ตอนที่ 1310 ถูซื่อมือสังหารเทพ!
เย่ว์หยางยื่นมือออก
ผ่อนคลายนิ้วทั้งห้าสบายๆ
พลังเพลิงเทพพ่นออกมาจากปากร่างแปลงอสูรของคุณชายถูอี้ราวกับภูเขาไฟระเบิดพลังงานความร้อนสูงครอบคลุมเต็มทั่วท้องฟ้าแทบจะเผาผลาญโลกคนที่ชมดูเหตุการณ์ต้องรีบถอยหนี ไม่มีใครกล้าต้านรับพลังนี้ แต่เมื่อถึงหน้าเย่ว์หยางพลังที่รุนแรงกลับอ่อนโยนราวกับลูกสุนัขเพลิงรวมตัวกันอย่างอัศจรรย์ และพลังถูกบีบอัดจนกลายเป็นกระจุกก้อนกลมสีทองเล็กๆ
เล็กมาก
แกนกลางเล็กกว่ากำปั้นเสียอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นแสงของเพลิงเทพซึ่งเล็ดลอดออกมาจากการถูกบีบอัดอย่างแรงนั่นทำให้ผู้คนตกตะลึงสยดสยองราวกับปีศาจถูกผนึกและพวกเขาเข้าใจผิดว่านั่นคือพลังไฟเทพของจริงหรือ
เผียะ
เย่ว์หยางถือกลุ่มแสงไว้ด้วยมือข้างซ้าย
อีกมือหนึ่งเขายิงพลังออกไปเบาๆโดยไม่มีร่องรอยของความโกรธ
ก่อนจะยิงโจมตีเย่ว์หยางอยู่ห่างจากร่างอสูรของของคุณชายถูอี้สามสิบเมตร แต่เหมือนกับกำปั้นของเขายืดได้ไม่สิ้นสุดฝ่ามิติและต่อยเข้าที่หน้าอกของคุณชายถูอี้
เสียงไม่ดัง และดูเหมือนกับว่าเย่ว์หยางไม่ได้ใช้พลัง
อย่างไรก็ตามคุณชายถูอี้ซึ่งมีความสูงถึงสามเมตรหลังจากแปลงร่างแล้วเมื่อถูกกำปั้นตัวก็หดสั้นลงทันที
สีหน้าของเขาเจ็บปวดอย่างมากแม้ว่าลักษณะจะน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนสัตว์ประหลาด แต่สามารถมองเห็นความเจ็บปวดที่มิอาจปกปิดไว้ได้
ร่างใหญ่ของคุณชายถูอี้เปลี่ยนไปแข้งขาของเขาอ่อนคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ว์หยางอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ นอกจากอารมณ์บ้าคลั่งกระหายเลือดแล้วดวงตาของเขาประหลาดใจตกตะลึง ที่ยิ่งกว่านั้นคือความเจ็บปวดไม่ยินยอมพร้อมใจ
ร่างเหมือนสัตว์ประหลาดของคุณชายถูอี้ยื่นมือออก
เหมือนกับต้องการจะจับเย่ว์หยาง
แก้แค้นคืน
อย่างไรก็ตามหลังจากชกไปแล้วเขาพบว่าแขนของเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ไม่สามารถกระดิกนิ้วได้ การต่อสู้ที่เขาโหยหาในใจเป็นเพียงจินตนาการและไร้ประโยชน์
“พลังเทพที่อยู่กับเจ้ามันถูกเหยียบย่ำยีเสียไปเปล่าๆ” มือซ้ายของเย่ว์หยางถือกลุ่มแสงที่ถูกบีบอัดไว้ มือขวากดลงที่ศีรษะของคุณชายถูอี้ และไม่รู้ว่าเขาใช้พลังอะไรดึงพลังออกมาจากปากและจมูกของถูอี้ อวัยวะรับความรู้สึกทั้งห้าและทวารเจ็ดแม้แต่พลังงานมหาศาลที่อยู่ในร่างทั้งหมดก็ทะลักออกมาเหมือนสายน้ำพุไหลไปรวมอยู่ที่มือขวาของเย่ว์หยาง
ตอนแรกมีจุดแสงสว่างกระพริบที่ฝ่ามือ
จากนั้น
มีพลังงานอื่นเข้ามาร่วม
และมันขยายสว่างมากขึ้นสองเท่าและรอจนพลังงานเพิ่มมามากขึ้น รวมกันเป็นกลุ่ม กลุ่มพลังงานที่เย่ว์หยางดูดซับไว้ในมือขวา ค่อยๆกลายเป็นเหมือนบอลพลังงานที่มีคลื่นไฟเทพแผ่ออกและถูกบีบอัดจนมีขนาดเล็กเหมือนดวงอาทิตย์สองดวงลอยอยู่เหนือฝ่ามือของเขา
เย่ว์หยางดึงจุดแสงเล็กๆทั้งสองเข้าหากันโดยไม่มีวี่แววตกใจ
เหมือนกับว่าใช้พลังเล็กน้อยก็ทำลายมันได้
ระเบิด
กลุ่มแสงพลังงานสองกลุ่มรวมกันเป็นบอลลูกหนึ่งและมีขนาดใหญ่ขึ้นสว่างมากขึ้นในที่สุดก็ถึงขีดจำกัด พลังไม่ด้อยไปกว่าดวงอาทิตย์บนฟ้า ในทางตรงกันข้ามคุณชายถูอี้ถูกสูบพลังงานออกจากร่างร่างของเขาผอมซูบลงอย่างรวดเร็วจนเหมือนลิงผอม เหลือแต่หนังติดกระดูก...คุณชายถูอี้ยังไม่ตาย แต่พลังงานชีวิตและพลังเทพที่บิดาเขาให้มาสูญสิ้นไปหมด ตอนนี้เขาแทบเหมือนกับซากศพพันปีดูน่ากลัวอย่างมาก
คุณชายถูอี้ในตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าแค่ลมกระโชกก็สามารถพัดพาร่างเขาปลิวไปได้
จนอาจกลายเป็นเถ้าถ่าน
ขณะนั้นเองจางหลางและจางหู่ที่เพิ่งได้สติจากการอาเจียนถึงกับตกใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นประจักษ์กับตาอยู่ข้างหน้า อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมเชื่อ ซากมัมมี่ที่อยู่ข้างหน้าที่เด็กทารกสามารถทำลายเป็นผุยผงได้ก็คือคุณชายถูอี้ผู้มีพลังเทพ!
“นี่ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้...” จางหู่ปากสั่นไม่สามารถรับความจริงที่โหดร้ายได้
“ไม่จริง! ต้องมีบางอย่างผิดพลาด!” จางหลางร้องลั่นเช่นกันพวกเขาเข้ามายั่วยุท้าทายเย่ว์ไตตันตามคำสั่งของถูซื่อมือสังหารเทพ โดยเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังทำแบบนี้ได้อย่างไร?คุณชายถูอี้เป็นบุตรคนโตของมือสังหารเทพถูซื่อ เขาเป็นผู้สืบทอดความรุ่งโรจน์ของตระกูลในอนาคตแต่กลับพลาดท่าให้เย่ว์ไตตันผู้น่ารังเกียจนี้ได้อย่างไร? มือสังหารเทพถูซื่อทำไมถึงไม่ลงมือ? ต่อให้ถูซื่อพลาดไปแต่มือสังหารเทพถูว่านงอมืองอเท้าดูเฉยๆ ได้อย่างไร
เข้าใจผิดแล้ว!
ต้องมีบางอย่างผิดปกติมิฉะนั้นผลจะไม่กลายเป็นเช่นนี้!
เย่ว์หยางชูบอลแสงสีทองในมือซ้ายมันคือพลังที่ถูกบีบอัดแรงสูงจนเหลือขนาดครึ่งเมตรจากนั้นมือขวายื่นไปหาจางหลางและจางหู่ข้างหน้าเขา
“ไม่,เราจะไม่รอถูกประหารสูญสิ้นเผ่าพันธุ์แน่นอน!” จางหู่รีบลุกขึ้นด้วยความโกรธ เขารู้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของพลังฝ่ายตรงข้ามและตนเองแต่จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้าฆ่าโดยไม่มีการดิ้นรนต่อสู้ใดๆ หรือดึงพลังออกไปทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมรับ ถ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยเขาต้องกัดเอาชิ้นเนื้อของฝ่ายตรงข้ามมาให้ได้
“อย่ามาบังคับข้า!” จางหลางสหายอีกคนหนึ่งมีความคิดต่างกันอย่างสิ้นเชิงเขามีแต่ความคิดเดียวคือต้องการหลบหนี แต่เขายังไม่ขยับแม้แต่มิลเดียวก็พบว่าเย่ว์ไตตันซึ่งอยู่ห่างออกไปสิบเมตรยืนอยู่ข้างหน้าและยื่นมือมาที่อกของเขา
ในช่วงสุดท้ายระหว่างความเป็นความตายก็ยังไม่มีทางหลบหนีได้
เขาเลือกต่อต้าน
ต่อสู้เสี่ยงชีวิต
ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนและบวมขึ้นสิบเท่าภายใต้การควบคุมการทำลายตัวเอง เขากลายเป็นลูกโป่งเนื้อขนาดใหญ่เต็มไปด้วยพลังงาน
“ปล่อยเราไปและเราจะไม่กลับมารบกวนหอทงเทียนอีก เราไม่กล้า เราจะไม่มีทางกลับมาอีก ปล่อยข้าไปอย่าบังคับข้า มิฉะนั้นข้าจะระเบิดตัวตายมิติทั้งหลายจะกลายเป็นผุยผง.... อย่าบังคับข้า!” จางหลางเอ่ยปากขอความเมตตาหวังว่าเย่ว์หยางจะเปลี่ยนใจได้ทันเวลา
“ความจริงเมื่อหกพันปีก่อนนี้มีคนโง่เช่นเจ้าร้องขอความเมตตาจากจักรพรรดิอวี้หมื่นปีที่แล้วนางพญาผู้พิชิตกวาดล้างแดนสวรรค์ก็มีหัวหน้านักรบมากมายคุกเข่าร้องขอชีวิตมากยิ่งกว่า... ข้าอยากจะบอกว่าพวกเจ้าไม่เคยเรียนรู้บทเรียนเหล่านี้ในประวัติศาสตร์เลย ดูเหมือนว่าพอพวกเจ้ากำลังจะตาย เมื่อความตายกรายมาถึงศีรษะพวกเจ้าพวกเจ้าก็ก้มหัวร้องขอความเมตตา มันสายเกินไปไหม? แม้ว่าข้าจะยกโทษให้เจ้าในตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความนักรบแดนสวรรค์อย่างพวกเจ้าจะตื่นตัวสำนึกผิดอย่างจริงใจ การฆ่าพวกเจ้าไม่ได้หมายความว่านักรบหอทงเทียนเราไม่มีหัวใจแห่งการให้อภัย ตั้งแต่สมัยโบราณ เราทำมามากพอแล้วอภัยมามากพอแล้ว แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาไม่ใช่คำขอบคุณมีแต่ความก้าวร้าวรุนแรงต่อไป... ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้ว เริ่มจากตนเอง ต่อไปนี้จะไม่มีการให้อภัยอีกต่อไปและเป็นไปไม่ได้ที่จะร้องขอชีวิตอีก! ผู้รุกรานมีผลลัพธ์ประการเดียว นั่นคือตาย!”
เย่ว์หยางแทงมือขวาเบาๆ
ทะลุร่างที่บวมพองเต็มที่ของจางหลาง
พลังงานพิษสีเขียวฉีดพ่นออกมาแต่ภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยางมันกลายเป็นใยอ่อนนุ่มพันรอบกลุ่มพลังงานที่เย่ว์หยางถือเอาไว้
ส่วนผู้โจมตีอีกคนหนึ่งมนุษย์เผ่าแมลงจากหู่ไม่สามารถหลบหนีได้เขาพังทลายทันที เขาไม่สามารถพยุงสภาพจิตใจได้อีกต่อไป สมองของเขาเหมือนกับมีสายใยผูกรัดอยู่ในหัวและรัดจนแตกในทันทีเขาเคลื่อนไหวฟาดฟันดาบอย่างวุ่นวายไม่เป็นกระบวนท่าใส่เย่ว์หยาง
เย่ว์หยางหลบฉากเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วชี้แตะที่หน้าผากของเขาเบาๆ
ผลเหมือนกัน
พลังอันแหลมคมพุ่งออกมาจากรูที่หน้าผากราวกับกระแสน้ำภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยางมันกลายเป็นบอลที่มีหนามแหลมคมนับไม่ถ้วน
ชั่วเวลาจามสามครั้งก็ทำให้ยอดฝีมือกลายเป็นศพสามศพอยู่ต่อหน้าทุกคน
แม้จะเป็นนักรบระดับเทพอย่างเทพสังหารถูว่านที่มีพลังมากมายมหาศาลไม่หวั่นไหวอะไรได้โดยง่าย แต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวหลั่งเหงื่อพรั่งพรู ด้วยพลังเทพของเขาสามารถฆ่าคุณชายถูอี้ จางหลางและจางหู่ได้ไม่ยากต่อให้ถูอี้มีพลังเทพที่ได้รับมาจากบิดาของเขาแต่ไม่มีทางรับมือกับนักสู้ระดับเทพที่ผ่านการฝึกฝนได้เกินสิบท่า
อย่างไรก็ตามถูว่านรู้สึกได้
แค่เพียงยกมือ
สู้กันสามต่อหนึ่งจากนั้นถูกอีกฝ่ายดึงดูดพลังงานจากร่างจนแห้งกลายเป็นซากศพพันปีเหลือไว้แต่เพียงลมหายใจอึดสุดท้ายเป็นไปไม่ได้ที่จะภารกิจอย่างนี้จะทำให้สำเร็จได้!
บางทีอาจมีแต่เพียงพี่ชายของเขามือสังหารเทพถูซื่อที่ถึงระดับเทพแท้และมีพลังหยั่งคาดไม่ถึงอาจจะทำเช่นนั้นได้
ถูว่านต้องการช่วยเหลือเขาจริงๆ จะอย่างไรถูอี้ก็ยังเป็นหลานชายของเขาเป็นผู้มีเกียรติยศและมีสตรีมากมาย
แต่ทันใดนั้นมีความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาในโสตประสาทของเขา
ทำให้เขาเปลี่ยนใจทันที
แน่นอนว่าความสามารถที่แปลกประหลาดและร้ายกาจของเย่ว์ไตตันที่อยู่ข้างหน้าทำให้เขาลังเลคนผู้นี้ทำให้แม้แต่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางต้องปวดเศียรเวียนเกล้าต้องให้เทพที่มีพลังอำนาจมากสั่งสอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์
ภายใต้หลักการเอาตัวรอดที่ชาญฉลาดเทพสังหารถูว่านนับว่ามีพลังระดับเทพยังคงยืนนิ่งเงียบไร้ความรู้สึกเหมือนรูปปั้น
“แปะๆๆๆๆๆ!”
ไม่รู้ว่าบุคคลผู้นั้นมาจากไหน
มีคนผู้หนึ่งปรบมือเบาๆราวกับว่ายกย่องเย่ว์หยางที่ต่อต้านศัตรูผู้รุกรานขจัดเภทภัยให้กับทุกคน “ดีมาก! เยี่ยมมากเย่ว์ไตตัน ชื่อนี้ข้าได้ยินมานานแล้วได้พบเห็นกับตาตนเองในวันนี้นับว่าไม่ธรรมดาเทพในแดนสวรรค์บนจะได้ยินชื่อของเจ้าคนละอย่างน้อยก็สามครั้งแทบทุกวันข้าเองก็อยากรู้ว่าหนุ่มน้อยคนไหนกันที่น่าชื่นชมมากขนาดนี้? ในที่สุดเราผู้เป็นเทพก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ข้ารู้สึกว่าสมควรเดินทางไปหอทงเทียน ดินแดนกันดารสักครั้ง ไม่เช่นนั้นข้าคงพลาดพบเจออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในรอบล้านปี”
น้ำเสียงของคนผู้นี้อ่อนโยนสงบไม่มีวี่แววของความโกรธแม้แต่น้อย
เหมือนกับลำธารไหลผ่านแก่งหิน
หนักแน่นและจริงใจ
แม้ว่าจะไม่เฉียบคมดุดันแต่ไม่มีใครละเลยคนแบบนี้ได้
เย่ว์หยางได้ยินเสียงเขาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะจะโต้ตอบ มิทราบว่าใครชิงพูดขึ้นก่อน “ถูซื่อ เจ้าโง่หรือเปล่าไปกินถั่วมาหรืออย่างไร? ลูกชายของเจ้าถูกเย่ว์ไตตันอัจฉริยะประหลาดฆ่าตายทำไมต้องไปสุภาพกับเขา? ถ้าเป็นข้าจะถือว่านี่เป็นการทำลายศักดิ์ศรี ข้าจะจับเขาถลกหนังเลาะกระดูกทุบให้เป็นผุยผงและยึดประกายเทพเสีย”
“ปรากฏว่าหัวหน้าองครักษ์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เทพประตูมังกรก็อยู่ที่นี่ด้วย และมือสังหารเทพถูซื่อก็อยู่ที่นี่เช่นกัน”เสียงของบุรุษผู้นี้พูดอย่างเนิบนาบไม่รีบร้อน ไม่มีร่องรอยของความโกรธแต่เขายิ้มเล็กน้อย “นี่คือสองอย่างที่แตกต่างกัน! แม้ว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะฆ่าถูอี้ผู้น่าสงสารหลังจากตระกูลใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว แต่นี่ได้แต่ตำหนิว่าฝีมือถูอี้ไม่เพียงพอ จะตำหนิผู้นำอย่างเย่ว์ไตตันว่าโหดร้ายได้อย่างไร? ไม่ว่าเทพจะสับสนแค่ไหน แต่เขาไม่สามารถรับฟังความอย่างเดียวแล้วตำหนิผู้อื่นได้ ที่นี่ตระกูลอสูรกลืนฟ้าผู้มีเกียรติจะไม่ตอบโต้ความคับแค้นใจต่อคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นหลักอย่างเด็ดขาด ในอดีตเมื่อตระกูลและนักรบอสูรกลืนฟ้าและนักรบหอทงเทียนมีข้อพิพาทและความเข้าใจผิดมากมาย ถูซื่อต้องการเชิญเย่ว์ไตตันและนางผู้พิชิตมาคลี่คลายปัญหาค้างคาใจด้วยกัน”