บทที่ 13 พี่สาว
บทที่ 13 พี่สาว
“มีใครอยู่หรือไหม!”
ฟลินน์อดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง เมื่อเขาสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านอกจากตัวเขาแล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่มีกุญแจของสำนักประเมินของฟลินน์ด้วย
เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
“พี่ ใช่พี่ไหม?”
พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคติดต่อและสมาชิกในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวคือพี่สาวของเขาซึ่งปัจจุบันแต่งงานแล้ว
เนื่องจากพี่สาวคนโตมีครอบครัวอยู่แล้วทำให้ทั้งคู่เจอกันน้อยลงแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไม่ได้แย่
นานๆ ครั้งพี่สาวของเขาจะเข้ามาทำความสะอาดให้
แม้ว่าฟลินน์อยากจะปฏิเสธแต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันทางสายเลือดได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมอบกุญแจสำรองออกมา
“ยังจะมีใครนอกจากฉัน” เสียงโกรธดังขึ้นพร้อมกับเสียงผู้หญิงสองคนที่เดินออกมาจากห้องด้านหลังทีละคน
ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าอายุประมาณยี่สิบห้าปีมีผมสีดำเช่นเดียวกับฟลินน์และหน้าตาสวยมาก
ผมของเธอม้วนขึ้นเป็นมวยติดเครื่องประดับผมที่เป็นอัญมณีน่ารัก หญิงสาวสวมเดรสสีเบจนั่นคือ โรว์ลิง ซอร์ค พี่สาวของเขา
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังสวมชุดสาวใช้อายุประมาณสิบแปดปี เธอเป็นสาวใช้ที่ครอบครัวสามีของพี่สาวของเขาจ้างมา
“พี่ไม่ได้มาที่นี่แค่สัปดาห์เดียวแต่บ้านเธอยังรกได้มากขนาดนี้จะให้พี่วางใจให้เธออยู่คนเดียวได้ยังไง” โรว์ลิงบ่น
“มันไม่ได้สกปรกขนาดนั้นอย่างมากก็แค่ฝุ่น” ฟลินน์แย้ง
“แล้วเสื้อผ้าสกปรกที่กองอยู่ในห้องน้ำล่ะ?” โรว์ลิงจ้องเขม็งเห็นได้ชัดว่าตัวเตี้ยกว่าฟลินน์แต่มันกลับทำให้ฟลินน์รู้สึกถูกบีบให้หดเล็กลง
“ผมจะซักมันเอง” ฟลินน์โอดครวญเสียงอ่อยจนแทบไม่ได้ยิน
“ยังจะดื้ออยู่อีก ต้องให้พี่คอยตามดูแลแบบนี้เมื่อไหร่เธอจะโตซักที?” โรว์ลิ่งบิดหูของฟลินน์ด้วยท่าทางโมโห
“พี่สาว ผมแก่ขนาดนี้แล้วช่วยไว้หน้าผมหน่อย” ฟลินน์รีบอ้อนวอนขอความเมตตา
สาวใช้ตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ เธอระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของสองพี่น้องซึ่งปกติเธอจะเป็นคนนิ่งเงียบอ่อนแอ
“วันหลังอย่าลืมมากินข้าวที่บ้านพี่ด้วย” โรว์ลิ่งพูดและปล่อยหูของฟลินน์
“ไม่เอา” ฟลินน์ลังเลเล็กน้อยไม่ค่อยเต็มใจที่จะไป
สามีของพี่สาวของเขามาจากตระกูลคหบดีแม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิในมรดกแต่เขาก็มีงานที่ดีและรายได้มั่นคงจากครอบครัว
พี่เขยคนนี้ปฏิบัติต่อพี่สาวของเขาอย่างดีทว่าเขาค่อนข้างหัวสูง
เมื่อเขาเพิ่งจบการศึกษา เนื่องจากยังไม่ได้มีะูรกิจสร้างชื่อให้ตัวเอง ในเวลานั้นพี่เขยคนนี้ไม่ชอบเขานักทั้งยังคอยระแวดระวังเขาอยู่เล็กน้อย
คงกลัวว่าเขาจะรายได้น้อยจนไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองแล้วไปขอเงิน
จนกระทั่งธุรกิจสำนักงานประเมินราคาฟลินน์ดีขึ้นทัศนคติของพี่เขยที่มีต่อเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมามันยากสำหรับเขาที่จะสนิทสนมกับพี่เขยคนนี้
“เธอไม่ได้เจอไคช่านานแล้ว เมื่อสองสามวันก่อนไคช่ายังบ่นคิดถึงน้าชายของเธอด้วย ดังนั้นต่อให้ไม่ว่างเธอก็ต้องไป” โรว์ลิงโน้มน้าว
เธอพยายามให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและน้องชายของเธอผ่อนคลายมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนที่ขาดเธอไปไม่ได้
“ตกลง” ฟลินน์ลังเลและตกลง
ไคช่าเป็นลูกสาวของโรว์ลิง ตอนนี้เด็กหญิงอายุ 4 ขวบแล้ว หลานสาวคนนี้ของเขาคนนี้สนิทสนมกับเขามากแต่จากพี่เขยลิบลับ
พวกเขาทั้งสามขึ้นรถม้าเช่าและหยุดบนถนนที่พลุกพล่านใกล้กับหมู่บ้านตะวันออก ตรงหน้าพวกเขาคือบ้าน 2 ชั้นที่ล้อมรอบด้วยรั้วเหล็ก
นี่คือบ้านของโรว์ลิง
“ไคช่า ดูสิว่าใครอยู่ที่นี่” โรว์ลิงเรียกทันทีหลังจากเข้ามาในห้อง
จากนั้นฟลินน์ก็เห็นเด็กผู้หญิงผมบลอนด์วิ่งเหยาะๆ เข้ามา เด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมชุดสีขาวนัยน์ตาสีฟ้า ผิวขาวน่ารักเหมือนตุ๊กตา
เมื่อเห็นฟลินน์ เด็กหญิงตัวเล็กๆ ฉีกรอยยิ้มบริสุทธิ์บนใบหน้าแล้ววิ่งไปข้างหน้าและกอดขาของฟลินน์ก่อนจะตะโกนเจื้อยแจ้ว
“คุณน้า” ฟลินน์กอดสาวน้อยไคช่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ขณะนี้ชายผมบลอนด์สวมเสื้อกั๊กทับเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดำปรากฏตัวขึ้น
“พี่เขย”
เมื่อเห็นบุคคลนี้ฟลินน์ก็เอ่ยทักทาย ชายคนนี้คือสามีของน้องสาวของเขา
“คุณมาแล้ว” โคลด เดรย์พยักหน้าท่าทีของเขาไม่อาจเรียกได้ว่าคุ้นเคย
ในตอนเย็นฟลินน์ โรว์ลิง โคลดและไคช่ารับประทานอาหารร่วมกันโดยมีสาวใช้ยืนเสิร์ฟอาหารอยู่ด้านข้าง
อาหารเย็นมื้อนี้หรูหรามากมีทั้งฟัวกราส์ย่างหอยนางรมและล็อบสเตอร์อบซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยากสำหรับครอบครัวทั่วไปที่จะกินหลายครั้งต่อปี
แม้แต่อดีตฟลินน์ก็ไม่สามารถกินแบบนี้ได้บ่อยๆ
ท้ายที่สุดพี่เขยคนนี้ก็มาจากตระกูลคหบดีและแม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิในมรดกแต่สภาพความเป็นอยู่ของเขาก็ดีมาก
“ตอนนี้กิจการเป็นยังไงบ้างเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อนร่วมงานของฉันกำลังหาคู่ค้าของโบราณ ผมแนะนำคุณให้เขารู้จักแล้ว” หลังจากกินเสร็จโคลดเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดปากและพูดกับฟลินน์
“เอ่อ...ผมมีแผนที่จะปิดสำนักงานประเมินราคาฯ” ฟลินน์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกออกไป ท้ายที่สุดพี่สาวของเขาก็มาเกือบทุกสัปดาห์คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังมันต่อไป
“แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป” โคลดขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อสำนักงานประเมินราคาฟลินน์ปิดตัวลง ฟลินน์ย่อมขาดรายได้และไม่นานหลังจากนั้นเงินออมของเขาก็จะหมดลง
และพี่เขยอย่างเขาคงหลีกเลี่ยงความช่วยเหลือนี้ไม่พ้น
“จะไม่เปิดต่อ ทำไมเหรอ?” โรว์ลิงมองฟลินน์ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
เท่าที่เธอรู้สำนักงานประเมินราคาฟลินน์มีรายได้สัปดาห์ละประมาณ 4 ปอนด์ทองคำซึ่งเป็นรายได้ที่ค่อนข้างดีเธอไม่เข้าใจทำไมฟลินน์ถึงวางแผนปิดกิจการ
“ผมได้งานที่ใหม่ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดกิจการสองอย่างพร้อมกัน” ฟลินน์อธิบาย
“ดีแล้ว”
โรว์ลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอไม่สนใจว่าฟลินน์จะเปิดสำนักงานประเมินราคาฟลินน์หรือไม่ เธอสนใจแค่ว่าฟลินน์มีชีวิตที่ดี
ตอนนี้ฟลินน์มีงานที่มั่นคงแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจ
“บริษัทอะไร” โคลดขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่เขายังคงถามด้วยความกังวล
เขากังวลว่าหากรายได้ของฟลินน์ในบริษัทต่ำเกินไปเขายังคงต้องช่วยเหลือฟลินน์
“มันคือหอประมูลเกรทวีด” ฟลินน์กล่าว
นี่ไม่ใช่การโกหกแบบสุ่มๆ แต่เขาระบุสถานที่ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเขาโดยเฉพาะของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรซึ่งสามารถสอบถามได้
“หอประมูลเกรทวีดคุณทำงานที่นั่นจริงเหรอ”
โคลดมองฟลินน์ด้วยความประหลาดใจเขาไม่คาดฝันว่าฟลินน์จะได้รับการว่าจ้างที่นั่น
“เกิดอะไรขึ้นกับหอประมูลเกรทวีด” โรว์ลิงถามอย่างงงงวย
แม้ว่าเธอจะเคยได้ยินเกี่ยวกับหอประมูลเกรทวีดแต่เธอก็ไม่รู้เรื่องหอประมูลเกรทวีดมากนัก
ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่เข้าใจว่าทำไมงานใหม่ของฟลินน์ที่หอประมูลเกรทวีดจึงทำให้สามีของเธอประหลาดใจมากขนาดนี้
“หอประมูลเกรทวีดเป็นทรัพย์สินของตระกูลดยุคแห่งฮาร์โลว์วินมีสาขาหลายแห่งในอาณาจักร
การดูแลภายในนั้นยอดเยี่ยมแม้แต่การรับสมัครพนักงานยังเข้มงวดมากเช่นกัน ผมเลยไม่ได้คาดหวังว่าฟลินน์จะได้งานที่นั่น” โคลดอธิบาย
เมื่อเขาจบการศึกษาชายหนุ่มได้ยื่นสมัครงานที่หอประมูลเกรทวีดแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้
“เงินเดือนเป็นไงบ้าง? เป็นธรรมดาที่จะต่ำลงเมื่อเริ่มงานครั้งแรกทำงานหนักและมีอนาคตที่ดีกว่างานเก่าของคุณแน่นอน” โคลดพูดอย่างจริงจัง
เป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกที่แตกต่างกับน้องชายของภรรยา อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาช่วย
“ค่าจ้างรายสัปดาห์คือ 50 ปอนด์ทองคำและยังมีรถม้า บ้านเดี่ยวในวาเลนเต้ด้วย” ฟลินน์พูดตามความจริง
นั่นคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับสวัสดิการและไม่จำเป็นต้องปิดบัง
“แค่ก” โคลดกระแอมไอครั้งแล้วครั้งเล่าและมองไปที่ฟลินน์ด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มเกือบจะคิดว่าตัวเองได้ยินผิด เขาได้ยินทองคำ 5 ปอนด์เป็น 50 ปอนด์ทองคำส่วนรถม้าและบ้านเดี่ยวมันเป็นแค่เสียงหลอนหูเท่านั้น
โรว์ลิงรู้สึกประหลาดใจมากเช่นกันแต่ก็กลายเป็นความยินดีในทันที
“50 ปอนด์ทองคำ ฉันได้ยินถูกใช่ไหม!”
“ผมทำงานเป็นหัวหน้าผู้ประเมินที่หอประมูลเกรทวีด ท้ายที่สุดผมเป็นทีมผู้บริหาร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เงินเดือนจะสูง” ฟลินน์บอก
สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจัดการเตรียมเรื่องพวกนี้ไว้ก่อนแล้วรอแค่คุณเปิดเผยมันออกมา
อันที่จริงหอประมูลเกรทวีดเป็นทรัพย์สินประจำตระกูลของรองผู้อำนวยการด้วยความสัมพันธ์นี้เธอจึงสามารถขอให้หอประมูลเกรทวีดช่วยปกปิดได้อย่างง่ายดาย
“ดีมาก…” เมื่อได้รับการยืนยันอย่างหนักว่า 50 ปอนด์ทองคำไม่ใช่ 5 ปอนด์ทองคำแถมยังมีรถม้าและบ้านอีกด้วย โคลดรู้สึกหดหู่เล็กน้อยจากความจริงที่ปะทะเข้ามา
เขาเป็นหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์และเงินเดือนประจำสัปดาห์ของเขาคือ 20 ปอนด์ซึ่งมากกว่าที่น้องชายของภรรยาเคยได้รับถึง 5 เท่าดังนั้นเขาจึงรู้สึกเหนือกว่าเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยา
โดยไม่คาดคิดภรรยาและน้องชายของเธอซึ่งเขาดูถูกมาโดยตลอดกลับพลิกฟื้นและเงินเดือนของเขาพุ่งสูงขึ้นเป็นสองเท่าของเขา
ที่สำคัญยังครบครันทั้งรถม้าและบ้านเดี่ยว
“พี่ วันพรุ่งนี้ผมจะย้ายไปบ้านที่บริษัทยกให้ถ้าเผื่อพี่ว่างก็ไปช่วยผมย้ายได้” ฟลินน์พูดกับโรว์ลิง
“พรุ่งนี้จะย้ายบ้าน แต่พรุ่งนี้ฉันต้องไปเยี่ยมเพื่อนกับพี่เขยของเธอนะสิ ฉันได้นัดไว้แล้ว” โรว์ลิงหงุดหงิดเล็กน้อย
น้องชายย้ายไปบ้านหลังใหม่และเธอควรไปที่นั่นอย่างมีเหตุผลแต่มีการเตรียมการสำหรับวันพรุ่งนี้แล้วและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตกลงกันแล้ว
“คุณสามารถไปเยี่ยมเพื่อนได้ทุกเมื่อแต่คุณไม่สามารถย้ายไปบ้านใหม่ได้ตลอด พรุ่งนี้ผมจะไปกับคุณและผมจะเขียนจดหมายไปขอโทษเพื่อนคนนั้น ผมเชื่อว่าเขาสามารถเข้าใจได้” เมื่อโรว์ลิ่งกำลังกังวลกับปัญหาโคลดก็หาทางออกให้ทันที
ตอนนี้ฟลินน์มีเงินเดือนสูงแล้วในความคิดของเขามันคุ้มค่าที่จะกระชับความสัมพันธ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์กับฟลินน์เย็นชาแต่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“ดีมาก”
โรว์ลิงรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเป็นธรรมดาเมื่อสังเกตเห็นว่าสามีมีทัศนคติต่อน้องชายเปลี่ยนไปแล้ว
“งั้นก็รบกวนพี่เขยด้วย”
แม้ว่าเขาจะไม่ประทับใจพี่เขยคนนี้แต่ฟลินน์ก็ไม่ปฏิเสธ เขาต้องคิดถึงพี่สาวของเขาให้มากและไม่สามารถทำให้เธอลำบากได้
“ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจ” โคลดยิ้ม