากใจของเจ้าอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ตงฟาง เจ้าเป็นผู้บุรุกทำลายบ้านเกิดของเรามานานแล้วศัตรูผู้คร่าชีวิตมานับไม่ถ้วน อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับปีนั้นดีกว่าข้าไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับศัตรูอย่างเจ้า!”
“ตงฟาง! สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าที่สุดก็คือจะมีการต่อสู้ที่ไม่มีสิ้นสุดระหว่างข้ากับเจ้าไม่ว่าเจ้าต้องการใช้อุบายใดๆ ก็ตามเชิญใช้ออกมาได้ตราบเท่าที่ข้ายังไม่ตาย เจ้าคิดว่าจะชนะได้หรือ? เจ้าคิดว่าการใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยก็สามารถสั่นคลอนและปฏิเสธเจตจำนงราชันย์ของข้าได้หรือ? ข้ายอมแพ้เมื่อไหร่กัน?เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยความช่วยเหลือนักรบระดับเทพและทักษะแฝงเร้นพิเศษไม่กี่อย่างคิดว่าจะเอาชนะข้าได้หรือ?”
หน้าของเย่ว์หยางยังสงบ เขากางมือยักไหล่และพูดในที่สุด “เจ้าได้รับการทดสอบและถ่วงเวลารอให้หมากลับขึ้นมาทันเวลาข้าก็ศึกษาการต่อสู้เหมือนกัน! ข้าปรับเปลี่ยนแนวทางในการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง เจ้าคิดว่าข้าจะยอมติดอยู่ในโลกกระดานหมากรุกนี้ของเจ้าและยอมรับชะตากรรมหรือ เจ้าคิดว่าข้าจะรอความตายโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ?มีคำกล่าวว่าเจ้าฉลาด แต่คนอื่นก็ไม่โง่!”
ตงฟางประหลาดใจและพูด “เจ้ามีหมากลับด้วยใช่ไหม?”
เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องตอบ
ใกล้หูของเขา
มีเสียงสุนัขเห่าอย่างไม่น่าฟังแทนคำตอบทุกอย่าง