ตอนที่ 1295 มีเขา ย่อมมีทุกอย่าง!
ถูว่านกระทืบเท้ากับพื้น
แต่สิ่งที่แปลกคือไม่มีความรู้สึกว่าอะไรจมลงไปในพื้น แต่ร่างนั้นกลับมีแสงที่อธิบายไม่ได้และคนผู้นั้นยืดตัวขึ้นมาอีกครึ่งหนึ่งทันที
ถูว่านก้มหัวมองดูและพบว่าตนเองกำลอยวืดขึ้นไปเบื้องบน บุรุษเคราดำที่ควรจะถูกเหยียบย่ำเหมือนมดแมลงยังคงอยู่ปกติสุขเกิดอะไรขึ้น?
มังกรสองหัวราชินีว่านกูซูและคนอื่นมองดูด้วยความประหลาดใจ
มังกรปีศาจชี้นิ้วด้วยท่าทีสบายๆ ไปที่อีกคนที่กำลังอาละวาดบ้าคลั่ง ถูว่านโกรธจัดอาละวาดไล่เหยียบเขาด้วยความโมโหแต่การเคลื่อนไหวมืออย่างอิสระราวกับจิตรกรที่ชำนาญสะบัดพู่กันวาดภาพที่ต้องการ
ถ้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง
ต่อหน้าต่อตาของผู้ชมดูทุกคน
อย่างนั้นคงยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ด้วยวิธีนี้ทำเอาทุกคนตกตะลึงค้างไปสามวินาทีเงียบไปทั้งโลก ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร?
แต่ว่า
ฉากภาพที่น่าอึดอัดอับอายเกิดขึ้นทันที
เพียงแต่ตอนนี้ถูว่านที่อยู่ด้านบนหัวทิ่มลงมาข้างล่าง
ขณะที่หัวอยู่ล่างเท้าชี้ฟ้าตัวคนก็ร้องลั่นถูว่านหัวทิ่มพื้นด้านนอกลานบูชายัญมีแต่เท้าทั้งสองโผล่ชี้ฟ้าออกมาข้างนอก บางทีเขาคิดว่าท่านี้ยังไม่เหมาะสม หรืออาจมีช่องว่างในการแก้ไขได้ อย่างไรก็ตามมังกรปีศาจเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
เขาเอื้อมมือจับข้อเท้าถูว่านอย่างไม่ใส่ใจนัก
นี่คือนักสู้ระดับเทพ
แต่ถูกดึงออกมาจากพื้นราวกับถอนหัวไชเท้า
เขาดึงถูว่านออกมาจากดินขึ้นไม่รอให้ถูว่านได้แสดงออกอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นประท้วงโกรธเคือง อ่อนแอ หรือให้ความร่วมมืออย่างกระตือรือร้นในท่ามกลางสายตาของทุกคนมังกรปีศาจจับถูว่านปักหัวลงไปในดินอีกครั้งอย่างไม่เกรงใจ
ถูว่านเท้าชี้ฟ้าดิ้นไม่หยุดและดูเหมือนจะตะโกนด่าว่าอะไรบางอย่าง
แต่มันเร็วเกินไป
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครได้ยินชัด
แน่นอนเพราะว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญทุกคนไม่สนใจ
“น่าเบื่อจริงๆ!”
มังกรปีศาจดูเหมือนจะพอใจการทำงานหนักปลูกหัวไชเท้าของเขาปกติเขามักเป็นคนเกียจคร้าน ยากนักที่จะยอมทำงานหนัก
แม้ว่าท่าปัจจุบันของถูว่านจะทำให้เขาขัดใจบ้างเล็กน้อยแต่เขาคิดว่าต้นหอมหัวใหญ่อยู่ในท่านี้ เป็นท่าที่ดีที่สุดของอีกฝ่ายแต่น่าเสียดายที่สภาพปัจจุบันมีเวลาจำกัดต้องรีบเร่งและสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เขาจึงทำเท่าที่ทำได้และได้แต่ส่ายหน้า ปัดฝุ่นที่มือและแขนเสื้อไม่เหลือเศษธุลีดินติดแขนเสื้อ
เขาทำอย่างสบายๆ
มีประโยชน์
มังกรสองหัวกู่อั๋ง ว่านกูซูปีศาจหมีดำและปีศาจหมูป่ามองภาพข้างหน้าปากอ้าค้าง
เด็กปีศาจหนุ่มผู้ดื้อรั้นสะบัดไล่ความมึนงงในแววตานัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยแววศรัทธาราวกับพบเจอศาสดาของตนเองเขาตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก
เด็กหนุ่มผู้มักมีการกระทำที่ก้าวร้าวหยิ่งลำพองอาจกล่าวได้ว่าตลอดชีวิตของเขานี้ได้ทำสิ่งน่ากลัวมากมายเรียกว่าแทบจะทั้งชีวิตแต่บุรุษที่ทำตัวธรรมดาแต่เล่นงานนักสู้ระดับเทพได้อย่างง่ายดายด้วยความเยือกเย็นเขารู้สึกว่าพฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้
เขาไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อน
เขาอ่อนแอมากจริงๆ!
เพราะการแสดงฝีมือของผู้อาวุโสมังกรปีศาจ
บุรุษยโสจอมห้าวถึงกับคลั่งไคล้ฝีมือของเขาโดยไม่ต้องคิดอะไร
เมื่อถูว่านนักสู้ระดับเทพตะเกียกตะกายคลานออกมาจากฝุ่นสกปรกด้วยอาการมึนงงการเคลื่อนไหวของมังกรปีศาจยังไม่จบสิ้นเขาใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบนักสู้ระดับเทพไม่หยุดและเหยียบหน้าของเขาโดยตรงพลางถอนหายใจ “ช่างเป็นใบหน้าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!” ขณะที่เขาใช้นิ้วอีกข้างแคะหูข้างซ้าย “ยังไม่มากพอให้ข้าแสดงความจริงใจได้!” เขาเปลี่ยนเป็นแคะหูข้างขวาอยู่นานในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายและป้ายนิ้วที่จมูกถูว่านพลางขอโทษ “น่าเสียดาย เท้าข้าไม่พอเหยียบ....”
“ข้ามี ข้าจะร่วมด้วย” เด็กหนุ่มผู้ใจร้อนยกมือ ถ้ามีทรัพยากรไม่พอ เขามีพอและขอเสนอตัว
เขาวิ่งเข้ามาได้สองสามก้าว
เขากระตือรือร้นมือซ้ายขวาแคะขี้หูและเอาออกมาอวดต่อหน้าถูว่าน “ถ้าไม่พอ ของข้าก็มีเจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าก็ได้!”
ถูว่านโกรธจนปอดแทบระเบิด
อวัยวะภายในของเขาปั่นป่วนหรือ?
เขาแทบจะกระอักโลหิตออกมาสามลิตร ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว!
อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจดีขึ้นเล็กน้อยหากมีใครบางคนในโลกนี้ที่สามารถเหยียบยอดฝีมือระดับเทพด้วยฝ่าเท้าโดยที่เขาไม่มีพลังจะดิ้นรนไม่ว่าอีกฝ่ายทำอะไรก็ไม่ควรจะโกรธเกินไป... เคารพความแข็งแกร่งในเมื่อทักษะฝีมือด้อยกว่า การยอมจำนน ยอมแพ้ ทำตัวเป็นเหมือนหลานชายนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“โอว ไม่ถูกต้อง มังกรมังกรปีศาจไม่ใช่คนผู้นั้นกระมัง..” จู่ๆมังกรสองหัวก็นึกถึงความทรงจำเก่าๆ ที่ทำให้เขาตัวสั่น
“เจ้าว่าอะไรนะ?” จากเสียงเตือนของเขาว่านกูซูและคนอื่นล้วนหันหัวมองตาม
“ตุ้บ!”ปีศาจหมีดำและปีศาจหมูป่าคุกเข่ากับพื้นด้วยความหวาดกลัวพร้อมกัน
แน่นอนว่าไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่กลัวจนปัสสาวะแทบราด
ยังรวมถึงถูว่าน
หากตอนนี้ไม่มีใครเหยียบเขาอย่างน่าสมเพชเขาก็อยากจะคุกเข่าขอความเมตตาอย่างปีศาจหมีดำและปีศาจหมูป่า
ชื่อของมังกรปีศาจไม่ได้ยินมาในแดนสวรรค์บนมาหลายปีแล้ว มังกรปีศาจผู้นี้ไม่ได้อยู่ในแดนสวรรค์บนมานานเป็นแสนปีแล้ว
จู่ๆเขาก็มาปรากฏตัวข้างหน้าหากไม่ใช่ของปลอมจะให้เข้าใจว่าอะไร?
ตาย ทำลาย
หรือล่มสลายไปพร้อมกับโลกทั้งโลก
บางทีสถานการณ์อาจไม่แย่นักแต่หลังจากรู้ว่าคนมีเคราที่อยู่ข้างหน้าเป็นใคร สีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครคิดว่าการเป็นศัตรูกับบุรุษผู้มีนามว่ามังกรปีศาจจะเป็นเรื่องดีในชีวิต ในทางตรงกันข้ามเขาเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความน่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลกและโศกนาฏกรรม ต่อให้เป็นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ยกเว้นการตอแยอสูรร้ายตนนี้ย่อมมีผลลงเอยที่ไม่สวย
คนผู้นี้น่ากลัวมากมายขนาดไหนเขาหลับอยู่ในผนึกมานานและมายังหอทงเทียนได้อย่างไร?
นอกจากนี้ฟังจากน้ำเสียงของเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นพี่ใหญ่ของเย่ว์ไตตันหรือเปล่า?
“น่าสนใจดูเหมือนว่าหอทงเทียนและกลุ่มของเขาจะอยู่กันที่นี่จริง!” ในบรรดาผู้ชมทั้งหมดมีเพียงปีศาจจากเผ่าเก้าหัวที่ยังมีสีหน้าเหมือนเดิมพวกเขายิ้มลึกลับที่มุมปาก
บันไดสวรรค์ โลกพฤกษา
ที่บันไดขั้นที่ล้านเย่ว์หยางรู้สึกถึงการสนับสนุนจากทุกคนได้ จิตใจของเขาพลุกพล่าน
เขาตะโกนก้องฟ้า “ยักษ์ชะตาหนึ่งกิโลเมตร ข้าจะต้องควบคุมเจ้าให้ได้ด้วยมือของข้า ถึงตอนนี้ข้าจะรับภาระเอง ข้าเย่ว์หยางเย่ว์ไตตันแห่งหอทงเทียนจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแน่นอน นั่นคือความรับผิดชอบของข้า!”
ดูเหมือนว่าหลังจากได้ยินเสียงจากหัวใจของเย่ว์หยางมือวิเศษที่มองไม่เห็น ใช้พลังวิเศษและแยกพลังชะตาขนาดกิโลเมตรอย่างสมบูรณ์วางไว้บนไหล่ของเย่ว์หยาง แต่น่าเสียดายแม้ว่าเย่ว์หยางจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ความอดทนของเขาเป็นเพียงภาพสะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของร่างกายเขาเท่านั้นและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณนักสู้ ความปรารถนาและกำลังใจ
พลังของยักษ์ชะตาขนาดกิโลเมตร
วางลงบนไหล่
ทั้งร่างเย่ว์หยางทรุดลงทันที
เขาไม่สามารถอยู่บันไดขั้นที่หนึ่งล้านได้ต่อไปร่างของเขาพุ่งลงไปดุจดาวตกเหมือนกับเทพธิดาประกายจันทรา
จื้อจุนไม่สามารถจะไล่ตามได้ทันไม่ว่าจะไล่ตามอย่างไตก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงขั้นที่ล้าน ขั้นที่ห้าแสน ขั้นที่แสนหรือแม้กระทั่งขั้นที่หมื่นเย่ว์หยางที่แบกรับพลังชะตาหนึ่งกิโลเมตรยังยืนทนแบกไม่ไหว เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนักและพยายามทำให้ดีที่สุด เขาต้องการจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองและไปต่อยังจุดพักทุกก้าวที่เขาเคยพักแต่นี่เป็นเพียงความตั้งใจปรารถนาระดับล้านขั้นไม่สามารถอยู่ได้นานถึงเสี้ยววินาที เมื่อเขาล้มลงมาถึงระดับขั้นที่ห้าแสน เขาต้องดิ้นรนอีกครั้งแต่อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวินาที เขาก็กลิ้งลงมาอีก
ขั้นที่แสนอยู่ได้เพียงหนึ่งวินาทีแต่ก็แค่หนึ่งวินาที
ขั้นที่หมื่นเขาแบกรับได้เต็มที่สิบวินาทีร่างกายก็ทนไม่ได้ยังคงร่วงต่อไป
ขั้นที่พัน ขั้นที่ร้อย ขั้นที่สิบและในที่สุดเขาร่วงกลับไปที่ชั้นจุดเริ่มต้นของบันไดสวรรค์โลกพฤกษาจุดเดียวกับเทพธิดาประกายจันทรา
จื้อจุนยังคงไล่ตามลงมาอย่างรีบเร่งแต่เวลาไม่เพียงพอ เย่ว์หยางนอนอยู่บนพื้นและมีภาพยักษ์ชะตายืนอยู่บนท้องฟ้าราวกับภูเขามองดูราวกับพระยูไลวางพระหัตถ์ลงบนไหล่ของซุนหงอคง มีน้ำหนักมากไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนไหว แม้แต่กระพริบตาก็ยังรู้สึกว่ายากลำบากมาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเขาประเมินพลังของชะตาและความสามารถในการแบกรับภาระของตนเองผิดไป...ก่อนหน้านี้เทพธิดาประกายจันทรานับเป็นเทพที่ทรงพลัง นางแบกรับพลังชะตาร้อยเมตรยังร่วงลงมาเหมือนดาวตก ตอนนี้เขาแบกหนึ่งกิโลเมตรดูเหมือนว่ามากเกินไปบ้าง
แต่ถ้าเขาไม่แบกไว้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามสัญญา
การท้าทายชะตาไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน
เย่ว์หยางตัดสินใจกัดฟันก็แค่ในตอนที่ซุนหงอคงแบกภูเขา ยังแบกนานถึงห้าร้อยปี เขามีเวลาไม่ถึงสามวันถ้ายังใช้ไม่ได้ก็จะเสียเวลาเปล่า
“เฮ้,นั่นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้มีความหมายต่อหอทงเทียนไม่ใช่หรือ?ท่านี้ดูหล่อเท่ห์จริงๆ!” หญิงสาวคนหนึ่งถือดาบเทพพยัคฆราชเดินเข้ามาหาและมองดูร่างเย่ว์หยางที่นอนอยู่บนพื้น เมื่อเย่ว์หยางพบว่าที่จุดเริ่มต้นเดิมบันไดสวรรค์นี้หญิงสาวกลุ่มใหญ่มาถึงแล้วทุกคนมองดูตัวเขาและหัวเราะขบขัน บุรุษผู้มีหน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองไม่ได้รู้สึกอายเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามทบทวนบทเรียนอีกครั้ง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่!
อย่างไรก็ตามเพราะมุมมองของเย่ว์หยางมองเห็นแม่เสือสาวเหมือนไม่มีอะไรปิดบัง (ตาทิพย์)
ในมุมมอง 90 องศายังดูดีกว่ามุมมอง 45องศา
แม้ว่าเด็กหนุ่มจากโลกอื่นเคยฝึกฝนมาทุกรูปแบบแต่ภายใต้สายตาพิเศษเขาแทบเกิดอาการเลือดกำเดาทะลัก และเย่ว์หยางที่มองผิวเผินนอนอยู่บนพื้นเหมือนตายภายใต้แรงกดดันของพลังยักษ์ชะตายังอดมองโลกในแง่ดีไม่ได้
“ยังมีพลังมากมายเหลือเฟือดูเหมือนว่าการเพิ่มพลังแห่งชะตาให้สูงพันเมตรนั้นไม่เป็นปัญหา!” นางเซียนหงส์ฟ้าใช้สัญชาตญาณตรวจเจอจุดสำคัญและคำพูดของนางทำให้เย่ว์หยางอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นมิได้
“ฮ่าฮ่า!”สาวงามทั้งใหญ่ทั้งน้อยมองดูเขาแล้วอดหัวเราะไม่ได้
เงาแห่งความตายหลังจากการรุกรานของแดนสวรรค์การบีบบังคับที่มองไม่เห็นซึ่งนำโดยคนที่มีพลังมากมายจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เช่นตงฟาง, ราชันย์ไร้ใจและเจ้าตำหนักสูงสุดและนักสู้อื่นๆที่บีบบังคับกดดันจนแทบหายใจไม่ออก เสียงหัวเราะร่าเริงนี้ค่อยๆห่างออกไปเรื่องยๆ ตราบใดที่มีเขาอยู่ด้วยพวกนางจะมีความมั่นใจเย้ยฟ้าท้าดิน สู้กับทุกอย่างในโลกรวมทั้งโชคชะตา
มีเขาอยู่เคียงข้าง
ก็มีความมั่นใจ มีทุกอย่าง!