NH-ตอนที่ 60 เรียนรู้จากความยากลำบาก
หลังจากที่พวกคนแคระหนีออกไปจากรังของโคโบลด์ได้สำเร็จ โคโบลด์ส่วนใหญ่ก็กลับไปทำหน้าที่ของตน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คุมเรือนจำกลับมาประจำการ พวกมันก็สังเกตุเห็นว่าเชลยของพวกมันหนีไปแล้ว สิ่งนี้นำมาซึ่งสัญญาณเตือนภัยรอบใหม่ที่ดังไปทั่วทั้งรังทันที
สีหน้าของ ลุกซ์ และ คนแคระคนอื่นๆ กลายเป็นเคร่งเครียด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมพวกโคโบลด์ถึงส่งสัญญาณแจ้งเตือน อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างรู้ทันทีว่านีเป็นช่วงอันตรายสำหรับพวกเขา
เป็นไปตามที่ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มคาดการณ์เอาไว้ พวกโคโบลด์ ได้พยายามค้นหานักโทษที่หลบหนีออกจากกรงขังอย่างถี่ถ้วน พวกมันได้สำรวจทุกซอกทุกมุมของรัง ยกเว้นจุดทิ้งขยะของพวกมันเอง
สำหรับพวกมัน การไปที่นั่นเป็นเรื่องเสียเวลามาก และ พวกมันไม่เชื่อว่าพวกคนแคระจะไปซ่อนตัวที่แห่งนั้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป จนกระทั่ง 2 และ 3
ความตึงเครียดในใจของ ลุกซ์ และ คนแคระคนอื่นๆ ได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จนท้ายที่สุด ลุกซ์ บอกให้บรรดาผู้ที่ไม่ต้องต่อสู้ให้พักผ่อน และ สลับกันเฝ้ายามแทน
ชายหนุ่มผมแดงได้กลายเป็นผู้นำชั่วคราวของพวกคนแคระ และ ทุกคนก็ฟังคำสั่งของเขา แม้แต่คนแคระที่มีสีหน้าบูดบึ้งก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
พวกเขาทั้งหมดต้องการมีชีวิตรอด และ ลุกซ์ ก็เป็นคนช่วยพวกเขาเอาไว้ โดยพื้นฐานแล้ว เนื่องจากพวกเขาเป็นหนี้เขาและได้เห็นความสามารถของเขา อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็มีแต่จะต้องเชื่อใจของอีกฝ่ายจนกว่าพวกเขาจะออกไปจากรังของโคโบลด์ได้
ลุกซ์ ได้วางตำแหน่งของตัวเองไว้ใกล้กับทางเข้าถ้ำที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ เขากำลังพักผ่อน และ จะตื่นขึ้นทันที เมื่อสังเกตุเห็นบางอย่าง นี่เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ย่าเวร่าของเขาสอนไว้ให้เมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าตัวเองจะพักผ่อนอยู่แต่ก็จะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้ตลอดเวลา
ฮันส์ หัวหน้ากลุ่มพ่อค้าคนแคระได้ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มที่ช่วยพวกเขาไว้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าถ้าไม่ทำตามคำสั่งของ ลุกซ์ เขาจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้โดยมีชีวิต
พ่อค้ามักจะทำตามสัญชาตญาณของพวกเขาเอง และ สัญชาตญาณของเขากำลังบอกเขาว่าเขาจะต้องตัวติด ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มคนนี้ไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เนื่องจากเขาให้ความสนใจกับ ลุกซ์ อย่างใกล้ชิด เขาจึงสังเกตุเห็นได้ทันที เมื่ออีกฝ่ายลืมตาขึ้นและทำท่าทางพร้อมกับส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่
นี่เป็นสัญญาณที่ลุกซ์แจ้งล่วงหน้ากับพวกเขาทุกคนให้รู้ว่าพวก โคโบลด์ กำลังเข้ามาใกล้จุดทิ้งขยะ
ก่อนหน้านี้ เขาได้เรียก นักธนูโครงกระดูก 2 ตัวออกมาและวางหัวของพวกมันไว้ที่ด้านนอกถ้ำ เพื่อให้เฝ้าระวังศัตรูที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
เนื่องจากสายสัมพันธ์ที่เขามีกับ นักธนูโครงกระดูก ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับสิ่งมีชีวิตมีชื่อของเขา เขาจึงได้ออกคำสั่งเพิ่มเติมให้พวกมันพูดถึงจำนวนของศัตรูที่เข้ามาใกล้
ตอนนี้ กะโหลกของนักธนูโครงกระดูก ได้บอกเขาว่ามีนักรบโคโบลด์ 3 ตัว กำลังเข้ามาใกล้จุดทิ้งขยะ เนื่องจากทางเดินที่คับแคบ พวกโคโบลด์ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินลงอุโมงค์มาทีละตัว
นี่คือเหตุผลที่ลุกซ์เลือกสถานที่แห่งนี้ เพราะภูมิประเทศโดยรอบทำให้ความได้เปรียบด้านจำนวนไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ลุกซ์ เรียกดาบของเขาออกมาและเตรียมที่จะสังหาร โคโบลด์ ก่อนที่พวกมันจะได้ทันแจ้งเตือนใครก็ตามที่อยู่ใกล้ตำแหน่งของพวกมัน
ฮันส์ เองก็จับขวานขึ้นเพื่อเตรียมจะช่วยชายหนุ่มผมแดงจัดการกับศัตรูอย่างรวดเร็วทันทีที่พวกมันปรากฏตัว
ผู้นำกลุ่มการค้านี้ เป็นมือใหม่แรงค์ C (มอนสเตอร์ระดับ 2) เหตุผลเดียวที่เขาปล่อยให้ตัวเองถูกจับก็เพราะเขารู้ว่าเขาไม่มีทางสู้กับจำนวนที่มากมายของพวกโคโบลด์ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกต้อนจนมุม เขาก็ยินดีต่อสู้จนตัวตายหากมันจำเป็น
ในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ใกล้ปากทางเข้าถ้ำ เขาหันหน้าไปทาง ลุกซ์ ทั้งสองผงกศีรษะพร้อมกับขณะที่พวกเขาจับอาวุธในมืออย่างหนาแน่น
เมื่อโคโบลด์ตัวแรกเข้าไปในถ้ำ ลุกซ์ ก็เรียกเดียโบลออกมาที่ด้านหลังของ โคโบลด์ ทั้ง 3 ตัวทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันหนี
เดียโบล ได้แทงเข้าที่ด้านหลังของ โคโบลด์ ที่อยู่ตรงหน้าจนทะลุหน้าอกของมันและสังหารมันในการโจมตีครั้งเดียว
ฮัสน์ฟันขวานของเขาไปที่คอของโคโบลด์ที่เพิ่งเข้ามาในถ้ำ และ ฟันหัวของมันขาดอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน ลุกซ์ ได้เปิดใช้สกิลฟาดฟันด้วยความโกรธต่อเนื่องเพื่อสร้างความเสียหายร้ายแรงและสังหารโคโบลด์ตัวที่สองก่อนที่มันจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
ลุกซ์ เดียโบล และ ฮันส์ รีบลากศพมอนสเตอร์ที่ตายแล้วเข้าไปในถ้ำ เพื่อไม่ให้ตัวอื่นๆค้นพบพวกมันโดยง่าย ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม ไม่ได้ตัดความจริงที่ว่าพวกมันอาจถูกส่งมาที่นี่โดยผู้บังคับบัญชาของมันเพื่อตรวจสอบดูว่ามีนักโทษซ่อนตัวอยู่ในที่ทิ้งขยะหรือไม่
เดียโบล หยิบ คอร์มอนสเตอร์ 3 อันออกมาจากร่างของ โคโบลด์ และ มอบให้กับนายของมัน
ฮัสต์ ไม่ได้มีข้อตำหนิใดๆ เพราะสำหรับเขาแล้ว คอร์มอนสเตอร์ระดับ 1 นั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง และ เขาก็ไม่ได้ยินดีที่จะต่อสู้กับ ลุกซ์ เพื่อแย่งชิงและทำลายมิตรภาพระหว่างพวกเขา
“ถ้าพวกนี้เป็นหน่วยสอดแนม พวกเราก็ควรจะคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผู้นำโคโบลด์อาจจะส่งโคโบลด์ตัวอื่นๆไปค้นหาสถานที่ต่างๆโดยรอบ” ฮันส์ กล่าวออกมา
ลุกซ์ พยักหน้าเพราะเขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน “ถ้าพวกเราโชคดี พวกมันอาจจะลืมเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าพวกมันจำได้ พวกเราก็คงมีช่วงเวลาแห่งความสงบสุขได้อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น”
ฮันส์ยิ้ม เขารู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มผมแดงคิดเป็นเพียงการปลอบประโลม แต่เขาก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น
เพียงแต่น่าเสียดายที่อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา นักธนูโครงกระดูก ก็ได้แจ้งเตือนอีกครั้ง คราวนี้พวกมันบอกว่ามีนักรบโคโบลด์หลาย 10 ตัวกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นผู้นำโคโบลด์ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับ 2
เมื่อ ลุกซ์ ส่งข้อมูลนี้ให้กับ ฮันส์ และ ลูกน้องของเขา สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดก็กลายเป็นจริงจัง พวกเขารู้ว่าจะต้องฆ่าพวกโคโบลด์เหล่านี้โดยเร็วที่สุด และ ป้องกันไม่ให้พวกมันออกไปจากที่แห่งนี้
นอกเหนือจาก เดียโบล แล้ว ฮันส์ ก็เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา อีกทั้งยังมีคนแคระ 6 คนภายใต้คำสั่งของเขาที่เป็นมือใหม่แรงค์ D (มอนสเตอร์ระดับ 1) พวกเขาทั้งหมดเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อความอยู่รอด แต่ ลุกซ์ บอกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องสู้
สิ่งนี้ทำให้ พวกคนแคระสับสน เพราะเขาคิดว่า ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มละทิ้งความหวังไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็น ลุกซ์ เรียก เดียโบล และ นักรบโครงกระดูก 7 ตัวออกมา พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงบอกว่าพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องสู้
ตอนนี้คนแคระทุกคนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าพวกเขาตายในการต่อสู้กับพวกโคโบลด์ จำนวนนักสู้ของพวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ในขณะที่ โครงกระดูกเหล่านี้กลับแตกต่างออกไป ตราบใดที่ ลุกซ์ มีมานามากพอ เขาก็สามารถเรียกพวกมันออกมาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งพวกมันยังไม่กลัวตาย
เพราะงั้นคนแคระคนอื่นๆ ทั้งหมดจึงได้ถอยไปที่มุมหนึ่งของถ้ำ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เป็นตัวถ่วง
โคเล็ตต์ ได้ขอให้ ลุกซ์ ปล่อยให้พวกเธอต่อสู้ด้วย แต่ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาทันที โดย ลุกซ์ ได้บอกคนแคระตัวน้อยว่าให้ปกป้องผู้ที่ต่อสู้ไม่ได้เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีโคโบลด์ตัวใดไปทำร้ายพวกเขา
ทุกคนรู้สึกตึงเครียดทันทีหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา แผนนี้ค่อนข้างเรียบง่ายก็จริงแต่ไม่สามารถผิดพลาดได้ ทันทีที่ โคโบลด์ ตัวแรกเข้ามา ฮันส์ก็ตัดหัวของมันทันที ในขณะที่ เดียโบล ได้พุ่งเข้ามาและแทงโคโบลด์เข้าที่ด้านหลัง
ผู้นำโคโบลด์ นั้นอยู่กลางขบวน ดังนั้นสิ่งที่มันทำได้ก็คือส่งสัญญาณให้พวกที่อยู่ข้างหลังถอยไป
อย่างไรก็ตาม ลุกซ์ เป็นใคร? แน่นอนว่าเขาคาดการณ์แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงได้วางบุคคลสำคัญไว้ที่ด้านหลังของ อุโมงค์ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อิชทาร์
สิ่งมีชีวิตมีชื่อตัวที่สองของ ลุก์ ที่มีความสามารถที่แปลกประหลาด โดยเธอสามารถแยกชิ้นส่วนร่างกายไปไว้ที่ต่างๆ และสามารถย้ายร่างกายไปยังตำแหน่งที่เธอต้องการได้
นอกจากนี้ อิชทาร์ยังเป็นคนเตือนลุกซ์ว่ามี มอนสเตอร์ระดับ 2 อยู่ท่ามกลางพวกกลุ่มโคโบลด์ ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ฮันเตอร์โครงกระดูก ก็ประกอบชิ้นส่วนร่างกายของเธออีกครั้งและวางกับดักไว้ข้างหน้า
หลังจากทำเช่นนั้น เธอก็เริ่มยิงธนูไปที่ด้านหลังขบวนของพวกโคโบลด์ทันที และ ดักพวกมันด้วยการโจมตีที่เฉียบขาด
เดียโบล มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับ 3 เนื่องจากผลของอาวุธระดับตำนานบลัดมูน ด้วยอาวุธที่ทรงพลังนี้ เดียโบล สามารถจัดการกับพวก โคโบลด์ ได้อย่างรวดเร็วและสังหารผู้นำโคโบลด์อย่างไร้ความปรานี
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง เดียโบล ก็ได้สังหารโคโบลด์ไป 6 ตัว ,อิชทาร์ 7 ตัว และ ฮันส์ 1 ตัว
เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว พวกเขาลากศพเข้าไปในถ้ำและเอาคอร์มอนสเตอร์ออกมาก่อนที่จะเผาด้วยเวทย์มนตร์ธาตุไฟ
กลิ่นไหม้ของเนื้อได้ตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่ แต่ด้วยเวทย์มนตร์ชำระล้าง มันก็ทำให้กลิ่นนี้หายไปอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้พวกเขาได้สังหารกลุ่มสอดแนมหมดแล้ว ลุกซ์ ฮันส์ และ คนแคระคนอื่นๆ รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาหยิบยืม เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหลบหนีออกไปจากที่ซ่อนได้ ทางเดียวของพวกเขาก็คือตั้งหลักอยู่ที่นี่และป้องกันตัวเองด้วยทุกอย่างที่มี
ลุกซ์ จ้องมองไปที่ทุกคนด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ครั้งต่อไปที่พวก โคโบลด์ ปรากฏตัวที่นี่ พวกเราทุกคนคงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตของเราเอง ฉันหวังว่าเมื่อถึงเวลา ทุกคนจะพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุดและฟังคำสั่งของฉันเป็นอย่างดี”
“นอกจากนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องจำนวนของพวกมัน แม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนที่มาก แต่ฉันมั่นใจว่าเราสามารถต้านทานมันไว้ได้ เพราะอุโมงค์นี้กว้างพอที่จะให้เข้ามาทีละคนเท่านั้น แม้ว่าพวกมันจะมีกันเป็นพันๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเดินผ่านเส้นทางอุโมงค์นี้ ดังนั้นตราบใดที่เราปิดกั้นทางเข้านี้ได้ พวกมันก็ไม่สามารถใช้ความได้เปรียบด้านจำนวนได้”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย หลังจากได้ยินแผนของ ลุกซ์ พวกเขาทั้งหมดก็คลายความกังวลเล็กน้อย เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่าโครงกระดูกนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขาดักทางเข้าออกของพวกโคโบลด์ไว้ได้ พวกเขาก็จะสามารถยืนหยัดต่อต้านได้
แน่นอนว่าในทางเทคนิค ความคิดของพวกเขาไม่ได้ผิด แต่พวกเขาลืมสิ่งหนึ่งไป ถึงแม้ว่าพวกโคโบลด์อาจจะไม่ใช่มอนสเตอร์ที่ฉลาดที่สุด แต่พวกมันก็ไม่ได้โง่
ด้วยเหตุนี้ ลุกซ์ และ คนแคระคนอื่นๆ จึงไม่ได้คาดคิดเลยว่าแผนการที่พวกเขาคิดมาเป็นอย่างดี จะมีข้อผิดพลาดบางอย่างเนื่องจากความไม่เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของศัตรู
ดังนั้นนี่จะเป็นบทเรียนที่ชายหนุ่มผมแดงจะได้เรียนรู้อย่างหนักในครั้งนี้