บทที่89
ใบหน้าของรอนสงบนิ่ง ดวงตาของเขาส่องประกายสะท้อนเปลวไฟที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
เมื่อเสาอัคคีระเบิดออก รอนก็เหยียดมือออกไป ฮาคิเกราะเคลือบหมัดของเขาให้เป็นสีม่วงแดง จากนั้นแรงโจมตีจากเปลวไฟอันร้อนแรงก็ถูกมือของรอนป้องกันเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
ปัง!
เปลวไฟระเบิดใส่ร่างของรอน เสียงระเบิดดังไปทั่วจากนั้นกลุ่มควันก็ลอยออกมาจากจุดที่รอนยืนอยู่ สายลมค่อย ๆพัดพาควันให้หายไป ทันใดนั้นร่างของรอนก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็ดใด ๆ พื้นที่รอบ ๆตัวของรอนแตกร้าวด้วยเสาอัคคี ทว่ารอนที่เป็นเป้าหมายกลับยืนอย่างสบาย ๆ
“!” เมื่อเอสได้เห็นดังนั้น เขาก็แทบหยุดหายใจไป ของจ้องไปที่ร่างของรอนอย่าไม่อยากเชื่อสายตา “หมอนั่น ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยเหรอ?”
“เฮ้อ...” ด้านหลังรอนไม่ไกลจากที่นั่น นามิ คายะและสาว ๆต่างก็ได้เห็นการโจมตีอันรุนแรงของเอส มันรุนแรงมาก พวกเธอกังวลว่ารอนจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า แต่ตอนนี้พอพวกเธอดูรอนแล้วเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ พวกเธอก็โล่งใจ
มากิโนะมองดูทั้งสองคนด้วยสายตาซับซ้อน เธอไม่อยากให้ทั้งสองคนบาดเจ็บ คนหนึ่งคือเอสที่เธอเห็นว่าเป็นเหมือนน้องชาย อีกคนคือเด็กหนุ่มที่เธอเดินทางด้วยกันมานาน แม้ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับ แต่เธอก็รู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมาแล้ว
“ผู้ชายคนนี้ พลังขนาดนี้ยังเอาชนะเขาไม่ได้เหรอเนี่ย?” มิสวาเลนไทน์เบิกตากว้าง “ไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บ มันช่างน่าสิ้นหวังจริง ๆ”
วาโปลูเองก็เริ่มรู้สึกกลัวกับสิ่งที่เห็นเหมือนกัน
“ไม่คิดว่าพลังของฉันจะทำนายบาดเจ็บไม่ได้เลย ไม่น่าแปลกใจที่เอาชนะตาเหยี่ยวคนนั้นมาได้” เอสมองไปที่รอนอย่างจริงจัง “แต่ต่อไปนายต้องระวัง นี่เป็นท่าที่ทรงพลังที่สุดของฉัน มันจะต้องเอาชนะนายได้แน่!”
“เข้ามาสิ!” รอนเอามือไพล่หลังแล้วมองดูเอสโดยไม่หวาดหวั่นกับคำขู่แม้แต่น้อย
“รับไป!” มือซ้ายของเอสจับมือขวาเอาไว้แน่น เปลวเพลิงยังคงลุกไหม้ที่แขนของเขาอย่างร้อนแรง และเมื่อเอสรวมพลังทั้งหมดที่มีแล้ว เอสก็ตะโกนออกมา “หมัดเพลิง!!!”
หมัดเพลิงขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากแขนของเอส กำปั้นนั้นมันราวกับว่าจะแผดเผาท้องฟ้า นี่คือที่มาของเอสหมัดอัคคี หมัดเพลิงของเขามีพลังโจมตีที่รุนแรง สามารถทำลายเรือรบได้ด้วยหมัดเดียว
“แข็งแกร่งอะไรแบบนี้!” มิสวาเลนไทน์พึมพำ ดวงตาจับจ้องที่การต่อสู้ “การโจมตีนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน นายจะรอดจากมันได้ไหมรอน?”
ในสายตาของสาว ๆ พวกเธอเห็นว่ารอนยิ้มมุมปาก “หมัดเพลิง... นี่คือท่าที่สร้างชื่อให้นาย? ให้ฉันได้รู้ทีว่ามันจะแข็งแกร่งสักขนาดไหน!”
รอนไม่แม้แต่จะโจมตีสวนออกไป แต่เขาใช้ฮาคิคลุมร่างกายและใช้ร่างกายของเขาต้านรับการโจมตีนี้โดยตรง
เมื่อเอสเห็น แสงแห่งความโกรธก็ลุกออกมาจากดวงตาของเขา “ช่างมั่นใจในตัวเองจริง ๆนะ... ย่าาาาาาา!!”
เอสคำรามลั่น ทันใดนั้นเปลวเพลิงจากหมัดเพลิงก็รุนแรงขึ้น ความร้อนของมันก็เพิ่มมากขึ้นด้วย จากนั้นมันก็พุ่งเข้ากระแทกร่างของรอนอย่างจัง
ตูม!
แคร่ก แคร่ก แคร่ก...
ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังขึ้น พื้นดินใต้เท้าในระยะหนึ่งร้อยเมตรที่รอนยืนอยู่ได้แตกร้าวและยุบลงไปราวกับโดนขีปนาวุธยิงใส่
ในที่สุดเมื่อควันจางหายไป สิ่งเดียวที่ไม่บุบสลายก็ปรากฎขึ้น
“นี่เป็นท่าที่แรงที่สุดของนายหรือเปล่า?” รอนส่ายหน้า “มันถึงเวลาที๋ฉันจะโจมตีกลับแล้ว นายพร้อมไหม?”
“ได้ยังไงกัน!!” เอสใจเต้นรัว เมื่อเขามองไปที่ร่างรอนที่ไม่เป็นอะไรเลยเขาก็สูดลมหายใจอันหนาวเหน็บเข้าไป แต่พอเขานึกได้ว่าเขาเห็นบางอย่างที่เหมือนกับสีดำ ๆบางอย่างบนตัวรอนเขาก็ตกใจ “นั่นคือฮาคิ นายใช้ฮาคิได้ใช่ไหม?”
“ใช่!” รอนพยักหน้า “พูดถึงฮาคิ นายก็ใช้ได้เหมือนกันนี่ ใช่ไหม?”
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์!” เอสยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันก็พอจะใช้มันได้ แต่มันก็ยังไม่สามารถเคลือบร่ากายหรืออาวุธได้ ฉันไม่คิดมาก่อนว่านายจะทำได้ขนาดนี้”
การเคลือบอาวุธเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งและได้ผลที่สุดในการยับยั้งพลังของผลปีศาจ เรียกได้ว่าเป็นการแพ้ทางตามธรรมชาติกันก็ว่าได้ หากอยากสู้กับคนมีฮาคิก็จะต้องใช้ฮาคิเท่านั้นที่จะรับมือกันได้
เอสทำอะไรไม่ถูก
“พร้อมรับมือการโจมตีของฉันหรือยัง?” รอนกล่าวด้วยเสียงนิ่งสงบ
เขารู้ว่าฮาคิเกราะสามารถโจมตีเอสได้และมันสามารถยังยั้งพลังของผลปีศาจของสายโรเกีย แต่มันก็หนีความจริงไม่ได้ว่าผลปีศาจสายโรเกีย เป็นผลไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผลปีศาจทั้งสามสาย ไม่ว่าจะเป็นผลเมระ เมระของเอส ผลโกโระ โกโระของเอเนลและผลฮิเอะ ฮิเอะของอาโอคิยิ
“มาต่อกันเถอะ!” เอสหายใจลึก เขามองไปที่มากิโนะจากระยะไกลแล้วหันมามองรอนด้านหน้าเขา “ต่อไปเรามาตัดสินกันดีกว่า การโจมตีครั้งนี้จะเป็นตัววัดว่าใครแพ้ใครชนะ นี่เป็นท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของฉัน นายควรระวังตัว ฉันยังไม่เชี่ยวชาญท่านี้ ไม่อย่างนั้นนายตายแน่ถ้าตายไม่ระวัง”
“ตาย?” รอนเลิกคิ้ว มุมปากของเขาพลันเกิดรอยยิ้ม “ในโลกนี้ไม่มีใครฆ่าฉันได้ ไม่มีใคร ไม่เว้นแม้แต่สี่จักรพรรดิ”
“ดูเหมือนนายจะมั่นใจในตัวเองแบบผิด ๆนะ” เอสส่ายหัว “มันยังมีคนที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนในโลกนี้ ฉันเองก็เคยอวดดีเหมือนนายจนกระทั่งฉันไปโลกใหม่...”
“อ้อ เตรียมรับมือเถอะ!!” รอนค่อย ๆลดมือต่ำลง เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้เอสทีละก้าว
“มหาสุริยะ... จักรพรรดิเพลิง!!!”
เอสชูมือสูง แล้วเปลวไฟทั้งร่างของเขาก็ได้กลายเป็นลูกบอลกลมที่ราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อม
“ร้อน!” ห่างจากหลังรอนไปประมาณร้อยเมตร สาว ๆมองดูลูกไฟลูกใหญ่เหนือหัวของเอสอย่างหวาดกลัว พวกเธอรู้สึกได้ถึงความร้อนอันน่าสะพรึงกลัวในอากาศที่เกือบจะเผาไหม้ผิวพวกเธอ
ไม่เพียงแต่กลุ่มของสาว ๆเท่านั้นที่ตกใจ เหล่าชาวเมืองของเมืองท่านาโนฮานะเองก็แหงนดูท้องฟ้า พวกเขาต่างมองดูลูกไฟขนาดใหญ่ที่น่ากลัวพอ ๆกับดวงอาทิตย์
“วิ่ง!”
“ช่วยด้วย!”
คนที่อยู่ใกล้สนามรบ พวกเขาต่างก็รีบวิ่งหนีออกไปอย่างลนลาน พวกเขารู้ว่าหากสิ่งนี้มันระเบิดล่ะก็มันจะฆ่าพวกเขาให้ตายได้อย่างแน่นอน