NH-ตอนที่ 61 เป็นดวอร์ฟหรือก็อบลิน?
ครึ่งวันหลังจากที่ โรบินและแอนดี้ได้รับการช่วยเหลือ เหล่าไรเดอร์แห่งนอร์เรียก็มาถึงสถานที่ที่เนฟเรียลขอให้พวกเขามาพบ
เนื่องจากความสำคัญของภารกิจนี้ ฐานที่มั่นจึงได้ส่งกำลังคนมาเกือบครึ่ง โดยรวมแล้วมีนักรบคนแคระกว่า 500 คน
พวกเขาคือ มือใหม่แรงค์ D 400 คน
มือใหม่แรงค์ C 95 คน
มือใหม่แรงค์ B 8 คน
กำลังพลที่แข็งแกร่งระดับนี้เพียงพอที่จะกวาดล้างกองกำลังของศัตรูภายในเขตนอร์เรียได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้แต่เนฟเรียลยังสงสัยว่าสิ่งนี้เพียงพอที่จะกวาดล้างรังโคโบลด์หรือไม่
โดยปกติแล้ว รังของพวกโคโบลด์จะมีพวกโคโบลด์อยู่หลายพันตัว อย่างนักรบโคโบลด์ที่อ่อนแอที่สุด รองลงมาคือผู้นำโคโบลด์ หรือ นักเวทย์โคโบลด์ แน่นอนว่ามีบางตัวที่ไปถึงระดับ 3 ได้
สำหรับโคโบลด์ดราโค ระดับของพวกมันอยู่ระดับ 3 เป็นอย่างต่ำ ซึ่งโคโบลด์พิเศษเหล่านี้เป็นที่รู้กันว่าพวกมันสามารถก้าวไปถึงระดับ 5 เมื่อโตเต็ม
แค่มี โคโบลด์ดราโคระดับ 4 ไม่กี่ตัว หรือ โคโบลด์ดราโคระดับ 5 แม้แต่ตัวเดียว ทางไรเดอร์ของนอร์เรียจะเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากลำบากทันที
เพราะโดยปกติแล้ว สิ่งมีชีวิตระดับ 5 ไม่ใช่สิ่งที่จะพบในพื้นที่เริ่มต้นได้ พูดง่ายๆ ก็คือ พวกมันอาจถูกพิจารณาเป็นฟิลด์บอส เพราะไม่มีใครในพื้นที่เริ่มต้นจะสามารถต่อกรกับพวกมันแบบตัวต่อตัวได้
อย่างน้อยที่สุดจะต้องประกอบไปด้วยกลุ่มหลายร้อยคนที่เป็น มือใหม่แรงค์ B (มอนสเตอร์ระดับ 3) หรือ มือใหม่แรงค์ A ( มอนสเตอร์ระดับ 4) ถึงจะสามารถต่อกรกับบอสในฟิลด์บอสได้
“ในเมื่อ นายน้อยโรบินได้รับประกันความปลอดภัยแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเสี่ยงชีวิตบุกรังโคโบลด์อีก” ทันใดนั้น หนึ่งในกัปตันของพวกไรเดอร์ ที่เป็น มือใหม่แรงค์ B ก็ได้กล่าวออกมา “พวกเราควรรีบกลับไปที่ฐานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือภัยพิบัติอื่นดีกว่า”
บรรดาไรเดอร์คนอื่นๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถ้าเกิด โรบิน ยังคงอยู่ในรังของโคโบลด์ พวกเขาคงจะบุกเข้าไปด้วยทุกอย่างที่มีเพื่อช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอีกฝ่ายได้รับความช่วยเหลือแล้ว นักรบแห่งนอร์เรีย จึงไม่คิดว่ามีความจำเป็นจะต้องช่วยเหลือคนแคระคนอื่นที่ถูกพวกโคโบลด์จับไป เพราะสำหรับไรเดอร์นอร์เรีย พวกเขาไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
“โดยปกติแล้ว ฉันย่อมเห็นด้วยกับพวกนาย” โบเรียส ได้พูดขึ้น “แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะเราให้สัตย์สาบานต่อคนที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ของพวกเรา ว่าจะช่วยเหลือเพื่อนๆของเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ เราได้สาบานต่อเทพธิดาแห่งผืนดินไปแล้ว นี่เท่ากับว่ามือของพวกเราถูกมัดไว้โดยสมบูรณ์”
เนฟเรียล ผงกศีรษะ และหันไปทาง ผู้บัญชาการฐานที่มั่นนอร์เรีย เพื่อยืนยันเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ผู้บัญชาการฐานที่มั่นคือ มือใหม่แรงค์ A (ระดับ 4) เพียงคนเดียวในดินแดนนอร์เรียแห่งนี้ ซึ่งถือได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด
ชื่อของเขาคือ ธอรัม ผู้บัญชาการฐานที่มั่นแห่งนอร์เรีย
ธอรัมแสดงสีหน้าจริงจังออกมา เขารู้ว่าเขาจะต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก หากเขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำสาบานของ โบเรียส และ เนฟเรีบล ก็เท่ากับการผลักพวกเขาไปสู่ชะตากรรมที่เลวร้าย
ถ้าเขาทำเช่นนี้ แม้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะได้รับประกันความปลอดภัย แต่พวกเขาก็จะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคำสั่งของเขา และ คงไม่มีใครอยากจะติดตามผู้นำที่ละทิ้งคนของเขาอย่างแน่นอน
นี่ไม่ใช่วีถีแห่งคนแคระ และ การทำเช่นนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสีย
ในทางกลับกัน หากเขาเลือกที่จะปฏิบัติตามคำสาบาน เขาก็จะต้องเดิมพันด้วยชีวิตคนของเขาเพื่อต่อกรกับโคโบลด์ที่ไม่ทราบจำนวน และ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะไม่มีผู้เสียสละ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกโคโบลด์ในรัง
ธอรัม ไม่ต้องการเห็นคนของเขาต้องมาตายเพียงเพราะต้องเผชิญหน้ากับ โคโบลด์ดราโค ที่อาจจะมีระดับสูงกว่าพวกเขา
ในขณะที่เขากำลังลังเล และ ตัดสินใจว่าจะทำอะไร ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา
“พวกเราจะไปช่วยโคเล็ตต์และคนอื่นๆ”
นักรบคนแคระทุกคนหันไปทางโรบินที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ฉันเป็นหนี้ชีวิตฮาล์ฟเอลฟ์ตนนั้น” โรบินกล่าวพูดต่อ “ฉันคงนอนไม่หลับเป็นแน่หากฉันต้องละทิ้งคนที่ช่วยชีวิตฉันในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด นอกจากนี้ ฉันคือดวอร์ฟ ไม่ใช่ก็อบลิน ฉันจะไม่หันหลังให้กับคนที่สาบานต่อเทพธิดาแห่งผืนดิน”
โรบิน จ้องมองไปที่ใบหน้าของนักรบคนแคระทุกคนที่มองมาที่เขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“ไหนลองบอกฉันหน่อย…” โรบิน กล่าวออกมา “พวกนายเป็นดวอร์ฟหรือก็อบลินที่ละทิ้งเครือญาติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหา? อาณาจักรกิวลิเว่น ไม่ต้องการพวกก็อบลิน ฉันคือดวอร์ฟ ดังนั้นฉันจะทำในสิ่งที่ดวอร์ฟสามารถทำได้ให้ดีที่สุด แน่นอนว่าพวกนายสามารถกลับไปที่ฐานที่มัน่ได้หากต้องการ ฉันจะไปช่วยเพื่อนของฉันเอง ถึงแม้ว่าฉันจะต้องไปคนเดียวก็ตาม”
แอนดี้ และ เฮเลน ได้มายืนอยู่ด้านข้างของโรบินด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการเข้าไปในถ้ำและช่วยเพื่อนๆอย่างสุดความสามารถ
ธอรัม ถอนหายใจออกมาขณะที่เขาคุกเข่าลงต่อหน้าโรบิน
“กระผม ธอรัม บุตรของเมลรอม แห่ง ธอร์ด้อม ขอสาบานว่ากระผมจะใช้ขวานของตนเองเพื่อปูทางไปสู่ชัยชนะ!”
ทันใดนั้นนักรบแห่งนอร์เรียทุกคนก็คุกเข่าตรงไปทางโรบินและทุ่มอาวุธของพวกเขาลงบนพื้นจนเกิดเสียงดัง
โรบินพนักหน้าขณะที่เขาตบไหล่ของ ธอรัม
“ต่อสู้เพื่อชัยชนะ” โรบินกล่าวออกมา “สู้เพื่อกิวลิเว่น!”
“เพื่อกิวลิเว่น!”
ในขณะนั้นกองทัพคนแคระกว่า 500 คนจากฐานที่มั่นนอร์เรีย ก็ได้มุ่งหน้าไปยังรังของโคโบลด์โดยมีเป้าหมายเดียวในใจ นั่นก็คือช่วยเหลือเพื่อนๆของ โรบิน และ ทำตามคำสาบานที่มีต่อฮาล์ฟเอลฟ์ว่าจะช่วยชีวิตพวกเขา
_____
รังโคโบลด์…
“เชี่*!” ลุกซ์ ส่งเสียงสาปแช่งออกมา ทั้งเขาและคนแคระภายในนี้ได้ถืออาวุธในมือแน่น
พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่ผนังของถ้ำ ในขณะที่เสียงขุดเริ่มแรงมากยิ่งขึ้น
เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ หลังจากที่พวกโคโบลด์พบว่าคนที่พวกมันส่งไปสอดแนมสถานที่ทิ้งขยะไม่กลับมา หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง หัวหน้าโคโบลด์ และนักเวทย์โคโบลด์ ก็ได้ส่ง โคโบลด์ 100 ตัว ที่นำโดยนักเวทย์โคโบลด์ 1 ตัว และ ผู้นำโคโบลด์ 4 ตัว มาที่สถานที่ทิ้งขยะในทันที
การต่อสู้ครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พวกมันมาถึงที่หมาย โคโบลด์กว่าร้อยตัว เหลือรอดกลับไป 70 โดยพวกมันได้ล่าถอยและรีบไปรายงาน หัวหน้าโคโบลด์ ทันที
หลังจากพบสถานที่ซ่อนตัวของนักโทษหลบหนี หัวหน้าเผ่าโคโบลด์ ก็ได้ส่งหัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ ที่เป็นหัวหน้าของนักเวทย์โคโบลด์ ลงไปจัดการควบคุมกองทัพโคโบลด์ทันที
แทนที่พวกมันจะฝืนเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่คับแคบซึ่งนำไปสู่จุดหมาย หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ ก็ได้สั่งให้พวกโคโบลด์ทำสิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุด นั่นก็คือการขุด!
โคโบลด์ หลายพันตัวเริ่มหลบหลีกกำแพงที่นำไปสู่จุดทิ้งขยะ ในขณะที่พวกมันวางกำลังทหารบางส่วนเพื่อสังเกตุการณ์อุโมงค์ที่นำไปสู่จุดที่พวกคนแคระซ่อนตัวอยู่ สิ่งนี้ได้ไกลเกินกว่าความเข้าใจของลุกซ์ ดังนั้นเขาจึงกัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด
หลังจาก 3 ชั่วโมงแห่งความตึงเครียดและประหม่า เสียงขุดก็ได้หยุดลง
“เสียงขุดหยุดลงแล้ว” ลุกซ์ ได้แจ้งทุกคน “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าพวกมันกำลังวางแผนอะไร แต่ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”
เดียโบล และ นักสู้โครงกระดูก ได้ยกโล่ขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพง อิชทาร์ ยืนอยู่ที่ทางเข้าหลักของอุโมงค์โดยเธอพร้อมที่จะซุ่มโจมตีพวกโคโบลด์ที่ใช้เส้นทางนั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้นและทำลายกำแพงตรงหน้าของพวกเขาทันที เศษดินและหินได้ปลิวว่อนไปทั่วคนละทิศละทาง และ กำแพงก็พังทลายลงมา ดูเหมือนว่ามันจะถูกทำลายจากการโจมตี ลูกบอลไฟของนักเวทย์โคโบลด์
เมื่อฝุ่นควันจางลง หลุมกว้างกว่า 2 เมตรก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน ในไม่ช้า เสียงร้องอันน่าสยดสยองของเหล่าโคโบลด์ ก็ดังขึ้นและพวกมันก็พุ่งไปตามเส้นทางที่พี่น้องของพวกมันสร้างขึ้น
เดียโบลและนักสู้โครงกระดูกได้สร้างกำแพงป้องกันทันทีโดยใช้ร่างกายของพวกเขา ป้องกันกลุ่มโคโบลด์ที่พยายามจะเอาชนะพวกเขาอย่างต่อเนื่องด้วยจำนวนที่มากกว่า ถ้า ลุกซ์ ไม่ได้อัปเกรดสมุนของเขา พวกโคโบลด์ อาจจะมีโอกาสเอาชนะพวกเดียโบลไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ลุกซ์ ก็ไม่ได้วางใจอยู่ดี เพราะการต่อสู้ได้ปะทุความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ในไม่ช้า แม้แต่อิชทาร์ที่อยู่ห่างจากพวกเขา ก็เริ่มยิงลูกศรไปที่อุโมงค์ทางเข้าหลัก ที่นำมาสู่พื้นที่ของพวกเขา เป็นอย่างที่ ลุกซ์คาดการณ์เอาไว้ พวก โคโบลด์ เริ่มใช้จำนวนเข้าต่อสู้แล้ว
แต่ต้องขอบคุณความเสียหายธาตุน้ำแข็งของอิชทาร์ทำให้การเคลื่อนที่ของพวกโคโบลด์ช้าลงมาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ทำได้เพียงชะลอความเร็วลงเท่านั้น
“ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม ประจำตำแหน่ง!” ลุกซ์ออกคำสั่ง “นี่คือช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตาย ดังนั้นจงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะศัตรูและอยู่รอดให้ได้!”
“เข้าใจแล้ว!”
ขณะที่การต่อสู้ได้กลายเป็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น นักรบแห่งนอร์เรีย ก็เพิ่งสังหารทหารยามที่เฝ้าทางเข้ารังของโคโบลด์
นักรบที่แข็งแกร่งกว่า 500 คน โดยมี ธอรัมเป็นผู้นำ ได้วิ่งผ่านทางเดินและบุกเข้าไปยังส่วนลึกของรังทันที
การต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอาณาเขตนอร์เรียกำลังจะเริ่มต้นขึ้น