ตอนที่ 1306 อาวุธเทพชะตา
“เจ้าจะคิดว่าข้าเป็นนางก็ได้ ทำอย่างนี้เจ้าจะได้ตื่นเต้นมากขึ้น” เทพธิดาฮ่วนเยี่ยกัดติ่งหูของเย่ว์หยางอย่างซุกซน
“.......” เย่ว์หยางเกิดความคิดขึ้นวูบหนึ่งแล้วก็หายไป
ถ้าจื้อจุนพบเล่า?
ผลที่ตามมา
คงสุดจะคาดคิด!
“เจ้าสามารถคิดได้ สักวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อข้ากับนางอยู่ต่อหน้าเจ้าพร้อมกันแต่เจ้าจะแยกแยะเราไม่ออก ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้น เจ้าคิดว่าน่าตื่นเต้นหรือไม่?” คำพูดของเทพธิดาฮ่วนเยี่ยทำให้เย่ว์หยางไม่อาจข่มความรู้สึกที่กำลังระเบิดขึ้นมาทันที
“.....”เย่ว์หยางเพียงแต่คิดว่าถ้าจื้อจุนกับเทพธิดาฮ่วนเยี่ยอยู่ต่อหน้าเขาพร้อมกัน
เขาคงมีความสุข แต่เขาคงไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร
ขอเพียงแต่รู้ว่าพวกนางในเวลานี้มีความคิดเหมือนกัน
สู้ตาย
บริการเต็มที่
นี่ช่างเกินจินตนาการจริงๆ
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีเลือดกำเดาพุ่ง พระเจ้า ถ้าเป็นจริง ชีวิตอย่างนั้นคงมีความสุขกว่าใครๆยิ่งกว่าแมวกินปลา หมากินเนื้อ
บางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์กดดันจากการที่พวกแดนสวรรค์รุกรานหอทงเทียนถูกระบายออกมา บางทีอาจเป็นเพราะความน่าตื่นเต้นกับการฝึกพลังคู่รักกับเทพธิดาฮ่วนเยี่ย บางทีอาจเป็นเพราะจินตนาการในสมองของเย่ว์หยางมีกรอบที่ชัดเจนจริงๆ บางทีจื้อจุนที่หลับอยู่ข้างๆ เขาอาจตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ อาจล่องลอยอยู่ในวัฏฏะโชคชะตาหรือด้วยเหตุผลอย่างอื่น...ในช่วงเวลาสั้นๆ เย่ว์หยางปลดปล่อยความอัดอั้น
ร้อนแรงยิ่งกว่าการระเบิดของภูเขาไฟรุนแรงยิ่งกว่าอุกกาบาตพุ่งชน
ทั้งคู่ไปถึงจุดสูงสุดของการฝึกฝน
นางแทบไม่ได้หายใจขณะพรมจูบเย่ว์หยางอดรู้สึกยินดีตื่นเต้นไม่ได้และตอบรับความรักนางเป็นทวีคูณ...หลังจากนั้นเขาเหลือบตาไปดูจื้อจุน และหัวใจของเขาแทบจะระเบิด
เพราะ
จื้อจุนในเวลานี้
ขนตางอนยาวของนางกำลังสั่นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านางอาจตื่นขึ้นได้ทุกเมื่อ และเมื่อใดที่นางลืมตาตื่นขึ้นดวงตาของนางจะแสดงความกดดันต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลยแม้แต่เทพธิดาฮ่วนเยี่ยผู้กล้าท้าทายก็ยังรู้สึกละอายอยู่บ้างเมื่อจื้อจุนยังหลับอยู่นางยังมีความกล้าพอจะแสดงความรักและฝึกพลังคู่รักและเอามือเย่ว์หยางมากดหน้าอกจื้อจุน แต่เมื่อจื้อจุนจะตื่น แม้ว่านางจะกลายเป็นเทพธิดาฮ่วนเยี่ย(เจ้าแม่จันทรา) สัญชาตญาณของนางถูกเจตจำนงของจื้อจุนข่มเหมือนกับเย่ว์หยาง
โชคดีที่จื้อจุนไม่ได้ตื่นขึ้นมาทันที
ทั้งสองยังมีช่วงเวลาพอเอาหลบหนีจากสถานการณ์นี้เอาตัวรอดได้
เทพธิดาฮ่วนเยี่ยลุกขึ้นจากร่างเย่ว์หยางสวมเกราะเทพธิดาชนิดใหม่อย่างรวดเร็วและใช้ผ้าคลุมขาวคลุมร่างจื้อจุน
รอจนเย่ว์หยางคว้ากางเกงยังไม่ทันได้นุ่ง นางรีบเข้าไปกอดเขา
จูบเขาอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันก็กำชับเขา “ปล่อยข้าไว้ที่นี่ นางจะไม่โกรธข้าแน่นอน เจ้าควรจะออกไปข้างนอกก่อน และเมื่อนางหายโกรธข้าจะให้น้องปิงเอ๋อพาเจ้ากลับ! เจ้ายังไม่เชี่ยวชาญพลังเทพราชันย์เต็มที่ เจ้าสามารถใช้พลังข้าเจ้าแม่จันทราและพลังชะตาจันทราได้ทุกอย่างเป็นของเจ้า ออกไปได้แล้ว นางกำลังจะตื่น ข้ารักเจ้า!”
เทพธิดาฮ่วนเยี่ยจูบหน้าเย่ว์หยางเหมือนภรรยาที่เพิ่งแต่งงานส่งสามีไปทำงาน
เมื่อเย่ว์หยางคว้ากางเกงออกมานอกคัมภีร์เขาพบว่าอยู่จุดเริ่มต้นบันไดสวรรค์ โลกพฤกษา
นั่นจุดที่เขาเข้าสู่โลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
เขาถึงตระหนักได้ว่า
ดูเหมือนว่าเขาเองก็เป็นเจ้าของพื้นที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยไม่ใช่หรือ? แล้วเขาจะต้องตกใจกลัวเมื่อถูกจับได้ว่ามีสัมพันธ์บนเตียงกับบางคนด้วยหรือ? เมื่อคิดได้ดังนั้นเย่ว์หยางรวบรวมความกล้ากลับไปเผชิญหน้ากับจื้อจุนที่ตื่นขึ้นแล้วและนางคงไม่ฆ่าเขา
อย่างไรก็ตามด้วยพลังของเทพธิดาฮ่วนเยี่ยและพลังชะตาจันทรากับพลังของเขาเองถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ได้ แต่การจะเอาชนะตงฟาง ยังไม่มีปัญหา นอกจากนี้ทุกคนที่สนับสนุนตัวเขาปลอดภัยแต่พวกเขายังไม่สามารถกลับไปหลอมรวมกับพลังชะตาได้ ตอนนี้สามารถพลิกชะตาได้ พวกเขายังต้องกลัวพวกของคนทรยศตงฟางอีกหรือ?
เย่ว์หยางคิดได้ดังนั้นก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
เพียงแต่เขาไม่เข้าใจบ้างเล็กน้อย
เทพธิดาฮ่วนเยี่ยก้าวหน้าครั้งใหญ่ในระดับนักสู้ชั้นเทพจากชั้นเทพเบื้องต้นเพราะฝึกพลังคู่รักและแบกรับพลังชะตาไม่มีใครได้รับพลังชะตาหนึ่งกิโลเมตรหรือ? แล้วมันหายไปไหน?
แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถทำความเข้าใจปราณพลังเทพราชันย์ในช่วงเวลาสั้นๆได้ แต่การควบคุมยักษ์ชะตาสูงหนึ่งกิโลเมตรได้นั่นเป็นเรื่องดีเช่นกัน
เขาต้องมีพลังแบบนั้นต่อให้เป็นเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มาเอง เขาก็สู้ได้
ขณะที่เย่ว์หยางไตร่ตรองทบทวนเป็นร้อยรอบ
ทันใดนั้น
พลังลึกลับที่เหนือกว่าทุกอย่างในหอทงเทียนฉายลงมือเหนือศีรษะของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางไม่ทันมีเวลาเอ่ยปากพลังลึกลับก็คลุมรอบตัวของเย่ว์หยางไปแล้วปราณกระบี่ที่คุ้นเคยพุ่งผ่านร่างของเย่ว์หยางโดยมิก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใดตรงกันข้ามมันกลับช่วยไขความรู้ความเข้าใจบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจหรือรู้ว่ามีอยู่จริง คล้ายกับถ่ายทอดความรู้แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว
ในพริบตาที่เชื่อมโยงกันเย่ว์หยางรู้สึกว่าตนเองมีความเข้าใจมากมาย
เหมือนกับว่ามีพื้นที่พิเศษในร่างของเขา
เช่นเดียวกันสถานที่สามารถรองรับแม่น้ำร้อยสายได้เหมือนกับมหาสมุทรไม่ใช่พื้นที่เก็บกักความรู้ธรรมดา แต่เป็นพื้นที่พิเศษอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นพลังชะตาขนาดร้อยเมตรที่ยังเหลืออยู่ที่บันไดสวรรค์ด้านนอกจากพลังชะตาที่เย่ว์หยางเคยแบกรับไว้และถูกตัดเป็นหลายส่วนปรากฏขึ้นและร่วงลงไปในร่างของเย่ว์หยาง ไม่, ต้องบอกว่าหลอมรวมกับร่างเย่ว์หยาง
ภายใต้การควบคุมของพลังลึกลับ และยิ่งลึกลับมากขึ้นมันรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ว่างในตัวซึ่งปราณกระบี่ทะลุผ่านเข้าไป
จากนั้นตามเจตจำนงและสติปัญญาของเย่ว์หยางรูปแบบความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจความลับของสิ่งนี้ได้ในตอนแรกและสามารถเคลื่อนไหวได้ตามแรงฉุดดึงของพลังลึกลับนั้นเท่านั้นแต่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยพลังชะตาพลังชะตาสูงร้อยเมตรได้ควบกลั่นเป็นกระบี่ชะตาจากนั้นเย่ว์หยางจึงเข้าใจได้ว่าพลังชะตานี้เป็นของเทพธิดากระบี่ฟ้า นางรั้งอยู่เพื่อกลั่นควบพลังชะตาเป็นอาวุธรบมอบให้เขาเป็นพิเศษ!
“เหตุใดถึงมีปราณกระกระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัวกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน ฯลฯ นางต้องเอามาใช้ตัดพลังเทพชะตาและหลอมรวมกับปราณกระบี่ด้วยตนเอง? นางไม่ต้องการแสดงปราณกระบี่ของนางโดยตรงหรือ? หรือว่านางไม่ต้องการให้ปราณกระบี่ธรรมชาตินี้เหนือกว่าการดำรงคงอยู่ของหอทงเทียนและแดนสวรรค์หรือแต่ไม่แสดงให้พวกแดนสวรรค์บนเห็นมากเกินไปอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นอย่างนั้น ด้วยอาวุธเทพชะตาที่กลั่นสร้างด้วยพลังชะตา ก็สามารถครอบงำและพบเจอสมบัติได้หลายอย่างแน่นอน
เทพธิดากระบี่ฟ้า
นางอาจไม่ต้องการให้ผู้ปกครองของนางถูกคนภายนอกตรวจสอบเจอ ต่อให้เป็นคนรักที่สนิทที่สุดก็ตาม
เย่ว์หยางไม่ทราบว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่นางต้องการทำอย่างนี้เขาจะไม่ต่อต้านคัดค้านแน่นอน ตรงกันข้าม นอกจากนี้พลังวิเศษของพลังชะตาร้อยเมตร จะบอกว่าเย่ว์หยางไม่ชอบใจได้ยังไง?
“มีปราณกระบี่อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นอาวุธพลังเทพชะตาที่กลั่นสร้างมาแล้วจะเป็นแบบไหน?”
ความรู้ของเย่ว์หยางได้รับถ่ายทอดจากพลังลึกลับแล้ว
พลังแห่งชะตาร้อยเมตรนี้จะเป็นพื้นฐานของอาวุธเทพชะตาที่เย่ว์หยางใช้เพื่อป้องกันศัตรู
นอกจากนี้นี่ยังเป็นอาวุธเทพสำหรับใช้ต่อสู้ก่อนเขาจะกลายเป็นเทพราชันย์อย่างสมบูรณ์สามารถใช้ต่อสู้กับนักสู้ระดับเทพในอนาคต เพราะพลังที่ใช้ควบคุมถูกจำกัดไว้ชั่วคราว แต่ศัตรูมีพลังพิเศษแตกต่างมีมากเกินไปเย่ว์หยางจึงสามารถเลือกใช้พลังชะตาร้อยเมตรกลั่นสร้างเป็นอาวุธเก้าแบบเพื่อตอบสนองการสู้รบที่แตกต่างกัน
“ทำไมมีเก้าประเภทแทนที่จะเป็นสิบ?” เย่ว์หยางอดสงสัยไม่ได้และถามเทพธิดากระบี่ฟ้าที่อยู่เบื้องหลังจิตวิญญาณลึกลับ
“......” เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่ได้ตอบ
บางทีนางอาจไม่ต้องการตอบ
หรือบางทีนี่เป็นขีดจำกัดที่เย่ว์หยางสามารถสร้างอาวุธที่แตกต่างกันได้เท่านั้น
เย่ว์หยางเกือบตบตีตัวเองแล้วที่เขาโง่เกินไป ในโลกบูรพามักให้ความสำคัญกับเลขเก้าเสมอแค่นี้ต้องถามด้วยหรือ? ถ้าไปทำให้เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่พอใจ เดี๋ยวนางก็หายไปอีก และไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้พบกับนางอีกตอนนี้นางอยู่ช่วยเหลือแล้วทำไมไม่รีบใช้อาวุธพลังเทพชะตาทั้งยังมีอีกหลายเรื่องให้เขาทำเต็มมือไปหมด!
กระบี่ชะตามีแล้ว อย่างนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจสร้างแส้ชะตา
คนอย่างตงฟางเป็นหนี้เขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการใช้ความรุนแรงหวดศีรษะคนฉลาดอย่างนี้ ถือว่าเขาไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนเอง
ไม่ถ้าเขาไม่สามารถถลกหนังของตงฟางจนเหลือแต่กระดูกถือว่าล้มเหลว
หลังจากควบสร้างแส้ชนิดใหม่ได้เย่ว์หยางตระหนักได้ในทันทีว่าเทพธิดากระบี่ฟ้าไม่รู้จักพลังลึกลับที่ส่งผ่านมาให้ทั้งพลังเทพ สติปัญญาความฉลาด ถูกเปิดใช้
ความจริงไม่ใช่แค่เพียงแส้ชะตาเท่านั้นแต่กระบี่ชะตาก่อนหน้านี้ด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เย่ว์หยางตื่นเต้นเกินกว่าจะให้ความสนใจ
ก้าวหน้าแล้ว!
“กระบี่และแส้นั้นทรงพลังมาก ใช้พลังจากอาวุธเทพชะตาสลับผลัดกันตงฟางคงรับมือด้วยความยากลำบากเป็นแน่! ไม่เพียงแต่ตงฟางเท่านั้นแต่เต่าหัวหดอย่างเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เมื่อเห็นอาวุธเทพชะตาเก้าอย่างนี้เชื่อได้ว่าคงตกใจร้องเหวอเป็นแน่!” เย่ว์หยางคิดอย่างอารมณ์ดีแต่ยังอดผิดหวังไม่ได้ว่าอาวุธวิเศษรูปแบบใดอาวุธวิเศษแบบไหนสามารถใช้จัดการคนที่น่ารังเกียจที่สุดไร้ยางอายที่สุด เลวทรามที่สุด! อย่างไรก็ตามมีคนที่หนุนหลังการใช้แส้ของเขา
“......” สำหรับเย่ว์หยาง จิตสำนึกของเทพธิดากระบี่ฟ้าไม่สามารถพูดได้ แต่นางคุ้นเคยกับความคิดพิเรนของเขาเสียแล้ว
เทพธิดากระบี่ฟ้ามีความอดทนเป็นอย่างดี
อย่างน้อยก่อนที่เย่ว์หยางจะควบแน่นสร้างอาวุธได้เก้าแบบโดยไม่สิ้นเปลืองพลัง
เย่ว์หยางได้รับอาวุธเทพชะตาเก้าอย่าง เขามีความมั่นใจมากจนแทบระเบิดพลัง เขาแทบทนรอไม่ไหวลองหาคนมาทดลองกำลังดู ตงฟางยังซ่อนตัวอยู่อีกหรือ? ไม่เป็นไรดูเหมือนว่ายังมีผู้รุกรานจากแดนสวรรค์อีกมากรออยู่ที่ที่แท่นบูชายัญด้านนอก เขาจะออกไปลองกระบี่ไม่ยอมให้พวกนี้หนีไปได้
เขาไม่มีเวลาสวมเสื้อผ้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นุ่งได้แค่เพียงกางเกงตัวเดียว
และบินไปตลอดทาง
ตรงไปยังทางออกบันไดสวรรค์โลกพฤกษา ออกไปตามทางแท่นบูชายัญ
“ในที่สุดก็ถึงคราวที่ข้าคุณชายจะต้องลงมือกำจัดศัตรูเองแล้วพวกเจ้าเตรียมตัวรับมือข้าให้ดีเถอะ ตะโกนใส่หน้าข้า จะถือว่าเสียมารยาทกับข้า!” ในการต่อสู้ครั้งนี้เย่ว์หยางแทบไม่ได้เก็บความคิดร้ายกาจเอาไว้ เขาเตรียมแผนการรอรับพลังชะตาจากผู้สนับสนุนจากนั้นก็ถึงเวลาตอบโต้การรุกรานครั้งนี้... ตอนนี้ถึงเวลาปลดปล่อยในที่สุด.. คุณชายจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?
เย่ว์หยางคาดว่าเขาตื่นเต้นมากกว่าซุนหงอคงที่ได้รับการปลดปล่อยจากบรรพตห้าดรรชนีเมื่อคราวได้พบพระถังซำจั๋งจาริกผ่านมาเสียอีก
ตงฟาง เจ้าจะได้พบกับช่วงเวลายิ่งใหญ่!
ถ้าเจ้าไม่ถูกทุบให้ยับ นั่นถือว่าไม่เป็นการยุติธรรมต่ออาวุธเทพชะตาทั้งเก้า
ถึงเวลาที่เขาจะได้ระบายอารมณ์ตอบโต้เสียที!