ตอนที่ 1315 เจ้าทำมากเกินไปแล้ว!
ผีพราย!
มันคืออสูรชั้นพิเศษที่หาได้ยากมากในแดนสวรรค์เพราะมันมีความสามารถบางอย่างที่โดดเด่น ร่างของมันเสมือนจริง อย่างไรก็ตามภูมิปัญญาศักยภาพและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างอ่อนแอในระยะยาว ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของนักสู้ผู้แข็งแกร่งจากแดนสวรรค์บน แม้แต่นักรบที่เหนือกว่าระดับเจ้าแคว้นก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายเริ่มทำสัญญากับอสูรพิเศษตัวนี้มันยากจะทำงานร่วมกับผู้เป็นเจ้านาย
ศักยภาพและสติปัญญาเป็นจุดฝึกฝนที่สำคัญที่สุดสำหรับอสูรเสมออสูรไม่มีพลังในการต่อสู้ได้ แต่จะขาดศักยภาพไม่ได้ ประสาอะไรกับปัญญา
จู่ๆ ผีพรายที่โผล่ขึ้นมาถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอสูรชี้บอก
ด้วยสายตาของมังกรสองหัวกับพวกคาดว่าหลังจากผ่านไปสามวันสามคืนพวกเขาไม่มีทางนึกถึงอสูรชนิดพิเศษที่เย่ว์หยางใช้พลิกสถานการณ์ต่อสู้มันเป็นอสูรพิเศษที่แทบไม่มีใครๆ ในแดนสวรรค์ให้ความสนใจ
“ดูไปก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว” มีอยู่คนเดียวที่ยังคงตั้งคำถามคือเด็กหนุ่มอสูรผู้ดื้อด้าน
แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับอสูรต่างๆในแดนสวรรค์ แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาเคยได้ยินมาหรือเห็นมันมาก่อน
ผีพรายในตำนานไม่เหมือนที่อยู่ข้างหน้าอย่างนี้เลยแม้แต่น้อย เงาที่เรียวยาวของเย่ว์ไตตันทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมีพลังว่างเปล่าครึ่งหนึ่งหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นผีพรายมีสติปัญญาต่ำและมีศักยภาพต่ำเสมอจะกลายเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขามีความเป็นปัจเจกบุคคลเทพจะอยู่ในระดับอสูรเทพใกล้ความเป็นมนุษย์มากเหมือนจะมีเลือดเนื้อที่แท้จริงมากที่สุดดวงตาเปล่งประกายแวววาวไม่ด้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา เป็นไปไม่ได้ที่ผีพรายจะเลื่อนระดับได้มาจนถึงระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์
สิ่งที่สำคัญที่สุดผีพรายคือพลังงานชีวิตที่ไม่มีเพศ
แต่ที่อยู่ข้างหน้านี้
เป็นร่างสตรีผู้งดงามอย่างน่าทึ่ง
เย่ว์หยางเกือบลืมผีพรายไปแล้วและขณะที่ยืนอยู่ข้างเขาอย่าว่าแต่คนภายนอกเลย ต่อให้เจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นก็จำไม่ได้อย่างแน่นอนว่าหญิงงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือผีพรายที่มีพลังชีวิต
ร่างของนางสวมเกราะคล้ายเกราะรบจันทรา ทุกอย่างถูกเปลี่ยนไปโดยพลังชะตาที่นางช่วยแบกรับ แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นสัญลักษณ์ของการกลับชาติมาเกิดความก้าวหน้าและกลายพันธุ์ของนางทำให้นางเลื่อนชั้นเป็นเทพอสูรเป็นสิ่งที่ดำรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์โดยอยู่ร่วมกับชะตาของเจ้าชีวิตนางแต่ควบคุมอย่างเป็นทางการด้วยเจตจำนงอิสระส่วนตัวของนาง
เพราะช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับเย่ว์หยางซึ่งเป็นเจ้านายที่ไม่ได้ทำสัญญานางก้าวเข้ามาช่วยสนับสนุนเขาอย่างไม่ลังเล
ผีพรายนางได้รับรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต
เลื่อนเป็นเทพอสูร
ยิ่งกว่านั้นยังมีโชคชะตาเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้านายตลอดไปไม่หลงติดอยู่ในชีวิตที่เปราะบางของนางอีกต่อไป นางก้าวข้ามโชคชะตาจิตวิญญาณของผีพรายเดิมเปลี่ยนไปเป็นการดำรงคงอยู่แบบอื่นโดยสิ้นเชิงไม่เหมือนใครในภายใต้ฟ้านี้! ตอนนี้นางเป็นเทพอสูรที่มีพลังร่างชะตาของเขาโดยไม่อาจแบ่งแยกได้“นางไม่ใช่ผีพรายอีกต่อไปแล้ว นางกลายเป็นอสูรชนิดใหม่นอกจากนี้ในบรรดาเทพอสูรทั้งหมดนางยอดเยี่ยมมาก!” จักรพรรดิอสูรประเมินนางไว้อย่างสูงล้ำ
“เกิดอะไรขึ้นกับถูว่าน? แม้ว่าผีพรายจะเลื่อนชั้นไปเป็นเทพอสูรและแปลงร่างมาช่วยเย่ว์ไตตัน แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับถูว่าน!” บางคนยังสงสัย
“อาจเป็นไปได้ว่าฝีมือของถูว่านแย่และทำเรื่องเลวร้ายมากเกินไป” บางคนอธิบายเช่นนี้
“คนฝีมือด้อยเป็นเรื่องน่ากลัวจริงๆ!” ทุกคนกระซิบ
“เหลวไหล!” ถูว่านดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด “พวกเจ้างี่เง่าตาบอดหรือเปล่า นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณภาพฝีมือของคนข้ากลายเป็นเช่นนี้เพราะเขาโจมตี ด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบายที่ร้ายกาจมันเป็นเจตนาของเย่ว์ไตตัน!”
ทุกคนได้ยิน
พวกเขามองดูเย่ว์หยางและทุกคนต้องการฟังเย่ว์หยางอธิบาย
เย่ว์หยางผายมือยักไหล่“ข้าไม่ปฏิเสธว่าข้าทำเอง แต่ถ้าท่านถูว่านไม่รู้สึกสลด ข้าขอชี้แจงว่าไม่ใช่เป็นพฤติกรรมโดยเจตนาเป็นเพียงความผิดพลาดของพาหนะ ข้าแค่พลาดเป้าหมายเดิมทีข้าต้องการเล่นงานอีกคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าจ้าวภูผาจอมเจ้าเล่ห์ลื่นไหลเกินไปปล่อยถูว่านเจ้าต้องรับเคราะห์แทนอย่างน่าเสียดาย ในโอกาสนี้ข้าขอแสดงความเห็นใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความโชคร้ายของท่านถูว่าน และสำหรับพฤติกรรมที่ร้ายแรงและไร้ความรับผิดชอบในการกระทำทาน้ำมันที่เท้าเผ่นหนีเอาตัวรอด ข้าขอประณามและขอประท้วงอย่างรุนแรงพวกเจ้าอำมหิตโหดร้ายมาก ที่ปล่อยให้ท่านถูว่านสหายที่แสนดีของเจ้ารับเคราะห์คนเดียวได้อย่างไร? จางเว่ยเจ้ายังจำดอกเบญจมาศบานที่ทะเลสาบใกล้ตัวท่านถูว่านได้หรือไม่?”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้พวกเขาเข้าใจทั้งหมดทันที
เป็นไปตามคาด
ฝีมือของถูว่านมีปัญหา
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับราชันย์ไร้ใจจางเว่ยและตงฟาง ฯลฯ ที่เป็นนักสู้ระดับเทพ ทุกคนกังวลสงสัย และอดทนรอคอยดูพัฒนาการสิ่งที่เกิดขึ้น
การเข่นฆ่าสังหารในตอนนี้ดูเหมือนไม่เหมาะสำหรับทุกคนในตอนนี้แต่เรื่องนี้ไม่ขัดขวางทุกคนสำหรับการยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่น
ไม่มีทางสู้ไม่มีวิธีทางให้คนโชคร้าย แต่ด้วยมารยาทนี้การยืนดูและดูคนอื่นพินาศเสียหายเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นและได้ยิน!
“.....” จ้าวภูผาถูกพลังโจมตีจนพูดไม่ออกเขาไม่เอ่ยปากดูหมิ่นโต้แย้งใดๆ
“เฮอะ!” จางเว่ยก็ไม่พูดอะไรสักคำ
พวกเขาเป็นนักรบระดับเทพทุกคน
ผ่านการต่อสู้มามากมาย
พวกเขาไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของศัตรู สิ่งที่พวกเขาใส่ใจก็คือวิธีพิเศษที่เย่ว์หยางคลี่คลายการต่อสู้ของพวกเขาได้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้ทำได้อย่างไร เขาถ่ายทอดความเจ็บปวดทุกข์ทนที่จะเขาจะต้องได้รับไปให้ถูว่านได้อย่างไร? ถ้าเย่ว์ไตตันใช้ความสามารถพิเศษของผีพรายได้ เขาซ่อนความจริงจากทุกคนทั้งถูกจับตามองได้อย่างไร?
ต่อให้ไม่พูดเรื่องนี้ก็ตามอย่างนั้นผีพรายตนนี้มาปรากฏตัวในโลกกระดานหมากรุกอย่างไม่คาดคิดได้อย่างไร?
ในโลกกระดานหมากรุกไม่สามารถเรียกอสูรศึกออกมาได้ ทั้งไม่อาจเรียกใช้ของวิเศษ แม้กระทั่งคัมภีร์อัญเชิญยังถูกห้าม
ผีพรายเข้ามาได้อย่างไร?
ตงฟางจะนั่งมองดูผีพรายเข้ามาในนี้โดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรือ?
ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริงรวมทั้งจักรพรรดิอสูร ซึ่งเฝ้าดูการต่อสู้ก็ไม่ยกเว้นทั้งที่เขาค้นพบการปรากฏตัวของผีพรายก่อนใคร ไม่มีเหตุผลเลยที่นางปรากฏตัวในโลกนี้
“จางเว่ย! ปิดประตูของเจ้าซะ” เสียงของตงฟางดังขึ้นมาจากท้องฟ้าไกล
“ไม่,ประตูของข้าไม่มีปัญหาแน่นอน! นี่ประตูของข้า และข้าคือองครักษ์พิทักษ์ประตูของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครที่ไม่มีชีวิต หากปราศจากเจตจำนงของข้าจะผ่านไปไม่ได้แน่นอน! มันเป็นภาพลวงตาที่เย่ว์ไตตันเอาออกมาจากประตูของข้าเอง บัดนี้การหลอกลวงนั่นไม่ใช่เรื่องจริง ข้าไม่ได้รับคำเตือนใดๆจากประตูว่ามีสิ่งใดผ่านไปได้!” จางเว่ยโต้เถียงตงฟางด้วยความไม่พอใจ เขามั่นใจว่าประตูของเขาไม่มีปัญหา เพราะเขาคือองครักษ์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เทพประตูมังกร
“ประตูของเจ้าดีไม่มีปัญหา แต่เย่ว์ไตตันคงใช้ประตูของเจ้าได้เช่นกัน ประตูของเจ้าไม่ใช่ประตูของเทพทวารบาล แต่กลายเป็นประตูหลังในโลกกระดานหมากรุกที่ทำให้เจ้าเปิดช่องโหว่ได้ทุกเวลา” เสียงของมือสังหารเทพถูซื่อดังแหลมขึ้น
“ปิดประตูก่อน” จ้าวภูผาสนับสนุนความเห็นของถูซื่อและตงฟาง
เขาไม่ชอบตงฟางและอาจบอกได้ว่าเป็นปฏิปักษ์กับตงฟางอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
แต่การต่อต้านตงฟางเป็นเรื่องส่วนตัว
ตงฟาง ใครๆ ก็เกลียดเขาและถ่มน้ำลายใส่เขาแต่ไม่มีใครมีสิทธิ์ตั้งคำถามหรือปฏิเสธเขา หากตงฟางคิดไม่ออก ก็เชื่อได้ว่ามีเพียงไม่กี่คนในแดนสวรรค์บนที่หาคำตอบที่แท้จริงได้นั่นคือตงฟาง!
จางเว่ยตวัดกรงเล็บด้วยความโกรธเกลียดและเขาเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ในที่สุดเขาก็อดทนและทำตามความต้องการของพันธมิตรของเขา
ปิดประตูเทพ
ท้องฟ้า
มีการผันผวนอีกระลอกหนึ่ง เหมือนระลอกคลื่นบนน้ำ แต่นี่เป็นแสงวงกลมสั่นไหวแต่แผ่วเบา
แต่ประตูไม่ได้ปิดและประตูเทพทวารบาลที่แท้จริงและลึกลับ ไม่สามรารถปิดได้อย่างที่ทุกคนคิด
ยังคงเปิดกว้าง
“เจ้ากำลังทำอะไร?” เสียงของถูซื่อดังแหลมคมเหมือนดังกับต้องการสู้รบ? แม้ว่าเจ้าไม่พอใจ แต่ก็ควรดูสถานการณ์โดยรวมเสียก่อนว่าปลอดภัยไหม? เย่ว์ไตตันลูกหลานหอทงเทียนสามารถพลิกสถานการณ์โดยรวมได้อีกครั้งเป็นไปได้ไหมที่เขาจะพลิกสถานการณ์และขับทุกคนออกไปจากหอทงเทียน?
“ไม่ ไม่ใช่ไม่ใช่ข้า!” หน้าของจางเว่ยซีดขาวราวกับกระดาษทันที เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
“ไม่ใช่ของเจ้า อย่างนั้นเป็นของข้าหรือ?” ถูซื่อโมโห
นอกจากเจ้าผู้เป็นเทพทวารบางของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ใครจะใช้ประตูได้เล่า?
ใครอื่นจะใช้ทักษะแฝงเร้นพิเศษนี้ได้?
ถ้าเจ้าไม่ต้องการปิดประตู เจ้าไม่จำเป็นต้องแกล้งทำท่าทางไร้สาระปฏิเสธความคิดเห็นคนอื่น? มันมากเกินไปแล้ว
ดวงตาของจักรพรรดิอสูรที่อยู่ในระยะไกลเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกับว่ากำลังมองดูสุนัขกัดกัน และทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ชมดูด้วยความสาแก่ใจ พวกเขาจับจ้องมองดู ไม่ยอมพลาดแม้แต่ครึ่งวินาทีด้วยความกลัวจะพลาดฉากสำคัญที่ยอดเยี่ยมเพื่อมิให้ต้องเสียใจในอนาคต
เด็กหนุ่มดื้อด้านจ้องมองเย่ว์หยาง
เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง
เขาคิดถึงเหตุผลหรือคำตอบที่แท้จริงว่าเขาไม่ควรอยู่ฝ่ายจางเว่ย แต่ควรอยู่กับฝ่ายเย่ว์ไตตัน
เย่ว์หยางปรบมือเรียกความสนใจจากทุกคนรอยยิ้มของเขาสดใสราวกับดวงอาทิตย์และน้ำเสียงของเขาจริงใจเหมือนสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมานานปี “ความจริงแล้วพวกเจ้าเข้าใจผิดกันหมดพวกเจ้าจะไปตำหนิเทพประตูมังกรจางเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง เขาคือองครักษ์เทพทวารบาลอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ? อันที่จริงเขาทำได้ดีอยู่แล้ว ในความคิดของข้าเขามีความสามารถมากกว่าฮุยไท่หลางสุนัขเฝ้าบ้านของข้ามาก...” ทันทีที่พูดประโยคนี้จบใบหน้าของจางเว่ยเป็นสีม่วงคล้ำทันทีสีร่างกายดำราวกับหมึก เย่ว์หยางทำเป็นไม่เห็นอะไร เขายิ้มเฉยเมย “ยามเฝ้าประตูที่ว่างมากก็มีสิทธิ์ถูกไล่ออกได้เช่นกัน แต่นี่กลับมาตะโกนร่ำร้องขอกินขอดื่ม นั่นมันเกินไปหรือเปล่า? แม้แต่สุนัขเฝ้าบ้านก็ยังต้องอยู่ในกฎ แต่เจ้าขอมากเกินไปหรือเปล่า!”
จางเว่ยหลังจากได้ยินแล้วหน้าเขียวคล้ำทันที
ไม่รอให้ทุกคนได้หัวเราะก็เปลี่ยนไปเป็นสีครามและสุดท้ายจากน้ำเงินไปเป็นสีแดงราวกับเลือด หน้าของเขาราวกับจะมีเลือดหยาดหยดได้ทุกเวลา
ถูว่านมองดูภาพนี้ด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเขาโชคดีมากจริง ที่เขาต้องทนทุกข์ไม่มีอะไรมากไปกว่าบาดแผลและอาการบาดเจ็บ ความเจ็บปวดทางกายแม้จะมากเพียงไหนแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าผ่านมันไปได้
ถ้าเขาเปลี่ยนเป็นจางเว่ย... คิดอย่างนี้แล้ว
ถูว่านอดสั่นสะท้านไม่ได้เขาอาจตายทั้งเป็นร่างกายพองบวมขึ้นๆ และร่างระเบิดตายต่อหน้าเย่ว์ไตตันผู้นี้!
เมื่อเทียบกับจางเว่ยแล้วถูว่านพบว่าแม้ว่าจะเจ็บปวดมากมาย แต่ก็ยังค่อนข้างเบากว่า
หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากเย่ว์หยางกลั่นแกล้งจางเว่ยเขาเหยียดมือออกมาข้างหน้าชี้นิ้วไปข้างหน้าและแสดงประตูที่วิจิตรงดงามที่สุดต่อหน้าทุกคนทันทีเมื่อเทียบกับประตูล่องหนที่แปลกประหลาดลึกลับของจางเว่ยประตูใหม่ของเย่ว์หยางวิจิตรงดงามที่สุดในโลก แม้จะสรรหาคำใดๆ มาบรรยายก็ไม่สามารถบรรยายได้หมด แน่นอนว่าประตูที่สวยสดงดงามนี้ไม่ได้มีเพียงบานเดียว แต่ภายใต้นิ้วเรืองแสงของเย่ว์หยางยังมีประตูอีกสองบาน สีสว่างสดใสบานหนึ่งและสีหนาเข้มอีกบานหนึ่ง
ประตูลับทั้งสามบานจัดเรียงขนานกันอยู่ด้านหน้า
ไม่ว่าจะมองในมุมใดก็ตามก็ไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างประตูลับสามบานนี้และประตูที่จางเว่ยเปิดมาก่อนหน้านั้น
“อะไรกัน?” ทันทีที่ประตูทั้งสามบานถูกเย่ว์หยางเปิดไม่เพียงแต่จางเว่ยและคนอื่นๆ เท่านั้นแต่ยังรวมถึงเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางที่ควบคุมการต่อสู้โดยที่ไม่มีใครมองเห็นก็ยังอดเปล่งเสียงอุทานไม่ได้