ตอนที่ 1312 ไพ่ในมือ หมากบนกระดาน
จะสู้ตัวต่อตัวหรือมาเป็นกลุ่ม? ตัวเลือกแรกที่จางเว่ยองครักษ์ประตูมังกรและถูว่านจะถูกจำกัดโดยเฉพาะ
เขารอมานานจริงๆ
อาวุธวิเศษคู่มือเคียวโลหิตถูกอาหมันชิงไปอย่างน่าขายหน้า แม้กระทั่งก่อนหน้านี้อู๋เหินใช้กำแพงแก้วและโล่แก้วผลึกป้องกันการโจมตีของเขาอย่างง่ายดาย เขาคือนักสู้อันดับสองของเผ่ากลืนฟ้าตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มสั่นคลอนไม่หยุดยั้ง เทพสังหารผู้ยิ่งใหญ่อาละวาดในแดนสวรรค์บนมาแล้วเขารู้สึกไม่สามารถเก็บความโกรธไว้ได้ และสาบานว่าจะต้องคืนความอัปยศนี้ให้กับนักรบหอทงเทียนเป็นพันๆ เท่า
เย่ว์ไตตันน่ะหรือ?
นั่นคือเป้าหมายที่เขากระตือรือร้นต้องการสังหารมานานแล้ว
หากไม่ใช่เพราะตงฟางถ่ายทอดสำนึกเทพที่ลึกลับเพื่อนำทางเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาคงไม่สามารถอดทนไม่ให้โจมตีได้ เขารอมาจนบัดนี้แล้ว
“ไปลงนรกเสียเถอะ!” เงื่อนไขสุกงอมแล้วนักสู้ระดับเทพของแดนสวรรค์บนพากันรายล้อม บางทีในวินาทีถัดไป เจ้าเด็กนี่อาจตายได้ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะล้างแค้นและระบายความคับแค้นใจ ถ้าไม่ทำตอนนี้ จะให้ลงเมื่อไหร่?
ถูว่านชูมือขึ้นและขวานโลหิตอาวุธกึ่งเทพปรากฏในมือของเขา
ขวานยักษ์โลหิตมีรูปลักษณ์เหมือนเหล็กปีศาจ
มีรอยเปื้อนอักขระรูนและมีพลังกระหายเลือดมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นใบมีดกว้างด้ามจับ ไม่ว่าจะบิดดูด้านใดล้วนน่ากลัว
อาวุธวิเศษถูกเงื้อขึ้นและฟันไปที่ศีรษะของเย่ว์หยางโดยมิอาจยั้งได้ การฟาดฟันครั้งนี้แฝงไปด้วยความโกรธและพลังเทพที่ถูว่านเก็บงำข่มไว้จนถึงขีดจำกัดดูเหมือนว่าจะมีพลังสามารถฉีกโลกได้ อย่าว่าแต่เนื้อหนังมนุษย์ แม้จะเป็นภูเขาสูงตระหง่านมองไม่เห็นยอดแต่ภายใต้แรงฟันที่หนักหน่วงนี้ อาจทำให้ภูเขาขาดเป็นสองท่อนได้
“ช้าเหลือเกิน”เย่ว์หยางพูดแค่สองคำ
ร่างเงาตามหลังยังคงอยู่ในที่เดิม
แต่ร่างที่แท้จริงหายไปไม่เห็นร่องรอย
ในขณะที่ถูว่านเข้าใกล้จนเกือบจะถึงแล้วเย่ว์หยางมาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขา และค่อยๆ กดฝ่ามืออย่างมั่นคงเชื่อได้ว่าความโหดอำมหิตไม่ต่างจากนักฆ่า
ดูเหมือนว่าเย่ว์หยางจะทำให้ถูว่านแปลกใจจางเว่ยแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์รออยู่ก่อนแล้ว
หมัดทองสามารถทะลวงมิติเวลาได้อย่างเหลือเชื่อเทพกับขวานโลหิตของถูว่านก็ยังสู้ไม่ได้ ฝ่ายหนึ่งเร็วราวกับสายฟ้าอีกหนึ่งช้าราวกับเต่าคลาน ไม่มีทางเทียบกันได้อย่างสิ้นเชิงเมื่อหมัดสีทองถูกปล่อยออกไปเพียงระยะครึ่งทางมันกระพริบและกลายเป็นดาวทองนับสิบล้านดวง ทุกหมัดแกร่งกร้าวตราบใดที่เย่ว์หยางถูกหมัดใดหมัดหนึ่งเขาจะไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บแต่จะถูกสังหารด้วยขวานโลหิตของถูว่าน ประกายหมัดทั้งหมดก่อตัวเป็นแสงสีทองครอบคลุมทั้งท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
“นี่ก็โง่เกินไป” ภาพเงาตามหลังถูกชกไปหนึ่งหมัด
แต่เสียงที่เขาทิ้งไว้ด้านหลังก่อนจะหายไปชัดเจนผ่านเข้าหูของทุกคน
เสียงแบบนี้เป็นเสียงที่ประกอบไปด้วยเจตจำนงราชันย์ไม่หวั่นไหว แม้จะถูกหมัดมวยสลาย แต่ก็ยังทะลวงผ่านไปในใจของตน
เย่ว์หยางปรากฏตัวเป็นครั้งที่สอง
ยักษ์ขนาดใหญ่แข็งแกร่งร่างสูงยี่สิบกว่าเมตรปรากฏอยู่เบื้องหลังจ้าวภูผา
จ้าวภูผามีความยืดหยุ่นเหมือนกับอสูรทะเล ขณะที่เย่ว์หยางหายตัว ในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีเขาเทเลพอร์ตร่างยักษ์และใช้หมัดโจมตีเย่ว์หยาง
แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่แต่หมัดของจ้าวภูผายังเร็วกว่าหมัดของจางเว่ยที่รวดเร็วปานสายฟ้าหนาแน่นดังเม็ดฝน เย่ว์หยางไม่เคยคิดมาก่อนว่าร่างใหญ่ๆ อย่างจ้าวภูผาสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งขนาดนี้ การกระโดดขึ้นไปก็พบอันตรายรออยู่แล้วจากนั้นทิ้งตัวลงลงมาก็อยู่ในแนวโจมตีของหมัดของจ้าวภูผา หากช้าไปเพียงครึ่งวินาทีเกรงว่าคงถูกจ้าวภูผาต่อยกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน
“ช้าเกินไป!” จ้าวภูผาย้อนคำพูดเย่ว์หยาง
หมัดของเขายังไม่ถูกรั้งกลับ
ร่างของเขาเอนหลังด้วยความยืดหยุ่นเหมือนกับงู
ขาขวาของเขาพุ่งเร็วกว่าอุกกาบาตหลายเท่าและเกิดภาพมิติแตกตามหลังเป็นทางและขยายออกไปด้วยเร็วในพลังเตะของเขา
พลังเตะที่รุนแรงและรวดเร็วทำให้เย่ว์หยางมือไม้ปั่นป่วน แม้ว่าเท้านั้นจะดูใหญ่โตและไม่มีใครทนได้ แต่เย่ว์หยางมีความรู้สึกว่าถ้าเขาปล่อยให้ลูกเตะนี้โดนคางศีรษะของเขาอาจกระเด็นเป็นลูกฟุตบอลก็ได้..ไม่มีใครต้องการเป็นศพไร้ศีรษะ
เย่ว์หยางถอยหลังอย่างรวดเร็วและหลบลูกเตะที่แม่นยำนี้
“โง่เกินไป!” จ้าวภูผาดูเหมือนจะคำนวณไว้แล้วว่าเย่ว์หยางจะต้องหลบเช่นนี้ หรือบางทีภายใต้การโจมตีของเขาเย่ว์หยางไม่มีทางเลือกที่สองอีก พลังหมัดยังโจมตีไปไม่ถึงก็ตามมาด้วยพลังเตะพลังโจมตีทั้งสองอย่างยังไม่ทันขาดหาย แต่ราชันย์ไร้พ่ายใช้วิธีที่แปลกมากเขาโน้มตัวไปข้างหน้า มือซ้ายพวกสร้างบอลพลังงานเทพที่สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
เขาผลักดวงทิตย์น้อยที่เขาสร้างขึ้นเบาๆ
ขณะนั้นเอง
บอลพลังงานกระทบร่างเย่ว์หยาง
แม้ว่าบอลพลังงานนี้จะมีขนาดใหญ่มากจนบดบังร่างของเย่ว์หยางอย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยการเคลื่อนไหวของเขาเย่ว์หยางสัมผัสได้ว่าเป้าหมายโจมตีที่แท้จริงและศูนย์กลางพลังยิ่งใหญ่นี้มุ่งหมายที่ใบหน้าของตัวเขา
เย่ว์หยางไม่มีทางหลบเลี่ยงได้แม้แต่น้อยแต่เด็กหนุ่มข้ามโลก ไม่มีทางหนีโดยไม่ยอมสู้อยู่แล้ว
ต่อให้สิ้นหวังหดหู่เขาก็ไม่ยอมแพ้ใคร
ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่มีทางหลบหลีกได้เย่ว์หยางกลับสั่นสะท้านทั้งตัวอยู่ภายในบอลแสงพลังเทพมองดูน่ากลัว
ในขณะเดียวกันห่างจากด้านหลังเย่ว์หยางสิบเมตรเงาร่างสีทองเลือนรางของมือสังหารเทพถูซื่อจากแดนสวรรค์บนเปล่งแสงวาบหนึ่ง พลังเทพสีแดงโลหิตนับพันสายปรากฏขึ้นทำลายพื้นที่ด้านหลังของเย่ว์หยางท้องฟ้าทลายหายไปกลายเป็นหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสิ่ง ตราบใดที่บอลแสงเทพระเบิด แรงระเบิดจะดันเขาให้จมลงไปในหลุมดำ ถ้าเขาไม่ตายเขาจะถูกเนรเทศไปอย่างไม่มีกำหนดเวลา ทั้งไม่รู้พิกัดมิติเวลาที่ถูกต้องมิทราบว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าจะกลับมายังหอทงเทียนได้
การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดของเย่ว์หยางในบอลแสงอย่างหมดหวังกลับทำให้บอลแสงพลังเทพระเบิดขึ้นก่อนเวลา
แรงระเบิดใหญ่ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
เย่ว์หยางควรจะถูกอัดกระแทงลงไปในหลุมดำ แต่โชคดีเขาพุ่งขึ้นไปในอากาศที่ล้อมรอบไปด้วยอันตรายเฉียดขอบหลุมดำไปเล็กน้อย
“จงกินไอ้นี่ซะ” ถูว่านพร้อมกับขวานกระหายเลือดในมือของเขากระโดดเข้าหาเย่ว์หยางที่กำลังบินถอยห่างออกไปอีกด้านหนึ่ง จางเว่ยรอเขาอยู่นานแล้ว
“คืนให้เจ้า”ร่างของเย่ว์หยางวกเปลี่ยนเส้นทางไม่ได้เจอกับถูว่านแต่กลับเร่งความเร็วตรงไปหาร่างเงาสีทอง ขณะเดียวกันเขาวาดมือเป็นรูปกางเขนแม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆแต่ความจริงกลับตัดตรงไปหายอดฝีมือเทพอันดับหนึ่งแห่งเผ่ากลืนฟ้าถูซื่อแต่เขาหายไปจากจุดที่เคยอยู่
มือสังหารเทพถูซื่อเหมือนกับจะหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ ทันใดนั้นพลังเทพสีแดงโลหิตปรากฏขึ้นอีกครั้ง
รังสีแดงนับพันสาย
เข้าปะทะต่อหน้าโดยตรง
ความคิดของทั้งสองฝ่ายเหมือนกันทั้งคู่อัดกระแทกพลังอย่างรุนแรงที่สุด มิติในท้องฟ้าและโลกแตกกระจาย
มือสังหารเทพที่ลึกลับและตัวตนไม่ชัดเจนเปล่งเสียงโหยหวนกราดเกรี้ยวราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่มีใครสามารถหาร่องรอยที่แท้จริงของเขาได้อีกเลย
มีเพียงหยดเลือดเทพสีทองค่อยๆหยดมาจากท้องฟ้าที่แตกร่วงลงบนพื้นแท่นบูชายัญ
หยดลงข้างหน้าเย่ว์หยาง
ขณะนั้นเอง....
ร่างของเย่ว์หยางถูกฟันด้วยมีดที่มองไม่เห็น มีรอยแผลสีแดงเป็นจำนวนมากบนผิวหนังเลือดซึมเข้าไปในเสื้อผ้าของเขาราวกับน้ำพุอาการบาดเจ็บเพราะถูกนักสู้ระดับเทพหลายคนโจมตีพร้อมกันในที่สุดเขาก็ได้รับบาดเจ็บ! มังกรสองหัวที่กำลังดูการต่อสู้และคนอื่นๆ อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ ถ้าในกรณีนี้ทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นทุกคนอาจต้องฆ่าตัวตาย และยังจะแบ่งปันสมบัติของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพได้อีกหรือ? นั่นเป็นเพียงความฝันที่เป็นไปไม่ได้!
โชคดีที่เย่ว์ไตตันนี้แม้จะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน!
ภายใต้การรุมล้อมโจมตีของนักสู้ระดับเทพหลายคน
เขาไม่ได้พ่ายแพ้ก็จริง แต่ก็เห็นได้ว่าเขาเสียเปรียบ
ยังคงมีหวังกับสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ตงฟางกุนซือวางแผนรบอันดับหนึ่งที่คอยควบคุมสังเกตการณ์มาเป็นพันปีแล้วน่าจะชนะ... แม้แต่อัจฉริยะอย่างเย่ว์ไตตันก็ไม่สามารถเอาชนะตงฟางได้เพราะแผนการของบุรุษผู้นี้ลึกล้ำเกินไป และสถานการณ์ทั่วไปไม่สามารถใช้กำลังพลิกฟื้นได้
“ไม่ถูกต้อง!” ตงฟางไม่ได้อยู่ในสภาพสู้รบเองเขาเอ่ยปากปฏิเสธทันที “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่สมควรได้รับบาดเจ็บ การรุมล้อมโจมตีอย่างรุนแรงนี้สร้างอาการบาดเจ็บหลายสิบบาดแผลให้เย่ว์ไตตันก็ยังไม่เพียงพอ การอนุมานเช่นนี้จะนำไปสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังโดยปริยายการปะทะต่อสู้ศัตรูอย่างหนักนี้เห็นได้ว่าเป็นการจงใจเขาเห็นว่าเย่ว์ไตตันกำลังใช้เลือดเพื่อนำทิศทาง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้ฉลาดกำลังนำทางอสูรเทพฮุยไท่หลางของเขาหรือไม่?เป็นการเตือนมันให้ซ่อนตัวให้ลึกที่สุดหรือเปล่า?
“ฮุยไท่หลางไม่อยู่ที่นี่หรือ?” สายตาเย่ว์หยางมองดูรอบๆด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่เห็นอะไร
แม้ว่าตงฟางจะใช้ทักษะแฝงเร้นหมากรุกขับไล่มันไปอยู่ในที่อื่นใดในหอทงเทียนแต่มันก็น่าจะมาถึงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการนำทางจากโลหิตของเขาเองมันน่าจะวิ่งมาอยู่ข้างเขาแล้ว ทำไมถึงไม่มีการตอบสนอง?
เป็นไปได้ไหมว่ามันถูกตงฟางขัดขวางด้วยวิธีการบางอย่าง?
แต่สิ่งที่ตงฟางพูดไม่เหมือนกับว่าเป็นตัวเขา
นั่นเป็นสิ่งที่เทียนอี้ทำหรือไม่?
สายตาของเย่ว์หยางค่อยๆเบือนไปทางรูปปั้นเทพธิดาที่ชำรุดและค่อยๆ ขมวดคิ้ว
ความผันผวนของพลังที่สัมผัสได้จากรูปปั้นเทพธิดาที่ไม่สมบูรณ์ในตอนนี้ได้หายไปทั้งหมดแล้วสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น แม้จะรวมพลังของตงฟางและเทียนอี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายรูปปั้นเทพธิดาชำรุดนี้ซึ่งมีมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน พลังโบราณของแท่นบูชายัญเป็นพลังเทพเฉพาะตัวที่สามารถต้านทานและการแทรกแซงได้หรือไม่?
“เยี่ยมข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะค้นพบจุดที่น่าสงสัยได้ในไม่ช้าเลย สมแล้วที่เป็นเย่ว์ไตตันอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหอทงเทียน ข้าคิดว่าการสะท้อนหมากรุกกระดานนี้สามารถพลิกมิติและเวลา ข้าอุตส่าห์ซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครรู้คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะค้นพบได้เร็วขนาดนี้ เย่ว์ไตตัน น่าสนใจ น่าสนใจมากเจ้าใช้อะไรในการพลิกฟื้นสถานการณ์กลับมา? ในสนามรบกระดานหมากรุกสวรรค์ห่างไกลจากหอทงเทียน ห่างจากบันไดสวรรค์ ในสิ่งที่สมบูรณ์อย่างนี้ข้าได้ควบแน่นพลังเทพของข้าใช้ภูมิปัญญาสร้างสนามรบ ในสนามรบที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งเกิดพลังยิ่งใหญ่ของกฎสวรรค์ของข้า เจ้าใช้ความเชี่ยวชาญของเจ้าเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่สิ้นหวังได้อย่างไร? ไม่มีความช่วยเหลือจากด้านนอก ไม่มีอสูรศึกไม่มีอาวุธสมบัติวิเศษ ไม่มีอะไร มีแต่เจ้าสู้อยู่เพียงผู้เดียว....” คำพูดของตงฟางยังไม่เสร็จสิ้น โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แท่นบูชายัญของบันไดสวรรค์ชั้นห้าหุบเขาแม่น้ำขาวอีกต่อไป
ที่นี่
เป็นการสลับดินแดนฉับพลัน
เป็นสถานที่ซึ่งเย่ว์หยางไม่รู้จักด้วยซ้ำ
เหมือนกับโลกในพื้นที่คัมภีร์อัญเชิญ มีความเด่นสง่านอกจากนี้ยังสร้างขึ้นโดยพลังเทพและควบคุมโดยเจตจำนงของตงฟางแต่เย่ว์หยางแน่ใจเต็มร้อยว่า นี่ไม่ใช่โลกคัมภีร์ แต่ทางตงฟางได้สร้างอาณาจักรนเทพหมื่นปีด้วยพลังเทพของเขา
หากนี่คือโลกคัมภีร์อัญเชิญของตงฟางนั่นเป็นเรื่องดีสำหรับเย่ว์หยาง
เพราะเขามีคัมภีร์เทพที่ไม่มีพลังคัมภีร์อื่นสามารถข่มได้
แม้แต่คัมภีร์เทพดั้งเดิมที่เติบโตมาพร้อมกับเขา
ไม่มีคัมภีร์เทพใดที่ถูกข่มได้
อย่างไรก็ตาม
ในพื้นที่พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลาหลายพันปีด้วยพลังเทพของตงฟางทั้งหมดมีพลังปณิธานของเขาซึมซาบอย่างสมบูรณ์แบบและทุกสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของตงฟาง สิ่งนี้เทียบเท่ากับพื้นที่พิเศษแบบปิด
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แต่ทุกคนไม่สามารถใช้คัมภีร์อัญเชิญและสัตว์อสูรได้ และไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลภายนอกได้
“ปรากฏว่านี่คือโลกแห่งกระดานหมากรุกที่แท้จริงที่สร้างขึ้นด้วยทักษะแฝงเร้นหมากรุกรือ?เยี่ยมจริงๆ ! ข้ารู้แล้ว เจ้าที่ดูเหมือนคนธรรมดาทำไมเจ้าถึงเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์รองจากเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เหตุใดเจ้าจึงมีคุณสมบัติที่จะชนะหอทงเทียน ปรากฏว่านี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเจ้าอย่างแท้จริง!” ตงฟางกำลังจะขยับมือและเท้าเมื่อพลิกไพ่ ตงฟางรู้สึกว่าไพ่ในมือนั้นไกลเกินกว่าคาดการณ์โดยสิ้นเชิงเขาไม่สามารถเอื้อมถึงได้
เย่ว์หยางรอให้ตงฟางลงมือ
รอไพ่ของเขา
อย่างไรก็ตามไพ่ที่ลึกซึ้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขายอมรับ