ตอนที่ 1291 หลอกลวงคลั่งไคล้
“ฮึ..เลิกคิดได้เลยตราบใดที่ข้าตงฟางยังอยู่ พวกเจ้าเลิกความคิดใดๆ เกี่ยวกับโชคชะตาได้เลย!”
“พวกอ่อนแอก็ต้องอ่อนแอไปตลอดชีวิตพวกมันจะไม่มีโอกาสตอบโต้ได้แม้แต่วันเดียว! โชคของพวกเจ้าอาจทำให้เจ้าภูมิใจในชั่วขณะหนึ่งแต่มีแต่ปัญญาเท่านั้นที่สามารถเปล่งประกายได้! ข้าตงฟางที่คู่ควรพอจะได้ชัยชนะสุดท้าย!”
ตงฟางยืนอยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าดูสง่างามราวกับเทพ เขากำลังมองดูการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างกองทัพแดนสวรรค์และอัศวินมังกรและนักรบเลือดมังกรผู้ห้าวหาญแห่งทวีปมังกรทะยาน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฟังเสียงเรียกจากแม่สี่ผู้น่าเคารพได้แต่ทักษะแฝงเร้นหมากรุกและสติปัญญาที่สูงล้ำ ทำให้เขาสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนมากมายในสนามรบได้
นักรบมังกรทะยานหลายคนที่ต้องการสู้ตายเพื่อแลกกับเกียรติยศตัวอย่างเช่นผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ปู่ของเย่ว์ไตตัน จักรพรรดิต้าเซี่ยจุนอู๋โหย่วและประมุขสี่ตระกูลที่เกษียณไปแล้ว
ด้วยวิธีการลึกลับบางอย่าง พวกเขาเริ่มได้รับพลังลึกลับ
ตงฟางยอมรับว่าเขาไม่ได้ตาบอด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะตาบอดเขาเชื่อว่าเขาสามารถมองเห็นความคิดพวกเขาได้
เจ้าพวกนี้ต้องการใช้พลังแห่งชะตาเพื่อให้เย่ว์ไตตันผ่านบททดสอบบางอย่าง ไม่ว่าเย่ว์ไตตันจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป ด้วยสติปัญญาและความรู้แจ้งของเขา เขาไม่สามารถต้านทานความเสื่อมโทรมของหอทงเทียนทั้งหมดได้ หากเย่ว์ไตตันต้องการเปลี่ยนแปลงและหวังว่าจะมีการตอบโต้กลับ เขาจะต้องเอาญาติสนิทมิตรสหายมาเสี่ยง คนเหล่านั้นจะต้องยืนคอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอน...แบกรับชะตาหรือ? มันจะง่ายอย่างนั้นหรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีคนคอยซุ่มทำร้ายขัดขวาง ต่อให้ไม่มีความเป็นไปได้ของความสำเร็จก็มีเพียงหนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่นเท่านั้น!
ด้วยคุณสมบัติของคนเหล่านี้จะสามารถแบกรับโชคชะตาได้สักเท่าใด?
ไม่มีแม้แต่ระดับเทวทูต หรือขุนพลเทพ
ข้อจำกัดเป็นอันดับแรก
แม้แต่ระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ยังหายาก
กล้าบอกว่าจะแบกรับชะตาของผู้อื่นหรือ? นี่ฟังแล้วอยากหัวเราะให้ฟันร่วง!
จากการวิเคราะห์ระดับพลังชะตานี้ดูเหมือนว่าจะสามารถแบกรับเพียงหนึ่งในสิบของเมตรหนึ่งจะต้องมีความแข็งแกร่งระดับเทวทูตและครึ่งเมตรต้องเป็นระดับขุนพลเทพ!คนเหล่านี้รวมกันจะได้ถึงครึ่งเมตรหรือไม่? น่าขันเหลือเกินนี่น่ะหรือผู้สนับสนุนช่วยเหลือเย่ว์ไตตัน? ขยะกลุ่มนี้น่ะหรือ? ดูเหมือนว่าจะคู่ควรกับการกวาดเข้าไปในขยะประวัติศาสตร์มากกว่า!
ผู้คนหลายพันหลายหมื่นคนดูเหมือนว่าแม้พลังแห่งโชคชะตาที่มีความสูงสิบเมตรก็ยังไม่สามารถรองรับได้อ่อนแออย่างนี้มีหรือที่หอทงเทียนจะไม่ล่มสลายและตกต่ำ
แน่นอนว่าเพราะเป็นคนอ่อนแอจึงสมควรแล้วที่ถูกรังแก นี่คือบทเรียนที่คนฉลาดใช้กำจัดคนโง่
“สหายที่รักทุกท่านไม่ว่าพวกท่านจะมาจากเผ่าพันธุ์ใดหรือภูมิภาคใดก็ตามเราจะร่วมมือกันต่อต้านผู้รุกรานจากแดนสวรรค์ ข้าคือเย่ว์หยาง เย่ว์ไตตัน หรือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ในหลายๆ ที่ข้าคือสหายของพวกท่านเป็นทั้งจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ผู้คอยปกป้องหอทงเทียนเช่นกัน ข้ารู้ว่าพวกท่านสามารถได้ยินเสียงของข้า ตราบใดที่พวกท่านเป็นนักรบที่เต็มไปด้วยเลือดนักสู้และต่อสู้เพื่อหอทงเทียนพวกท่านจะได้ยินเสียงเรียกของข้า พวกท่านเข้าใจไม่ผิด ข้าเป็นคนส่งสารเรียกพวกท่าน ข้าต้องการให้ท่านคนทำสิ่งที่สำคัญให้ข้าตอนนี้ง่ายมากสำหรับทุกคน ตรามเท่าที่พวกท่านชูมือทั้งสองขึ้นด้วยหัวใจที่เป็นสมาธิและทำตามคำแนะนำที่สะท้อนก้องภายในใจ อย่างนั้นพวกท่านจะสามารถช่วยข้าต่อต้านสิ่งชั่วร้ายเอาชนะผู้รุกรานจากแดนสวรรค์... โปรดเชื่อข้า นี่ไม่ได้ต้องการชีวิตของพวกท่านและทุกท่านจะไม่สูญเสียความสามารถ ในช่วงเวลาชั่วคราวนี้จะทำให้ข้าควบคุมอสูรของพวกท่านได้ข้าต้องการศรัทธาความเชื่อของพวกท่านเช่นเดียวกับพลังของอสูรของพวกท่าน ด้วยการสนับสนุนและความช่วยเหลือของพวกท่านข้าจะสามารถคว้าชัยชนะในที่สุดได้อย่างแน่นอน รอยยิ้มและเสียงเชียร์จะกลับมาอยู่ที่ใบหน้าท่านแน่นอนข้ายินดีจะต่อสู้เพื่อพวกท่าน พี่ชายน้องชาย น้องสาวที่รักของข้าด้วยข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถยื่นมือออกมาช่วยหนุนข้าให้ข้าประสบความสำเร็จ!” ทันใดนั้นตงฟางใช้เสียงของเย่ว์หยางผ่านพลังเทพและทักษะแฝงเร้นหมากรุกส่งสารผ่านไปยังหัวใจของนักรบทุกคนรวมทั้งคนธรรมดาบนชั้นที่สิบของหอทงเทียน
การแก้เกมและการแนะนำของเขาทำให้ผู้คนสับสน
ก่อนหน้านี้ไม่มีความลับหรือ?
วิธีใหม่ในการปลดปล่อยโลกด้วยการยกแขนหรือ? ยิ่งกว่านั้นความลับนั้นไม่ง่ายเมื่อเทียบกับการนั่งทำสมาธิมันซับซ้อนยิ่งกว่า เป็นไปได้หรือว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เห็นว่าทุกคนไม่สามารถทำตามข้อกำหนดได้?
“นี่มันง่ายฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้สึกว่าพลังของการเรียกสัตว์อสูร ได้รับการปรับสภาพให้ราบรื่นแต่ร่างกายผ่อนคลายมาก และไม่มีภาระที่หนักหน่วงน่าวิตกอาการปวดหัวทรุดโทรมหายไปแล้ว เยี่ยม!” ทันทีที่มีคนลองทำ เขารู้สึกถึงความเงียบสงบ สวรรค์และโลกเชื่อมโยงกันมีประสิทธิภาพ เขาอดตะโกนว่าสวรรค์และโลกเป็นแขนของสรรพสิ่งด้วยความแปลกใจมิได้มันกระจายออกไปในระยะกว่าสิบกิโลเมตรทันที ได้ยินชัดเจนมาก
“โอว ง่ายมากข้าก็ทำได้สำเร็จ!” จากนั้นก็มีคนลองทำมากขึ้น และส่งเสียงเชียร์มากขึ้น
“เรามาตะโกนด้วยกันสวรรค์และโลกเป็นแขนของทุกอย่าง ศัตรูจะต้องสั่นเทิ้มด้วยเสียงตะโกนของเรา พลังของเราจะอยู่ยงคงกระพัน เสียงคำรามแห่งความยุติธรรมจะเป็นกุญแจสู่ชัยชนะและเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จเรามาตะโกนกัน!” ตงฟางปลอมเสียงเย่ว์หยาง ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงเรียของเขาเขามีสหายนับไม่ถ้วนที่ลองพยายามทำ
ทหารรับจ้างและนักรบเพิ่มมากขึ้น
ตอนแรกเริ่มยังไม่ค่อยเรียบร้อย
แต่มีผู้คนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยและแรงผลักดันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในที่สุดกลายเป็นเสียงตะโกนดังกึกก้องท้องฟ้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ‘สวรรค์และโลกเป็นแขนของสรรพสิ่ง สวรรค์และโลกเป็นแขนของสรรพสิ่ง’ ในขณะที่ตะโกนนั้นพลังของอสูรนับไม่ถ้วนถูกดึงออกมา และรวมเกาะกลุ่มอยู่ภายใต้พลังเทพของตงฟางปรากฏเป็นโล่ยักษ์โผล่ออกมาและผลักดันกองทัพแดนสวรรค์ให้ถอยออกไปทีละก้าวๆจนแทบจะพังทลายลง
การปรากฏตัวของปรากฏการณ์นี้ทำให้นักรบหอทงเทียนแทบเป็นบ้า
พวกเขากระตือรือร้นร่วมกิจกรรมนี้และคนนับไม่ถ้วนตื่นเต้นกับพลังที่พวกเขามอบให้
กองทัพแดนสวรรค์ไม่สามารถต้านทานการสู้รบที่ดุเดือดในขณะนี้ได้จำต้องถอยเพราะพลังศรัทธา...นี่คือปาฏิหาริย์ที่เกิดจากความเชื่อของแต่ละคนเป็นพลังศรัทธาของพวกเขา!
เสียงตะโกนประโยคว่า‘สวรรค์และโลกเป็นแขนของสรรพสิ่ง”
พวกเขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากเสียตะโกน
ไม่ต้องใช้ดาบกระบี่
ไม่มีความจำเป็นต้องหลั่งเลือดเนื้อถ้าพวกเขาตะโกนต่อไป พวกเขาจะทำให้ศัตรูวิ่งหนีไปอย่างยากลำบากช่างเป็นเรื่องที่วิเศษและน่าภูมิใจ!
“เย่ว์หยางเจ้าเด็กนี่ช่างมีความหมายนัก!” ราชาฟ้าบูรพา เขารู้สึกว่าพลังแห่งชะตาที่เขาช่วยแบกภาระลับๆเพิ่มความเจ็บปวดให้จริงๆ ขณะที่ตอนนี้วิธี ‘สวรรค์และโลกเป็นแขนของสรรพสิ่ง’ นี้ช่วยดึงพลังของสัตว์อสูรออกมาโดยตรงเป็นเรื่องง่ายตรงกันข้ามกับวิธีการก่อนหน้านี้ลำบากเหมือนแบกภูเขา”
“เราควรตะโกนด้วย!”
ราชันย์ฟ้าประจิมก็ชอบเรื่องครึกครื้น
เขาเห็นอัศวินมังกรและนักรบเลือดมังกรเข้าร่วมตะโกนตามคำเรียกร้องของเย่ว์หยางพวกเขาทรงพลังมาก โล่พลังงานขยายขึ้นอีกหนึ่งกิโลเมตร พลังกดดันผู้รุกรานก็มากขึ้นพวกเขาตะโกนจนแสบคอ
แน่นอนว่าราชันย์ฟ้าบูรพาไม่ใช่คนงี่เง่าอย่างนั้น พวกเขาไตร่ตรองดูคิดว่านี่คงเป็นอุบาย
รู้จากการดูจุนอู๋โหย่วอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า และผู้เฒ่าหนานกงผู้เชี่ยวชาญทิศทางกลยุทธ์
ครั้งแรกที่เห็นพวกเขาตกใจ เพราะพวกเขาพบว่าจุนอู๋โหย่วตัวสั่นไปหมด อาจารย์จิ้งจอกหน้าซีดแม้แต่ผู้เฒ่าหนานกงผู้ใจเย็นที่สุดมือถือคัมภีร์อัญเชิญก็ยังสั่นไปด้วย.... “เกิดอะไรขึ้น ราชันย์ฟ้าบูรพากับประจิมมองหน้ากันเอง
“นั่นนั่นเป็นการแอบอ้างชื่อไปใช้!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่สามารถพูดอะไรต่อไป
“นั่นมันคนทรยศตงฟาง!” ผู้เฒ่าหนานกงลอบถอนหายใจอยู่นาน “คนผู้นี้น่ากลัวเกินไป เขาคำนวณแผนเราออกและบางทีอาจวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว”
“เมื่อครู่นี้ไม่ใช่เย่ว์หยางหรือ?” ฟงขวงและอาจารย์ตาเหยี่ยวกลัวจนตัวสั่นสะท้าน
“การแบกรับพลังแห่งชะตาต้องแบกรับความเจ็บปวดเช่นเดียวกันร่างกายมิฉะนั้นก็ไม่ใช่! กลโกงตงฟางใช้ธรรมชาติของคนที่กลัวเจ็บหลอกลวงคนหนุ่มคนสาวที่มีพรสวรรค์บางคนทำได้ง่ายกว่าอัศวินมังกร นักรบเลือดมังกรและทหารรับจ้างนับไม่ถ้วนที่เข้าร่วมสงครามโดยสมัครใจ แต่พวกเขาสับสนและหลงใหลในภาพลวงตาและตกอยู่ในความคลั่งไคล้บ้าคลั่ง...” แม่เฒ่าอู่เถิงส่ายหน้าถอนหายใจหมากของตงฟางครั้งนี้ยอดเยี่ยมชั่วร้ายจริงๆมิน่าเล่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตั้งให้เขาเป็นกุนซืออันดับหนึ่ง
“สวรรค์และโลกเป็นแขนของสรรพสิ่ง!” เสียงของทหารรับจ้างอัศวินมังกรและนักรบเลือดมังกรนับหมื่นตะโกนก้องพร้อมกันใบหน้าทุกคนคลั่งไคล้และตะโกนส่งเสียงพร้อมกันครั้งแล้วครั้งเล่าลั่นฟ้าสะเทือนดิน
“เราต้องรีบป้องกัน!” ฟงขวงกับพวกกังวลเช่นกัน
“มันไร้ประโยชน์พวกเขาไม่ได้ยินเรา โล่พลังงานนั้นตงฟางใช้ปิดกั้นเราไม่ได้ใช้ต่อต้านกองทัพผู้รุกราน เขาสั่งกองทัพแดนสวรรค์ได้โดยตรงและการแสดงโดยโยนหมวกโยนเกราะทิ้งนี้ทำให้จิตใจทุกคนมีความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปเราทำอะไรไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นเราต้องยืดเวลาและต้องแบกรับพลังแห่งชะตาของเย่ว์หยางเราไม่มีเวลาหยุดความคลั่งไคล้นี้ ถ้าเราทำเช่นนั้นเราจะตกอยู่ในเงื้อมมือของตงฟางเขาหวังว่าเราจะหยุดมือ เราจะไม่เปลี่ยนปณิธานของเรา เราจะต้องดำเนินการต่อไป เราจะต้องไม่ถูกชักจูงโดยเจตนาที่แปลกปลอม ภายในช่วงเวลาที่จำกัดเราจะแบกรับพลังชะตาให้เย่ว์หยาง ไม่อย่างนั้นเราจะล้มเหลวในที่สุด!” ผู้เฒ่าหนานกงห้ามฟงขวงกับพวก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือการไม่ปลุกอัศวินมังกรและนักรบเลือดมังกรที่ตกอยู่ในอาการคลั่งไคล้
แต่เขากลับแบกรับพลังชะตาให้เย่ว์หยางแทน
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ทุบพื้นอย่างแรงและหลั่งน้ำตา
อีกด้านหนึ่งเป็นกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนจากเขาอีกคนหนึ่งคือหลานชายของเขาที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไม่ว่าจะมองดูด้านไหนพินาศดับสูญ ก็ล้วนแต่ทำให้เขาต้องเจ็บปวด
อัศวินมังกรและนักรบเลือดมังกรนับหมื่นกับหลานชายที่น่าภูมิใจ เขาต้องเลือก
นอกจากนี้มีเพียงตัวเลือกเดียว
ไม่ว่าจะในสถานะผู้บัญชาการสูงสุดหรือปู่เขาต้องเลือกหลานชายของเขา เพราะเขาเป็นความหวังเดียวของหอทงเทียน
“ถ้าเราลังเลอีกต่อไปหอทงเทียนจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเรา!” จุนอู๋โหย่วสมกับเป็นจักรพรรดิ เขากัดฟันตัดสินใจ “ไม่ว่าอัศวินมังกรหรือนักรบเลือดมังกรจะกลับมาได้หรือไม่เราสามารถทำได้สิ่งเดียว นั่นคือเสียสละทุกอย่างและเป็นชะตากรรมเราที่ต้องแบกหอทงเทียนไว้บนไหล่เรา เราต้องทำให้เย่ว์หยางเด็กคนนั้นทราบว่าเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่แบกภาระ พวกเราเหล่าผู้เฒ่ายังสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง มาเถอะ มาเป็นผู้อาวุโสที่ดีกันเถอะ!”
“ไหล่ของข้ายินดีจะแบกรับชะตานี้ให้เขา เพื่ออนาคตของหอทงเทียน...” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตาแดง
สองปรากฏการณ์ที่แตกต่างกันเกิดขึ้นในสนามรบ
ตัวละครมากมายอยู่ทางด้านหนึ่ง
พวกเขากำลังต่อสู้กับโล่ม่านพลังทองสูงหลายร้อยกิโลเมตรพวกเขายกแขนดูราวกับป่าไม้ตะโกนพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง
ตรงกันข้ามอีกด้านหนึ่งที่มีคนเพียงหยิบมือพวกเขายันอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดทั้งที่พวกเขามองไม่เห็นพลังชะตาที่หนักหน่วงนั้นก่อนที่พวกเขาจะถึงขีดจำกัด ก่อนที่เย่ว์หยางจะประสบความสำเร็จพวกเขาจะไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย
ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่เพียงแต่แบกพลังชะตาเท่านั้นแต่ยังแบกความหวังและอนาคตของหอทงเทียน
ตงฟางเห็นภาพทั้งหมด
เขาไม่ได้ขัดขวาง
นั่นเป็นเรื่องแน่นอน
การแบกรับพลังชะตาไม่สามารถหยุดยั้งได้ การทำลายล้างใดๆเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวจะถูกสะท้อนกลับตงฟางจะไม่สามารถทำอะไรญาติสนิทมิตรสหายครูบาอาจารย์ที่แบกรับชะตาให้เย่ว์หยาง
“พวกเจ้าจะอดทนเพื่อเขาได้มากแค่ไหนกัน? สิบเมตรก็เต็มที่แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าหากไม่มากไปกว่าหมื่นเมตรก็จะไม่มีทางบรรลุเทพจอมราชันย์ได้พวกเจ้ามีชะตาจะต้องประสบความล้มเหลว! แบกรับหอทงเทียนด้วยความเจ็บปวดนั่นไม่ใช่สิ่งที่กำลังของมนุษย์จะแบกรับได้เลย นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ความสนุกจริงๆ ยังมาไม่ถึง” ตงฟางหัวเราะเยาะเย้ย พลังเทพทะลวงผ่านมิติว่างและเทเลพอร์ตไปที่หอทงเทียนชั้นสิบซึ่งเป็นเป้าหมายโดยตรงต่อไป