ตอนที่ 1293 ไม่ใช่มีพรสวรรค์ที่สุด แค่มีพรสวรรค์มากกว่า
ระเบียงเวลา
“ข้าต้องขอโทษจริงๆข้าอยากจะพาอาคันตุกะผู้มีเกียรติชมระเบียงเวลาและไปที่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพแต่สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปอู๋เสียจำเป็นต้องกลับหอทงเทียนเพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสมาชิกครอบครัวจึงยังไม่อาจสนทนากับทุกท่านได้ชั่วคราว” เสวี่ยอู๋เสียคารวะด้วยมารยาทที่งดงาม โดยไม่รอให้กลุ่มร่างเงาโต้ตอบ นางย่างเท้าออกจากระเบียงเวลาร้อยปีลอยตัวและเปลี่ยนเป็นดาวหางหายในในมิติว่างเปล่า
เสวี่ยอู๋เสียไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงเรียกทางใจของแม่สี่เท่านั้นแต่ยังติดต่อกับจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ทางใจได้
ตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่บันไดสวรรค์เพื่อช่วยเย่ว์หยางอย่างเป็นทางการ
แน่นอน
นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของแผนตอบโต้กลับ!
การแยกจากไปของเสวี่ยอู๋เสียทำให้กลุ่มเงาร่างตกใจและสงสัยก่อนที่พวกเขาจะสนองตอบได้ทัน นางก็หายไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ตามด้วยการให้เกียรติต่อผู้แข็งแกร่งภายใต้การนำของจางไห่ พวกเขาคารวะตอบในเส้นทางที่เสวี่ยอู๋เสียจากไป
แม้ว่าจะไม่เห็นพลังที่แท้จริงของนางแต่เห็นภาพลักษณ์ของนางที่สามารถยืนหยัดต่อหน้านักสู้ระดับเทพจากแดนสวรรค์บนได้เสมอภาคกัน
นับว่าคู่ควรให้พวกเขาคารวะตอบ
นักสู้จากหอทงเทียนชื่ออู๋เสียที่มองเห็นแว่บแรกมีพลังระดับสามสิบเมตรความจริงนางเป็นยอดฝีมือระดับเทพที่สามารถฆ่าร่างเงาได้ทั้งหมด
เพียงแต่ไม่ทราบว่านางใช้วิธีใดซ่อนพลังความแข็งแกร่งไว้ลึกตบตาคนภายนอกได้
เขาคิดว่านางมีร่างเทพสูงสามสิบเมตร.... กลุ่มร่างเงาสื่อสารกันลับและได้บทสรุปว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าได้ในทันทีโดยไม่มีฝีมือระดับมือสังหารเทพ ดังนั้นอีกผลลัพธ์หนึ่งก็คือเด็กสาวที่ชื่ออู๋เสียเกรงว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น ยังแข็งแกร่งมากกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงา ไม่อย่างนั้นนางคงไม่กล้ามาคนเดียวและทำข้อตกลงกับทุกคนให้ดำรงความเป็นกลาง
บางทีสาวน้อยเสวี่ยอู๋เสียนี้เพิ่งจะเลื่อนเป็นนักสู้ระดับเทพนางไม่สามารถแสดงพลังเทพได้ถึงครึ่ง
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มร่างเงาทั่วไปจะเสียมารยาทต่อนางได้
ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์
หรือชาวแดนสวรรค์บน
ให้เกียรติผู้แข็งแกร่งนี่คือสัจธรรมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ตอนนี้จะเอายังไงดี?จะดูต่อ? หรือจะเดินหน้า?” เงาร่างเขียวหยวนเหย่ถามขึ้น
“เดินหน้าต่อ? ไม่ไม่ไม่, ดูกันก่อน ในรอบเวลาร้อยปี หอทงเทียนเหลือนักสู้ระดับเทพเท่าใด? นี่มันมากเกินไปแล้วในเวลาเพียงร้อยปีหอทงเทียนให้กำเนิดนักสู้ระดับเทพ ขณะที่แดนสวรรค์บนในรอบหมื่นปีนี้แทบจะไม่มี หากเราไม่เข้าใจเรื่องนี้การเดินทางของเราก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน”ร่างเงาดำอู่หวินสะดุดใจศักยภาพของเด็กสาวสองคนภายใต้การแนะนำของเสวี่ยอู๋เสียในที่สุดก็รู้ได้ว่านักสู้ระดับเทพสองคน คนหนึ่งเป็นญาติของนางชื่ออี้หนานและอีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเย่ว์ไตตันชื่อเย่ว์ปิง
เด็กสาวทั้งสองชื่ออี้หนานและเย่ว์ปิงแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีลำแสงเทพไม่สูงมากนัก แต่ก็มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในหนึ่งวินาทีความก้าวหน้าของนางเท่ากับคนอื่นฝึกร้อยปี พวกเขาผ่านโลกมามากยังไม่เคยได้ยินว่ามีสิ่งมีชิวตที่มีพลังเพิ่มขึ้นเร็วขนาดเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ยิ่งไปกว่านั้นเฉพาะร่างเทพทองของพวกนางมีศักยภาพสูงถึง300 เมตร
ตรงนี้เองทำให้อูหวินซึ่งมีศักยภาพสามเมตรรู้สึกอับอายมาก! แม้แต่หยวนเหย่ที่มีศักยภาพดีที่สุดก็ยังสูงเพียง40 เมตร ต้องบอกว่าเป็นความกระทบกระเทือนใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเท่านี้!
“เราจะไม่สู้กับพวกหอทงเทียนการวางตัวเป็นกลางทำให้เราได้เข้ามาในระเบียงเวลาภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพนี้เราไม่ต้องรีบ เราจะอยู่ที่นี่และดูให้ชัดเจน” เงาร่างเพลิงหัวซานเห็นด้วย
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพียงอูหวินที่ได้รับแรงกระตุ้น
แม้ว่าจะเป็นนักสู้ระดับเทพแต่ศักยภาพในอนาคตมีเพียงห้าเมตรทำให้เขารู้สึกหดหู่
ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าทุกคนเขาอยากกอดอูหวินร้องไห้ด้วยกัน..ในกลุ่มของเงาร่างนั้นทั้งตัวเขาและอูหวินนับว่าไม่อ่อนแอในช่วงเวลาสั้นๆ อาจมีคนที่มีศักยภาพมากกว่าส่วนจางไห่หัวหน้าในกลุ่มและแข็งแกร่งที่สุดรู้ตัวดีว่าศักยภาพในอนาคตคงไม่เพิ่มไปอีกแล้ว!
“อย่างนั้นเราจะดูเทพอื่นๆกัน!” เงาร่างเขียวฟ้าจางไห่ตัดสินใจสุดท้าย
ขณะนั้นเงากลุ่มสำนึกเทพของเงาร่างสำรวจประกายดาวทองที่สง่างามสองดวง
พลังแสงเจิดจ้าพิเศษกำลังจะมาถึง
กวาดฉายไปทั่วพื้นที่บริเวณ
จางไห่และพวกตกตะลึงกับภาพข้างหน้า
นี่คือคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพสองเล่ม
พูดให้ถูกมันคือคัมภีร์เทพของเงาปีศาจนอกจากนี้ยังมีวิธีเอาตัวรอดได้
เป็นไปได้ยังไงที่ปรากฏภาพนักสู้ระดับเทพมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพสองเล่ม?ใครเป็นเจ้าของคัมภีร์ชั้นเทพสองเล่ม? และเขามีเงาปีศาจได้อย่างไร?ควรจะมีนักสู้ระดับเทพสองคนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือ?
คิดแล้วหาคำอธิบายไม่ได้และงงงวยมากขึ้นเป็นร้อยเท่า...หอทงเทียนมีเรื่องแปลกประหลาดขนาดนี้เชียวหรือ?
ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เห็นแต่เรื่องไม่ปกติอยู่แล้วเย่ว์ไตตันไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดาเหลือเชื่อมากแม้แต่ภรรยาและน้องสาวของเขาก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน ทำให้เห็นอิจฉาแทบบ้า ดูเหมือนว่าที่นี่มีแต่คนไม่ธรรมดาเจ้ายิ่งมองมากเท่าใดก็ยิ่งค้นพบว่าผู้คนในหอทงเทียนแห่งนี้แปลกและลึกลับไปหมด
ภาพคัมภีร์เทพสองเล่มที่นี่เป็นตัวแทนของนักสู้ระดับเทพผู้แข็งแกร่ง
พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
อย่างน้อย
ก็ไม่มีในแดนสวรรค์บน
“นักสู้ระดับเทพทั้งสองคนนี้ต้องมีอยู่จริงแต่เพราะเหตุผลบางอย่างกลับเลือกที่จะแสดงออกแต่เงาปีศาจเท่านั้น”ร่างเงาสีม่วงเหลยหมิงพยายามวิเคราะห์
“เทพทั้งสองนี้สามารถเปลี่ยนกฎในระเบียงเวลานี้ได้หรือไม่?มิฉะนั้นทำไมถึงแสดงภาพออกมาเป็นเช่นนี้? ไม่ยุติธรรมดเลย” หัวซานปฏิเสธที่จะยอมรับ
“ทำไมจะแสดงภาพอย่างนี้ไม่ได้เล่า?นั่นคือความจริง!” เหลยหมิงแค่นเสียง
“อาจเป็นพลังของนักสู้ระดับเทพทั้งสองเกินกว่าที่เราจะสำรวจตรวจตราได้เราจึงมองไม่เห็นภาพที่แท้จริง นี่ยังเป็นไปได้มากกว่า!” เงาสีฟ้าเขียวจากไห่พูดอย่างนี้ทำให้คนอื่นพูดไม่ออกหัวหน้ากลุ่มระดับเทพอย่างจางไห่ยังไม่เห็น ใครอื่นจะเห็นได้?
สุดท้ายต้องแข็งแกร่งระดับใดจึงจะตบตาเทพเจ้าได้?
พอคิดดูแล้วทุกคนอดหนาวสะท้านไม่ได้
ยอดเยี่ยม!
มีหลายอย่างมากเกินไปเป็นเรื่องเกินภูมิปัญญา พวกเขามิอาจคิดมากไปมิฉะนั้นพวกเขาคงจะกลัวเป็นแน่!
พวกเขาละสายตาจากนักสู้ระดับเทพทั้งสองซึ่งแสดงภาพเป็นกฎสวรรค์สองเครื่องหมายกลุ่มเงาร่างเลือกเป้าหมายใหม่
ดาวทองนี้แปลกประหลาดมากราวกับว่าไม่ใช่เป็นการดำรงอยู่ของเทพแต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่มีเหตุผลใดกับการปรากฏที่นี่กลุ่มเงาร่างเทพนั้นสงสัยมีความเห็นพ้องต้องกันเตรียมจะสำรวจดูเป้าหมายใหม่
เมื่อพวกเขาใช้สำนึกเทพเพ่งดูดาวทองนี้
พลังเทพอย่างเดียวกันมาจากร่างเทพที่ต่างกันจากเทพสัญลักษณ์ดาวทองก่อนหน้านี้ พลังเทพนี้เป็นพลังที่มีศักดิ์ฐานะน่ากลัวมากแม้ว่าจะเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิตไม่ใช่พลังโจมตีที่แท้จริง แต่กลุ่มเงาร่างเทพนั้นรู้สึกได้ถึงความรู้สึกน่ากลัวในใจได้ยิ่งกว่านั้นพลังคำสาประดับเทพที่น่ากลัวแผ่ไปตามไขสันหลังยังกระจายอยู่เต็มพื้นที่ ในพื้นที่คำสาปอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ทุกคนต้องปากสั่นกรามค้างศีรษะเทพธิดาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางเฉพาะศีรษะนางไม่มีร่างก็มีความสูงมากกว่าสี่ร้อยเมตร
เมื่อกลุ่มร่างเงาเห็นพวกเขาอดคุกเข่าคำนับเทพธิดาผู้มีพลังคำสาปทำลายโลกและสวรรค์นี้ไม่ได้
เทพผู้ยิ่งใหญ่นี้แม้ว่าร่างกายจะไม่สมบูรณ์แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะตอแยพัวพันได้
เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวล่วงพลังเทพผู้ยิ่งใหญ่เงาร่างเหล่านั้นรีบก้มหน้าถอนสำนึกกลับมาในอึดใจเดียว
แค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
กลุ่มเงาร่างนั้นรู้สึกเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเทพผู้ยิ่งใหญ่นี้เป็นใคร แต่ทุกคนรู้ว่าอย่างหนึ่งแน่นอนว่านี่คือมหาเทพดึกดำบรรพ์ไม่เหมือนกับเทพในยุคปัจจุบันนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมมหาเทพโบราณนี้จึงผสานพลังร่วมกับนักรบหอทงเทียนสร้างนักรบระดับเทพในหอทงเทียนในรอบศตวรรษนี้ แต่เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญนี่คือเทพที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!
“มิน่าเล่าเราเทพรุ่นหลังถึงไม่รู้จักมหาเทพและล่วงเกิน” หยวนเหย่ร่างเงาเขียวคารวะดาวทองสัญญลักษณ์นั้นทันทีกลัวว่าพวกเขาจะมีความเคารพไม่เพียงพอ
“ถ้ามหาเทพยังคงช่วยเย่ว์ไตตัน อย่างนั้นตงฟางคงได้แต่ร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา!” ร่างเงาดำอูหวินได้แต่รำพึง
“ถ้าเป็นอย่างนี้ตงฟางก็ไม่ใช่ตัวดีอยู่แล้ว นั่นเป็นเรื่องถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ” หัวซานรู้สึกดี
“พวกเจ้าต้องการดูอีกหรือไม่?” ร่างเงาทองรู้สึกอยากดูอีกครั้งเผื่อจะมีเทพผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังอีก เพื่อเป็นการป้องกันตนเองเขาเลือกดูอย่างระมัดระวัง “หรือเราจะรอให้อู๋เสียกลับมาและดูตามคำเชิญของนาง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพเทพแห่งหอทงเทียน”
“เห็นว่าเด็กสาวอู๋เสียนั้นได้เชิญเราเข้าระเบียงเวลาอย่างเป็นทางการไว้ก่อนแล้วดังนั้นถือว่านางยอมรับเราตามธรรมเนียมแล้วอ่า..เพียงแต่เรารักษามารยาทและมีความเคารพ ข้าหมายถึงในกรณีที่พบเห็นมหาเทพเราควรจะนอบน้อม ไม่ควรทำตัวหยิ่งยโส” เงาร่างม่วงเหลยหมิงมองหัวหน้าจางไห่
“อย่างนั้นก็ดูต่อไป!” ผู้เฒ่าจางไห่มองดูสหายและรู้จักสัจธรรมที่ว่าความสงสัยฆ่าแมวได้ เขาตัดสินใจติดตามความจริงต่อไป
ดาวทองดวงที่หกเป็นนักรบระดับเทพที่ซ่อนใบหน้าอยู่ในดวงดาว
ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพสตรี
ลักษณะรูปร่างที่นางแสดงออกมาเป็นส่วนใหญ่จะเป็นรูปดาราจักรเนบิวลา แม้จะมีอาการอื่นๆอยู่ด้วยแต่แอบซ่อนอยู่ในดาราจักรที่นางควบคุมดูแลแม้ว่านางจะลึกลับมาจนไม่สามารถเห็นลำแสงแสดงระดับพลังเทพที่ชัดเจนได้ แต่เงาร่างของนางนับว่าน่าเคารพเลื่อมใสเพราะลำแสงศักยภาพของนาง เงาร่างทองมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เข้าใจว่ายังเหนือกว่าเด็กสาวที่ชื่ออี้หนานและเย่ว์ปิงทำให้เงาร่างเหล่านั้นรู้สึกงงงวย!
หัวซานและอูหวินพูดไม่ออก
หอทงเทียนมีพลังสร้างที่พิเศษหรือ?
ถึงได้มีอัจฉริยะผิดธรรมดาออกมาเรื่อย
ตัดสินใจถูกแล้วที่มาที่นี่
ต่อมาเป็นดาวทองดวงที่เจ็ดกลุ่มเงาร่างที่ชมดูต่อพบว่านี่คือสาวน้อย ‘อู๋เสีย’นางอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่แปลกก็คือลำแสงแสดงรัศมีเทพของนางสูงถึง 390เมตรอย่างไม่คาดคิด แต่ศักยภาพยังเหนือได้กว่านี้ ลำแสงรัศมีทั้งหมดรวมทั้งเงาปีศาจคาดว่าจะเพิ่มถึงระดับเก้าร้อยเมตรไม่ต้องพูดถึงคนที่มีรัศมีน้อยที่สุด หัวซานผู้กล้าบ้าบิ่นที่สุดอูหวินและเหลยหมิงรู้สึกกลัวแทบปัสสาวะราดแม่นางอู๋เสียผู้นี้ซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ถึงสิบเท่า ถ้าทุกคนผนึกพลังสู้กับนางป่านนี้คงถูกทำลายไม่เหลืออะไรแล้ว!
เมื่อทุกคนออกมาข้างนอกพวกเขานวดหัวใจอยู่ครึ่งนาทีก่อนจะเรียกความรู้สึกกลับมาเป็นปกติ
ความรู้สึกอัดอั้นหายใจไม่ออกถูกกำจัดออกไปบ้าง
นักสู้ระดับเทพที่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากกว่าและไม่ได้ใช้พลังกดดันตอนนี้สาวน้อยอู๋เสียกลับคุยกับทุกคนอย่างสุภาพเหมือนกับผู้เยาว์คุยกับผู้ใหญ่ใครจะรู้กันว่านางมีพลังระดับเดียวกับมหาเทพในตำนาน
ยังดีที่รู้แต่เนิ่นๆ
ทุกคนที่ไม่แสดงความเคารพต้องแสดงความเคารพซ้ำอีก
เมื่อกลุ่มร่างเงามองดูดาวทองดวงที่แปดพวกเขาพบว่า หัวใจพวกเขาเกือบหยุดเต้น เพราะพวกเขารู้สึกกลัวเกินไป... หอทงเทียนดูเหมือนจะมีประโยคที่ว่า ‘มิใช่มีพรสวรรค์มากที่สุด แค่มีพรสวรรค์มากกว่า!’
ตอนนี้พวกเขาเริ่มเข้าใจภาษิตนี้ชัดเจนมากขึ้น
เพราะที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา คือทะเลแสงทะเลแสงจันทร์ในอากาศสว่างไสว
โดดเด่น
นักสู้ระดับเทพสองตนกำลังยืนอยู่
เทพตนหนึ่งเป็นอสูรพิทักษ์มีลำแสงเทพสูง300 เมตร และอีกตนหนึ่งเป็นดาวทองที่มีประกายเทพ
ไม่มีใครในกลุ่มเงาสามารถมองเห็นลำแสงเทพธิดาไม่มีใครมองเห็นภาพนางได้ชัดเจน ในเวลาไม่ถึงวินาทีทุกคนถูกเจตจำนงราชันย์ที่ไม่มีใดเทียบของนางขับออกมาจากทะเลแสงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมองหน้านางและเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจร่างกายสง่างามของนางอย่างระมัดระวัง และพวกเขารู้สึกได้ว่าเทพธิดานี้เป็นเทพที่ทรงพลังที่สุดและฉลาดที่สุดนางมองเห็นทุกอย่างได้ในทันทีและมองเห็นสิ่งมีชีวิตได้ทั้งหมด
กลุ่มเงาร่างที่มองดูถูกพลังระเบิดออกมาทันทีที่มองดู
ทั้งหมดถูกขับออกมาจากทะเลแสง
อสูรพิทักษ์ที่เป็นเทพไปแล้วและลำแสงรัศมีเทพของอสูรศึกนั้นสูงถึง 300 เมตร นี่คือสิ่งมีชีวิตที่กลุ่มร่างเงามิอาจจินตนาการได้...รวมทั้งหัวหน้ากลุ่มอย่างจางไห่ ทุกคนคำนับและกล่าวขออภัยกับเทพผู้นั้น
“เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่นี่แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกว่าใครทั้งนั้น เราจะดูต่อไปหรือเปล่า?” เงาร่างเทพสีทองที่รัศมีอ่อนที่สุดเกือบร้องไห้
“ดูเถอะ กลัวจนหัวใจวายตาย ดีกว่าตายอย่างงมงาย!” หัวซานชอบเสี่ยงทุกอย่างอยู่แล้ว
“ข้าก็จะดูด้วย!” อูหวินตัวสั่นแต่ก็สนับสนุนให้ดูต่อ
“หอทงเทียนมีเทพเจ้าลับซ่อนตัวอยู่มากมายเราจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานะของเราหรือไม่?” เงาเขียวหยวนเหย่เสนอหัวข้อนี้ให้ไตร่ตรอง ก่อนนั้นพวกเขาคงความเป็นกลางไว้เนื่องจากหอทงเทียนไม่สามารถต่อต้านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ปัญหาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นเรื่องความเป็นกลางต้องเอามาไตร่ตรองกันใหม่
“อย่างนั้นถ้านักรบระดับเทพตนที่เก้าเป็นมหาเทพที่ทรงพลังอีกอย่างนั้น เราจะรับพิจารณาเรื่องนี้” เงาเขียวฟ้าจางไห่คิดจะทำบางอย่างเช่นกัน แม้ว่าแดนสวรรค์บนจะปลอดภัยลงมือทำการใหญ่บางอย่างก็ยากจะประสบผลสำเร็จ แต่ถ้าไม่ทำอาจต้องเสียใจไปทั้งชีวิต
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากลองสำรวจและความรู้สึกในจิตใจที่ซับซ้อนพวกเขาค่อนข้างกระตือรือร้นเล็กน้อย และกลัวกับความไม่แน่นอนในอนาคตอยู่บ้างกลุ่มร่างเงาใช้สำนึกเทพตรวจดูดาวทองดวงที่เก้า
เพียงแค่เหลือบมอง
ทุกคนตะลึงงัน ตัดสินใจได้ทันที....