NH-ตอนที่ 55 เวลาไม่คอยคนแม้แต่ดวอร์ฟ
“นี่คือเหตุผลที่พวกเราหาพวกมันไม่เจอสินะ” โบเรียส กล่าวพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “พวกโคโบลด์พวกนี้ก็ช่างเลือกสถานที่ในการสร้างรัง”
พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ทางเข้าถ้ำที่มีนักรบโคโบลด์ 3 ตัวยืนคุ้มกัน
พวกมันเป็นเพียง มอนสเตอร์ระดับ 1 และ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อทีมของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ปัญหาในตอนนี้ก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับ โคโบลด์ จำนวนเท่าใด
โดยปกติแล้วรังของพวกโคโบลด์จะประกอบไปด้วยโคโบลด์หลายพันตัว ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์ และมีหน้าตาเหมือนกับสุนัขปีศาจแพร่พันธุ์ได้ในอัตราที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก
ในตำนานเล่าว่าพวกมันมีสายเลือด ดราโคเนี่ยน ไหลผ่าน ซึ่งบางครั้งจะนำไปสู่การถือกำเนิดของ โคโบลด์ดราโคนิค ซึ่งพวกมันจะปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ด้วยความเคารพ
คนแคระวัยกลางคนที่ชื่อ เนฟเรียล เป็นหัวหน้าที่ได้รับมอบหมายของคณะสำรวจนี้ ซึ่งมันทำให้ ลุกซ์ ประหลาดใจ
ลุกซ์ มีความรู้สึกอยู่แล้วว่า เนฟเรียล เป็นคนสำคัญ แต่เขาไม่คิดเลยว่า กัปตันไรเดอร์นอร์เรีย จะมอบอำนาจสั่งการให้แก่ชายวัยกลางคนอย่างเต็มที่ในภารกิจช่วยเหลือนี้
เนฟเรียล เล่นกับเคราของเขาในขณะที่เขาชั่งน้ำหนักตัวเลือกของเขาในตอนนี้ เพราะกำลังเสริมจากนอร์เรียกำลังเดินทางมา ตามการประมาณการของเขา พวกเขาควรจะมาถึงในอีก 1 วัน
เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของ โรบินเท่านั้น แม้ว่าการรอจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าสภาพในปัจจุบันของโรบินเป็นอย่างไร เขากลัวว่าหากพวกเขารออีกวัน พวกโคโบลด์อาจจะทำอะไรกับเด็กคนนั้น
หากโรบินเสียชีวิตในภารกิจนี้ ผลที่ตามมาคือสิ่งที่ เนฟเรียลและฐานที่มั่นนอร์เรียไม่สามารถแบกรับได้
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาจะต้องช่วยโรบินให้ได้!
“พวกเราไม่สามารถใช้พาหนะข้างในได้” เนฟเรียล กล่าวหลังจากพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว “ดังนั้นพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเท้า ปัญหาเดียวก็คือ รังของโคโบลด์ใหญ่เป็นอย่างมาก พวกเราคงใช้เวลาพอสมควรในการค้นหาตำแหน่งของโรบิน”
คนแคระผงกหัวพร้อมกัน
ในทางกลับกัน ลุกซ์ ขมวดคิ้วแน่น เขาเข้าใจว่าลำดับความสำคัญของพวกเขาคือการช่วยโรบิน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการความช่วยเหลือ
เพราะสำหรับเขาแล้ว สิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือการช่วยเหลือโคเล็ตต์ แมทตี้ แอนดี้ และ อาเซล เขาได้จัดลำดับความสำคัญของคนแคระเหล่านี้มากกว่าโรบิน
ลุกซ์ เปิดหนังสือบันทึกที่ยิ่งใหญ่แห่งเอลิเซียม และ ใช้สแกนตำแำหน่งของเด็ก ๆ ในรังของโคโบลด์
โคเล็ตต์,แมทตี้ และ อาเซีล ดูเหมือนจะอยู่ในที่เดียวกัน ในขณะที่ โรบินและแอนดี้อยู่ที่อื่น
กลุ่มของโคเล็ตต์ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรัง ในขณะที่กลุ่มของโรบินอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลุกซ์ รู้ว่าถ้าเขาบอกออกไปว่า โรบินอยู่ที่ไหน พวกเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากกว่าคนแคระเด็กคนอื่นๆ
ในขณะที่พวกเขากำลังคิดว่าจะทำอะไรอย่างต่อไป เขาก็สังเกตุเห็นว่าสถานะของโรบินนั้นเปลี่ยนไป ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวกับโรบินระบุไว้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่กี่วินาทีต่อมา สภาพของแอนดี้ก็เปลี่ยนเป็นบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน
นี่หมายความว่าพวกเขากำลังถูกพวก โคโบลด์ทำร้าย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ ลุกซ์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจทำเรื่องสำคัญในตอนนี้
ขณะที่คนแคระกำลังโต้เถียงว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ลุกซ์ ก็กระแอมไอออกมา
“ผมรู้ว่าโรบินอยู่ส่วนไหนภายในรัง” ลุกซ์ กล่าวพูดขึ้นทันที
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนหยุดพูดและมองมาที่เขา
“นอกจากนี้เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส” ลุกซ์กล่าวอธิบาย “ถ้าไม่รีบเข้าไป เกรงว่าคงจะไม่ทันการแล้ว”
“แล้วจะมัวรออะไรอยู่อีก!” เนฟเรียล กล่าวออกมาอย่างรีบร้อน “ไอ้หนู ถ้าโรบินได้รับการช่วยเหลือ นายจะได้รับการตอบแทนอย่างมหาศาล ดังนั้นรีบบอกทางพวกเรามาได้แล้ว”
อย่างไรก็ตาม ลุกซ์ กลับส่ายหัวและมองไปที่ เนฟเรียล อย่างจริงจัง “ผมจะช่วยคุณตามหาโรบินแต่มีเงื่อนไข พวกคุณทุกคนจะต้องสาบานต่อเทพธิดาแห่งผืนดินว่าจะช่วยชีวิตโคเล็ตต์และคนอื่นๆด้วย”
เนฟเรียล หรี่ตาลง เขาเป็นทหารผ่านศึกและเมื่อเห็นการแสดงออกของ ลุกซ์ เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด
“พวกเขาไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน?” เนฟเรียล กล่าวถามทันที นี่เป็นข้อสรุปเดียวที่เขาสามารถเข้าใจได้ว่าทำไม ลุกซ์ ถึงขอให้พวกเขาสาบานต่อเทพธิดาของพวกเขา
ลุกซ์ พยักหน้า “โคเล็ตต์และเพื่อนๆของฉันอยู่ในส่วนลึกสุดของรัง ส่วนโรบินและแอนดี้อยู่ตรงกลาง อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่บอกตำแหน่งของพวกเขาหากพวกคุณไม่สาบานต่อเทพธิดาแห่งผืนดินเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆของผม”
“ไอ้หนู นายคิดว่าพวกเราเป็นลูกน้องของนายงั้นหรือไม่?” คนแคระคนหนึ่งกล่าวพูดด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่
“นายคิดจริงๆ หรือว่าพวกเราไม่มีทางทำให้นายง้างปากพูดออกมาได้?” คนแคระอีกคนก็จ้องมองไปที่ ลุกซ์เช่นเดียวกัน “หากนายกล้าที่จะปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะถลกหนังนายทั้งเป็น”
ลุกซ์ ไม่ได้สะทกสะท้านขณะที่เขามองไปที่ เนฟเรียล แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักสถานะที่แท้จริงว่าโรบินเป็นใคร แต่เขาสามารถบอกได้เมื่อดูจากการแสดงออกของไรเดอร์จากนอร์เรียเหล่านี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของโรบินเหนือสิ่งใด นี่ก็หมายความว่าโรบินเป็นคนสำคัญมากสำหรับพวกเขา!
ดังนั้น ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มจึงคิดใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องต่อรองกับพวกเขา
‘ในเมื่อพวกนายกล้าข่มขู่ฉัน ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะข่มขู่พวกนายกลับ’ ลุกซ์ครุ่นคิด ‘พวกนายไม่ใช่คนเดียวหรอกนะที่รู้วิธีเล่นสกปรก’
ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม ได้เผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานมาทั้งชีวิต และ เคยชินกับความเจ็บปวดแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นคนที่มีอำนาจเหนือกว่า เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้ประโยชน์จากมัน หากพวกไรเดอร์จากนอร์เรียปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ โคเล็ตต์ และ คนอื่น ๆ เขาก็จะไม่ช่วยเหลือพวกเขาเช่นเดียวกัน
“หากพวกคุณจะถลกหนังผมก็เอาเลย” ลุกซ์ ตอบกลับ “อย่างไรก็ตาม ผมบอกพวกคุณไปแล้วว่าโรบินได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครจะไปรู้หลังจากพวกคุณถลกหนังผมเสร็จ เขาก็อาจจะเดินทางไปสู่ชีวิตหลังความตายแล้ว”
คนแคระที่พูดข่มขู่ ลุกซ์ ก่อนหน้านี้ สีหน้าของเขาได้กลายเป็นโกรธเคืองทันที ในการต่อสู้ชิงไหวพริบ ผู้ที่ยอมถอยก่อนก็คือผู้แพ้ และ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม ไม่มีความตั้งใจที่จะแพ้ เขาให้สัญญากับเฮเลนไว้ว่าจะช่วย โคเล็ตต์ และ คนอื่นๆ และเขาคิดว่าถ้าเขาปล่อยให้อีกฝ่ายข่มขู่อยู่เช่นนี้ พวกคนแคระเหล่านี้จะคิดว่าเขารังแกง่าย
“หืม…ดูเหมือนว่าโรบินจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักมาก ผมคิดว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 5 นาที” ลุกซ์ กล่าวพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนนี้ทุกคนที่ล้อมรอบเขาล้วนมีสีหน้าที่จริงจัง อันที่จริง ลุกซ์ แค่โกหก เพราะสถานะของโรบินและแอนดี้ ขึ้นว่าแค่บาดเจ็บสาหัส แต่เขาต้องการทดสอบดูว่าโรบินมีความสำคัญต่อพวกคนแคระเหล่านี้มากเพียงใด
พิจาณาจากคำพูดของเขา หากอธิบายเป็นคำพูด มันก็ไม่ต่างไปจากการ - แบล็กเมล์
ใช่แล้ว ลุกซ์ คิดจะแบล็กเมล์เพื่อบังคับให้พวกคนแคระสาบานตนว่าจะไม่ทอดทิ้งเพื่อนของเขาหลังจากที่ช่วยโรบินออกมาจากพวกโคโบลด์ได้แล้ว
“ไอ้หนู นายกำลังพูดโกหก” เนฟเรียล กล่าวออกมาพร้อมกับขบฟันแน่น
ลุกซ์ ยักไหล่ขณะที่เขามองไปที่คนแคระที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาอาฆาต “พวกคุณจะรู้ว่าผมโกหกหรือไม่ก็แค่รอหลังจาก 5 นาทีผ่านไป ถึงตอนนั้นมันก็คงจะสายเกินไปสำหรับพวกคุณแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าโรบินเป็นใคร แต่ดูจากสีหน้าของพวกคุณแล้ว เขาจะต้องเป็น ‘บุคคลสำคัญ’ อย่างแน่นอน”
“พวกคุณพร้อมรับผลที่ตามมาหากเขาตายในสถานที่แห่งนี้ได้หรือไม่? ขอบอกไว้ก่อนชีวิตและความตายของเขาไม่ได้มีความหมายสำหรับผม เอาล่ะ เชิญพวกคุณตัดสินใจกันเอาเองเถอะ”
“จะสาบานว่าจะช่วยเพื่อนของผมอย่างสุดความสามารถ และ ไม่ทำร้ายพวกเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งพร้อมกับส่งพวกเรากลับไปที่หมู่บ้านลีฟอย่างปลอดภัย หากคุณไม่ปฏิบัติตามข้อสาบานเหล่านี้ ก็ขอให้จิตวิญญาณของพวกคุณถูกสาปแช่งโดยเทพธิดาแห่งผืนดิน ทำให้ฐานที่มั่นทั้งหมดของนอร์เรียประสบเคราะห์ร้าย เช่นเดียวกับลูกหลานของพวกคุณ 7 ชั่วอายุคน พวกเขาจะถูกสาปเช่นเดียวกัน”
“ไอ้หนู แกกล้า!!!” คนแคระคนหนึ่งคำรามออกมา เขากำลังจะทุบหัวของลุกซ์ด้วยค้อน แต่คนแคระคนอื่นๆ กลับหยุดไม่ให้เขาก้าวออกมาจากตำแหน่งของเขาแม้แต่ก้าวเดียว
“นี่คือเหตุผลที่ฉันเกลียดคนจากเผ่าพันธุ์อื่น” คนแคระอีกคนถ่มน้ำลายลงบนพื้น “เป็นเพราะไอ้เวรพวกนี้มันเรื่องมากยังไงล่ะ”
ลุกซ์ ยังคงเมินเฉยต่อคำพูดและสายตาของคนแคระเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เฮเลน กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เธอยังเด็กและไร้ประสบการณ์ ดังนั้นเผชิญหน้ากับสายตาของพวกผู้ใหญ่ มันจึงทำให้ร่างเล็กๆของเธอสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
ลุกซ์ สังเกตุเห็นสิ่งนี้ และ ย้ายไปยืนอยู่ข้างหน้าเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเห็นสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังที่โยนมาทางพวกเขา
“พวกคุณไม่ละอายใจกันบ้างหรือยังไง?” ลุกซ์ กล่าวพูดด้วยความรังเกียจ “รังแกคนในเผ่าพันธุ์เดียวกันเพียงเพราะเธอต้องการช่วยเพื่อนๆของเธอ? ถ้าพวกคุณไม่ต้องการไป พวกเราจะไปด้วยตัวเอง พวกคุณสามารถรออยู่ที่นี่จนถึงพรุ่งนี้ได้ถ้าพวกคุณต้องการ แต่ผมบอกตรงนี้เลยว่า ถึงตอนนั้นมันก็คงจะสายเกินไป ไปกันเถอะ เฮเลน”
ลุกซ์ จับมือของเด็กสาว แล้วหันไปพาเธอออกจากกลุ่มของคนแคระ เขาพูดอย่างจริงจังว่าเขาจะไปคนเดียวถ้าจำเป็น แต่โชคดีที่มีมือหนึ่งคว้าแขนของเขาเอาไว้ สิ่งนี้ทำให้ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม ถอนหายใจออกมา เพราะเขารู้ว่าเขาชนะการเดิมพันในครั้งนี้
“ตกลง พวกเราจะสาบาน” เนฟเรียล กล่าวพูดพร้อมกับกัดฟันแน่น
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ขัดต่อความต้องการของเขา แต่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น โรบินนั้นมีค่าสำหรับฐานที่มั่นนอร์เรีย และ การเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจจะส่งพวกเขาทั้งหมดไปลานประหารหากพวกเขาไม่สามารถพาอีกฝ่ายกลับมาได้อย่างปลอดภัย
ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มหันกลับมาและจ้องกลับไปที่ เนฟเรียล ซึ่งดวงตาของเขาเผยแววเจตนาฆ่าที่รุนแรงออกมา
“รีบกล่าวคำสาบานเถอะ พวกเราจะได้รีบไปช่วยชีวิตคน” ลุกซ์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้านหลังจากเห็นสายตาอาฆาตของ เนฟเรียล “เวลาไม่คอยคนแม้แต่ดวอร์ฟก็เช่นกัน”