ตอนที่ 1305 ความสำเร็จผ่านเจ้าแม่จันทรา
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมาพร้อมกับเย่ว์หยางเติบโตก้าวหน้ามาพร้อมกันบ้านเดิมที่งดงามซึ่งเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียสร้างขึ้นมีการพัฒนาขยายพื้นที่หลายครั้ง พังทลายภายใต้พลังชะตากลับคืนสู่สภาวะโลกที่ปั่นป่วนวุ่นวาย
ขณะที่เย่ว์หยางลอยลงมาจากแสงชะตา
เท้าสัมผัสพื้น
เขาพบว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นเหมือนด่านที่สิบของมิติฝึกฝนในคัมภีร์เทพเป็นพื้นที่ปั่นป่วน
ที่นี่คือบ้านที่แท้จริงของเขาบ้านหลังน้อยในเมืองไป๋เฉิง และบ้านสวนน้อยอยู่อีกด้านหนึ่ง แต่นั่นเป็นที่ระลึก ถ้ามีเวลาว่างเขาสามารถอยู่ที่นั่นได้สักวันหรือสองวันระลึกถึงความทรงจำที่เขาเริ่มต้นอยู่กับแม่สี่และน้องสาวอีกสองคนเป็นบ้านที่อบอุ่นผูกพันชะตาร่วมกันจากนั้นเป็นบ้านที่เขาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับอู๋เหิน โล่วฮัวเริ่มต้นชีวิตคู่ในบ้านสวนน้อย แน่นอนเขาต้องพักอยู่ที่นี่
เพียงแต่ในพื้นที่มิติคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นี้เขาควรสร้างโลกใหม่ยังไงดี
ต้องสร้างโลกอีกครั้ง
ความจริงไม่ใช่เรื่องยาก
เย่ว์หยางเคยใช้พลังเทพชะตามาก่อนและมีประสบการณ์มากขึ้น
คำถามก็คือในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และกฎคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เดิมตัวของเขาจะสร้างโลกแบบไหนให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเขาเชื่อว่าในอนาคตไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น ยังมีแม่สี่และจักรพรรดินีราตรีฝ่าบาทและคนอื่นๆ อาจตั้งรกรากอยู่ที่นี่เป็นเวลานานได้
“หรือจะรอให้พวกนางตื่นขึ้นแล้วค่อยรวบรวมความคิดทุกคนก็ได้!”
เย่ว์หยางอุ้มจื้อจุนที่ยังคงหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขา
มองดูรอบๆ
ทั้งโลกตกอยู่ในสภาวะสับสนวุ่นวายมีแต่ตัวเขากับจื้อจุนเท่านั้นที่ยังคงอยู่
เสวี่ยอู๋เสียองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน โล่วฮัว อี้หนานเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่ยังคงหลับสนิทไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นเมื่อใด
ความขัดแย้งทางจิตใจของเขาในปัจจุบันนี้อยู่ในระดับสูงมากและเขาต้องการจะวางจื้อจุนในอ้อมแขนลงและลอบเผ่นออกไปทันที แต่เขาก็ยังลังเลไม่อยากสูญเสียโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ เป็นเรื่องยากที่จะได้จื้อจุนมาอยู่ในอ้อมกอดโอกาสเช่นนี้อาจหาไม่ได้อีกในอนาคต หากเขาไม่ได้ใช้โอกาสนี้สักพัก จะสายเกินไปถ้าจะกลับมาคิดในภายหลัง แต่ถ้าเขายังคงกอดนางต่อไปถ้าจื้อจุนตื่นขึ้นมานางโกรธเข้า จะไม่มีใครช่วยเขาได้... โฮ่ย.. เขาจะทำยังไงดี? ทำไมคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาต้องเป็นจื้อจุนด้วยทำไมไม่ใช่คนอื่น?
ถ้าเป็นฝ่าบาทแม้ว่าจะน่ากลัวบ้าง แต่คงไม่รู้สึกปวดตับขนาดนี้!
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
เย่ว์หยางพบว่าเขาไม่สามารถคิดอะไรได้ชั่วขณะ?
นี่ไม่เหมือนกับความจำเสื่อมบางทีอาจเป็นข้อมูลชะตาของทุกคนมาบรรจบกันก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นผู้นำแห่งชะตาและได้รับหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไป กลไกการทำงานในสมองไม่สามารถป้องกันตนเองและข้อมูลจำนวนมากถูกผนึกชั่วคราว จากนั้นค่อยๆ ปล่อยความรู้ตามความเหมาะเหมือนกับความรู้ที่ได้จากมารดาเขา
“จำไม่ได้หรือ?ให้ข้าช่วยเตือนความจำเจ้าไหม?” เสียงไพเราะเหมือนธรรมชาติดังขึ้นข้างหลังเย่ว์หยาง
จากนั้นแขนขาวราวกับกลีบบัวยื่นออกมาจากด้านหลัง
โอบกอดเขาจากด้านหลัง
เย่ว์หยางตกใจ
หันไปมองข้างหลัง
เขาพบว่าด้านหลังเขาเป็นหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
นางไม่ใช่ใครอื่นนางคือเทพธิดาประกายจันทราอสูรพิทักษ์ของจื้อจุนซึ่งจื้อจุนไม่ค่อยให้นางปรากฏตัวให้เห็น
คราวนี้นางกับเทพธิดาประกายจันทรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือระดับนักสู้ เทพธิดาประกายจันทราแข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนแบกรับพลังชะตาถึงร้อยเท่าบางทีอาจจะมากกว่านั้น ด้านบนศีรษะนางมีวงรัศมีจันทราถึงสามวง พลังของนางเหนือล้ำยิ่งกว่าเทพปีศาจเว่ยกวงที่เย่ว์หยางไม่อาจเอาชนะได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดก็คือหน้าผากของนางมีสัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายว่านางเป็นภรรยาของเย่ว์หยาง
“นี่นี่ นี่ เรื่องนี้...” เย่ว์หยางมีท่าทางโง่งมในตอนแรก
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมจริงๆน่าเศร้ามาก!” เทพธิดาประกายจันทรา แม้ว่าปากจะพูดอย่างนี้แต่ใบหน้าของนางแทบจะเหมือนกับจื้อจุน และมีโอกาสเข้าใจผิดได้ง่าย นางยิ้มอย่างซุกซน
นางยกมือซ้ายกรีดกรายชี้ที่หน้าผากของเย่ว์หยาง
อย่างนุ่มนวล
เหมือนดอกไม้ปริศนาในใจผลิบานความทรงจำที่ถูกผนึกชั่วคราวถูกปลดปล่อย
ความทรงจำหลั่งไหลพรั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำจนเต็มหัวใจของเย่ว์หยางทันที เขารู้และเข้าใจพัฒนาการของเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเต็มที่ทันที
เรื่องเป็นเช่นนี้– เมื่อพลังชะตาเทพราชันย์เพิ่มจนถึงขีดจำกัด ทุกคนเข้าไปอยู่ในแสงเทพและตกเข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญทั้งสามเหลือแต่เพียงเย่ว์หยางรอให้เย่ว์หยางผ่านกระบวนการขั้นสุดท้าย การรับภาระชะตาของทุกคนจึงจะสำเร็จ อย่างไรก็ตามเนื่องจากระยะทางไกลเกินไป จื้อจุนที่ยังรีบลงบันไดมาด้วยพลังสุดท้ายของนาง เนื่องจากไม่สามารถมาทันช่วงเวลาสุดท้ายได้ทัน แม้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องให้จื้อจุนช่วยและเย่ว์หยางมีพลังชะตามากพอสำหรับการเลื่อนระดับ ลึกๆ ในใจของเขาไม่ต้องการให้มีความเสียใจแบบนี้
เขาหวังว่าชะตาของจื้อจุนจะเชื่อมโยงกับเขาตลอดไป
ไม่แยกจากกัน
เวลาช้าเกินไป
ในขณะนั้นเทพธิดาประกายจันทราอสูรพิทักษ์ของจื้อจุนที่กำลังแบกรับพลังชะตาตามมาอยู่ใกล้ๆปล่อยวางพลังชะตาทันที... และนางเคลื่อนไหวอย่างที่เย่ว์หยางไม่คาดคิด
นางถอดเกราะและเปลืองเสื้อผ้าออกข่มความอายและฉีกเสื้อผ้าและเกราะรบของเย่ว์หยางออกเช่นกันกดร่างเขาลงในฐานะอสูรพิทักษ์ของจื้อจุนและฝึกพลังคู่รักกับเย่ว์หยางเป็นนักสู้ระดับเทพคนแรกที่เป็นภรรยาของเย่ว์หยางในเวลาเดียวกันการเปลี่ยนแปลงชะตาผ่านการฝึกพลังคู่รักนี้ทำให้ชะตาของเย่ว์หยางกับจื้อจุนเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
ในช่วงเวลาสุดท้ายที่เป็นไปไม่ได้ที่จื้อจุนจะมาถึงได้ทันเพราะกฎสวรรค์ของบันไดสวรรค์
แสงเทพศักดิ์สิทธิ์ถูกดูดซับทันที
เย่ว์หยางกับเทพธิดาประกายจันทราและจื้อจุนทั้งสามถูกดูดเข้าไปในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ชะตาของทั้งสามหลอมรวมกันแล้ว จากนี้ต่อไปจะไม่มีวันพรากจากกันอีก
“ผลลัพธ์เช่นนี้ย่อมดีที่สุดแต่ข้าไม่รู้จะอธิบายนางอย่างไรเมื่อนางฟื้นได้สติ” เย่ว์หยางเข้าใจแล้วเขาโอบกอดเทพธิดาผู้กล้าหาญซึ่งพยายามอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นฝ่ายเริ่มฝึกพลังคู่รักกับเขาซึ่งยังถูกพลังชะตาหนึ่งกิโลเมตรกดทับ จื้อจุนกับเขาคงเชื่อมโยงชะตาไม่ทันเวลาเป็นแน่
“ไม่ต้องอธิบายนางย่อมรู้แน่นอน” เทพธิดาประกายจันทราหัวเราะ
“.......”เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อ
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง
คาดว่าจื้อจุนเมื่อตื่นขึ้นคงคว้ามีดเล่มใหญ่ไล่ฟันเขาต่อให้เขาต้องการซ่อนตัวจากนางก็ไม่มีทางซ่อนตัวได้พ้น
เทพธิดาประกายจันทรามองดูจื้อจุนชั่วขณะและหันมองดูรอบๆนางพบว่ามีนางกับเย่ว์หยางสองคนเท่านั้นที่ฟื้นคืนสติ นางกระซิบใกล้หูเย่ว์หยางทันที“ทุกคนยังหลับอยู่ ทำไมเราไม่ฝึกพลังคู่รักกันต่อ?”
“ตอนนี้หรือ?”เย่ว์หยางอุทาน
จื้อจุนอยู่ตรงนี้
ถ้านางตื่นขึ้นมาและเห็นว่าเขากำลังโรมรันพันตูกับเทพธิดาประกายจันทราเขาตายแน่!
เทพธิดาประกายจันทราดูเหมือนไม่กังวลเช่นนั้นนางจูบแก้มเย่ว์หยางและปลอบโยนเขาเบาๆ “ไม่เป็นไร ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยของเรายกเว้นเราแล้วจะไม่มีใครตื่นขึ้นมาทันที นอกจากนี้หากเจ้าต้องการจะยอมรับและเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังเทพราชันย์ในทุกด้านประมาณกันว่าต้องใช้เวลาหลายหมื่นหลายพันปีขึ้นไปก็ยังไม่พอเพราะพลังชะตาที่ทุกคนร่วมแบกรับให้เจ้านั้นยิ่งใหญ่เกินคาด ถ้าเราฝึกฝนพลังคู่รักตอนนี้เจ้าจะสามารถคุ้นเคยและใช้ประกายเทพกับพลังเทพของเจ้าได้ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถท้าทายเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ได้ แต่สำหรับตงฟางคนทรยศ เจ้าเอาชนะได้สบาย”
“เจ้าทรงพลังในครั้งเดียวแบบนั้นได้อย่างไร?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจเพราะการเปลี่ยนแปลงของเทพธิดาประกายจันทราทำให้เขาสับสนเล็กน้อย
“ถ้าไม่ใช่เพราะตัวร้ายเจ้า....” เทพธิดาประกายจันทราหน้าแดงเล็กน้อย
ไม่จำเป็นต้องพูดเย่ว์หยางเข้าใจได้
การฝึกพลังคู่รัก
การหลอมรวมชะตาของทั้งสองด้วยกันช่วยให้นางเป็นภรรยาระดับเทพของเทพราชันย์
นี่คือพันธะระหว่างสามีและภรรยาได้รับการยอมรับโดยประกายเทพ ใกล้เคียงกับสัญญาของอสูรพิทักษ์กับเจ้าของและเป็นปริศนา
“ตอนนี้ข้าไม่ใช่เทพธิดาประกายจันทรานักสู้ระดับเทพคนเดิมอีกแล้วเพราะชะตาทั้งหมดของข้าเปลี่ยนไปเป็นพันธสัญญาภรรยาเทพราชันย์ และได้รู้แจ้งผ่านการฝึกพลังคู่รักถึงขอบเขตพลังใหม่ความขาด (ข้างแรม) ความบริบูรณ์ (ข้างขึ้น) และความนิรันดร์ข้าได้รับพลังชะตาจากเจ้า พลังของข้าจึงเป็นพลังชะตาจันทราเพราะฉะนั้นในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นคืนจันทร์เพ็ญ คืนเดือนแรมพลังของข้าจะเต็มไม่มีขาดพร่องอยู่เสมอ ไม่มีอำนาจพลังใดที่จะยับยั้งตัดขาดดวงจันทร์ที่ผูกพันอยู่กับโลกกฎนี้กำหนดโดยหัวใจของข้า... ข้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ดังใจไม่ถูกจำกัด นี่คือพลังระดับใหม่ของข้าดังนั้นต่อไปให้เจ้าเรียกข้าว่า ฮ่วนเยี่ย (เจ้าแม่จันทรา)”
“ฮ่วนเยี่ย?”เย่ว์หยางคิดไม่ถึงเลยว่าเทพธิดาประกายจันทราซึ่งแต่เดิมพลังฝึกฝนอยู่ในขั้นนักสู้ระดับเทพจะสามารถก้าวไปได้ไกลรวดเดียวมีพลังมากขึ้นถึงร้อยเท่า
บางทีผ่านการฝึกฝนครั้งนี้
ทำให้นางเป็นตัวตนพลังที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นเพราะจื้อจุน
พอฝึกพลังคู่รักจึงส่งผลให้ทั้งสามคนมีพลังเพิ่มขึ้นสามารถแบกรับพลังชะตาให้สูงขึ้น
“ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถแทนนางได้ข้าไม่มีทางแทนนางได้ แต่ข้าหวังว่าข้าจะสามารถช่วยให้เจ้าได้มีความสุขและเป็นการสนับสนุนที่แตกต่างดังนั้นข้าจึงปลุกปลอบความกล้าของตนเองมอบทุกสิ่งทุกอย่างยอมเป็นภรรยาเจ้า บางทีเวลาที่เราอยู่ด้วยกันอาจจะสั้นไปบ้างแต่ข้าแน่ใจว่าข้าจะเป็นภรรยาที่ดีให้เจ้าได้”
เทพธิดาประกายจันทราไม่..ฮ่วนเยี่ยมีร่างอมตะผ่านการผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นโอบคอแนบใบหน้าเย่ว์หยางและประทับริมฝีปากกับเย่ว์หยางแขนของนางโอบเย่ว์หยางแนบแน่น
เจ้าแม่จันทราฮ่วนเยี่ยไม่ได้อยู่ห่างจากจื้อจุนแต่นางกลับจับมือของเย่ว์หยางอย่างกล้าหาญ
มากดลงที่ยอดอก
อีกทางหนึ่ง
ให้เขาซบหน้าลง
ดูเหมือนว่าวิธีการที่กล้าและมีเสน่ห์ยั่วยวนนี้ในการทำให้เขาตระหนักถึงความเหมือนและความต่างระหว่างทั้งสองให้เข้าในความเป็นเอกลักษณ์ของนางและเจ้านายนางเงียบๆ
ความเคลื่อนไหวของนางแผ่วเบานุ่มนวลเป็นตามจังหวะไม่มีเสียง
ไม่ใช่ว่านางไม่เต็มใจที่จะพูดหรือไม่พอใจแต่เป็นความเข้าใจเห็นใจ รู้ดีว่าเขามีสัญชาตญาณเกรงกลัวแต่จื้อจุน นางหวังว่าเขาจะผ่อนคลายเบาใจได้เล็กน้อยแน่นอน แน่นอนว่าเย่ว์หยางผ่านการฝึกพลังคู่รักสามีภรรยากับนางมาแล้วกำจัดความหวั่นเกรงไม่กล้าเต็มร้อย เขาตื่นเต้นกับความรู้สึกในวิญญาณแต่ก็ยังมีสติ ใจหนึ่งก็อดมองจื้อจุนไม่ได้
เขากังวลว่านางจะตื่นขึ้นมาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้
ทั้งที่รู้ว่าเป็นอย่างนี้ก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้
แต่ถ้าเขาไม่มอง เขารู้สึกเหมือนว่าเขามีความผิดปกติไม่มีทางสงบใจได้
“หรือว่าความจริงนี่เป็นกลโกงอย่างหนึ่ง?” เย่ว์หยางยังอดคิดยุ่งเหยิงไม่ได้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในการนอนหลับของจื้อจุนก็เหมือนฝึกพลังคู่รักควบคู่ไปกับเทพธิดาฮ่วนเยี่ย และนั่นเป็นความเย้ายวนมากขึ้น เพราะด้วยวิธีนี้ทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นเป็นสิบๆ เท่า