ตอนที่ 986 ไหนบอกพ่อมาทีสิว่า ลูกได้หมดเงินกับดาราคนนี้ไปทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว?
หวัง จงโฮ่ว พูดไม่ออกจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้เข้าไปในห้องของลูกสาวของเขา เพื่อค้นหาความจริง เขาเองก็ยังคงไม่รู้ว่าลูกสาวของเขากำลังใช้เวลาไปกับเรื่องแบบนี้!
เมื่อก่อนลูกสาวของเขาเป็นคนชอบเรียนหนังสือมาก แต่.. หลังจากเธอได้วิ่งไล่ตามดารา คาดไม่ถึงเลยว่า.. แม้แต่การเรียนหนักสือ เธอก็ไม่แม้แต่จะสนใจ เธอ.. เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอุทิศชีวิตให้กับการทำข้อมูลให้กับ หัว อี้อู่ พี่ชายของเธอ!
ถ้าไม่ใช่ลูกสาวเป็นคนบอกกับเขาด้วยตนเอง เขาเองก็คงยังไม่รู้ว่าการทำข้อมูลมันคืออะไร ที่แท้การทำข้อมูลก็คือการปลอมแปลงทราฟฟิก (Traffic) มันก็อย่างดาราบางคนเดิมที่มีผู้ติดตามเพียงสิบคน ถ้าตามปกติดาราคนนี้ถูกโพสต์ลง เวยป๋อ แฟนคลับแต่ละคนก็จะต้องเข้าไปคอมเมนต์ มันก็จะได้เพียงแค่สิบคอมเมนต์ แต่เพื่อสร้างลุคที่ราวกับว่าดาราคนนี้ดังมาก แฟนคลับแต่ละคนก็จะต้องมีหลายสิบบัญชี เพื่อที่จะสามารถปั่นคอมเมนต์ให้ไปได้ถึง 1,000!
ขณะที่แฟนคลับเหล่านี้ ..ที่ทำเรื่องพวกนี้ลงไปโดยไม่ได้เงิน นั่นก็เพราะพวกเขาเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ทำมันด้วยความสมัครใจ เหตุผลก็คือพวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถปล่อยให้พี่ชายของพวกเขา ถูกหัวเราะเยาะได้.. เพราะหากข้อมูลออกมาไม่น่าดูจริงๆ ก็จะมีคนเข้ามาหัวเราะเยาะพี่ชายของพวกเขา
“สมองพิการจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกชาวเน็ตต่างพูดว่าคนที่วิ่งไล่ตามดาราส่วนใหญ่ก็คือพวกพิการทางสมอง และยิ่งการที่พ่อมาได้ยินสิ่งที่ลูกพูดออกมาแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เข้าใจอย่างแน่ชัดจริงๆ ว่าลูก มันสมองพิการไปแล้ว!” หวัง จงโฮ่ว ได้พูดออกมาด้วยความโกรธ
หวัง เสี่ยวหนี๋ ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ..ไม่กล้าโต้แย้งอะไร
มาตอนนี้ยิ่ง หวัง จงโฮ่ว ได้พูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น : “นี่ลูกหมายความว่าอย่างไร.. ที่ว่ากลัว ‘พี่ชาย’ จะถูกหัวเราะเยาะ? พ่อว่ามันเป็นแฟนคลับอย่างพวกลูกนี่แหละที่กลัวจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ! เพราะพวกลูกคิดว่าตัวเองเป็นแฟนคลับของดาราที่โด่งดังมาก , และถ้าดาราคนนี้ ถูกคนอื่นพูดในทางเสื่อม พวกลูกเองก็จะรู้สึกเสียหน้ามาก ดังนั้นเพื่อรักษาความรู้สึกที่เหนือกว่า พวกลูก.. จึงได้ยินดีที่จะรวบรวมข้อมูล และชักนำมันมาเป็นแรงจูงใจ!”
“มาตอนนี้ พ่อมั่นใจมากว่า แฟนคลับอย่างพวกลูก ต่างก็ได้ถูกล้างสมองไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘วัฒนธรรมของแฟนคลับ’ การเปรียบเทียบกันไปมา การดึง และการเหยียบหยามกัน และสุดท้ายแล้ว ก็ได้เข้าสู่วงจรอุบาทว์! บอกว่าเพื่อรักษาหน้าดาราที่ตัวเองรัก มันกลับเป็นว่าเพื่อรักษาหน้าของตัวเองมากกว่า! ยอมเข้าไปปลอมแปลงกระแส เรื่องนี้พ่อสงสัยด้วยซ้ำว่า ทีมงานของดาราคนนี้ กําลังหวังที่จะใช้ประโยชน์ทางจิตวิทยากับพวกแฟนคลับโง่ๆ อย่างพวกลูกนี่ยังไง! พวกลูกไม่คิดบางหรือยังไงว่า พวกเขาเองอาจจะจงใจหากองทัพเรือเข้ามาแกล้งทำเป็นโรยผงสีดํา *(พวกแอนตี้แฟน) และจงใจพูดว่าร้ายต่างๆ นาๆ จนทำให้ดาราคนนั้นถูกหัวเราะเยาะ แต่ผลที่ดีกว่านั้นก็คือ ทำให้พวกลูกที่เป็นแฟนคลับสมองพิการ มีแรงจูงใจที่มากขึ้นในการทำข้อมูล!” หวัง จงโฮ่ว ได้ทำการวิเคราะห์ และพูดมันออกมา
หวัง จงโฮ่ว รู้สึกว่าการวิเคราะห์ของเขาค่อนข้างที่จะมีเหตุผลมาก และต้องบอกเลยว่าทีมงานดาราเหล่านี้ เลือกใช้จิตวิทยากับเหล่าแฟนๆ ได้ดีจริงๆ
วัฒนธรรมแฟนคลับแบบนี้ มันเป็นยาพิษทางจิตใจ และมันจำเป็นที่จะต้องหาทางแก้ไขให้ถูกต้อง!
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า : “พ่อคะ นี่คุณพ่อกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ไม่มีใครเหมือนพวกเรา พวกเราทำมันด้วยความสมัครใจ และทั้งหมดมันก็มาจากความรักที่เรามีต่อพี่ชายอี้อู่!”
หวัง จงโฮ่ว พูดว่า : “ลูกรักเขา แล้วเขารักลูกไหม? ลูกช่วยเขาทําข้อมูล ถึงกลับละทิ้งการเรียน ทำมันทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งไม่ได้รับเงินแม้แต่สักหยวนเดียว ส่วนเขาก็สามารถทำเงินได้มากมาย แล้วลูกล่ะ ลูกได้ส่วนแบ่งจากเจ้าตัวมาสักหยวนบ้างไหม?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ พูดว่า : “พ่อ คุณพ่อไม่เข้าใจอะไรเลย พวกเราไม่ได้ทำมันเพราะเงินนะ พวกเราทำมันก็เพราะความรัก”
หวัง จงโฮ่ว รู้สึกโมโหมาก : “บอกตามตรงตอนนี้พ่อโกรธลูกมากจริงๆ ทําไมสิ่งที่พ่อกำลังพูดถึงลูกถึงได้ไม่เข้าใจมัน! ตอนนี้ไหนลูกลองบอกพ่อมาอีกสิว่าลูกได้ทำอะไรอีก? ลูกได้ทําอะไรเพื่อพี่ชายที่ลูกว่าคนนั้นอีก?”
หวัง เซียวหนี่ กล่าวว่า “หนูขอคิดดูก่อน อ๋อ.. ใช่แล้ว เวลาพี่ชาย มีงานพรีเซนเตอร์ตัวใหม่ หรือออกนิตยสารใหม่ ออกอัลบั้มใหม่ พวกเราก็จะช่วยกันไปซื้อ ถ้าหากมีคนซื้อน้อยลง พี่ชายก็อาจจะโดนล้อ ทางแฟนคลับอย่างเราๆ ก็จะระดมทุนไว้เป็นกองกลาง อย่างตอนนี้ พี่ชายอี้อู่ ก็กำลังถ่ายภาพลงปกนิตยสาร หากเรายิ่งซื้อมากๆ ก็จะยิ่งเป็นการดี และยิ่งเป็นการได้หน้า กลุ่มแฟนคลับตัวยงของพวกเรา ก็เพิ่งจะได้จัดระดมทุน…”
“นี่มันเป็นห่าบ้าอะไรไปกันหมด!”
หวัง จงโฮ่ว ในเวลานี้เขาโกรธแทบตาย ถ้าการทำข้อมูล.. มันก็เป็นแค่เรื่องของการเสียเวลา แล้วการซื้อพรีเซนเตอร์ นิตยสาร อัลบั้มอะไรพวกนี้ นี่มันก็คือ การใช้เงินจริงๆ ออกไปสินะ..
เงินของ หวัง เสี่ยวหนี๋ มาจากไหน นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่พ่ออย่างเขา ได้มาจากการทํางานหนักหรอกหรือ? เดิมทีเขาหวังให้เงินนี้ เป็นค่าครองชีพให้กับ หวัง เสี่ยวหนี๋ ใช้เพื่อซื้อข้าวปลาอาหารไว้กิน แต่ก่อนเธอทําดีมาตลอด.. แต่มาตอนนี้เธอกลับหันไปบริจาคเงินที่เขาหามาได้อย่างยากลําบากให้กับดาราคนหนึ่ง ที่ไม่เคยแม้แต่จะพบเจอหน้ากันมาก่อน…
“มันก็คือไอ้ของขยะพวกนี้?” หวัง จงโฮ่ว ได้ชี้ไปที่กองสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าเขา
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า : “... มันไม่ใช่แค่นั้น การที่เราวิ่งไล่ตามดารา เราก็ต้องยิ่งเสียเงินมากขึ้น เหล่านี้เป็นเพียงแค่โปสเตอร์ ที่กลุ่มแฟนคลับตัวยงของเรา ได้ให้พากันซื้อ เพื่อเก็บสะสมไว้”
หวัง จงโฮ่ว ก็ได้ตกตะลึง ที่แท้.. ลูกสาวของเขา ไม่เพียงแต่จ่ายเงินให้กับดาราเท่านั้น แต่ยังจ่ายเงินออกไปให้กับเหล่าแฟนตัวยงอะไรนั้นอีก.. เขาตกใจมากที่ได้พบว่าตัวเองดูเหมือนจะค้นพบห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่ของเหล่าดารา และแฟนคลับตัวยงอะไรนี่ และกลุ่มคนพวกนี้ ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับบนๆ ส่วนกลุ่มแฟนคลับระดับล่างๆ อย่าง หวัง เสี่ยวหนี๋ ก็ดูเหมือนกับกุยช่าย ที่รอถูกคนอื่นเชือด!
สำหรับตัวดาราเอง กลุ่มแฟนคลับเองที่ได้ผลิตไฟฟ้าด้วยความรัก(1) ต่างก็ได้เข้ามาช่วยปลอมแปลงข้อมูลให้กับดาราไปฟรีๆ เมื่อครั้งออกพรีเซนเตอร์ นิตยสาร หรืออัลบั้ม เหล่ากลุ่มแฟนคลับก็ได้ทุ่มเงินจำนวนมากในการซื้อ และเงินเหล่านี้ก็จะมาตกอยู่ที่ตัวดารา และตัวบริษัทที่อยู่เบื้องหลังของดารา ..ให้มีรายได้
สำหรับแฟนคลับตัวยงของดารา จัดได้ว่าเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ได้จัดระดมทุน คงมีเพียงแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเงินเหล่านี้ถูกใช้ไปกับอะไร? ส่วนเหล่าแฟนคลับตัวน้อยๆ ก็ไม่ได้อะไรจากการตื่นเช้าเพื่อออกไปทำงาน แต่แล้วพวกเขากลับยอมที่จะทำงานหนักเพื่อสิ่งนี้หรือไม่! นอกจากนี้ แฟนคลับตัวยงที่ได้ใช้ต้นทุนออกไปเพียงเล็กน้อย เพื่อออกโปสเตอร์ของดารา ส่วนทางเหล่าแฟนคลับตัวน้อยๆ ต่างก็ยอมที่จะควักเงินซื้ออย่างเชื่อฟัง ส่วนเงินเหล่านี้ที่ได้ไปตกอยู่ในมือของแฟนคลับตัวยงแล้วนั้น ..เงินนี้ นี่มันก็สามารถทำกําไรได้ง่ายมาก
หวัง จงโฮ่ว ที่ได้ยินเรื่องราวพวกนี้ เขาก็ได้รู้สึกใจสั่นสะท้านเล็กน้อย.. เขาที่ได้ทำงานหนักขนาดนี้ และกว่าจะได้เงินมาขนาดนี้ มันยากมากขนาดไหนตัวเขาเองรู้ดี แต่มันกลับสู้แฟนคลับตัวยงของเหล่าดาราพวกนี้ไม่ได้! เพียงแค่นอนหลับไปตื่นหนึ่งก็สามารถนั่งนับเงินได้แล้ว ทั้งยังสามารถออกรถได้ภายในครึ่งปี และสามารถซื้อห้องวิวดีติดริมฝั่งทะเลได้ง่ายๆ ภายใน 1 ปี!
ส่วนตัวดาราเอง และแฟนคลับตัวยงเหล่านี้ สามารถทำเงินได้มากมาย ..แต่ เหล่าแฟนคลับตัวน้อย กลับต้องทำงานไปอย่างเสียเวลาเปล่า ทั้งชีวิตสุดท้ายก็กลับถูกทิ้งร้าง และเมื่อได้ใช้เงินออกไปหมดแล้ว เงิน.. เหล่านี้ ทั้งหมด.. มันก็เป็นเงินที่หาได้มาจากพ่อแม่ของพวกเขา ที่ได้หามันมาอย่างยากลำบาก!
หวัง จงโฮ่ว ตอนนี้ หัวใจของเขามันกําลังหลั่งเลือด : “ไหนบอกพ่อมาทีสิว่า ลูกได้หมดเงินกับดาราคนนี้ไปทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ ได้ก้มหน้าลง เธอได้พูดอ้ำๆ อึ้งๆ ไปว่า : “ไม่.. ไม่มาก”
หวัง จงโฮ่ว กล่าวว่า : “ลูกควรที่จะบอกพ่อมาตรงๆ อย่างซื่อสัตย์ ถ้าลูกไม่กล้าที่จะบอกพ่อออกมาตรงๆ ต่อไป.. ก็อย่าได้หวังเลยว่า พ่อจะให้เงินค่าขนมลูกอีก”
หวัง เสี่ยวหนี๋ ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แต่ต้องพูดออกไปว่า : “หากไม่นับโปสเตอร์เหล่านี้ เดือนนี้ พี่ชายอี้อู่ มีออกนิตยสารใหม่ ราคาเล่มละ 20 หยวน.. และเพื่อให้พี่ชายได้หน้า หนูก็ได้ไปซื้อมันมา 10 เล่ม ด้วยราคา 200 หยวน ส่วนในเดือนนี้ พี่ชายอี้อู่ ได้ออกอัลบั้มใหม่ ราคา 3 หยวน ต่อหนึ่งอัลบั้ม หนูเองไปซื้อมันมา 100 .. และหนูก็ได้ใช้จ่ายมันออกไป 300 หยวน และมันก็หมดไปแล้ว…”
หวัง จงโฮ่ว ตอนนี้ต้องการที่จะตบหน้าลูกสาวของเขาจริงๆ เผื่อว่ามันจะทำให้เธอมีสติมากขึ้น..
การที่เธอไล่ตามดารา มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ต้องขอให้เธอมีสติ ทั้งมีเหตุมีผลให้มากกว่านี้หน่อยมันจะได้มั้ย ดาราออกอัลบั้มใหม่ก็รีบวิ่งไปซื้อมาหนึ่งอัลบั้มมันก็เพียงพอแล้ว แต่นี่อะไร ..กลับเล่นไปซื้อ 100 นี่มันไม่ใช่ว่าเสียเงินทั้งหมดไปหรอกหรือ? เงินทั้งหมดที่เธอได้ใช้ไป มันก็เป็นเงินจากพ่ออย่างเขาที่หามันมาได้อย่างยากลำบาก แล้วอะไรที่ต้องทำให้พี่ชายมีหน้ามีตา? นี่มันบ้าชัดๆ!
หวัง จงโฮ่ว พยายามสงบสติอารมณ์ของเขาลง แล้วพูดไปว่า “นิวนิว ลูกทําแบบนี้ไม่ได้ ถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ลูกก็จะกลายมาเป็นคนไร้ค่าในอนาคตขึ้นมาจริงๆ ลูกรู้อะไรไหม ลูกได้เสียเงินที่พ่อแม่หามาได้อย่างยากลําบาก ทั้งยังละทิ้งการเรียน ถ้าลูกยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป พ่อไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงินค่าขนมลูกอีก แต่พ่อจะบังคับลูก ไม่ให้ออกไปวิ่งไล่ตามดาราได้อีกต่อไป!”
หวัง เสี่ยวหนี๋ ตกใจมาก : “พ่อคะ พ่อทำแบบนี้ไม่ได้ พ่อจะมาควบคุมหนูแบบนี้มันไม่ได้ และนี่มันก็เป็นเสรีภาพส่วนตัวของหนู! งั้นก็ได้ อย่างน้อยที่สุดมันก็ยังดีกว่า โอเค ต่อไปหนูสัญญาว่าจะไม่เสียเงิน หรือทำให้การเรียนล่าช้าอีก โอเคไหม?”
สองพ่อลูกได้คุยกัน สุดท้าย หวัง จงโฮ่ว ก็เลือกที่จะประนีประนอม เขารู้สึกว่าเขาจะทำอะไรอย่างเด็ดขาดไม่ได้ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ลูกเขาก็ได้ตอบตกลงไปแล้ว และตราบใดที่ลูกสาวของเขาสามารถรับประกันผลการเรียน และสัญญาว่าจะไม่ใช้เงินอย่างสะเปะสะปะ ก็สามารถวิ่งไล่ตามดาราได้ ขอเพียงอย่างเดียวอย่างให้สมองพิการ การไล่ตามดาราอย่างมีเหตุมีผล เพียงแค่นี้เขาก็ยังพอที่จะรับได้อยู่…
แต่มาตอนนี้.. หวัง จงโฮ่ว ได้รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขามาก.. เขาไม่ควรที่จะปล่อยให้ลูกสาวของเขา วิ่งไล่ตามดาราอีกต่อไปในตอนนั้น ..กลับมาตอนนี้ มันกลับทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก มันมากจนเกินไป ..ทั้งมัน ก็ได้สายเกินไปจริงๆ
เพราะไม่นาน.. หลังจากการสนทนาระหว่างพ่อ และลูกสาว อย่างพวกเขา หัว อี้อู่ ก็ได้มาจัดงานแฟนมีตติ้งที่หยุนเฉิงแล้ว ทั้งนี้ หวัง เสี่ยวหนี๋ ก็ได้แอบหนีออกไปพบกับ พี่ชายอี้อู่ ของเธอ และต่อมาโศกนาฏกรรม มันก็ได้ เกิดขึ้น…
(1)[ผลิตไฟฟ้าด้วยความรัก (用爱发电)] - ผลิตไฟฟ้าด้วยความรัก เป็นคำศัพท์ทางอินเทอร์เน็ต คำนี้แต่เดิมเป็นคำขวัญที่ไม่สมจริงซึ่งนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในไต้หวัน ของจีน ใช้เพื่อต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์และเรียกร้องให้ปิดโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์
ต่อมา ชาวเน็ตแผ่นดินใหญ่ก็ได้เปรียบเทียบพวกเขากับทีม หรือบุคคล ที่พยายามยืนหยัดที่จะทำบางสิ่ง แม้ว่ารายได้จะน้อย หรือไม่มีเลยก็ตาม..