NH-ตอนที่ 62 แสดงความแข็งแกร่ง
“คำรามสู้ศึก!” ลุกซ์คำรามออกมาในขณะที่เขาเปิดใช้สกิลคำรามสู้ศึก
นี่เป็นสกิลที่เพิ่มพลังการโจมตีทางกายภาพและเวทย์มนตร์ +100 ให้กับพันธมิตรทั้งหมดของเขา ด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งนี้ ทำให้ความเสียหายทางกายภาพของนักสู้โครงกระดูกเทียบเท่ากับการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับ 2
ทางด้าน เดียโบล และ นักสู้โครงกระดูก รวมทั้งหมด 5 คนได้ปิดกั้นทางเดินที่สร้างขึ้นใหม่โดยพวกโคโบลด์ ในขณะที่ อิชทาร์ และ นักสู้โครงกระดูกอีก 2 ตัว คอยปิดกั้นอุโมงค์ที่คับแคบดั้งเดิม
พวกที่ไม่ใช่นักสู้ได้ถอยหลังไปที่ด้านในสุดของถ้ำ ในขณะที่ผู้ที่สามารถต่อสู้ได้ พวกเขาได้ยืนอยู่ข้างหลังของพวกนักสู้โครงกระดูกและจะแทนที่พวกเขาทันทีเมื่ออีกฝ่ายตาย
โคเล็ตต์ จับอาวุธในมือของเธอแน่น แต่ตรงกันข้ามเธอไม่สามารถหักห้ามร่างกายไม่ให้สั่นได้ ในฐานะที่เป็นคนที่เคยพ่ายแพ้ให้กับพวกโคโบลด์มาแล้วครั้งหนึ่งในการต่อสู้ เธอรู้ดีว่าพวกมันนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
พวกมันถือเป็น 1 ในเผ่าพันธุ์ที่สามารถใช้กลยุทธ์เอาชนะศัตรูได้ด้วยการโจมตีแบบเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาล
ในขณะนี้เองที่เธอรู้สึกว่ามีมือวางบนไหล่ของเธอและจับไหล่ของเธอแน่น
“กลัวงั้นเหรอ?” ลุกซ์ กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
โคเล็ตต์ กัดริมฝีปากของเธอ พ่อของเธอบอกกับเธอว่า เธอไม่ควรแสดงความอ่อนแอออกมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ นอกจากนี้เธอเป็นสมาชิกของตระกูลโกลเด้นสเลเยอร์ เป็น พาลาดิน ที่ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าในการต่อสู้และนำผู้คนไปสู่ชัยชนะ
แต่ถึงกระนั้นในตอนนี้เธอกลับกลัวอย่างแท้จริง แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความหวาดกลัวในใจ แต่เธอก็ไม่สามารถหักห้ามร่างกายไม่ให้สั่นได้
เมื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ ลุกซ์ จึงได้ยกมือของเขาวางบนไหล่ของเธอและจากนั้นก็วางบนศีรษะของเด็กสาวตัวน้อย
“ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน” ลุกซ์ พูดขณะที่เขามองไปที่ลูกน้องของเขาที่กำราบศัตรูโดยใช้ทุกอย่างที่มี “แต่ฉันมีเป้าหมายในชีวิต เพื่อเป้าหมายนั้น ฉันจำเป็นจะต้องยืนหยัดแม้ว่าหัวใจของฉันจะสั่นไหวก็ตาม”
โครงกระดูกตัวหนึ่งที่ต่อสู้เคียงข้าง เดียโบล ได้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทันใดนั้น ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มก็ยกมือขึ้นเพื่อเรียกตัวอื่นมาแทน
“เพื่อเป้าหมายนั้น ฉันจึงต้องจับอาวุธและต่อสู้” ลุกซ์กล่าวเสริม “นอกจากนี้…ยังมีคนที่รอฉันอยู่ที่บ้าน คนที่เลี้ยงดูฉันด้วยความรักและความห่วงใย ถ้าฉันต้องมาตายที่นี่ คนๆนั้นคงเสียใจมากอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต้องกลับไปแบบมีชีวิตรอดให้ได้”
ลุกซ์ ยิ้มขณะที่เขาเรียกนักสู้โครงกระดูกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากมีอีกคนที่ตาย โคเล็ตต์เงยหน้าขึ้นมองไปที่ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มที่เป็นเหมือนเสาที่แข็งแรง ที่มอบความหวังให้แก่เธอและทุกคนในถ้ำ
“เป้าหมายของพี่คืออะไรงั้นเหรอ?” โคเล็ตต์ กล่าวถาม
เธอต้องการรู้ว่า เหตุใด ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม ดึงจากดินแดนอันห่างไกลมาที่เอลิเซียมแห่งนี้
“ช่วยโลกที่กำลังจะตายจากการถูกทำลายล้าง” ลุกซ์ตอบกลับในขณะที่เขาลูบหัวเธอเบาๆ“และป้องกันไม่ให้ดินแดนแห่งนั้นถูกทำลายเป็นครั้งที่สอง”
ชายหนุ่มผมแดงได้ก้าวไปข้างหน้าในขณะที่เขาเรียกนักสู้โครงกระดูกอีกตัวออกมาปิดกั้นอุโมงค์ที่คับแคบที่พวก โคโบลด์ กำลังคืบมาข้างหน้าอย่างช้าๆ
“นี่คือเหตุผลที่ฉันขอให้พวกเธอเชื่อใจฉัน และ ต่อสู้กับฉันจนถึงที่สุด” ลุกซ์ประกาศออกมา “พวกเราจะไม่แพ้ ฉันให้สัญญาเลยว่าจะพาพวกเธอทั้งหมดกลับสู่พื้นผิวด้านบนให้ได้ ดังนั้น บุตรแห่งเทพธิดาแห่งผืนดินทั้งหลายเอ๋ย ฉันอยากให้พวกนายทุกคนยืนหยัด…และสร้างเส้นทางไปสู่ชัยชนะ!”
จากนั้น ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มก็พุ่งไปข้างหน้าในขณะที่ นักสู้โครงกระดูกของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาได้เข้ามาแทนที่และต่อสู้กับพวกโคโบลด์ในระยะประชิดเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันทำลายแนวป้องกันของพวกเขา
โคเล็ตต์ และ คนแคระคนอื่นๆ รู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายของเขาได้เดือดพล่าน แม้ว่าพวกเขาจะยังรู้สึกหวาดกลัว แต่ประกายความกล้าหาญเล็ก ๆ ได้ลุกโชนขึ้นในใจของพวกเขา
สาวน้อยผมบลอนด์ได้ยกกระบองของเธอขึ้นทันที และ พุ่งไปข้างหน้าหลังจากที่นักสู้โครงกระดูกอีกตัวถูกทำลาย เธอได้เปิดใช้งานสกิล ออร่าของพาลาดิน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรของเธอ จากนั้นก็ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ลุกซ์ และ เดียโบล
“เดียโบล! พยายามผลักพวกมันให้ถอยกลับไป!” ลุกซ์ สั่งการ “แสดงให้พวกกิ้งก่าเหล่านี้ได้เห็นว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน!”
ทันใดนั้นดวงตาของ เดียโบล ก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟในขณะที่เขากระแทกใส่ โคโบลด์ ที่อยู่ข้างหน้าด้วยโล่ของเขา จากนั้นเขาก็เปิดใช้สกิล AOE “สายลมกรรโชก”
สิ่งมีชีวิตมีชื่อตัวแรกของ ลุกซ์ ได้ทำลายพวก โคโบลด์ ที่อยู่ด้านหน้าทั้งหมด และ ตั้งท่าป้องกัน ลุกซ์ และ โคเล็ตต์ จากพวกโคโบลด์ตัวอื่นๆ ที่พยายามบุกเข้ามา
‘เคะเคะเคะ’
เดียโบล หัวเราะราวกับว่าเขาพบว่าปฏิกิริยาของศัตรูของเขาดูตลกมาก พูดตามตรง เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่เขาเผชิญหน้า ในฐานะที่เขาเทียบเคียงกับมอนสเตอร์ระดับ 3 จึงมีเพียงมอนสเตอร์ไม่กี่ตัวในรังของโคโบลด์เท่านั้นที่สามารถเอาชนะเขาได้
นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขามี บลัดมูน อาวุธระดับตำนาน ที่เป็นเหมือนไอเทมโกงที่สามารถทำลายกฏของพื้นที่เริ่มต้นอยู่ด้วย
_____
บลัดมูน
ประเภทอาวุธ : ดาบมือเดียว
ระดับ : ตำนาน
ความเสียหาย : 225-350
ข้อกำหนด : ค่าสถานะทั้งหมดมากกว่า 50 แต้ม
ข้อกำหนดเพิ่มเติม : เฉพาะผู้ที่รู้จัก แรนดอล์ฟ เท่านั้นถึงจะสามารถใช้อาวุธนี้ได้
สกิลติดตัว : เฉียบคม,เบาบาง,ขโมยพลังชีวิต,ธอร์น,ทำลายไม่ได้
<เฉียบคม>
- ใบมีดของดาบเล่มนี้จะคมอยู่เสมอและไม่มีวันทื่อ
_____
<เบาบาง>
- ดาบจะให้ความรู้สึกที่เบามาก ซึ่งช่วยให้ผู้ถือกวัดแกว่งได้อย่างง่ายดาย และ สามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็วในจังหวะที่ต่อเนื่อง
<ขโมยพลังชีวิต>
- การโจมตีแต่ละครั้งจะรักษาผู้ใช้ 3% จากค่าพลังชีวิตสูงสุด
_____
<เลือดไหล>
- มีโอกาส 5% ที่จะสร้างเอฟเฟกต์เลือดไหลให้กับเป้าหมายของคุณในทุกๆ การโจมตี
- เอฟเฟกต์เลือดไหลจะลดแต้มพลังชีวิตของเป้าหมายลง 1% ของค่าพลังชีวิตสูงสุดทุกๆ 2 วินาที
- ระยะเวลาเอฟเฟกต์เลือดไหล : 10 วินาที
_____
<ทำลายไม่ได้>
- อาวุธนี้ไม่สามารถถูกทำลาย หรือทำลายได้
_____
นอกจากนี้พลังการป้องกันของเดียโบลก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นเขาจึงได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากการโจมตีของพวก โคโบลด์ และ ด้วยความช่วยเหลือจากความสามารถ ‘ขโมยพลังชีวิต’ ของอาวุธ มันก็ทำให้ค่าพลังชีวิตของเขาเต็มเกือบตลอดเวลา
พูดง่ายๆ ก็คือ แม้ว่า เดียโบลจะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับ 1 กว่าร้อยตัว แต่ การใช้ ‘สายลมกรรโชก’ เพียงครั้งเดียว มันก็เพียงพอที่จะฟื้นฟูค่าพลังชีวิตของเขาให้กลับมาเต็มแล้ว
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามทาง หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ จึงได้ตัดสินใจเข้าขัดขวางโดยการยิงลูกบอลไฟไปทางฝ่ายป้องกัน เช่นเดียวกับ เดียโบล มันเป็นมอนสเตอร์ระดับ 3 ที่ใกล้จะทะลวงระดับ 4
ในจังหวะที่หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ปล่อยลูกบอลไฟ เดียโบล ก็ขว้าง หอกกระดูก ไปปะทะการโจมตีทันที
เมื่อสกิลทั้งสองปะทะกัน มันก็เกิดการระเบิดที่ทรงพลังขึ้นและขัดขวางการโจมตีของกันและกัน
‘เคะเคะเคะ’ เดียโบล ยกดาบขึ้นและแสดงท่าทางเยาะเย้ย หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ ที่อยู่ด้านหลัง
หัวหน้านักเวทย์โคโบลด์ได้ปล่อยลูกบอลไฟครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความตั้งใจที่จะกำจัดอันเดดผู้หยิ่งผยองตัวนี้
เดียโบล ยังคงปล่อย หอกกระดูก ต่อไปเพื่อปะทะกับลูกบอลไฟ จนทำให้เกิดการระเบิดและทำให้ผนังถ้ำสั่นสะเทือน สิ่งนี้ทำให้ ลุกซ์ ขมวดคิ้วเนื่องจากมันมีความเป็นไปได้ที่ถ้ำจะพังทลายลงมา
เขาได้ลาก โคเล็ตต์ กลับไปยังที่ปลอดภัยของถ้ำทันที ในขณะที่ เดียโบล ได้ยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อขวางกั้นการโจมตีของพวกโคโบลด์อย่างต่อเนื่อง
เป็นอย่างที่ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มคาดการณ์เอาไว้ อุโมงค์ชั่วคราวที่พวกโคโบลด์สร้างขึ้นไม่แข็งแรงมากพอที่จะรับมือกับการระเบิดที่ทรงพลัง ซึ่งส่งผลให้เกิดการพังทลายของถ้ำ สิ่งนี้ทำให้ฝุ่นควันได้ปลิวว่อนไปทั่วทุกทิศทาง จน ลุกซ์ ต้องบังคับให้ทุกคนปิดหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าตา
เมื่อฝุ่นควันจางลง ลุกซ์ ก็เหลือบมองไปยังทิศทางของสิ่งมีชีวิตมีชื่อตัวแรกของเขาและถอนหายใจ ทางเข้าถ้ำถูกบดบังด้วยเศษหิน ซึ่งป้องกันไม่ให้พวกโคโบลด์ โจมตีจากทั้งสองด้านได้อีกต่อไป
ในขณะนั้นเอง เดียโบล หันศีรษะมองไปที่ ลุกซ์ และ ยกนิ้วโป้งให้เขา แม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่ท่าทางที่มั่นใจของมันทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามันอยากจะพูดว่า ‘ทุกอย่างเป็นไปตามแผน!’
ลุกซ์ ยิ้มเยาะให้กับความรู้สึกที่เย่อหยิ่งที่มาจากสิ่งมีชีวิตมีชื่อของเขา ในขณะนั้นเอง มันก็ทำให้เขาสงสัยว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ที่ เดียโบล จะสามารถพูดได้หลังจากผ่านการอัปเกรดอีก 2-3 ครั้ง
แต่ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มก็วางเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว ในขณะที่เขาเรียก นักสู้โครงกระดูกมาเพิ่มเติม เพราะการต่อสู้ที่นี่ยังไม่สิ้นสุดลง และ เขาไม่มีความตั้งใจจะลดการป้องกันจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง