ตอนที่ 1316 ไม่มีวัฒนธรรม น่ากลัวจริง
“ประตูของเจ้าเป็นของปลอม!” จางเว่ยไม่เห็นความแตกต่างระหว่างประตูที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นกับของตน แต่เขาเชื่อว่าทั่วทั้งแดนสวรรค์นอกจากทักษะแฝงเร้นของเขาแล้ว ไม่มีใครอื่นที่สามารถสร้าง ‘ประตู’ ได้
ต่อให้นักสู้ระดับเทพสร้างประตูที่คล้ายกันได้ก็ตาม แต่ต้องเป็นของปลอม
ลักษณะภายนอกเป็นรูปประตูแต่ไม่มีคุณสมบัติของประตู
หลังจากที่เขาเลื่อนระดับขึ้นเป็นนักสู้ชั้นเทพจางเว่ยต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามพันปีในการหลอมรวมและศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถของเขาให้สูงสุดก่อนในที่สุดก็สร้างประตูเทพสองบานซึ่งผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพลังเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูเทพทวารบาลต้องใช้เวลาเกือบสองพันปี มันถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบความยากไม่ต่างจากการสร้างโลกใบเล็ก เย่ว์ไตตันที่อยู่ต่อหน้านี้ไม่เคยสัมผัสประตูที่คล้ายกันมาก่อนและเขาไม่มีความสามารถเช่นนี้ ทำไมเขาถึงสร้างประตูแบบเดียวกันได้ทั้งที่เพิ่งมองเห็นแท้ๆ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการสร้างประตูเทพสามบานเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ดังนั้นจางเว่ยมั่นใจเต็มร้อยว่าประตูทั้งสามเป็นของปลอมแน่นอน
เพียงแต่มีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกัน
แค่ทำให้ผู้คนสับสน
“ประตูของข้าคือประตูเทพทวารบาลที่มีความพิเศษสุดในแดนสวรรค์ ถ้ามีประตูบานนี้จะไม่มีพลังใดๆสามารถผ่านไปได้และภายใต้เจตจำนงของข้าผู้พ่ายแพ้ทั้งหมดจะถูกขังอยู่ในโลกแห่งประตู นั่นไม่ใช่อย่างที่สายตาเจ้าเห็น ประตูเจ้ามันธรรมดามาก แค่เอาไว้ใช้เดินผ่านไปมาเท่านั้น!” ประตูเทพทวารบาลยังมีความลับที่สำคัญมากกว่าอย่างแน่นอน แต่จางเว่ยไม่พูดออกมาง่ายๆ เขาแค่บอกลักษณะบางอย่างของประตูเทพทวารบาลที่เขาสร้างขึ้นด้วยความสามารถเหล่านี้ที่คนอื่นไม่มีและตอบโต้เย่ว์ไตตันผู้ที่พยายามเลียนแบบลักษณะของประตูเพื่อหลอกลวงคนดู
พลังเทพและทักษะแฝงเร้นที่ไม่เหมือนใครของเขาเองจะให้พวกบ้านนอกในหอทงเทียนมาเลียนแบบเล่นได้อย่างไร
ประตูก็เช่นเดียวกับโลกของมัน
เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมารดาไม่วันเข้าใจ!
นี่คือความมั่นใจของทหารรักษาการณ์อันดับหนึ่งในฐานะเทพทวารบาลแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์....“แค่ก แค่ก!” ถูว่านร่างกายบอบช้ำและอ่อนแอยากจะฟื้นตัวด้วยพลังเทพได้ เขาถอยห่างออกมาจากเย่ว์หยางเงียบๆไม่ว่าเย่ว์หยางจะสร้างประตูได้หรือไม่? หรือใช้ความสามารถของผู้อื่น?หรือมีความสามารถอย่างอื่น เขาไม่ต้องการรู้อีกแล้ว
อยู่ห่างๆ จะปลอดภัยที่สุด
บางทีอาจไปกระทบอีกฝ่าย
ถูว่านรู้สึกว่าตั้งแต่เขาพบเห็นเจ้าเด็กเย่ว์ไตตันเขาพบแต่ความซวยทุกข์ทรมานซ้ำซาก ไม่มีอะไรดีขึ้น
แต่ตอนนี้จ้าวภูผาผนึกพลังกันโจมตีเย่ว์ไตตัน เจ้าเด็กนี่ยังไม่ได้ทำอะไรแต่เขาแทบไม่เหลือกระดูก ถ้าไม่ใช่เพราะมีร่างเทพน่ากลัวว่าเขาคงตายไปหมื่นครั้งแล้ว ผีพราย เทพทวารบาล ใครเป็นคนควบคุม และทำได้อย่างไร เขาไม่ต้องการสงสัยใคร่รู้อีกต่อไปเขาไม่ต้องการเข้าไปใกล้ ไม่ว่ายังไงก็ตามการเข้าไปใกล้เย่ว์ไตตันไม่ใช่เรื่องดีเลย!
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถไปจากโลกกระดานหมากรุกได้ ถูว่านต้องการถอนตัวออกมา ไม่ต้องการเล่นต่อ
ทำไมคนอื่นสู้กัน ตัวเขาต้องมาได้รับบาดเจ็บด้วย?
เขาไม่ใช่ผู้เล่น!
ความด้อยคุณภาพของนักสู้มีความแตกต่างกันว่าไปแล้วนี่ไม่ใช่ปัญหาคุณภาพของนักสู้แม้แต่น้อย เรื่องการเลือกปฏิบัติแบบนี้อย่าได้เกิดซ้ำสองอีก
ถูว่านรู้สึกผิดลึกๆเขาตั้งใจอยู่ให้ห่างจากสนามต่อสู้ให้มากที่สุด อยู่ให้ห่างจากเย่ว์ไตตันตัวซวยก็ยังดี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่สำคัญ แต่เขาถูกกำหนดไม่ให้หลีกเลี่ยงชะตากรรมแล้ว
เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ทันทีที่เขาขยับตัว จ้าวภูผาก็สังเกตพบอย่างเยือกเย็น
ถูว่านสูงห้าเมตรกลายเป็นยักษ์แคระเมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวภูผาที่สูงถึงยี่สิบเมตรซึ่งมีทั้งความแข็งแกร่งและความสามารถช่องว่างขอบเขตความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองก็พอกัน ถูว่านไม่พอใจเขาอยากจะเลิกสู้ที่เขาต้องกลายเป็นกระสุนปืนใหญ่อย่างไร้สติ แต่จ้าวภูผามาปรากฏอยู่ด้านหลังถูว่านด้วยความเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าทันที
เท้าขนาดใหญ่
ยันถูว่านลอยเข้าหาเย่ว์หยาง
กระแทกเข้ากับประตูเขียวสดใสนั้นโดยตรง
ตงฟางซึ่งควบคุมโลกกระดานหมากรุกทั้งหมดอยู่เบื้องหลังไม่ได้คัดค้านแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนในพื้นที่ของโลกกระดานหมากรุก ถูว่านที่พยายามดิ้นรนเหมือนผีที่กำลังจมน้ำพุ่งเข้าประตูอันงดงาม
ประตูที่เย่ว์ไตตันสร้างมีคุณบัติพิเศษเหมือนของประตูเทพของจางเว่ยหรือไม่?
หลังจากนั้น
จะมีคำตอบออกมา
ประตูสีดำเปิดออกมีลาสีดำที่งงงวยร้องลั่นวิ่งหนีเย่ว์ไตตัน...เกิดอะไรขึ้น? เห็นได้ชัดว่าถูว่านวิ่งเข้าไป แต่ออกมากลายเป็นลาโง่ได้อย่างไร?
ทุกคนจ้องมองตะลึงประตูที่เย่ว์ไตตันสร้าง เป็นประตูเทพของแท้หรือ?
จักรพรรดิอสูรตะลึงอยู่ก่อนจากนั้นก็หัวเราะลั่น
คนที่ดูการต่อสู้หันไปมองเขา
แต่เขาไม่พูดอะไร
สนุกและตลกอยู่คนเดียวทำให้คนอื่นเห็นแล้วอิจฉา
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่จ้าวภูผาคนที่ถีบถูว่านเข้าประตูและจางเว่ยก็หัวเราะลั่นไปด้วย คนเดียวที่จริงจังก็คือถูซื่อพี่ชายของถูว่านเขายิงแสงเทพไปบนร่างลาดำเหมือนว่าจะสลายพลังบางอย่างออกไปด้วยพลังเทพและเจตจำนงที่แข็งแกร่ง ร่างลาดำเปลี่ยนสภาพไปเป็นร่างถูว่านที่มีสีหน้าตกใจเหมือนเดิม
“เจ้าพบเห็นอะไรในประตู?” หลังจากกลั้นหัวเราะอย่างยากลำบากในที่สุดจ้าวภูผาที่เป็นคนถีบถูว่านเข้าประตูถามความรู้สึกของเขา
“บัดซบ...” ถูว่านสบถด่าถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าและพลังแตกต่างเกินไปเขาคงเตะอีกฝ่ายหนึ่งคืนแล้ว
“นี่ไม่ใช่ประตูเทพเป็นแค่ใช้เคล็ดแปลงร่างเท่านั้น!” หลังอ่านสถานการณ์จบ จางเว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาพบว่าสิ่งที่เย่ว์ไตตันสร้างขึ้นนั้นไม่ใช่ประตูเทพเหมือนที่เขาเองสร้าง แต่เป็นอย่างอื่นการค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก หากเย่ว์ไตตันมีความสามารถในการสร้างประตูเทพได้อย่างรวดเร็วอย่างนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็คงลำบาก คนผู้นี้เจ้าเล่ห์ไม่ธรรมดาอย่างนี้ คงสู้ได้ไม่ดีเป็นแน่!
“ประตูเปลี่ยนร่างหรือ?” จ้าวภูผาเห็นว่าแปลกไปบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจนัก
“เลียนแบบได้คล้ายมาก แต่ดูเหมือนจะมีเพียงความสามารถใช้ในการเปลี่ยนร่างเท่านั้น” แม้ว่าน้ำเสียงของถูซื่อจะเบาแต่ความระวังของเขาไม่ได้ลดลง
“ผิดแล้ว นี่คือประตูรอบรู้”เย่ว์หยางโบกมือ และเขาทำท่าเลียนแบบท่าทางมั่นใจที่จางเว่ยเพิ่งทำก่อนนี้ ด้วยท่าทางที่ดูดีประตูเขียวเปล่งรัศมีกระพริบวาบและมีบรรทัดข้อความปรากฏ
ข้อความนี้ไม่ใช่ภาษาในแดนสวรรค์หรือหอทงเทียนไม่ใช่ทั้งภาษารูน
แต่เป็นตัวอักษรรูปทรงสี่เหลี่ยมปะติดปะต่อด้วยเส้นขีดแปลกประหลาด
จัดวางอย่างเรียบร้อย
มองดูทีแรกเขาไม่รู้สึกอะไรแต่เขาสังเกตเป็นเวลานานก็รู้สึกว่าน่าสนใจ รู้สึกด้วยถึงความงดงามที่มิอาจบรรยายได้ แม้ว่าจะไม่รู้จักแต่ทุกคนในปัจจุบันนี้เชื่อว่านี่เป็นข้อความที่สมบูรณ์ บางทีอาจเป็นข้อความที่เคยเผยแพร่ในสมัยโบราณ แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้วและไม่มีใครสามารถจดจำได้อีกต่อไป... ข้อความตัวหนังสือรูปสี่เหลี่ยมเหล่านี้ถูกจัดวางเรียงอย่างน่าอัศจรรย์ลอยลงมาจากท้องฟ้าเป็นโศลกบทกวีที่เปรียบเปรยว่ากล่าวคนโง่บทหนึ่ง
ทุกคนมองเห็นได้ชัด แต่ไม่มีใครรู้ได้แต่เบิกตากว้าง
ไม่มีใครเข้าใจว่าคำเหล่านี้มีความหมายอะไร
รวมทั้งผู้รอบรู้อย่างเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางก็ไม่มีข้อยกเว้น
“นี่คือความหมายพื้นฐานของประตูรอบรู้ ใครก็ตามที่เข้าประตูรอบรู้นี้และไม่สามารถไขปริศนาของประตูได้จะถูกลงโทษโดยพลังเทพสาปให้เป็นลา” เย่ว์หยางกลั้นหัวเราะและแนะนำผลงานชิ้นเอกของเขาให้ทุกคนฟังอย่างจริงจัง ในที่สุดเขาถอนหายใจ “ในฐานะนักรบชั้นเทพ คำศัพท์ไม่กี่คำก็ยังไม่รู้ น่าสมเพชไม่มีวัฒนธรรมเอาเสียเลย!”
หน้าของถูว่านเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเขาอยากเป็นไส้เดือนที่สามารถแทรกแผ่นดินหนีไปได้จริง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยโดนหยามหน้า แต่ไม่เคยโดนหนักขนาดนี้
เขาเป็นนักสู้ระดับเทพคนหนึ่ง!
ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นคนโง่ไม่รู้หนังสือได้อย่างไร?
ต้องตกอยู่ภายใต้สายตาคนระดับต่ำกว่าเหมือนโดนตบหน้าเขาตายตาไม่หลับจริงๆ
“มันก็แค่กับดักไม่ใช่ประตูเทพแต่อย่างใด” จางเว่ยเข้าใจได้ในที่สุด เจ้าเด็กเย่ว์ไตตันผู้นี้ไม่สามารถใช้ประตูได้เลยและเขาไม่เคยสร้างประตูได้ ที่เขาสร้างเป็นกับดักที่ดูเหมือนประตูเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเขาทึ่งตั้งแต่เห็นการเลียนแบบการใช้งาน เย่ว์ไตตันใช้เวลานานเพียงไหน? ตงฟางบอกว่าเจ้าเด็กนี่เป็นภัยคุกคามซึ่งก็ไม่เลวจริง! สติปัญญาที่ไม่ธรรมดาและทักษะแฝงเร้น ถ้าเจ้าเด็กนี่มีเวลาฝึกฝนสักหลายร้อยหลายพันปี อย่างนั้นคาดว่าแดนสวรรค์บนคงถูกเขาทำล่มสลายได้ อย่าว่าแต่แดนสวรรค์เลย
“ลองอีกครั้ง!” จ้าวภูผาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังถูว่านที่รีบหมอบลงกับพื้นครั้งที่สองนี้ถูว่านผู้โชคร้ายถูกเตะโด่งเข้าไปประตูที่สองข้างหน้าเย่ว์หยาง
นอกจากนี้ยังเป็นบานประตูที่วิจิตรงดงาม
ถูว่านร้องเสียงหลง
เขาต้องการบอกว่าทำไมถึงต้องเป็นเขา แต่ในฐานะกระสุนปืนใหญ่ใช้แล้วทิ้งเขาไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก
อย่าว่าแต่จางเว่ยและตงฟางเลยแม้แต่ถูซื่อผู้เป็นพี่ชายที่นับถือก็ไม่ปฏิเสธทำตัวเหมือนกับคนนอกยืนมองดูเหตุเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างเยือกเย็น
“ปัง!”
ประตูที่วิจิตรงดงามเปิดเป็นครั้งสองหลังจากปิดเพียงวินาทีเดียว
ความสว่างนับไม่ถ้วนฉายอยู่ในท้องฟ้ามีเงาร่างหนึ่งถูกโยนลงมาบนพื้นเหมือนกับสุนัขตาย ทุกคนเพ่งตามองดูและพบว่าเงาดำที่เห็นในสนามไม่ใช่ลาดำอีกต่อไปแต่เป็นภูตน้อยอ่อนแอที่น่าเกลียด ภูตน้อยที่น่าเกลียดนี้ยืนตัวสั่นอยู่ตรงกลางเย่ว์หยางทนให้ผู้คนโดยรอบมองดูอย่างไม่เกรงใจ
และยังคงเป็นถูซื่อผู้เป็นพี่ชายที่ขับไล่สลายพลังของประตูที่มีแสงเทพงดงามวิจิตรฟื้นฟูสภาพของภูตน้อยน่าเกลียดกลายเป็นถูว่าน
ถูว่านคืนร่างได้ก็ร่ำไห้ทันที
เขาร้องไห้เสียใจ
การโจมตีนี้รุนแรงเกินไปอย่าว่าแต่ฝ่ายพันธมิตรเดียวกันและผู้ชมดูเลย แม้แต่ศัตรูอย่างเย่ว์หยางก็ยังรู้สึกเห็นใจ
“นี่คือกับดักอะไรอีก? ประตูอสูรหรือ?” จางเว่ยแกล้งทำเป็นเหยียดหยาม เขาพบว่าพลังของประตูบานที่สองนี้แตกต่างกับประตูบานก่อนอย่างสิ้นเชิงแต่ให้ผลคล้ายกันทำให้เขางงงวย
“ผิด, นี่คือประตูยุติธรรม!” เย่ว์หยางเถียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์
จากนั้นโบกมือ
ท่าทีโต้ตอบที่มั่นคงนี้ทำให้จางเว่ยหน้าดำเป็นหมึกแต่เย่ว์หยางไม่รู้สึกแม้แต่น้อย เขาพูดกับผู้ชมดู “พวกเขาเคยเห็นคำเหล่านี้ไหม? นี่คือความลับของประตูยุติธรรม”
ข้อความลับที่เขาเขียนไว้ ‘แมวกินปลา หมากินเนื้อ สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย’ เป็นคำเด่นสง่า
ตามมุมมองของเย่ว์หยางผู้บุกรุกทุกคนไม่สามารถไขปริศนาของประตูยุติธรรมนี้ได้ ถ้าไม่มีความรู้สึกถึงความยุติธรรมก็จะถูกพลังเทพลงโทษ และทุกคนตกตะลึง ทุกคนหันไปดูถูว่านพร้อมกัน ส่วนใหญ่มองดูด้วยความดูถูก มีแต่เด็กหนุ่มผู้ดื้อด้านเท่านั้นที่มองดูด้วยความเห็นอกเห็นใจ “มันไม่สำคัญว่าจะต้องมีความยุติธรรมหรืออะไรก็ตาม เป็นลูกผู้ชายต้องอาละวาดให้สมใจ อย่างไรก็ตามในฐานะที่เจ้าเป็นเทพที่อวดรู้ ข้าไม่มีความยุติธรรมที่จะอวดแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะมีความขัดแย้งบางอย่างนี่คือภาพลวงตาของข้าหรือ?”
ได้ยินเด็กหนุ่มอสูรหัวดื้อพูดถูว่านยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม
สนามรบเงียบอยู่เป็นเวลานาน
ทุกคนกำลังคิดหาวิธีจัดการ
เย่ว์ไตตันผู้นี้ในโลกกระดานหมากรุกสามารถสร้างกับดักได้ ต้องไม่ประมาทเขา ต่อไปจะโจมตีฆ่าเขาอย่างไรกันแน่?
ขณะที่ถูซื่อและจางเว่ยกำลังคิดอย่างหนักตงฟางพูดขึ้นทันที “เย่ว์ไตตัน ถ้าความรู้แจ้งทั้งหมดเหล่านี้เป็นความสามารถของเจ้า อย่างนั้นการต่อสู้ก็จบลงแล้วอย่าลืมนี่คือโลกที่ข้าสร้างขึ้น ตราบใดที่เจตจำนงของข้าไม่อนุญาตให้สิ่งนั้นมีก็จะไม่มีประตูในโลกกระดานหมากรุกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นประตูจริงหรือประตูปลอม”
หลังจากนั้นมีแสงสว่างฉายเข้ามาในโลกกระดานหมากรุก
ไม่ว่าจะเป็นประตูเทพทวารบาลของจางเว่ยหรือประตูเทพสามบานที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นล้วนหายไปไม่เหลือร่องรอย
*********
** ผีพรายไม่ใช่ภูตเพลิงฟ้าครับ นั่นเป็นนั่นเป็นอสูรที่เย่ว์หยางทำสัญญาแล้ว แต่พวกผีพรายจะเป็นพวกสัมภเวสีที่ทนทรมานอยู่ตามที่ต่างๆและบังเอิญเย่ว์หยางช่วย เช่นที่ หุบเขาราคะด่านฝึกฝีมือที่สี่ หรือตอนไปผจญภัยหาสมบัติกับหลิวเย่ ก็ช่วยปลดปล่อยวิญญาณสัมภเวสีทั้งเมือง และสัมภเวสีเมืองนั้นได้มีส่วนร่วมแบกรับพลังเทพชะตาก็เลยได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่ไปด้วย และการต่อสู้ของเย่ว์หยางต่อไปนี้ จะเจอแต่ตัวโหดระดับเทพ