NH-ตอนที่ 63 การตัดสินใจของหัวหน้าเผ่าโคโบลด์
เนื่องจากการสู้รบเกิดขึ้นที่ชั้นล่างของรังโคโบลด์ ลุกซ์ เลยไม่รู้ว่ากำลังเสริมที่เขารอคอยได้มาถึงแล้ว
กำลังเสริมนี้นำโดย ธอรัม ผู้บัญชาการของฐานที่มั่นนอร์เรีย นักรบคนแคระที่ดุร้ายได้ใช้การโจมตีของพวกเขาเปิดทางและฆ่าพวกโคโบลด์ที่พวกเขาเจอทุกตัว หลังจากมีพวกโคโบลด์บางส่วนหลบหนีไปได้ มันก็รีบไปแจ้งหัวหน้าเผ่าของมันทันที
หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ขมวดคิ้วแน่นหลังจากได้ยินรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ตอนนี้ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมัน แชมป์เปี้ยนโคโบลด์ ได้นำกองกำลังหลักไปปราบกอบล็อนที่สร้างอาณานิคมขนาดใหญ่ใกล้กับดินแดนของพวกมันอยู่
สิ่งนี้จำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งวันเต็ม ก่อนที่คนเหล่านั้นจะกลับมาถึงรังได้ ดังนั้น หัวหน้าเผ่าโคโบลด์จึงคร่ำครวญทางเลือกของมันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกมันสามารถทำได้ในตอนนี้ เช่นเดียวกับ หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ เป็นมอนสเตอร์ระดับ 3 สูงสุด
แชมป์เปี้ยนของพวกมัน โคโบลด์ดราโคนิค เป็นมอนสเตอร์ระดับ 4 สูงสุดที่ใกล้จะทะลวงระดับ 5 แล้ว ซึ่ง โคโบลด์ดราโคนิคตัวอื่น ๆ ก็มีตั้งแต่ระดับ 3 และ 4 ขึ้นไป แต่คนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นภายในรังปัจจุบัน จึงมีเพียง หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ และ หัวหน้าเผ่าโคโบลด์เท่านั้น
แต่ถึงแม้จะมีพวกมันแค่ 2 คน แต่ก็ยังมี โคโบลด์ กว่า 7,000 ตัวภายในรังนี้ แม้ว่า พวกโคโบลด์จะไม่กลัวที่จะต่อสู้จนตัวตาย แต่พวกมันก็ไม่ชอบการตายที่ไร้ความหมาย หลังจากรับรู้ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ จึงได้ประเมินว่าพวกมันไม่สามารถเอาชนะนักรบคนแคระที่บุกมาที่นี่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกมันจึงได้ตัดสินใจที่จะจัดการปัญหาเป็นการส่วนตัวโดยการเจรจากับผู้รุกราน
_____
ในเวลาเดียวกัน ธอรัมและคนของเขาได้ฝ่าฟันฝูงโคโบลด์เข้ามา แม้ว่าพวกมันส่วนใหญ่จะเป็นมอนสเตอร์ระดับ 1 แต่ก็มีโคโบลด์ระดับ 2 หลาย 10 ตัวผสมอยู่ในกลุ่มของพวกมัน สิ่งนี้ทำให้การต่อสู้กลายเป็นนองเลือดมากยิ่งขึ้น
หลังจาก 2 ชั่วโมงแห่งการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง เลือดก็ได้ย้อมไปทั่วผืนดินจนแม้แต่สีหน้าของเฮเลนยังซีดเผือก ถึงแม้ว่าคนแคระจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็สูญเสียทหารไปมากกว่า 100 คน เมื่อต้องต่อสู้กับโคโบลด์นับพันตัวที่แสดงท่าทีที่ดุร้ายออกมา
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง ธอรัมและคนแคระก็ได้พักผ่อนช่วงเวลาสั้น ๆ ขณะที่ดูแลผู้บาดเจ็บ พวกเขารู้ว่ายังมีการสู้รบอีกมามายรออยู่ข้างหน้า ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจพักฟื้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะดำเนินภารกิจช่วยเหลือต่อไป
1 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็จัดรูปขบวนอีกครั้งและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่หนักหน่วงต่อ
ธอรัมและคนของเขาสังเกตุเห็นว่ารังโคโบลด์ว่างเปล่าอย่างน่าประหลาดใจในขณะที่พวกเขาลงมาถึงชั้นกลางของรัง
พวกเขาไม่รู้ว่าหัวหน้าเผ่าโคโบลด์ได้ออกคำสั่งให้โคโบลด์ทั้งหมดล่าถอยไปยังชั้นล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันตายโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ มันยังส่งข้อความไปหา หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ เกี่ยวกับภัยคุกคามใหม่ ดังนั้นพวกมันจึงตัดสินใจดึงกองกำลังของตัวเองที่กำลังบุกที่ทิ้งขยะขึ้นมาเพื่อรวมเข้ากับกองกำลังสำรอง
เมื่อนักรบแห่งนอร์เรียมาถึงจุดสิ้นสุดของชั้นกลางของรังโคโบลด์ พวกเขาก็สังเกตุเห็น โคโบลด์ 7 ตัวยืนอยู่ในถ้ำที่กว้างขวางราวกับกำลังรอคอยการมาถึงของพวกเขา โดย โคโบลด์ พวกนี้ไม่ได้ถืออาวุธใด ๆ แต่พวกมันถือไม้ที่มีผ้าสีขาวผูกเอาไว้
ธอรัมขมวดคิ้วแน่น แต่เขาก็ส่งท่าทางให้คนของเขาว่าอย่าเพิ่งทำอะไรที่บุ่มบ่าม
หลังจากเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ ก็ผงกศีรษะชั่วขณะและตัดสินใจพูดโดยใช้ภาษาสากลของอาณาจักร
“ดวอร์ฟ พวกเจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?” หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ ได้กล่าวถาม
ธอรัมก้าวไปข้างหน้าในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับสีหน้าที่เฉยเมยของหัวหน้าเผ่าโคโบลด์ “พวกแกบุกรุกดินแดนของพวกเราและจับคนของเราไป แต่ยังมีหน้ามาถามว่าพวกเรามาที่นี่ทำไมอีกงั้นเหรอ?”
สีหน้าของหัวหน้าเผ่าโคโบลด์ยังคงสงบนิ่งในขณะที่เขามองไปที่ คนแคระที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกองกำลังคนแคระเหล่านี้
“พวกดวอร์ฟก็ฆ่าพวกเราเหล่าโคโบลด์เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังขโมยสมบัติที่เราขุดจากดินขึ้นมาไปอีก” หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ กล่าวออกมา “แน่นอนว่าการฆ่าพวกเจ้ากลับมันก็เป็นเรื่องสมควรแล้วไม่ใช่่เหรอ และ มันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป”
คราวนี้เป็นฝ่ายของ ธอรัม ที่ต้องขมวดคิ้ว สำหรับคนแคระแล้ว พวกโคโบลด์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ชอบทำเหมือง แม้ว่าพวกคนแคระจะชอบขุดแร่ด้วยเหมือนกัน แต่ความหลงใหลของพวกเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับพวกโคโบลด์
แน่นอนว่ามีหลายครั้งที่สองเผ่าพันธุ์พบกันที่ใต้ดินในขณะที่พวกเขาสร้างเขาวงกตในส่วนลึกของโลก ดังนั้นสงครามระหว่างพวกเขาจึงเป็นเรื่องปกติอย่างมาก แต่ ธอรัม ก็ไม่สามารถลดศักดิ์ศรีลงเพื่อหักล้างคำพูดของหัวหน้าเผ่าโคโบลด์ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจเข้าประเด็นและดูว่าทั้งเขาและหัวหน้าเผ่าโคโบลด์จะสามารถประนีประนอมได้หรือไม่
“พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคนของเราเท่านั้น” ธอรัมประกาศทันที “ถ้าพวกแกยอมมอบคนของเราคืนมา และให้สัญญาว่าจะไม่โจมตีดวอร์ฟในอาณาเขตของนอร์เรียอีกต่อไป พวกเราสามารถทำสนธิสัญญาไม่รุกรานระหว่างทั้งสองฝ่ายได้”
“เจ้ามีคุณสมบัติที่จะพูดเรื่องข้อตกลงนี้งั้นหรือไม่?” หัวหน้าเผ่าโคโบลด์กล่าวถาม ตอนนี้ลำดับความสำคัญของพวกมันก็คือการทำสงครามกับมอนสเตอร์ตัวอื่นในพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัยของรัง
นอกจากนี้ พวกมันยังเฝ้ารออย่างอดทนให้แชมป์เปี้ยนโคโบลด์พัฒนาเป็นมอนสเตอร์ระดับ 5 เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น จะมีสิ่งมีชีวิตน้อยมากที่สามารถคุกคามการมีอยู่ของพวกมันในอาณาเขตนอร์เรียได้
“ฉัน ธอรัม ผู้บัญชาการฐานที่มั่นนอร์เรีย” ธอรัม ตอบกลับ “ดินแดนนี้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของฉัน ดังนั้นฉันจึงมีคุณสมบัติที่จะพูดถึงการเจรจาข้อตกลงในเรื่องนี้”
ธอรัม ไม่ต้องการสูญเสียคนไปกับการต่อสู้กับพวก โคโบลด์ อีกต่อไป เพราะพวกเขามีปัญหาเร่งด่วนกว่าในมือ การระบาดของพวกมอนสเตอร์ใกล้เข้ามาแล้ว และ เขาต้องการให้เหล่าคนแคระที่เป็นนักสู้ทุกคนคอยปกป้องกำแพงแห่งนอร์เรียจากการรุกรานของพวกมอนสเตอร์
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามาจัดการกับพวกโคโบลด์ในตอนนี้ หากฐานที่มั่นนอร์เรียสามารถสร้างสนธิสัญญาไม่รุกรานระหว่างกันได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาสามารถมุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังส่วนอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือได้
“เข้าใจแล้ว” หัวหน้าเผ่าโคโบลด์พยักหน้า
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่อยากจะทำสงครามระหว่างกัน พวกเขาจึงได้เลือกการประนีประนอมแทน
“จงสาบานต่อเทพธิดาของพวกเจ้าซะ” หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ กล่าวออกมา
“แกก็ด้วย จงสาบานต่อสายเลือดดราโค” ธอรัมตอบกลับ
สำหรับคนแคระ คำสาบานต่อเทพธิดาแห่งผืนดินนั้นเป็นคำสาบานอันศักดิ์สิทธิ์ และ ถึงแม้ว่า ดราโค จะไม่ใช่พระเจ้า แต่สำหรับพวกโคโบลด์แล้ว มันคือสิ่งมีชีวิตที่พวกมันยอมถวายทุกสิ่งให้ แม้กระทั่งชีวิตของพวกมันเอง
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวคำสาบาน หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ก็ขอให้หนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่งของมันช่วยคุ้มกัน ธอรัมและลูกน้องของเขาไปยังชั้นล่าง ที่ซึ่ง ลุกซ์ และ คนแคระคนอื่น ๆ ซ่อนตัวอยู่
_____
ลุกซ์ และ คนแคระคนอื่น ๆ ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดในขณะที่พวกเขารอให้พวกโคโบลด์ โจมตีต่อไป เพราะฮาล์ฟเอลฟ์นึกเหตุผลไม่ออกว่าเหตุใดจู่ ๆ พวกโคโบลด์ถึงหยุดโจมตีอย่างกระทันหัน เพราะงั้นเขาจึงทำได้เพียงบอกให้ทุกคนระวังตัว
2 ชั่วโมงต่อมา ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดูเหมือนจะมุ่งหน้ามายังทิศทางของพวกเขา เมื่อฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มยืนขึ้น และ เดินไปที่ทางออก คนแคระทั้งหมดก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ออกมา เสียงของเฮเลนก็ดังก้องไปทั่วอุโมงค์นี้
“พี่ใหญ่! โคเล็ตต์! แมทตี้! อาเซล! ทุกคนปลอดภัยดีไหม?” เฮเลน ตะโกนขึ้นทันที และ จากนั้นเธอก็ปรากฏตัวในอุโมงค์แคบ ๆ ที่นำไปสู่จุดทิ้งขยะ
“เฮเลน?” ลุกซ์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เด็กสาวตัวน้อยจะปรากฏตัวที่ชั้นล่างของรังโคโบลด์โดยไม่ได้รับอันตราย “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“พวกเรามาเพื่อช่วยทุกคนออกไป!” เฮเลนตะโกนขึ้นขณะที่เธอวิ่งไปที่ปากถ้ำและกอดโคเล็ตต์
ชายหนุ่มผมแดงมองลงไปตามอุโมงค์และเห็นคนแคระหลายคนสวมชุดเกราะ เห็นได้ชัดว่านี่คือกำลังเสริมที่พวกเขารอคอย อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เฮเลน พวกเธอไม่ได้เจอพวกโคโบลด์ระหว่างทางงั้นเหรอ?” ลุกซ์ กล่าวถาม
“เปล่า! ดูเหมือนว่าหัวหน้าเผ่าโคโบลด์จะเจรจาสงบศึกกับผู้บัญชาการฐานที่มั่นนอร์เรีย” เฮเลน ตอบ “ตอนนี้พวกเรามีข้อตกลงไม่รุกรานกับพวกโคโบลด์แล้ว พวกเราทุกคนสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”
เมื่อ ลุกซ์ และ คนแคระได้ยินคำพูดของ เฮเลน พวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อในตอนแรก แต่หลังจากเห็นว่าไม่มีโคโบลด์ตัวใดโจมตีพวกคนแคระ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไม การโจมตีที่นี่จึงได้หยุดลง
ลุกซ์ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากยืนยันคำพูดของ เฮเลน ได้ แม้ว่าเขาจะยังคงแสร้งแสดงสีหน้าทำเป็นมั่นใจออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ โคเล็ตต์ และ คนแคระคนอื่น ๆ ตื่นตระหนก แต่ในใจของเขาก็รู้สึกกระวนกระวายมิใช่น้อย
หลังจากสูญเสียความตึงเครียดไป ขาของเขาก็อ่อนแรงและเกือบจะทรุดตัวลง โชคดีที่ เดียโบล มาปรากฏตัวข้างๆเขาและช่วยพยุงเขาได้ทันเวลา
“พี่ใหญ่ พี่เป็นอะไรหรือไม่?” โคเล็ตต์ ได้ส่งเสียงเชิงแกล้งออกมา ตอนนี้พวกเขาได้รับการช่วยเหลือแล้ว ดังนั้นความไร้เดียงสาและขี้แกล้งของเธอจึงกลับมาอีกครั้ง
ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มหัวเราะเบาๆ และ ยีผมของ โคเล็ตต์ เล็กน้อย
“กลับหมู่บ้านลีฟกันเถอะ” ลุกซ์ กล่าวออกมา “ฉันอยากจะพักผ่อนแล้ว ดูเหมือนว่าฉันคงต้องปลีกตัวจากการผจญภัยสัก 2-3 วัน”
โคเล็ตต์ และ คนแคระคนอื่นๆ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ด้วยการคุ้มครองจากนักรบแห่งนอร์เรีย พวกเขาทั้งหมดจึงได้ออกจากรังโคโบลด์อย่างปลอดภัย
ธอรัมได้ส่งคนของเขา 50 คน ไปกับพวกลุกซ์ โคเล็ตต์ และ พรรคพวกของเธอเพื่อพาเขากลับไปที่หมู่บ้านลีฟ
ระหว่างทาง เนฟเรียล และ ลุกซ์ ได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว โดยคนแคระวัยกลางคนได้ถามฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มโดยตรงว่าเขาอยากจะได้อะไรเป็นรางวัลสำหรับการช่วยเหลือพวกเขาโดยการนำทางพวกเขาไปที่รังของโคโบลด์เพื่อช่วยโรบินที่ถูกจับตัวไป
ลุกซ์ ไม่ได้วางแผนที่จะเล่นเป็นคนดีและคิดปฏิเสธรางวัลฟรีๆ ที่อีกฝ่ายเสนอให้
“ผมต้องการอาวุธและชุดเกราะ” ลุกซ์ตอบกลับ “ยิ่งคุณภาพสูงยิ่งดี แต่ถ้าคุณวางแผนที่จะให้อาวุธระดับตำนานแก่ผม ผมคงยินดีรับมันด้วยความเต็มใจ”
เนฟเรียล จ้องมองไปที่ ลุกซ์ ด้วยสายตาที่แหลมคมดุจเหยี่ยว ก่อนที่จะผละออกจากตำแหน่งของ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม แน่นอนว่า ลุกซ์ แค่แกล้ง คนแคระวัยกลางคนเท่านั้นเกี่ยวกับคำขอเรื่องอาวุธระดับตำนาน แต่เขาไม่ได้โกหก เรื่องที่เขาบอกว่าเขาต้องการอาวุธและชุดเกราะคุณภาพดี
มอนสเตอร์อัญเชิญของเขาสามารถสวมใส่ไอเทมได้ ซึ่งก็หมายความว่า ลุกซ์ สามารถติดตั้ง อาวุธ ชุดเกราะ เครื่องประดับ และ ไอเทมเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ได้ถ้าเขามีอาวุธหรือชุดเกราะเหล่านี้อย่างเพียงพอ และ หลังจากที่มอนสเตอร์อัญเชิญของเขาได้รับการติดตั้งไอเทมแบบครบสูตร ลุกซ์ ก็จะมีกองกำลังที่เขาสามารถใช้งานได้ ซึ่งจะไม่แพ้ใครหน้าไหนในบรรดา กลุ่มคนแคระแรงค์มือใหม่