ตอนที่ 1296 อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว
ภาพยักษ์ชะตายืนตระหง่านราวกับภูเขาสูงเสียดฟ้า
ไม่ต้องพูดถึงพลังแรงกดดันและกฎสวรรค์ที่ให้มนุษย์ต้องก้มศีรษะให้
เป็นการยากที่จะเงยหน้ามองดู
แม้แต่ความสูงของตัวมันเองก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นร่างตัวเองได้ทั้งหมดทุกคนสามารถใช้การสื่อสารทางจิตได้อย่างน่ากลัวเงียบ ทำให้ภาพมีความสูงถึง 18,000กิโลเมตรครอบคลุมไปทั้งโลก
ภายใต้การชี้นำด้วยความสามารถพิเศษของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่สหายและญาติพี่น้องทุกคนผู้ได้ยินเสียงของแม่สี่หรือสหายที่สนับสนุนเย่ว์หยางเข้าร่วมการแบกรับพลังชะตาในขณะนี้ไม่จำเป็นต้องปิดตาของตนเองแล้ว พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความสูงของยักษ์ชะตาที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกันในไม่ช้า 18,000 กิโลเมตรเป็นพลังสูงสุดเพื่อการเป็นเทพราชันย์.. เย่ว์หยางหรือคุณชายสามตระกูลเย่ว์สามารถแบกความหวังที่สูงลิบนี้ เพื่อฟื้นฟูหอทงเทียนให้กลับสู่ความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหรือ?
แม้แต่เจ้าอ้วนไห่เย่คงและเสวี่ยทันหลางที่สนับสนุนเย่ว์หยางอย่างมากที่สุดแต่ในใจของเขาคิดว่าพวกเขาคือสหายสนิท
นอกจากนี้ยังอดมีข้อสงสัยบ้างไม่ได้
เพราะยักษ์แห่งโชคชะตาที่ความสูง 18,000กิโลเมตรต่อหน้าเขาตกตะลึงจริงๆ ภายใต้การมองเช่นนั้น นั่นคือเทพผู้น่ากลัว เขารู้สึกอ่อนแอและไร้ประโยชน์เหมือนมดเมื่อเปรียบเทียบ
นี่คือพลังควบคุมชะตากรรม!
แม้แต่ชะตาก็สามารถควบคุมได้และสามารถย้อนกลับได้
ดังนั้นพลังเทพจะไม่น่ากลัวได้อย่างไร? เขาจะไม่สั่นกลัวได้อย่างไร?จะไม่กลัวและกังวลได้อย่างไร?
“บางทีข้าอาจตายแต่ความตายจะไม่สามารถคุกคามข้าได้ ข้าไห่ต้าฟู่ ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน ข้าเป็นพี่ใหญ่ที่ดีที่สุดในโลก และยินดีจะทุ่มเทสละทุกอย่าง ก่อนนั้นข้ามีความสุขที่ข้าพลาดไป ก่อนนั้นข้าเคยก่อเรื่องน่าอับอายก่อนนั้นความสามารถไม่ได้เรื่อง ก่อนหน้าที่จะถูกโจมตีนั้นชีวิตของข้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดสมาชิกครอบครัวของข้ามีเป็นจำนวนมากถูกฟันถูกทำร้าย จนถึงทุกวันนี้ความสุขนั้นกำลังจะถูกพรากไปและทำให้ข้าได้ภูมิใจที่ได้ยืนหยัดอยู่ในท่ามกลางกองกำลังของหอทงเทียนทั้งชีวิตได้กอบกู้คืนมาและพัฒนาขึ้นมาเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญใดๆ ทำให้ข้ากลายเป็นที่อิจฉาและมีแม้ความปรารถนาโลกๆ ข้าต้องการยืนหยัดต่อต้านศัตรู ส่งเสียงต่อต้านศัตรูร่วมกับสหายเพื่อพิทักษ์หอทงเทียนข้าคือพี่ใหญ่ที่มีความภาคภูมิใจ ....เทพโบราณ ถ้าท่านมีอยู่จริง โปรดรับทุกอย่างของข้าไป ข้าต้องการทุ่มเททุกอย่างที่ข้ามีเพื่อแลกกับวันพรุ่งนี้และการบรรลุในอนาคตของเรา หอทงเทียนจะไม่มีเจ้าอ้วนที่น่าตาย ข้าอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเขา หากไม่มีเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะมีข้าในวันนี้ เอาทุกอย่างที่ข้ามีไปได้ ตราบใดที่ข้าสามารถแบกรับพลังชะตาไว้ได้ชั่วคราว ข้าขอวิงวอน นี่คือสิ่งที่ข้าผู้เป็นรุ่นพี่สามารถทำได้เพื่อเขา ในชีวิตข้า ข้าขอทำสิ่งนี้อย่างดีที่สุด”
เจ้าอ้วนไห่พึมพำกับตนเอง
ในสายตาของเขามุ่งมั่นอย่างไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
ร่างของเขาดูเหมือนจะสูงขึ้นทันที พลังภายในรวมเป็นหนึ่งกับภาพของเขาเหมือนกับภูเขาที่ผุดขึ้นมาจากพื้นโลกตั้งตระหง่าน
แรดเพชร ฮิปโปขาวอสูรที่ทำสัญญาก่อนนั้นพากันออกมาทีละตัวและสนับสนุนเขา
นางนวลสายลมที่ทำสัญญากับเขาไม่รู้ว่าลงมาอยู่บนหัวเจ้าอ้วนไห่ในรูปนกนางนวลตั้งแต่เมื่อใด นางใช้ปากจิกเจ้าอ้วนไห่เบาๆและลงมาบินรอบตัวเขาสามครั้งจากนั้นลงมาอยู่บนพื้นกางปีกเปลี่ยนเป็นร่างวิวัฒนาการใช้มือกดที่หัวใจของเจ้าอ้วนไห่เป็นการสนับสนุนเขา
“บางทีเจ้าอาจถูกบดขยี้เละในวินาทีต่อไปก็ได้รู้หรือไม่?” เจ้าอ้วนไห่หันกลับไปมองนางด้วยความจริงใจ
“ข้าไม่คิดเลยว่าฉลาดๆ อย่างข้าจะมาตายพร้อมกับเจ้าหมูโง่!” นางนวลสายลมถ่มน้ำลายพูดตามตรง
“เจ้าฉลาด แต่ก็เลอะเลือนได้ชั่วขณะ” เจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินก็เริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข
“น่าเสียดาย! มันสายเกินกว่าจะถอนสัญญาแล้ว...” นกนางนวลถอนหายใจเบาๆจากนั้นแบ่งพลังและความอดทนที่ยิ่งใหญ่จากโลกวิญญาณผนวกรวมพลังกับเจ้าอ้วนไห่ร่วมแบกรับพลังชะตาที่ครอบงำทุกสิ่ง
“ถ้าชาติหน้ามี ข้าจะปล่อยให้เจ้าตีไม่ว่าจะมีชาติหน้าหรือไม่!” เจ้าอ้วนไห่กัดฟันแน่นแบกรับพลังชะตามหาศาลเขาใกล้จะพังทลายพบกับความตายในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ เสียงของเขาเบามาก นกนางนวลรู้สึกตัวว่าชีวิตกำลังจะถูกทำลายภายใต้พลังเทพชะตาเมื่อใดก็ได้ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจนทำให้นางแทบหายใจไม่ออก นางใช้พลังอึดสุดท้ายตะโกนว่า “เจ้าหมูอ้วน เจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้าเป็นหนี้มาสองสามครั้งแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่ได้ใช้คืนก็ออกไปจากที่นี่ซะ!”
“.....” เจ้าอ้วนไห่รู้สึกคอแห้ง และตาร้อนผ่าวความในใจเหมือนกับจะหลั่งไหล่ออกมาราวกับน้ำหลาก
เขาหลั่งน้ำตา
โดยไม่รู้ตัว
เขาต้องการหันไปกอดนางและบอกนางว่าเขาเต็มใจเป็นหนี้นางตลอดไป
อย่างไรก็ตามคำพูดทั้งหมดจุกอยู่ที่ลำคอเขาไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ เขาหลั่งน้ำตาพรั่งพรูราวสายฝน ดื่มด่ำกับความรู้สึกผ่านการเชื่อมโยงทางใจที่ไม่มีทางระบายออกเขามีความสุขในช่วงเวลาขณะนั้น
ทันใดนั้นเจ้าอ้วนไห่ตัวสั่นและกำหมัดแน่น
ความรู้สึกตื้นตันจนหลั่งน้ำตาเปลี่ยนเป็นวิญญาณความปรารถนาต่อสู้ไม่มีที่สิ้นสุดเขาเงยหน้ามองฟ้าและคำรามเหมือนสัตว์ประหลาดยุคโบราณ
ร่างของเขาขยายอย่างรวดเร็ว สองเมตรสามเมตร ห้าเมตร สิบเมตร ยี่สิบเมตร...กล้ามเนื้อในร่างทั้งหมดสีเข้มแข็งราวกับหล่อขึ้นจากทองแดง มีขนปกคลุมร่างเขี้ยวเล็บงอกออกจากปากและนิ้วตาแดงก่ำกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดแบกรับพลังชะตาที่มีแรงกดดันหนักหน่วง เขาส่งเสียงคำรามและยืดตัวขึ้นทีละนิดมองไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
แม้ว่าจะมีพลังของเทพชะตากดลงที่แขนของมันซ้ำๆแต่สัตว์ประหลาดนี้กลับทนได้อย่างเหลือเชื่อ
มันยังมีความมุ่งมั่น
“กรรร กรรร!” เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดกึกก้องสะท้านโลก ภายใต้แรงกดดันของพลังชะตาพลังเพิ่มขึ้นสูงระดับห้าสิบเมตร และมันยกขึ้นได้ในระดับความสูงที่เท่าร่างของมันลำแสงเทพชะตา
สัตว์ประหลาดน่าเกลียดมีดวงตาสีแดงเลือดน่ากลัวแต่ในทันใดดวงตาของมันพลันอ่อนโยนชั่วขณะ
มันมองกลับมาที่นางนวลสายลมมองอย่างลึกซึ้ง
จากนั้นหันหน้ากลับไปอย่างมุ่งมั่น
หางของมันเสียงดังลั่นฝ่าอากาศหวีดหวิวฟาดใส่ร่างของนางนวลสายลมที่เปราะบางแทบจะทนไม่ได้กระแทกนางออกไปพ้นจากระยะพลังชะตาที่สัตว์ประหลาดน่าเกลียดแบกรับอยู่
“อั้ก!” นางนวลสายลมกระอักโลหิตกระเด็นไปราวกับว่าวขาดลอยร่วงลงในที่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร
“โฮกกกก!”ดวงตาของสัตว์ประหลาดกลับมาแดงกระหายเลือดมันหยิบคัมภีร์อัญเชิญที่ลอยอยู่ด้านล่างขึ้นมาเทินไว้บนศีรษะใช้หัวคอและไหล่แขนดันขึ้นเต็มแรงเส้นเอ็นเส้นเลือดบนร่างสัตว์ปูดโปนน่าเกลียดและเริ่มปริแตกทำลายด้วยความเร็วอย่างเห็นได้ชัดมองเห็นมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ภายใต้อย่างชัดเจนที่สั่นสะท้านถูกบดขยี้ขณะที่นกนางนวลสายลมส่งเสียงร้องโหยหวน ภายใต้สายตาของเย่คงแลพวกเสวี่ยทันหลางสัตว์ประหลาดน่าเกลียดขยายร่างสูงถึง 60 70เมตรและภายใต้แรงกดดันของพลังชะตาสัตว์ประหลาดน่าเกลียดนี้รับน้ำหนักได้ถึงร้อยเมตร
ร่างทั้งหมดสีแดงฉาน
นี่ไม่ใช่รูปร่างและผิวหนังแต่เป็นการย้อมเลือดลงบนผิวหนังหลังจากเส้นเอ็นเส้นเลือดปริแตกฉีกขาด
เหมือนกับว่ามีน้ำตกสีเลือดไหลออกมาจากสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์มันกัดฟันถือคัมภีร์อัญเชิญไว้ในฝ่ามือค้ำพลังชะตาที่มากกว่าร้อยเมตรด้วยความสามารถของตนเอง“ไม่ ไม่นะ” นกนางนวลสายลมกรีดร้องน้ำตาไหลพราก
นางพบว่าสัญญาถูกยกเลิก
เจ้าคนน่ารังเกียจเลือกเดินเส้นทางไปตามลำพังรับแรงกดดันในอากาศทิ้งให้นางไว้ตามลำพังตัวเองกลับท้าทายพลังชะตาอย่างโง่เขลา
ไม่!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการที่สุด!
เขาเป็นคนโง่โง่กว่านางเป็นร้อยเท่า แต่ทั้งที่นางฉลาดทำไมนางถึงไม่อาจยอมรับจุดจบอย่างนี้ได้?
“อย่าคิดว่าจะทิ้งข้าไว้คนเดียวง่ายๆนักสิ, เว้นแต่ข้ายินยอม เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธข้า เจ้าคนโง่!”นางนวลสายลมกางปีกกระพือพยายามบินกลับไปหาเขาเหมือนก่อนเพื่อเริ่มทำสัญญากับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างกระตือรือร้น
นางต้องการให้เขารู้ ว่าเขาปฏิเสธนางไม่ได้
ไม่มีสิทธิ์
มันเป็นเรื่องผิด
นางมักเป็นฝ่ายตัดสินใจเสมอ และความปรารถนาสุดท้ายของนางไม่ใช่รับการปกป้องจากเขา นางไม่ต้องการรอสัญญาชีวิตชาติหน้านางต้องการตอนนี้และตลอดไป
นางจะไม่ยอมรอ นางกลัวอนาคตที่คาดเดาไม่ได้
ก็เหมือนกับการทำสัญญาทั่วไปที่นางได้ทำสัญญาอย่างมีความสุข และนางไม่สบายใจกับการถูกหักหลังนางเหมือนเป็นผู้ปกครอง
แน่นอนว่าในครั้งนี้นางตัดสินใจว่าไม่ว่าอย่างไรในอนาคตนางจะไม่มีทางยกเลิกสัญญา นางต้องการให้เขารู้ว่าบางคนไม่สามารถเสนอให้ผ่อนปรนสัญญาได้ บางคนไม่สามารถแก้ปัญหาให้นางได้ นางต้องการเป็นสมบัติที่รักไปตลอดชีวิต!
อย่างไรก็ตาม
เวลานี้นางไม่รู้สึกว่ามีการตอบสนองอีกต่อไป
ต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิงไม่มีความประหลาดใจและความสุขใจรออยู่ ตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากความมืดมนเงียบสนิทเหมือนตายมองเห็นคัมภีร์อัญเชิญขนาดเล็กเมื่อเทียบกับอสูรอัปลักษณ์มีการเปลี่ยนรูปเล็กน้อยและเริ่มจางลงทีละน้อยและนางเห็นปีศาจอัปลักษณ์แบกพลังชะตามีเลือดทะลักออกมาตามตัวและตามหน้า เลือดปนน้ำตาไหลมาตามใบหน้าที่น่าเกลียดทันที...เห็นม่านตาสีแดงขยายตัวพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนเชื่อมโยงวิญญาณจริงนางนวลสายลมเข้าใจสามารถทำสัญญาได้โดยไม่ต้องรอให้เขาตอบสนอง
เพราะความอดทนและความรักของเขาทำให้เขาเคลื่อนหนีออกไป
วิญญาณของเขาหนีห่างออกไป
“ไม่, อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว!” นางร่ำไห้โหยหวนราวกับมีเลือดหยาดหยดในใจเจ็บปวดและสิ้นหวัง “ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำตัวดื้อดึงอีก เจ้ากลับมาเถิดมาทำสัญญากันใหม่ อย่าทิ้งข้าไว้แบบนี้ ข้าไม่มีคนที่ชื่นชอบอีกแล้ว ข้าไม่ต้องการคนรุ่นหลังอีกข้าต้องการเจ้าเท่านั้น ต่อไปข้าจะไม่ตีเจ้าอีก ข้าขอร้องเจ้า มาทำสัญญากันอีกครั้ง ข้าจะแบ่งปันชีวิตกับเจ้าอย่าทิ้งข้าไว้อย่างนี้ ข้าไม่ยอม!”