ตอนที่ 1303 โลกใหม่
เมื่อเย่ว์หยางลืมตาตื่นขึ้นจากการหลับใหล
เขาอยู่ในพื้นที่ปั่นป่วนของคัมภีร์เทพฝึกฝน
ทันใดนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งไม่อาจใช้คำใดๆในโลกมาใช้บรรยายได้ ราวกับว่าโลกมีชีวิตขึ้นมาในทันทีทันใดพร้อมกับที่เจ้าของคัมภีร์ลืมตาตื่นขึ้น โลกก็เหมือนตื่นขึ้นกัน แสงรุ้งที่งดงามไม่สิ้นสุดลอยในอยู่ในท้องฟ้าเป็นทางยาวสุดสายตา
ภายใต้รัศมีฉายวัตถุด้านล่างรวมถึงพลังงานทั้งหมดดูมีชีวิตชีวาทันที แสงเรืองรองลอยเด่นขึ้นกลายเป็นท้องฟ้าที่ผ่องใสแต่ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นพื้นโลกที่หนาแข็งขึ้น
วัตถุที่งดงามสีสันหลากหลายกลายเป็นอัญมณีและแร่ธาตุทรงคุณค่าบนพื้นโลก
ทั้งยังมีความสดใสมีชีวิตชีวิตส่องประกายรวมกัน
กองเป็นพะเนินเทินทึก
ในท้องฟ้ามีเมฆลอยเป็นชั้นๆ มากขึ้นทุกขณะ
มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จักเกิดขึ้นภายใต้เปลือกโลกช้าๆมีเสียงสั่นสะเทือนเคลื่อนตัว บางแห่งยุบตัวลง บางแห่งยกตัวสูงขึ้น ในหลายแห่งเนื่องจากมีแรงบีบอัดจึงขยายตัวสูงขึ้นและกลายเป็นภูเขาในที่สุด “นี่คือการสร้างโลกตามตำนานกล่าวขานหรือ? เหลือเชื่อจริงๆ!” เย่คงและพวกเจ้าอ้วนไห่ตะลึงกับปรากฏการณ์ที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
“พระเจ้า! ถ้าได้เห็นภาพนี้แล้วและตายไปชีวิตนี้ข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว”อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและสหายผู้เฒ่าตื่นเต้นเกินคำบรรยาย แน่นอนว่าพวกเขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการสร้างโลก แต่ไม่ว่าคำเขียนในบันทึกจะสละสลวยเพียงใดก็ตามพวกเขามิอาจบรรยายถึงฉากภาพที่งดงามเช่นนี้ได้หลังจากได้เห็นประจักษ์ด้วยตาตนเองพวกเขาเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ามหัศจรรย์ยิ่งไปกว่าการเป็นประจักษ์พยานในการสร้างโลก
เดิมทีโลกก็เกิดขึ้นอย่างนี้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สร้างด้วยมือตนเองแต่พวกเขาสามารถยืนเห็นเป็นประจักษ์พยาน นั่นนับว่าน่าพอใจแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงว่าคนสร้างปาฏิหาริย์นั้น คือลูกศิษย์คือคนในครอบครัวของเขาเอง นี่คือเด็ก ผู้เยาว์รุ่นหลังและเป็นลูกหลานของพวกเขาเอง
“น้อมพบมหาเทพ!” บริวารและทาสมากมายนับไม่ถ้วนคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความปลาบปลื้มพวกเขาคำนับและยกมือโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจเขา การกระทำของพวกเขาทำให้พวกชนชั้นปกครองที่เห็นตกใจกลัวตระกูลลูกหลานมนุษย์มัจฉาต้องสาปที่ตกค้างในแดนสวรรค์ ผู้แทนของหอการค้าไตตันในแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนพากันหมอบกราบกับพื้นร่วมแสดงความเคารพไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ เผ่าเอลฟ์ทองเผ่าซัคคิวบัสและชาวทวีปมังกรทะยานต่างพากันหมอบกราบเทิดทูนบุรุษที่ยังไม่ปรากฏตัวอย่างสูงสุด
อสูรนับหมื่นต่างร่าเริงยินดี
ส่งเสียงร้องกัมปนาทโดยมีฮุยไท่หหลางเป็นพี่ใหญ่ที่สุด
แม้แต่อาจารย์ของเย่ว์หยางเช่น อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็รวมกลุ่มอยู่ด้วย
แสดงความยินดี
แสดงการยกย่องเย่ว์หยางที่ยังไม่ปรากฏในท้องฟ้า
พวกเขาไม่ยึดถืออัตลักษณ์ของเย่ว์หยางว่าเป็นผู้เยาว์รุ่นลูกรุ่นหลานตรงกันข้ามพวกเขาปล่อยวางความสัมพันธ์ส่วนตัวและเคารพให้เกียรติต่อผู้มีพลังสามารถสร้างโลกได้ด้วยความจริงใจ
พลังเช่นนี้พวกเขาไม่อาจมีได้แม้แต่ในความฝัน
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกยำเกรง
และแสดงมารยาทอย่างจริงใจ
แน่นอนว่าในใจพวกเขามีความภาคภูมิใจมากขึ้นไม่ใช่เพียงเพราะเป็นประจักษ์พยานเห็นการเกิดขึ้นของโลกที่น่าอัศจรรย์แต่ยังเป็นเพราะลูกศิษย์ ญาติ ลูกหลานของพวกเขาได้รับการสนับสนุนยกย่อง
ภายใต้รัศมีที่สว่างไสวงดงามไม่มีที่สิ้นสุด
รูปแบบของการกำเนิดโลกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
เขาไม่รู้ว่ามีพื้นที่กว้างขวางแค่ไหนเมื่อโลกก่อตัวขึ้นแต่เห็นพลังงานร้อนแรงแพรวพราวสว่างไสวที่สุดนั่นคือดวงอาทิตย์ปรากฏในท้องฟ้าสูงสุดและสว่างที่สุดและแก่นของพลังงานเย็นค่อนข้างอ่อนโยนนุ่มเนียน พลังงานที่เหลืออยู่ เป็นดวงดาวต่างๆ ก่อตัวหนาแน่นบ้างกระจัดกระจายมีขนาดแตกต่างกันไปเหนือเมฆขึ้นไปมีดวงดาวอยู่และเป็นกลุ่มดาวนักษัตรต่างๆที่ผู้คนรู้จักมาแต่โบราณกาล
พลังงานที่หนักก็มีอยู่มากมาย
ลอยลงมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย
แม้ว่าจะเป็นส่วนที่เหลือจากแก่นของพลังงาน แต่ก็เป็นพลังงานที่อุดมสมบูรณ์มากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากพื้นหนา บนพื้นไม่สามารถรองรับได้ก่อเกิดเป็นพื้นที่สูงพื้นที่ต่ำใหญ่น้อย และเป็นเกาะลอยฟ้าและศิลาลอยต่างๆ
ภูเขามีขนาดสูงขึ้นๆ
พื้นดินทรุดตัวแต่ไม่ลึกมากและขอบของมันนูนขึ้นมองเห็นแต่ไกล
สายฟ้าแล่นออกมาจากก้อนเมฆแปลบปลาบเหมือนงูเงินเต้นระบำแหวกผ่านท้องฟ้าฉกลงพื้นดิน
เสียงฟ้ากระหึ่มคำรามสั่นสะท้านหัวใจ โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมดในพริบตาฝนก็เทลงมาไม่ลืมหูลืมตา
ท้องฟ้ามืดมิด โลกถูกพายุฝนสาดซัดกระหน่ำอย่างรุนแรงโลกใหม่กลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยพายุฝนพลังวิญญาณของนักรบที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนล้วนได้รับผลกระทบจากสายฝนด้วยเช่นกัน พื้นดินปกคลุมไปด้วยน้ำเจิ่งนองและลำธารใหญ่น้อยทุกแห่งแปรสภาพไปอย่างรวดเร็ว น้ำไหลลงที่ต่ำตลอดทางเพิ่มปริมาณเป็นสองเท่า...ฝนเริ่มซาเม็ดลง ทุกคนประหลาดใจเมื่อพบว่าในด้านหน้า และรอบๆ มีแม่น้ำทะเลสาบและทะเลนั่นคือแหล่งชีวิตที่ขาดไม่ได้ โลกบาดาล
เสียงฟ้าร้องจางหายไป สายฟ้าคะนองลดจำนวนลง
ทันใดนั้นจากฝนกลายเป็นเมฆและแสงอันอบอุ่นทอแสงลงมาจากกลีบเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าฉายลงมายังพื้นโลกทั้งหมดครอบคลุมผู้คนบนพื้นมอบชีวิตให้กับโลกอาบไล้โลกด้วยแสงสีทอง
“หญ้าเล็กหญ้าน้อยเริ่มแตกยอด!” เจ้าอ้วนไห่ก้มหน้ามองแล้วพบว่าบนพื้นดินมีหญ้าอ่อนนุ่มแทงยอดขึ้นมาจากพื้น
“ต้องมีผีเสื้อด้วย!” เย่คงแหงนหน้าและพบว่ามีผีเสื้ออยู่ในท้องฟ้าอยู่แล้ว พวกมันบินเต้นไปมา
“ปลา,เสวี่ยทันหลางให้ความสนใจกับทะเลสาบข้างหน้าเขาและดูเหมือนว่ามีปลาเล็กปลาน้อยนับไม่ถ้วนแหวกว่ายอยู่ในกระแสลำธาร
หญ้านับไม่ถ้วนย้อมโลกเป็นสีเขียว
หญ้าสีเขียวนับไปถ้วนปกคลุมไปทั้งโลก
ไม่มีพื้นที่ว่างอีกต่อไป
ดอกไม้สดโอนเอนแกว่งไกวไปมาในสายลม ดอกที่เบ่งบานยืนต้นเด่นสง่ามีสีสันที่หลากหลายเพิ่มชีวิตชีวาให้กับโลก ปลากระโดดขึ้นจากวารีอย่างร่าเริงสกุณชาติบินโผผินวนเวียนอยู่ในผืนป่ามองหาบ้านในอุดมคติของพวกมันจากพื้นที่สีเขียวขจีกว้างใหญ่นี้
สิ่งมีชีวิตเล็กๆหลบอยู่หลังต้นไม้ กลับเป็นด้วงน้อยที่แอบมองฝูงชนอยู่แต่ไกล
แฟรี่น้อยผู้น่ารักตัวขนาดนิ้วมือเดียวไม่กลัวคนแปลกหน้าไล่เล่นกับมวลหมู่บุปผาอย่างมีความสุขไร้ความกังวลราวกับว่าพวกเขามีชีวิตมาตั้งแต่เมื่อหลายล้านปีก่อนและพวกเขาคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่..... “นี่เป็นความจริงหรือนี่?” มารสัมฤทธิ์ฟ้าและนักสู้ผู้แข็งแกร่งอื่นอดทิ้งตัวลงกับพื้นไม่ได้ เขาไม่เคยคิดว่าโลกจะถูกสร้างขึ้นในลักษณะนี้ได้และที่ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการสนับสนุนของทุกคนเย่ว์หยางจึงก้าวหน้าเข้าถึงระดับเทพราชันย์ผู้สร้างโลกได้ไม่มีใครเทียบ เทพราชันย์ทรงพลังน่าเกรงขามจริงๆ หรือ?สิ่งเหล่านี้ที่เกิดต่อหน้าเขา เกรงว่าแม้พวกเขาจะเป็นเทพแท้และมีพลังยิ่งใหญ่แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถสร้างได้ หากไม่มีเวลานับพันนับหมื่นปียังจะทำได้หรือ? ทำไมเย่ว์หยางเย่ว์ไตตันที่ไม่ได้เป็นระดับเทพมาก่อน แต่ด้วยการสนับสนุนของทุกคนเท่านั้นสามารถยกสถานะไปสู่ระดับสูงล้ำเช่นนี้ แม้แต่นักสู้ระดับเทพก็ยังมิอาจเอื้อม? แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าของเขาจะเป็นของจริงและไม่มีข้อสงสัยแต่อย่างใดแต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าก็ยังพบว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอยู่บ้างเพราะภาพที่เห็นนี้ยิ่งกว่าความฝัน ลึกลับยิ่งกว่าตำนานใดๆไม่รู้ว่าเหนือกว่าปาฏิหาริย์ตั้งกี่เท่า... “โลกพฤกษา!” ผู้เฒ่าหนานกงตัวสั่น เขาเห็นปาฏิหาริย์ที่มหัศจรรย์เหลือเชื่อกำลังเกิด
ไม่เพียงแต่ผู้เฒ่าหนานกงเท่านั้นที่เห็น แต่ทุกคนเห็นด้วยเช่นกัน
เพราะ
เพราะต้นไม้นี้เติบใหญ่อย่างรวดเร็วมาก
ตำแหน่งที่ตั้งของโลกพฤกษาโลกอยู่ไม่ไกลตรงกันข้ามมันอยู่รอบๆ ตัวทุกคนและใต้เท้าของทุกคนเมล็ดพฤกษาโลกแตกหน่อกระทันหันงอกและแตกกิ่งใบเจริญงอกงามภายใต้สายตาของทุกคน
ตอนแรกยังไม่สะดุดตาแต่ทุกๆ วินาทีมันเปลี่ยนไปจากเมล็ดเล็กๆ ไปจนถึงเป็นต้นอ่อนจากต้นอ่อนเป็นต้นไม้เขียวชอุ่มจนกระทั่งเป็นไม้ยักษ์ใหญ่สูงตระหง่านหลายสิบคนก็ยังโอบไม่รอบและต้นไม้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเติบโตอย่างบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา
ทุกคนเริ่มมองขึ้นๆลงๆ รู้สึกประหลาดและตกใจ... ต้นไม้ที่แปลกประหลาดนี้เรียกว่าโลกพฤกษาจากคำบอกกล่าวของผู้เฒ่าหนานกงมันไม่เคยหยุดเติบโต ไม่ได้หยุดแม้แต่วินาทีเดียว
มันเติบโตอย่างรวดเร็วมากจนผู้ที่มองดูมองไม่เห็นกระบวนการเติบโตอย่างชัดเจน
เมื่อเจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นๆ ไล่ต้อนกลุ่มคนที่มัวแต่ตกใจ และถ้าช้าอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
เมื่อมองกลับไป
พวกเขาพบว่ามันได้เติบโตวิวัฒนาการเป็นต้นไม้ยักษ์สูงตระหง่านกลายเป็นพฤกษาโลกที่น่าทึ่ง
ลำต้นของมันไม่สามารถอธิบายถึงความหนาของมันได้เมื่อเปรียบเทียบกับพฤกษาทองโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของเผ่าเอลฟ์ทองโลกพฤกษานี้มีขนาดใหญ่และสูงตระหง่าน และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยังคงเติบโตต่อไปเรื่อยๆ
มันเติบโตต่อไปไม่หยุด
ต่อหน้าทุกคน
ภายใต้การจ้องมองดูอย่างตกใจของทุกคนพฤกษาโลกเติบโตอย่างบ้าคลั่งทุกวินาที จะแตกต่างจากนาทีที่แล้ว
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวใช้พลังทั้งหมดบินขึ้นไปด้านบนมองด้วยสายตาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแต่ไม่สามารถมองเห็นจุดสูงสุดได้ นักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรจักรพรรดิใต้พิภพและนักสู้อื่นต่างทำการสื่อสารลับๆโดยคาดว่าความสูงของต้นไม้นี้ไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร... เส้นผ่าศูนย์กลางของต้นไม้ใหญ่กว่าสิบกิโลเมตรไม่ต้องพูดถึงผู้คนและสิ่งมีชีวิต แม้แต่ภูเขาก็ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับต้นไม้นี้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
พฤกษาโลกนี้หยุดเจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่งได้ในที่สุด
มันมีความสูงโตขึ้นจนถึงขีดจำกัดตามที่นักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างหมิงลี่ฮ่าวมารสัมฤทธิ์ฟ้าและนักสู้อื่นเหาะขึ้นไปสำรวจ น่าจะสูงถึงร้อยกิโลเมตร
ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบกิโลเมตร
มีกิ่งก้านที่ใบไม้ปกคลุมนับไม่ถ้วน
มองเห็นภูเขายังนึกว่าเนินเห็นทะเลนึกว่าแอ่งน้ำ มองเห็นผู้คนเหมือนเม็ดกรวดในทะเล
“ทำไมคุณชายสามตระกูลเย่ว์ถึงได้สร้างโลกพฤกษาขึ้นมา?” ตู๋กูฉางฟงยกมือถามด้วยความสงสัย
“เป็นการระลึกถึงการฝึกฝนที่บันไดสวรรค์?”
เป็นไปได้
“เดี๋ยวก่อนดูเหมือนยังมีการเปลี่ยนแปลง?”
ในระหว่างการสนทนาดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ภายใต้โลกพฤกษาทำให้ทุกคนหยุดพูดและมีสมาธิกับมัน
แม้ว่าต้นพฤกษาโลกนี้จะไม่ใหญ่เท่ากับพฤกษาโลกที่บันไดสวรรค์แต่นั่นคือโลก เป็นโลกที่มีขนาดใหญ่เท่าต้นไม้แต่ต้นไม้ที่กำเนิดใหม่นี้เป็นต้นพฤกษาโลกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบกิโลเมตร และสูงร้อยกิโลเมตรมองไม่เห็นด้านข้าง ไม่สามารถไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมีแต่ต้องอยู่บนท้องฟ้า นอกจากนี้ยังเพียงพอทำให้เกิดความสงสัยแม้ว่าคนพวกนี้ที่ไม่เคยเข้าบันไดสวรรค์ไม่เคยเห็นโลกพฤกษาของบันไดสวรรค์ไม่มีทางนึกภาพขนาดของโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ได้ เพราะมีขนาดใหญ่กว่าพฤกษาโลกข้างหน้านี้
มีภูเขาแม่น้ำและทะเลสาบอยู่ภายใต้กิ่งก้านสาขาของต้นพฤกษาโลกนี้
ตอนนี้กิ่งก้านเหล่านั้น
มีการเปลี่ยนแปลงที่น่ายอดเยี่ยมเท่าเทียมกันดึงดูดความสนใจพวกเขาจนไม่สามารถถอนความสนใจออกมาได้