ตอนที่ 1317 เมื่อเจ้าไม่ชอบความนุ่มนวล งั้นข้าไม่เกรงใจ
ในโลกกระดานหมากรุกประตูทั้งหมดหายไปจนอยู่ในสภาพเริ่มต้น
เย่ว์หยางพบทันทีว่าตำแหน่งที่เขายืนอยู่มีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดเช่นกันราวกับตกลงไปในบ่อน้ำล้อมรอบด้วยพื้นที่กั้นด้วยกำแพงโปร่งแสง เย่ว์หยางมองเห็นได้ว่าศัตรูกำลังใกล้เข้ามาแต่เขาติดอยู่ในกับดักไม่สามารถหลบหลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะยกเว้นจากด้านบนศีรษะแล้ว
ไม่มีทางออกอื่น
เย่ว์หยางไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ ทำได้แต่เพียงเฝ้าดูการโจมตีของศัตรูภายใต้ทักษะแฝงเร้นที่คอยข่มอยู่และกฎสวรรค์แห่งโลกกระดานหมากรุกของตงฟาง โลกกระดานหมากรุกนั้นน่ากลัวยิ่งกว่ากระดานหมากรุกจริง ตอนนี้เย่ว์หยางถูกจำกัดไว้ที่ตัวหมากรุกที่ผูกพันกับกฎเกณฑ์อย่างลึกซึ้งมิทราบว่าจะเดินออกมาได้อย่างไร
ศัตรูไม่ถูกผูกมัดด้วยกฎหนี้ไม่ว่าจะเป็นจางเว่ย ถูซื่อหรือจ้าวภูผาพวกเขาสามารถเดินผ่านอุปสรรคขวางกั้นได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าไม่มีอะไรขัดขวางตรงกันข้าม กลับมีพลังช่วยเหลือให้เร่งความเร็วได้มากขึ้น
“อ๊า....”
ผีพรายยืนอยู่อย่างสงบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางเหมือนแมวที่ติดกับโจมตีรอบๆ ด้าน ด้วยความโกรธ
นางหวังว่าจะทำลายสิ่งกีดขวางด้วยพลังของนางออกมาช่วยเจ้านาย แต่ทุกอย่างไร้ผลไม่ว่านางจะใช้พลังโจมตีผนังใสหนักหน่วงเพียงไหนก็เหมือนกับถมทิ้งทะเลโดยไม่มีการตอบสนองใดๆ ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่พื้นที่ของนางยิ่งแคบลงๆ ในที่สุดก็ไม่มีพื้นที่ให้เหยียดแขนขากลับโดนห่อหุ้มตัวราวกับลูกซาลาเปา
“บึ้ม!”
ตอนนี้นักสู้ระดับเทพสามคนใช้ประโยชน์จากพลังของตงฟางผนึกพลังโจมตี
พลังเทพทั้งสามมีความกร้าวแกร่งแตกต่างกันต่างทะลวงผ่านมิติระดมโจมตีใส่เย่ว์หยางพร้อมกัน
จางเว่ยและจ้าวภูผาถูกพลังกระแทกสะท้อนกลับ ขณะที่มือสังหารเทพที่ถนัดลอบสังหารโจมตีจากด้านบนด้วยพลังสีแดงที่น่าตื่นตะลึง
ร่างของเย่ว์หยางสั่นทะท้าน
ร่างของเขาเริ่มเหมือนกับภูเขาถล่มทลายด้วยพลังทำลายที่เกรี้ยวกราดเขาค่อยล้มลงหมดสติภายใต้การโจมตีที่หนักหน่วง ไม่สามารถดิ้นรนได้ ตงฟางสร้างหลุมดำโดยตรง โลกหมากรุกรอบๆ ตัวเขาพื้นที่พื้นฟ้าพื้นดิน ด้วยพลังโจมตีของนักสู้ระดับเทพสามคนพร้อมกัน เกิดหลุมดำที่น่าสะพรึงกลัว ภายใต้พลังกฎสวรรค์มีพลังดึงดูดร่างของเย่ว์หยางเร่งเร็วขึ้นราวกับดาวตกเข้าไปในหลุมดำที่ไร้ที่สิ้นสุด ส่วนผีพรายติดอยู่ข้างในไม่สามารถขยับนิ้วได้
“จบแล้วหรือ?” จางเว่ยไม่อยากจะเชื่อ
เย่ว์ไตตันผู้มีเจ้าเล่ห์ผิดธรรมดาพ่ายแพ้ให้แก่พวกเขาแล้วหรือ?
เดิมทีเขาต้องผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาก่อน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าการผนึกพลังโจมตีจะทำให้เขาบาดเจ็บรุนแรงและหมดสติแน่นอนว่าความดีความชอบที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่การผนึกพลังของสามคนแต่เป็นตงฟาง หากไม่มีโลกกระดานหมากรุกของเขา และหากเขาไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ คิดจะดักจับเย่ว์ไตตันผู้นี้ให้ได้โดยไม่มีตงฟางต่อให้ทั้งสามคนร่วมมือกันก็ไม่มีทางเอาชนะได้ง่ายๆ
เมื่อเทียบกับการมองโลกในแง่ดีของจางเว่ย มือสังหารเทพถูซื่อระมัดระวังตัวมากกว่า “มันเรียบง่ายเกินไป เย่ว์ไตตันเอาแต่ตั้งรับอย่างเดียว ดูเหมือนเขาไม่ตอบโต้เลย นี่ไม่สอดคล้องกับนิสัยของเขา”
จ้าวภูผาส่ายหน้า “ในพวกเราไม่ได้มีใครใช้พลังเต็มร้อยชัยชนะแบบนี้น่าสงสัยอยู่บ้าง”
มังกรสองหัวกู่อั๋งและคนอื่นยังคงมองดูจักรพรรดิอสูร
พวกเขายังคงไม่คิดว่าเย่ว์ไตตันจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย แต่ระดับพลังในปัจจุบันของพวกเขาไม่สามารถมองเห็นความจริงได้ทั้งหมด
ดังนั้นพวกเขาทำได้แต่เพียงหันไปมองจักรพรรดิอสูรผู้มีพลังเทพระดับสูงพอๆกันตงฟางและเทพตนอื่นๆเพียงแต่จักรพรรดิอสูรผู้นำเผ่าเก้าหัวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นแก่นแท้ของเรื่องราวต่างๆได้ มีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของจักรพรรดิอสูร “ที่จริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมองมาที่ข้าเลย พวกเจ้าน่าจะได้เห็นผีพรายในสนามต่อสู้นางไม่ตายหรือได้รับบาดเจ็บเลยนั่นเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเย่ว์ไตตันยังอยู่ดีปลอดภัยไม่ใช่หรือ? แม้ว่าโลกกระดานหมากรุกจะไม่ยอมให้ใช้คัมภีร์อัญเชิญที่นี่ไม่อนุญาตให้อสูรอัญเชิญเข้าร่วมรบ แต่ตั้งแต่มีอสูรศึกอยู่ด้วย กฎควบคุมต้องได้รับผลกระทบแน่นอน”
“ใช่แล้ว นางพรายยังปลอดภัยดีเย่ว์ไตตันก็ปลอดภัยเช่นกัน ตอนนี้น่าห่วงจริงๆ”
“แต่เมื่อสามเทพผนึกพลังกันโจมตีอย่างหนักเย่ว์ไตตันถูกรุกไล่จนทำอะไรไม่ได้ อย่างนี้จะดีหรือ?”
“หลุมดำนั่นสร้างโดยเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไม่ใช่หรือ? ถ้านั่นเป็นประตูเทพที่เย่ว์ไตตันสร้างขึ้นเองเย่ว์ไตตันก็มีโอกาสหลบหนีได้ นั่นเป็นเรื่องปลอดภัย”
“ตงฟางปฏิเสธการมีอยู่ของประตูเทพทั้งหมดไม่ใช่หรือ?เป็นไปไม่ได้ที่จะมีประตูเทพ
“พูดได้ดี จางเว่ยไม่มีประตูเทพช่วยสนับสนุน ประสาอะไรกับการเลียนแบบของที่คล้ายประตูเทพของเย่ว์ไตตัน...”
“อย่างนั้นท่านว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร?”
“เจ้าถามข้า แล้วจะให้ข้าถามใคร?”
คนที่ดูการต่อสู้นี้พูดคุยกันชั่วขณะและทุกคนบอกว่าพวกเขาพึมพำกันไม่มีใครเชื่อใครต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตนเอง แต่ละคนไม่สามารถทนคิดไตร่ตรองต่อไปได้ การแสดงฝีมือของเย่ว์หยางดูเหมือนธรรมดา แต่ทุกคนยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าลึกลับซับซ้อนไปหมดสุดท้ายความสงสัยคำถามลามไปถึงจางเว่ยและพวกที่รุมล้อมโจมตี
ปัญหาอยู่ตรงไหน?
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอย่างหนักถูว่านที่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาลงไปดิ้นพล่านร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
กระดูกอกและกระดูกสันหลังของเขาระเบิดพร้อมกันและศีรษะยุบเข้าไปมีรอยเลือดอยู่ในศีรษะ สมองกระจายออกมาข้างนอกและที่ยิ่งกว่านั้นแสงสีแดงที่กราดเกรี้ยวโหมกระหน่ำทำร้ายภายในร่างเทพของเขาสร้างความเสียหายอย่างหนักกับร่างกายของเขา หากไม่ใช่เพราะนี่คือร่างเทพเขาคงถูกเฉือนจนเหลือแต่กระดูก
รอยหมัดสีทองปะทุออกมาจากกระดูกหน้าอกของถูว่านและซี่โครงของเขาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นออกมาด้านนอกเหมือนเส้นฟางที่แตกหัก
ชิ้นส่วนอวัยวะภายในพ่นกระจายเต็มท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันยังมีรอยกำปั้นสีทองและม่วงระเบิดออกมาจากกระดูกสันหลัง
มันไม่ได้ทำลายแค่กระดูกข้อต่อหรืออวัยวะภายในเท่านั้นแต่รอยหมัดที่น่าสะพรึงกลัวไม่เคยหายไป แม้ว่าถูว่านจะมีร่างเทพแต่เขาไม่สามารถฟื้นตัวตามปกติได้
“ทำไมถึงต้อง..เป็นข้าอีกแล้ว?”ถูว่านใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดพูดก่อนจะไอเป็นโลหิตอย่างอ่อนแรง
เขาพูดไม่ออก
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกรังแกมากที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลายแต่เขาไม่จำเป็นต้องมาทนทุกข์ทรมานทุกครั้งไม่ใช่หรือ? นี่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย! แค่หลีกเลี่ยงจากการต่อสู้เป็นความผิดนักหรือ? ทำไมเขาต้องมาทนรับบาดเจ็บด้วย? นอกจากนี้พวกเขาต่อสู้กับเย่ว์ไตตันทำไมต้องให้เขาต้องมารับทุกข์ทรมานแทนเขาด้วย? คนที่เป็นศัตรูก็คือเย่ว์ไตตัน เป้าใหญ่ขนาดนั้นยังจะเข้าใจผิดได้อีกหรือ?
พวกเจ้าจงใจแกล้งข้าใช่ไหม?
ถูว่านอยากจะถามพันธมิตรของเขาอย่างนี้มาก
น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาจะร้องโหยหวนคร่ำครวญด้วยคำพูดที่น่าเศร้าจากลำคอที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนอวัยวะภายใน เขาตาเหลือกหมดสติทรุดลงกับพื้น
“เห็นชัดแจ๋วเลย” เด็กหนุ่มอสูรหัวดื้อปรบมือพูดเสียดัง “เดิมบทบาทของผีพรายก็คือรับอาการบาดเจ็บแทนเจ้านายและเปลี่ยนไปให้คนอื่นรับเคราะห์กรรมแทน! วิเศษมากด้วยความช่วยเหลือของผีพรายนี้ จะไม่มีทางเอาชนะเย่ว์ไตตันได้เลยยิ่งพยายามเล่นงานเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ผีพรายจะส่งความเจ็บปวดไปให้ผู้นั้นมากยิ่งขึ้น
“ผีพรายธรรมดาไม่สามารถส่งผ่านอาการบาดเจ็บเสียหายไปให้นักสู้ระดับเทพได้ มีแต่ผีพรายที่อยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้นที่มีสติปัญญาเหนือกว่าเป็นผีพรายระดับเทพอสูร”จักรพรรดิอสูรชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างทั้งสอง
สำหรับเทพอสูรผีพรายข้างหน้านี้ซึ่งแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ทำให้ผู้ชมประหลาดใจมาก
น่าเสียดายที่ทุกคนเห็นแต่ผล
ไม่มีใครเห็นว่านางใช้วิธีรับพลังแทนเจ้านายแล้วถ่ายเทพลังไปให้คนอื่นอย่างไร
“ไสหัวออกไปซะ” ตงฟางแค่นเสียงเบาๆในโลกกระดานหมากรุกมีแสงวาบขึ้น ถูว่านซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสยากจะฟื้นตัวและผีพรายที่ยังติดกับดักไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ถูกแยกออกไปจากโลกกระดานหมากรุกพร้อมกันต่างจากผู้ชมดู ทั้งสองถูกแยกออกจากกัน แม้ว่าจะอยู่นอกโลกกระดานหมากรุก แต่ไม่สามารถใช้พลังของตนเองได้อีกต่อไปเหมือนกับว่าหมากทั้งสองถูกเปลี่ยนไปแล้ว
อสูรผีพรายถูกถอนตัวออกไป
เย่ว์หยางที่เพิ่งถูกหลุมดำกลืนกินไปเมื่อครู่นี้ยังไม่ปรากฏตัว
หรือว่าเขาถูกโยนเข้าไปในรอยแยกของมิติเวลาที่ไร้ที่สิ้นสุดไม่สามารถหาทางกลับมาได้ชั่วคราว?
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็คือดี...แต่จางเว่ยยังไม่ทันจะแสดงความดีใจเขาเห็นเจ้าเด็กบ้านนอกที่น่าเกลียดยืนหาวอยู่ที่ด้านหลังจ้าวภูผา
เจ้าเด็กนี่ไปถึงนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?
จางเว่ยยังคงงงงวยครุ่นคิดไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแม้แต่ผู้ที่ตอบสนองได้เร็วที่สุดอย่างมือสังหารเทพถูซื่อก็ยังไม่เข้าใจ
จ้าวภูผาผู้มีร่างใหญ่ก็ยังไม่พบว่าศัตรูมายืนอยู่ข้างหลังของเขายังมัวแต่คนหาจุดที่น่าสงสัยทั้งหมดโดยไม่รู้ว่ามีภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ยืนอยู่ข้างหลัง....เทียบกับความสูงยี่สิบเมตรของจ้าวภูผาและทักษะแฝงเร้นมั่นคง เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องมองยักษ์ใหญ่นี้ซึ่งตัวสูงยิ่งกว่าตึก
ถ้าว่ากันที่น้ำหนักตัวต่อให้มีเย่ว์หยางร้อยคนก็คงจะพ่ายแพ้
แต่
พลังต่อสู้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
ดูเหมือนเย่ว์หยางจะชกด้วยหมัดธรรมดาดูเนิบนาบเหมือนไม่ใช้แรงช้าราวกับทากเบากว่าปุยฝ้ายและแทบจะไม่มีเสียง คาดว่าน่าจะดังว่าเสียงขนนกเพียงเล็กน้อย อย่าว่าแต่จะเอาชนะจ้าวภูผาเลย แม้แต่ยุงหรือมดก็ยังไม่สามารถฆ่าได้
วินาทีต่อมาจางเว่ยเห็นบุรุษผู้มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมีความลำพองใจหยิ่งยโสในร่างอย่างจ้าวภูผาร่วงล้มกับพื้นเสียงดังสนั่น เท้าขวาที่มีพลังสามารถย่ำช้างแมมม็อธได้อย่างง่ายดายกระดูกแตกเป็นชิ้น
ยิ่งดูก็ยิ่งสยดสยอง
เทียบกับอกของถูว่านที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหนักเท้าขวาของจ้าวภูผาดูอนาถยิ่งกว่า...ภายใต้สายตาที่รู้สึกเหลือเชื่อของจางเว่ยเย่ว์หยางเป็นเหมือนมดที่เคลื่อนย้ายก้อนหินขนาดใหญ่ เขาใช้มือจับจ้าวภูผาขึ้นอย่างง่ายดายราวกับยกกระสอบนุ่นแล้วฟาดกับพื้นอย่างหนักหน่วงเมามัน
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !
ไม่รู้ว่าเขาจับฟาดกระแทกกี่ครั้งแต่ยอดเขากลายเป็นที่ราบ ที่ราบกลายเป็นหลุมลึกจากการหวดฟาดอย่างบ้าคลั่งบางส่วนพื้นที่กลายเป็นเนิน
ทั่วทั้งโลกกระดานหมากรุกเปลี่ยนสภาพเป็นย่อยยับพังทลาย
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคนเย่ว์หยางโยนจ้าวภูผาที่ยังคงมึนงงตัวสกปรกออกไปราวกับโยนตุ๊กตาพังทิ้งเขาปัดฝุ่นดินโคลน จากนั้นหันไปยิ้มกว้างให้จางเว่ยเทพประตูมังกร “เจ้าสบายใจได้ถ้าเจ้าไม่ชอบให้ข้าอ่อนโยนอย่างนั้น ข้าจะเพิ่มความโหดขึ้นอีกสักเล็กน้อยก็ได้!”
เอาชนะจ้าวภูผาผู้มีทักษะแฝงเร้นมั่นคงถึงขนาดต้องคลานหาฟันแบบนี้เรียกว่าอ่อนโยนอีกหรือ?
เจ้าแน่ใจหรือ?
ตราบใดที่จางเว่ยคิดเรื่องนี้เจ้าเด็กนี่คงต้องจัดการกับเขาอย่างรุนแรง เขารู้สึกหนาวสะท้านในทันใดความเย็นยะเยือกแล่นตั้งแต่ปลายเท้าไปตามกระดูกสันหลังขึ้นไปถึงศีรษะ
จบกัน ตงฟางพูดถูก เจ้าเด็กบ้าไตตันผิดมนุษย์ธรรมดาจริงๆ!
*********