ตอนที่ 1290 ข้าทำได้แน่
หอทงเทียน
หลังจากได้ยินเสียงเรียกในใจของแม่สี่แล้ว เจ้าอ้วนไห่เป็นคนแรกที่พรวดพราดลุกขึ้นดูเหมือนว่าเขาเหลือเพียงครึ่งชีวิต ทุกคนที่เหลือราวกับว่าฟื้นคืนชีพในที่ซึ่งเต็มไปด้วยเลือดเขาตะโกนเสียงดังลั่น “ในฐานะพี่ใหญ่ ถึงเวลาที่ข้าจะได้แสดงฝีมือสักที ไม่มีทางที่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต ต้องให้พี่ใหญ่ผู้นี้ลงมือเอง ข้ามาแล้ว!”
“ไปตายซะไป!” เย่คงยันเจ้าอ้วนไห่กระเด็นด้วยความโมโห โชคดีที่โทรจิตของแม่สี่สามารถเข้าถึงใจเขาได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอกไม่เช่นนั้นเขาจะถูกเจ้าอ้วนผู้นี้รบกวน
“.....”เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวฟังด้วยสีหน้าแสดงความเคารพ
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้อย่าพลาดแม้แต่ครึ่งวินาที
เขากลัวว่าจะพลาดตกหล่นจากคำที่ได้ยิน
นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์โดยรวมได้เว้นเจ้าอ้วนไห่ที่ไร้ความคิดและไม่เกรงใจใครแล้วไม่มีใครที่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำในตอนนี้
เจ้าอ้วนไห่คลานออกมาไม่รอให้เขาได้พูด นางนวลแปลงยื่นมือน้อยๆ บิดเนื้อที่เอวเจ้าอ้วนไห่ทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งร่างหายใจไม่ออกสั่นไปทั้งตัว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก่อนนั้นคนที่ทำโทษเจ้าอ้วนไห่ได้นั้นต้องเป็นคนสวยและนั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจเสมอ ในเวลานี้เขาไม่กล้าแสดงความเจ็บปวดทรมานให้ปรากฏบนใบหน้า
นี่นางทำอะไรกับเจ้าหมูไม่กลัวน้ำร้อนผู้นี้กันแน่
นอกจากนี้ไม่มีใครสนใจตบตีเขาในตอนนี้
แม่สี่หยุดชั่วคราว
ราวกับว่านางไตร่ตรองจัดระเบียบคำพูดใหม่
หลังจากหยุดไปเกือบหนึ่งนาทีนางค่อยเปิดเผยวิธีลับในการแบกรับพลังโชคชะตาแทนเย่ว์หยาง วิธีลับส่งผ่านไปทางใจยิ่งกว่านั้นต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเย่ว์หยาง ญาติสนิทมิตรสหายนางกลัวจริงๆ ว่าวิธีนี้จะถูกศัตรูรู้ไปได้
วิธีลับที่ว่าใช้เวลาสามวันแบกรับพลังโชคชะตาแทนเย่ว์หยางซึ่งต้องทำการเลือก
มิฉะนั้นจะพลาดโอกาสตลอดไป
โอกาสที่สูญเสียไปแล้วจะไม่ย้อนกลับมาอีก
ฉะนั้นสิ่งที่นางจะพูดในเวลานี้คือเรื่องสำคัญ
“ข้าคือหัวซิ่วรี่จักรพรรดิแห่งเทียนหลัวข้าจะขออธิบายวิธีแบกรับพลังชะตาของเย่ว์หยาง ไม่ต้องกังวลมากทุกคนสามารถแบกรับพลังโชคชะตาให้กับเย่ว์หยางได้แม้จะเป็นคนธรรมดาก็ตามตราบเท่าที่พวกเขามั่นใจว่าพลังความแข็งแกร่งของตนเองจะมีส่วนร่วมได้ ในกระบวนการดำเนินการแบกรับพลังโชคชะตาจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตทุกคนไม่ต้องจ่ายอะไรแลกมา ต่อให้พวกเจ้าต้องถอยกลับไปหมื่นก้าว แม้ว่าเจ้าบางคนจะล้มเหลวแต่จะไม่ส่งผลกระทบการแบ่งปันแบกรับของคนอื่นนี่เป็นการกระทำที่ชอบธรรมและสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไข ตราบใดที่พวกเจ้ายินดีจะสนับสนุนเย่ว์หยางและเชื่อมั่นในตัวเขา อย่างนั้นก็เข้าร่วมได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสถานะสูงส่งไม่มีปัญหาระดับความสามารถในการแบกรับ ในการแบกรับพลังโชคชะตา หากพวกเจ้ารู้สึกสำนึกเสียใจที่เข้าร่วมพวกเจ้ายอมแพ้ได้ตลอดเวลา ไม่มีปัญหาอะไร!” จักรพรรดิเทียนหลัวส่งเสียงดังขึ้นกะทันหันจากนั้นเมื่อเห็นความวิตกกังวลของคนนับไม่ถ้วนจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จึงได้ชี้ประเด็นสำคัญให้เห็นว่าการดำเนินการแบกรับพลังโชคชะตาไม่มีปัญหาในการดำเนินการ
“หากประสบความสำเร็จในที่สุดฮัวเซียนจะแนะนำซานเอ๋อให้ทดแทนให้กับผู้สนับสนุนทั้งหมดแน่นอนว่าทั้งนี่ต้องดูการสนับสนุนของทุกคนด้วยมิฉะนั้นฮัวเซียนจะมิกล้าพูดอะไรชั่วคราว” แม่สี่เป็นคนใจดี นางหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากทุกคน
ความจริงทันทีที่เลื่อนระดับเป็นเทพจอมราชันย์จะมีพลังวิเศษที่ยิ่งใหญ่
สามารถประทานอำนวยพรได้
ตอบแทนผู้สนับสนุนนั่นเป็นการกระทำที่ธรรมดามาก
แต่นางกังวลว่าสิ่งที่นางพูดอาจเกินเจตจำนงของเย่ว์หยางหากเย่ว์หยางไม่สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างราบรื่น ในอนาคตจะมีผลกระทบทางลบเพราะผิดสัญญาแน่นอนดังนั้นนางจึงไม่กล้าสัญญาเล็กๆ น้อยๆ
เทียบกับแม่สี่แล้วหัวซิ่วรี่ตรงไปตรงมา “การตอบแทนคือสิ่งที่เย่ว์หยางคิด ไม่ใช่สิ่งที่เราคิดทุกคนสามารถได้ยินเสียงเรียกทางจิตของเราแสดงว่าพวกเจ้าทุกคนคือคนที่มีโชคชะตาเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยางหากไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง พวกเจ้าจะไม่ได้ยินเสียงเรา ตอนนี้อาเซียนไม่กล้าพูดข้าจะพูดแทนนางเอง การช่วยสนับสนุนจะต้องไม่มีเงื่อนไข! เราชาวหอทงเทียนต้องเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อแบกรับพลังแห่งโชคชะตาให้สหายของเราช่วยส่งเสริมเขาให้เข้าสู่ขอบเขตเทพจอมราชันย์ ถ้ายังจะพูดคุยเงื่อนไขของการตอบแทนผู้รุกรานจากแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บนคงได้หัวเราะเยาะเราเป็นแน่! ในสายตาของพวกเขาหอทงเทียนเราเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆและตอนนี้คนของเราจะเลื่อนเป็นไประดับเทพจอมราชันย์ก็มีแต่ความยากลำบาก นี่คือโอกาสใหญ่ในรอบพันปีหมื่นปี พวกเราไม่มีหวังแบบนี้มาเป็นพันๆ ปีแล้ว ในแดนสวรรค์และแดนสวรรค์บนนั้น ถ้ามีโอกาสสร้างความสำเร็จที่งดงามเช่นนี้ อาจมีนักรบที่ไม่รู้จักหลายพันคนเต็มใจเสียสละอุทิศทุกสิ่งเพื่อมอบความสำเร็จสุดท้ายด้วยศักดิ์ศรีเกียรติยศ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีโอกาสแบบนี้ทั้งไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้รับโอกาสแบบนี้ ตอนนี้ลองเหลียวมองดู พวกเราชาวหอทงเทียนทั้งหลายเราไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเลย แค่สนับสนุนด้วยพลังศรัทธาจากนั้นให้สหายของเราเลื่อนไปเป็นระดับเทพ ส่วนเงื่อนไขที่ต้องหารือกันนั่นไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าหน้าเลือดที่คอยเอาเปรียบนั่นเป็นตลกร้ายโลกๆ ใช่หรือไม่?”
“ถ้าพวกเราทุกคนมีจิตใจเห็นแก่ตัวอย่างนั้นจะพูดคุยเรื่องการฟื้นฟูหอทงเทียนได้อย่างไรกัน? การเอาเปรียบแสวงหาผลกำไรนั่นไม่ใช่นิสัยของนักรบเรา เรากำลังไล่ตามไขว่คว้าพลังความก้าวหน้าที่สูงยิ่งกว่า เราสร้างศรัทธาความเชื่อมั่นสนับสนุนยอดนักสู้ของเราโดยไม่มีเงื่อนไขช่วยผลักดันพวกเขาให้ไปได้ไกลที่สุด เราจะไม่เสียอะไร มีแต่จะได้รับคืนในภายหลังซึ่งนั่นก็คืออนาคตที่ไม่มีใครคาดคิดได้”
“ไม่ต้องพูดถึงการตอบแทนไม่ต้องพูดถึงเกียรติยศศักดิ์ศรี เราสามารถแบกรับพลังชะตาได้ อาศัยความสำเร็จนี้ย่อมส่งเสริมมาถึงตนเองได้”
“บางทีพวกเจ้าไม่อาจรู้ศักยภาพและความสำเร็จในอนาคตของพวกเจ้า”
“นี่คือความลับในการเติบโตก้าวหน้าของนักรบเสมอ”
“ขอเพียงแต่พวกเจ้าเต็มใจเข้าร่วมแบกรับพลังโชคชะตาพวกเจ้าจะเห็นจริงในกระบวนการนั้น..จากการอ้างอิงเป็นตัวอย่างของเทพจอมราชันย์ เจ้าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน พอเถอะ ข้าไม่ต้องการอธิบายเรื่องอย่างนี้มากเกินไปนี่ถึงเป็นโอกาสสำหรับเย่ว์หยาง แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับพวกเจ้าด้วยไม่ใช่หรือ?การยินดีสนับสนุนเย่ว์หยางอย่างไม่มีเงื่อนไข ยืนหยัดเท่าที่เป็นไปได้ ร่วมกับเราไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด สถานะใดก็ตามตราบเท่าที่สามารถยืนยันสนับสนุนช่วงเวลาสำคัญนี้ของเราให้ได้พวกเขานับว่าเป็นญาติเป็นมิตรที่แท้จริง...”
เมื่อคำพูดของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จบลงเจ้าอ้วนไห่กระโดดเป็นคนแรก
เขาชูมือทั้งสองเหนือศีรษะ
และตะโกนลั่นเหมือนตนเป็นพระผู้ปลดปล่อย “ข้ายินดีจะแบกรับพลังยักษ์ชะตาของเจ้าเด็กหยางมาเลย มอบพลังเทพชะตาให้ข้าแบกรับสักหนึ่งกิโลเมตร แม้ว่าข้ามักชอบถ่อมตัวแต่ข้าคุณชายผู้นี้สามารถแบกรับพลังชะตาที่ระดับหนึ่งกิโลเมตรได้อย่างง่ายดายต้องให้ข้าบอกทุกที่หรือไม่?”
ในความเป็นจริงตามวิธีลับที่แม่สี่สอนท่าทางที่ใช้แบกรับพลังชะตานั้นเหมือนกัน
เจ้าอ้วนไห่สำคัญตนผิดว่าตนเองเป็นพระผู้ปลดปล่อยสามารถสอนมนุษย์ได้อย่างตรงไปตรงมา
เย่คงไม่ว่างจะจัดการกับเขาในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงหั่นเจ้าอ้วนที่น่าตายเป็นสิบแปดชิ้นสามสิบหกท่อน
“หุบปากไปเลย ถ้าเจ้าพล่ามอีกครั้ง ข้าจะรีดไขมันเจ้ามาเจียวน้ำมันทอดปลาท่องโก๋”ร่างแปลงของนางนวลสายลมพอเริ่มพูด เจ้าอ้วนไห่หุบปากภายในสามวินาที
“ได้จ้ะ, ทูนหัว!” เจ้าอ้วนไห่ตัวสั่น พลังเทพชะตาที่เขาทนแบกลับๆมองดูเหมือนกับว่าเขาได้รับมอบมาจากเย่ว์หยางและจื้อจุนต้องสอดคล้องกับขีดความสามารถความอดทนในการรับภาระของเป้าหมาย กระบวนการของวิธีลับนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆจนถึงขีดจำกัดของผู้สนับสนุน
เจ้าอ้วนไห่ที่เพิ่งจะโอ้อวดว่าจะรับแบกภาระพลังชะตาหนึ่งกิโลเมตรแทนเย่ว์หยาง
ตอนนี้พอแบกภาระเพียงหนึ่งเมตรก็หน้าคะมำเสียแล้ว
เขาหน้าทิ่มลงไปในหลุมโคลนและค่อยโผล่ให้เห็นใบหน้าที่รู้สึกอับอายพลังของยักษ์ชะตาไม่ส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก เพียงแต่มีผลต่อร่างกายของผู้แบกภาระเท่านั้นเหตุผลที่เจ้าอ้วนไห่กลายเป็นเต่าคลุกเลนนั้นเป็นเพราะเขาไม่สามารถแบกรับได้เพราะเขายังไม่ทันจัดระเบียบร่างกายให้ดีเสียก่อน...อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าอ้วนไห่ผู้มีพลังชีวิตเหมือนแมลงสาบยกแบกรับพลังชะตาหนึ่งเมตรชูสูงขึ้นกลับทำให้เย่คงและเสวี่ยทันหลางตกใจต้องบอกว่าพลังยักษ์ชะตาขนาดนี้อยู่ในช่วงที่พวกเขาแบกรับหรอกหรือ?
ตอนแรกเย่คงและพวกเสวี่ยทันหลังคิดว่าขนาดพลังสูงหนึ่งกิโลเมตรพวกเขาเองสามารถกัดฟันแบกรับพลังชะตาของเย่ว์หยางได้สักร้อยเมตร
ใครจะรู้ว่าเจ้าอ้วนไห่กลับแบกรับพลังชะตาได้เพียงหนึ่งเมตร
สิ่งที่ทำให้พวกเขาละอายใจจนแทบเป็นบ้าก็คือเมื่อเย่คงและพวกเสวี่ยทันหลางพยายามแบกรับพลังชะตาให้กับเย่ว์หยางด้วยวิธีการลับพวกเขาสื่อสารทางจิตกันและกันได้ทันทีและพวกเขาก็รู้สึกถึงพื้นที่ห่างไกลที่หาที่เปรียบมิได้ อี้หนานและเย่ว์ปิงสาวน้อยตัวเล็กๆสองคนนั้นแบกรับพลังชะตา 180 และ 160 เมตรตามลำดับ นี่ฟ้าตาบอดหรือเปล่า
นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ
ด้วยร่างกายที่บอบบางอย่างพวกนางสามารถแบกรับพลังชะตาที่มีความสูงขนาดนั้นได้อย่างไร
“น้องปิงเอ๋อสามารถแบกพลังชะตาได้สูงมากกว่าร้อยเมตรข้าไม่ยอมแพ้แน่นอน! เอามาเพิ่มให้ข้าอีก เพิ่มให้ข้าต่อไป ข้าชอบแบบนี้ ข้า ข้าเป็นลูกพี่ไม่ใช่หรือข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!” เจ้าอ้วนไห่กัดฟันพยายามอย่างยิ่งที่จะเพิ่มการแบกรับพลังโชคชะตา แต่ความอดทนของเขาเพียงพอรองรับได้เพียงหนึ่งเมตรและเกือบสองสามเมตรก็ถึงขีดจำกัดของร่างกาย
“ร่างพังไม่เป็นไร เอามาให้ข้าอีกข้าเย่คงพร้อมจะสนับสนุนเย่ว์หยาง!”เย่คงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“....” เสวี่ยทันหลางพักแขนข้างหนึ่งดวงตาของเขาแดงเส้นเลือดสีน้ำเงินปูดโปนด้วยความโกรธสหายร่วมกลุ่มเขาทิ้งห่างจากเย่คง เจ้าอ้วนไห่และองค์ชายเทียนหลัวถึงสิบเมตร แต่เขาไม่ได้รู้สึกพอใจเลย
ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
โดยไม่มีขีดจำกัด
เขาคิดเอาเองว่าแม้ว่าเขาจะมีขีดจำกัด แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับสิบเมตร
อี้หนานกับเย่ว์ปิงเป็นสตรีสามารถแบกรับเพื่อเย่ว์หยางได้มากกว่าร้อยเมตร ถ้ากลุ่มพวกเขาที่เป็นบุรุษทำได้ไม่ดีเท่าพวกนางยังจะมีคุณสมบัติอะไรที่พวกเขาจะบอกว่าเป็นสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์หยาง?นอกจากนี้ขีดจำกัดของเขาเองไม่ควรอยู่ที่สิบเมตร แต่ควรจะสูงยิ่งกว่า...หากมีศักยภาพใดๆ ในร่างกายของเขาอยู่ ศักยภาพนั้นควรจะระเบิดออกมา!
ตอนนี้ไม่มีอะไรอื่นจะขออีกแล้ว!
ขอเพียงระเบิดพลังออกมาอีกครั้งด้วยความสามารถของตนเองขอแบกรับเกียรติยศเพื่อตนเอง!
ข้าคือใคร?ข้า ข้าคือเสวี่ยทันหลาง! ครั้งหนึ่งข้าเคยถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่สุดแค่เป็นรองเย่ว์หยางที่โลกรู้จักนี่คือขีดจำกัดของข้างั้นหรือ? ไม่ ไม่แน่ๆ!
“บ้าจริงๆ... เจ้าอ้วนไห่ เจ้าคือลูกพี่เจ้าคือหัวหน้า แต่กลับแบกรับพลังเทพชะตาได้เพียงไม่กี่เมตรเองหรือรู้จักอายบ้างไหม? เจ้าจะขี้ขลาดแบบนี้ตลอดไปซ่อนตัวมีชีวิตอยู่หลังคนอื่นอยู่อย่างอดสูอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่สามารถยืนหยัดพิสูจน์ความสามารถของเจ้าหรือ?ไม่, ข้าคือไห่ต้าฟู่ผู้มีพรสวรรค์ ข้าไม่ใช่เจ้างี่เง่าไห่ต้าฟู่ ไม่ใช่เจ้าขี้ขลาดไห่ต้าฟู่.. ต้องยืนหยัด ข้าต้องทนให้ได้!” เจ้าอ้วนไห่เห็นว่าเย่คงเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวต่างแบกรับพลังโชคชะตาสูงกว่าตนเอง โดยเฉพาะเสวี่ยทันหลางซึ่งตอนนี้แบกรับมากกว่าสิบเมตรทันใดนั้นเขาทิ้งความอายเหยียดมือด้วยความเมื่อยล้าตบหน้าตนเองค่อยคุกเข่าหลั่งน้ำตาและใช้มือกุมหัวใจบริเวณหน้าอกเหมือนกำลังกำถือเกียรติยศศักดิ์ศรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตตนเองขณะที่พูดพึมพำกับตนเองและประคองตนเอง ใช้วิธีลับเพื่อเพิ่มการแบกรับพลังชะตา
สิบเมตรเจ้าลิง องค์ชาย เจ้าหน้าโลงศพ..ข้า ข้ายังเป็นพี่ใหญ่ข้าต้องดูดีเป็นพี่ใหญ่ ไม่เพียงแค่สิบเมตรเท่านั้นข้าสามารถแบกรับได้มากขึ้น ข้าระดับไหนแล้วข้าคือลูกพี่ของเย่ว์หยางอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา... ข้าไม่ใช่ไอ้ขี้ขลาด ไม่ใช่คนขี้ขลาด ข้าสามารถค้ำโลกและค้ำฟ้าได้ ข้าต้องใช้ความสามารถให้ประสบความสำเร็จมากมาย ข้าจะต่อสู้เพื่อตระกูลและตัวข้า ใช่ข้าต้องการเป็นเจ้านายที่เหมาะสม ข้าต้องทำได้แน่นอน