ตอนที่ 1297 ภาวนา
“เจ้าอ้วน!” เย่คงและพวกเสวี่ยทันหลางตกใจ
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าอ้วนไห่จะเลือกวิถีวีรบุรุษยุติการเดินทางในโลกอย่างไม่คาดฝัน
ตายจริงหรือ?บัดซบคนอย่างนี้ควรอยู่สร้างเรื่องปวดหัวเป็นพันปีจะมาตายต่อหน้าทุกคนจริงหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าทุกคนยังทุบเจ้าไม่หนำใจ!จอมปีศาจอ้วนอมตะ เจ้าอ้วนผู้เรียกตัวเองเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน คุณชายไห่อย่างเจ้าจะตายอย่างนี้หรือ?
คนหน้าด้านที่ชอบยั่วโมโหคนอื่นจะชิงตายก่อนได้อย่างไร?
และยิ่งกว่านั้นยังยืนตายอีกด้วย!
สร้างผลงานแบบนี้นี่ใช่สิ่งที่เจ้าอ้วนไห่ทำหรือ? อย่าเพิ่งรีบตายผู้เสียสละทุกอย่างเพื่อสหายที่แท้จริงคือเย่คง ทำไมถึงกลายเป็นเจ้าอ้วนงี่เง่าได้!
มีแต่ข้าข้าเท่านั้นที่สมควรตาย!
เย่คงต้องการตะโกนใส่เขา เขาต้องการแผดเสียงด่าแต่เขาไม่สามารถเปล่งเสียงออกจากลำคอได้ ไม่รู้ว่าน้ำตาทะลักออกมาตั้งแต่เมื่อใด
เสวี่ยทันหลางไม่ได้หลั่งน้ำตาแต่มีเลือดซึมออกจากมุมปากดวงตาของเขามีเส้นเลือดแดงขึ้นทั้งที่ใบหน้าเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง องค์ชายเทียนหลัวน้ำตาไหลพรากนองหน้าและหยดลงพื้น
พี่น้องตระกูลหลี่คุกเข่าก้มหน้าและหันไปมองอสูรอัปลักษณ์ที่สูงร้อยเมตรแม้ว่าวิญญาณจะหลุดลอยไปแล้วแต่สองมือก็ยังยืนค้ำพลังชะตาพวกเขามองสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ด้วยความเคารพเลื่อมใส “เจ้าอ้วน?” เย่ว์หยางผู้อยู่ที่จุดเริ่มต้นของโลกพฤกษารู้สึกแปลกๆเขาพยายามเชื่อมต่อจิตวิญญาณที่กำลังจะถูกทำลาย
“ข้าบอกแล้วข้าคือพี่ใหญ่ ข้าจะปกป้องพวกเจ้า!”
ในความมืด
ดูเหมือนจะมีกระแสความคิดเล็กน้อย
ลอยมาจากโลกที่ไกลแสนไกล
เจ้าที่ชอบพูดโม้โอ้อวดเกินจริงจนเป็นเรื่องปกติเย่ว์หยางเห็นเจ้าอ้วนที่น่าสงสารเต้นแร้งเต้นกาอยู่ข้างหน้าเขา
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้นแต่ยังคงรวมถึงเสวี่ยอู๋เสียองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวผู้เชื่อมโยงจิตกับเขา พวกนางรู้สึกรางๆว่าเจ้าอ้วนนิสัยตลกยามมีชีวิตเหมือนเดินผ่านไปมาเพื่ออำลา... ทุกคนมีมากมายตราบใดที่เป็นญาติพี่น้องและผองเพื่อนที่มีส่วนร่วมในการแบกรับพลังชะตาในเวลานี้ล้วนเห็นเขาสะท้อนอยู่ในหัวใจ!
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้ปลูกฝังพื้นฐานให้เขาทุกวันอย่างมีความสุข
ผู้เฒ่าหลั่งน้ำตา
ปกติโดยทั่วไปเจ้าอ้วนไห่มักจะไม่ได้รับความสนใจจากฮุยไท่หลางแต่เวลานี้พอว่างจากการต่อสู้มันแหงนหน้าส่งเสียงหอนยาวนาน
ขณะนั้นเองคัมภีร์เทพลอยอยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยางฉายรัศมีเป็นหมื่นๆเมตรทันที
และหลอมรวมกับยักษ์ชะตาได้อย่างสมบูรณ์
จากนั้นไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าใดในท่ามกลางเมฆมืดครึ้มมองเห็นท้องฟ้าฉายรัศมีลงบนร่างสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ที่ยืนแบกลำแสงชะตา ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ฉายส่องลงบนคัมภีร์อัญเชิญซึ่งกำลังจางลงและรูปบิดเบี้ยวอยู่ตลอดเวลา ในทันใดนั้นแสงรังสีเป็นพันล้านสายพุ่งออกมาจากคลุมกลืนร่างสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์รวมทั้งคัมภีร์อัญเชิญคลุมเป็นรูปบอลแสงทันทีและดึงดูดขึ้นท้องฟ้าลอยผ่านพื้นที่นับไม่ถ้วนกลับไปยังโลกบันไดสวรรค์
บอลแสงถูกกลืนโดยพันธสัญญาฝึกฝนคัมภีร์เทพ
ในนามของผนึกเจ้าอ้วนไห่จะถูกผนึกอยู่ที่ขาและเขาเป็นส่วนหนึ่งของยักษ์ชะตาตลอดไป
เขาผู้มีใบหน้ายิ้มอย่างโง่เขลาขี่แรดเพชรพาฮิปโปน้อยและอสูรอีกหลายตัวโบกมือให้ทุกคนอย่างภูมิใจราวกับตะโกนบอกในใจ ‘ข้าคุณชายผู้นี้มีอสูรบรอนซ์ระดับสองไม่ใช่หรือ?ข้าเป็นคนที่ไม่สำคัญ’จากนั้นภาพชัยชนะนี้จะได้รับการจดจำชั่วนิรันดร์อยู่ในร่างของยักษ์ชะตาเป็นสมาชิกของโชคชะตาด้วยภาพลักษณ์และวิธีการที่ไม่เหมือนใคร เขามีความพอใจมีความทะเยอทะยานไม่เหมือนใคร
“มีแต่ด้วยวิธีนี้ขอเพียงทำลายความคิดจิตสำนึกของความตายก็จะกำจัดบ่วงชะตาได้อย่างแท้จริง!” สำนึกของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ปรากฏในหัวใจของผู้เข้าร่วมทุกคน
“อะไรนะ?”เย่คงและพวกพ้องตกใจเมื่อได้ยิน
เป็นไปได้หรือว่าการรับภาระของพลังชะตาก่อนนี้จะไม่ถูกนับ?
ขอเพียงทำลายบ่วงมรณะยอมเสียสละไม่หวังผลทิ้งทุกอย่างโดยไม่สนใจอุปสรรคจึงจะถือว่ามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น
งั้นข้าเข้าใจแล้ว
ใบหน้าของเย่คงผ่อนคลาย เขายิ้มผ่อนคลายเป็นพิเศษและพึมพำกับตนเอง“เจ้าอ้วน! ข้าจะมาแล้ว เจ้าจะได้ไม่เหงา ต่อให้เจ้าเป็นหนี้และงี่เง่าแต่เราก็อยู่กลุ่มเดียวกัน... ความตาย ยังจะใช้ขู่ข้าเย่คงได้หรือ?ข้าเคยนอนรอความตายที่ชั้นหนึ่งหอทงเทียนหน้าประตูเทเลพอร์ต และตอนนั้นข้าก็ตระหนักถึงความตายแล้วแม้แต่ขนมชิ้นเล็กๆ ก็ยังดับความหิวข้าไม่ได้!”
คิงคองเพชรและมังกรแผ่นดินไหวรวมทั้งอสูรศึกอื่นทะยอยมาสนับสนุนเขาทีละตัว
ร่างกายที่เสริมพลังจนใหญ่โตถือเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้และคำรามอย่างบ้าคลั่ง
ร่างของเขาปริแตกเลือดทะลักราวกับสายฝนดวงตาของเย่คงราวกับมีกองไฟลุกโชนมองดูเหมือนสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ตอนนี้หัวใจของเขาเริ่มเต้นอ่อนลงพร้อมกับเสียงคำรามจากใจที่อ่อนล้าลงมือข้างหนึ่งถือคัมภีร์อัญเชิญ หน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อยภูมิใจและมีความสุขราวกับได้ปลดเปลื้องและราวกับได้รับความสำเร็จเป็นพิเศษ ท้องฟ้าปรากฏลำแสงอย่างเดียวก่อนนั้นฉายลงมา
แสงศักดิ์สิทธิ์ของคัมภีร์เทพฉายคลุมร่างกายและวิญญาณของเย่คงไว้ในบอลแสงพร้อมกับคัมภีร์อัญเชิญและดึงเขาออกมาจากหอทงเทียนชั้นเจ็ด
ในพริบตาก็มาประทับอยู่ที่ขาของยักษ์ชะตา นอกจากรูปเจ้าอ้วนที่กำลังยิ้มแล้วก็เป็นรูปเย่คงที่กำลังถลึงตามองเหมือนกับเห็นสิ่งอยุติธรรมในโลกและเขาต้องการกำจัดสิ่งชั่วร้ายเพื่อประชาชน
“เข้าใจแล้ว” เสวี่ยทันหลางหลับตา ในไม่ช้าก็มีแสงเทพฉายลงมาจากท้องฟ้าคลุมเขาทั้งร่าง
ไม่เพียงแค่ศีรษะเขาเท่านั้น
คลุมทั้งองค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่ไว้ในภายใน แม้กระทั่งสถานที่ต่างๆในหอทงเทียนมีลำแสงเทพฉายลงมายังภาคพื้นถ้าเป็นตามจำนวนที่เย่ว์หยางรับรู้และตรวจอย่างรอบคอบจะพบว่าประกอบไปด้วยอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแม่เฒ่าอู่เถิง ผู้เฒ่าหนานกงผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจักรพรรดิจุนอู๋โหย่วและครูบาอาจารย์บางพวกที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ แต่เป็นคนสำคัญในชีวิตเช่น ฟงขวงเสวี่ยเวิ่นเต้า ฟงเสี่ยวหวิน อาจารย์ตาเหยี่ยว ฯลฯ ล้วนเงยหน้ารับแสงเทพ
เด็กหัวกะทิห้องมรณะเด็กนักเรียนที่ครั้งหนึ่งเย่ว์หยางเคยชี้แนะต่างพากันหลับตาชูมือน้อยๆและอธิษฐานอย่างตั้งใจ
ในทางตรงกันข้ามมีญาติและสหายมากมาย
ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักเพียงไหนก็ไม่สามารถทุ่มเทชีวิตไม่สามารถบรรลุการเสียสละอย่างสมบูรณ์พวกเขารู้สึกละอายใจและเสียใจที่รับภาระพลังชะตาได้เพียงครึ่งหนึ่ง
พวกเขาเพียงแต่พลาดในก้าวสุดท้าย
แต่พวกเขายังเข้าใจว่าพวกเขาไม่มีทางผ่านอุปสรรคนี้บรรลุขั้นตอนสุดท้ายที่ดีที่สุดในแง่การใช้วิทยายุทธ์ พวกเขาอาจเป็นผู้มีพรสวรรค์ พวกเขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและรับรู้อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถเข้าใจถึงความเป็นและความตายไม่สามารถหลีกหนีเอาชนะชะตาของเขาเองได้... หากมองด้วยตาวิเศษก็จะพบว่าบุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสามดาวรุ่งมือสังหารที่ยิ่งใหญ่อย่างเหยียนพั่วจวินและฟงชิซาก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีเย่ว์เทียน เย่ว์เยี่ยน เย่ว์ฟง ฯลฯจากในตระกูลเย่ว์ เว้นแต่คุณชายห้าเย่ว์ถิงที่มีความมั่นคงมากที่สุดเป็นเพียงสองคนที่ได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์ฉายใส่จากทั่วทั้งตระกูลเย่ว์
อีกคนหนึ่งก็คือปู่ห้าที่มีใบหน้าเหมือนทารก
“ข้าไม่มีความรู้อะไรแต่ถ้าสามารถตายได้เพื่อช่วยให้เจ้าสำเร็จอย่างนั้นข้าฟ่านหลุนเถี่ยไม่มีอะไรต้องเสียใจ” ฟ่านหลุนเถี่ยสาวเผ่าหัววัวมีแสงเทพฉายอยู่เหนือศีรษะของนาง
“.....” แอนนาและลีนสองสามีภรรยาชูมืออาบแสงเทพศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน
ในทำนองเดียวกันแสงเทพฉายลงมาที่ทอเรนเลโอและสี่สาวเผ่าคิวบัวร์ (มนุษย์หมูป่า)
พวกเขาเป็นสหายร่วมกลุ่มเดียวกัน
พ่อค้าเผ่ากบจั๊ดด์พ่อบ้านเหยียนเจิ้ง และพี่น้องตระกูลเซี่ยเปากู่และหัวหน้าจินฟันทองผู้เป็นบริวารที่ดีที่สุด พวกเขายินดีจะทิ้งชีวิตทิ้งสมบัติของตน ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อติดตามเจ้านายของพวกเขา
ยังคงมีคนอีกมากมาย
ซึ่งเป็นคนที่เย่ว์หยางไม่เคยพบหรือรู้จักมาก่อนอย่างเช่นเอลฟ์ทองและเผ่าซัคคิวบัสแห่งหอทงเทียน ลูกหลานมนุษย์มัจฉาต้องสาบที่ยังติดอยู่ในแดนสวรรค์ทุกคนไม่มีเงื่อนไขและยอมรับพลังชะตาของเย่ว์หยางไว้ แม้พวกเขาจะช่วยได้ไม่มากและพวกเขาไม่ใช่คนสำคัญแต่ก็มิได้ขัดขวางพวกเขาจากการร่วมแรงร่วมใจเช่นนั้น
ภาพของพวกเขาถูกจดจำโดยยักษ์ชะตาไว้ทั้งหมด ในส่วนต่างๆ จากตำแหน่งด้านหลังและข้อเท้าซึ่งเสมอภาพลักษณ์เฉพาะที่สุดในชีวิตพวกเขา
และเบื้องล่างนั้น
เป็นอสูรของพวกเขา
ราวกับว่าไม่เคยเสียสละและราวกับว่ามันไม่เคยตาย
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะถูกตรึงอยู่กับชะตา และด้วยวิธีนี้ภาพพวกเขาจะคงอยู่นิรันดร์
วิญญาณของเย่ว์ชิวผู้คอยปกปักรักษาทางเข้าบันไดสวรรค์เกาเผิงราชันย์คุกฟ้า หมิงลี่ฮ่าว คุณชายฉางฟงผมงู ฯลฯ ก็เข้าร่วมเช่นกันภาพของเขาปรากฏอยู่รอบๆ เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆเหมือนกับดวงดาวนับไม่ถ้วนในท้องฟ้ายามราตรี ส่องแสงระยิบระยับอยู่ที่ขาของยักษ์ชะตา..ในส่วนบนของร่างที่สูงกว่านั้น ยังไม่มีภาพอะไร
เพราะ
พื้นที่ตรงนั้นจำเป็นสำหรับผู้ที่มีชะตาเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยางอย่างเช่นอสูรที่ทำสัญญากับเย่ว์หยาง อสูรพิทักษ์ที่ผูกพันวิญญาณคนรักหรือภรรยาที่เกี่ยวข้องในชีวิตถึงจะมีคุณสมบัติอยู่ในพื้นที่สูงขึ้น
ไม่มีใครรู้เหตุผลแม้แต่เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะพยายามอย่างดีที่สุดแต่พวกนางไม่สามารถได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆได้เลย
หากไม่มีความช่วยเหลือจากพวกนางมีแต่เพียงญาติและสหาย ความสูงของชะตาจะไม่มากเกินหนึ่งกิโลเมตร
เจ้าอ้วนไห่สูงร้อยเมตรแต่เมื่อมาปรากฏในร่างยักษ์ชะตา
มีความสูงแค่ยี่สิบเมตร
แม้ว่าการเชื่อมชะตากับเย่ว์หยางจะได้รับความช่วยเหลือจากญาติและสหายอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดแต่เขาสามารถรับได้เพียง 20% เท่านั้น อสูรสติปัญญาไม่สูงจึงอยู่ต่ำกว่า...ยกเว้นแต่นางนวลสายลมที่ลอยออกมาจากตำแหน่งเท้าของยักษ์ชะตาเข้าไปหาเจ้าอ้วนไห่
นางเป็นเพียงหนึ่งในอสูรอิสระมากมาย
ที่ติดตามการช่วยเหลือเช่นนี้
แม้ว่าจำนวนคนจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีกสิบเท่าแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเพียงพอกับความสูงของยักษ์ชะตาซึ่งรับได้ถึง 18,000 เมตร
สิ่งที่ทำให้สิ้นหวังมากขึ้นในตอนนี้ก็คือคนที่เข้าร่วมและคนที่ยอมเสียสละทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มีคนเข้าร่วมเพิ่มอีกขอบเขตระหว่างความเป็นกับความตายได้แบ่งพลังชะตาออกเป็นภายนอกและภายในอย่างสมบูรณ์
ญาติสนิทมิตรสหายเหล่านั้นไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นและความตายได้จึงถูกแยกด้วยช่องว่าง
เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ
ไม่มีทางจะอุทิศตนเป็นครั้งที่สอง!
“บรรพบุรุษแห่งหอทงเทียนบรรพบุรุษของผู้ครองดินแดนทุกราชวงศ์ทุกชีวิตที่ไม่ต้องการให้หอทงเทียนล่มสลายและพินาศไปไม่ว่าพวกท่านจะหลับอยู่ในสายธารประวัติศาสตร์ตรงไหนก็ตาม หรือมหาเทพผู้อยู่ห่างจากโลกหยาบมองลงมาจากฟากฟ้าดูแลโลกด้วยพลังอันยิ่งใหญ่โปรดให้การสนับสนุนเราด้วยเถิด ยามนี้เราเข้าใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสนับสนุนพลังเทพราชันย์ด้วยพลังของเราล้วนๆ! อย่างไรก็ตามเราจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาโปรดประทานกำลังใจให้เราบ้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเราจะซาบซึ้งขอบคุณท่านไปอีกนานนับล้านปี!” เสวี่ยอู๋เสียคุกเข่ามือของนางแตะหน้าผากพลางสวดอธิษฐานด้วยหัวใจมุ่งมั่น
นางเป็นนักสู้ระดับเทพคนหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตามนางทอดทิ้งประกายเทพและศักดิ์ศรีความเป็นเทพชั้นสูงของนางใช้บุคลิกและมารยาทของภรรยาสวดภาวนาขอพรเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังชะตาให้เย่ว์หยางทำให้คนรักของนางเป็นเทพราชันย์และพลิกสถานการณ์ให้หอทงเทียนได้ทันที
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่แต่นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้
ข้างๆเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็คุกเข่าลงเช่นกัน
จากนั้นเป็นโล่วฮัวและเย่ว์หวี่
ทุกคนคุกเข่าและร่วมกันอธิษฐานภาวนา....ในที่สุดพวกนางก็เข้าใจแล้วว่า จะต้องทุ่มเทเสียสละมากมายเท่าไหนกับการสร้างเทพจอมราชันย์ แต่พวกนางไม่ยอมแพ้ ต่อให้ไม่มีทางอื่นพวกนางจะสวดภาวนาให้กับคนรักของพวกนาง
ชะตาของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการกลัวล้มเหลวและไม่มีการตื่นเต้นกลัวตาย
พวกนางแค่รายล้อมเขา
อย่างสงบ
ด้วยภูมิปัญญาและความเข้าใจที่เหนือกว่าทุกอย่างพวกเขาตั้งใจใช้ชีวิตที่จะถูกทำลายสร้างช่องว่างเปล่าของโลกและสวรรค์สร้างปาฏิหาริย์และจากนั้นเปลี่ยนเป็นความอมตะนิรันดร์
ไม่มีใครบอกพวกเขาถึงวิธีการทำและไม่มีใครบอกพวกเขาในสิ่งที่ถูกต้องและวิธีประสบความสำเร็จ ตอนนี้พวกเขาใช้วิธีการของตนเองและภูมิปัญญาของตัวพวกเขาเองในความพยายามครั้งสุดท้าย
ที่หอทงเทียนชั้นสิบตงฟางเจ้าตำหนักใหญ่กำลังหัวเราะ
เขา
ราวกับว่ามองการณ์ไกลเห็นการสร้างเทพราชันย์ให้สำเร็จนั้นต้องประสบกับความล้มเหลว นั่นเป็นเรื่องที่เขาคาดมานานแล้ว