ตอนที่ 1288 แบกภาระและพลังแห่งชะตา
ขณะนั้นปรากฏเงาร่างสองร่างจากมิติว่าง
ต่างจากจักรพรรดินีราตรีที่ซ่อนร่างทั้งหมดอยู่ภายในประกายดาวและต่างจากจ้าวภูผาที่เป็นร่างเทพทองภาพลักษณ์ของทั้งสองนี้ไม่แตกต่างจากคนปกติ ไม่มีความสง่างามไม่มีราศีของเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้ทรงภูมิปัญญาและมีสง่าราศี พวกนางเหมือนกับดรุณีน้อยน่ารักเหมือนนักศึกษาดีเด่นที่ฝึกฝนคร่ำเคร่งอย่างหนักและว่านอนสอนง่ายในสถาบันศึกษาพวกนางจะมีร่องรอยเย่อหยิ่งของยอดฝีมือระดับเทพที่สูงส่งยิ่งกว่ายอดเขาผู้มองมายังโลกได้อย่างไร?
สองคนนี้เป็นนักสู้ระดับเทพจริงๆ หรือ?
แม้แต่จักรพรรดินีราตรีก็อดขยี้ตาตัวเองไม่ได้
แต่ในไม่ช้านางก็พบว่าสายตาของนางไม่ผิดพลาดสองคนที่เพิ่งมาถึง ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาพวกนางจะแตกต่างจากยอดฝีมือระดับเทพแต่พวกนางไม่สามารถซ่อนความจริงได้ นักสู้ระดบเทพ เป็นนักสู้ระดับเทพแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นความเข้าใจรู้แจ้งและความสำเร็จนั้น พวกนางมีประกายเทพราชันย์ที่มีพลังไม่สิ้นสุดแทบจะใกล้เคียงนักสู้ระดับเทพที่สมบูรณ์แบบที่สุด!
“พวกเจ้าทำได้อย่างไร?” จักรพรรดินีราตรีถามหลังจากเชื่อมั่นว่านางไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความฝันหรืออยู่ในอุบายของศัตรู นางอดถามไม่ได้ เพราะทั้งสองคนที่มาถึงพร้อมกันนี้กลับเป็นอี้หนานและเย่ว์ปิงที่ไปดินแดนมิติฝึกฝีมือหลายเดือน
สาวน้อยทั้งสองนี้ไม่เคยก้าวเข้าสู่ระดับเทวทูตมาก่อน จู่ๆก็โดดข้ามกระบวนการที่คั่นอยู่ตรงกลางนับไม่ถ้วนจนเป็นระดับเทพได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นพลังนักสู้ระดับเทพที่พวกนางเพิ่งแสดงออกมานั้นทรงพลังมากกว่าจักรพรรดินีราตรีที่ฝึกฝนเพื่อเลื่อนเป็นระดับเทพอย่างยากลำบาก เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร!
“นี่เป็นภาพลวงตาหรือ?” แม้แต่จ้าวภูผาก็สงสัยสายตาตนเอง
แม้ว่าพลังโจมตีเต็มที่ของเขาจะถูกขัดขวางป้องกันโดยกระจกเทพที่ฝ่ายตรงข้ามสร้างขึ้นมาและหนามดักเท้าที่มีพิษรุนแรงแทบตาย เขาไม่สามารถยอมรับความจริงต่อหน้าได้
เขาถูกสาวน้อยสองคนนี้ทำร้ายได้จริงๆ หรือ?
ภายใต้ดวงตะวันนี้ มีนักสู้ระดับเทพเพิ่มมาอีกได้อย่างไร?
ในหอทงเทียนนอกจากเย่อวี่ นางพญาผู้พิชิตและคนผู้ซ่อนตัวอยู่ในมิติกระจกยังมีนักสู้ระดับเทพคนอื่นๆ อีกหรือ?
แม้ว่าจะมีพลังเทพแต่เป็นไปได้หรือที่จะกลายเป็นเด็กสาวอายุไม่ถึงยี่สิบปี? เป็นไปไม่ได้ เรื่องแบบนี้ต้องเป็นการหลอกลวงบางอย่างหรืออาจเป็นฝีมือผู้นิทราที่ไม่เคยปรากฏในโลกนี้! มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถสร้างความสับสนให้กับผู้คนในโลกแห่งความฝันที่พิศวงและไร้เหตุผล มีเพียงนางเท่านั้นที่มีความสามารถในการเล่นกับความรู้สึกของเทพที่แข็งแกร่ง... “เย่เมิ่ง, จงปรากฏตัวออกมา! ในเมื่อเจ้าตัดสินละทิ้งหน้าที่ผู้พิทักษ์ทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็จงออกมาทักทายเรา! สหายเก่าไม่ได้พบเจอกันมานานหลายปีแล้ว ข้ายังไม่ลืมอดีตที่น่าอดสูปีนั้น ใช่แล้วข้ากระตือรือร้นจะต่อสู้กับเจ้าอีกครั้ง เจ้าคือผู้แข็งแกร่งที่ทิ้งรอยมลทินไว้กับตัวข้า!” ราชันย์ไร้เทียมทานซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืด พูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยเขาเรียกชื่อของคนที่ไม่ได้ปรากฏตัวในหอทงเทียนมานานแล้ว เย่เมิ่ง!
“ภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพจริงหรือภาพลวงตาเจ้ายังไม่สามารถบอกความแตกต่างได้พูดเสียมารยาทเช่นนี้เจ้ายังเป็นเทพที่มีประกายเทพนิรันดรอีกหรือ?” ราชันย์ไร้ใจเอ่ยปากดุอย่างจริงจังทันที
“อะไร อะไรกัน?” จ้าวภูผาและราชันย์ไร้พ่ายพอได้ยิน
ไม่สามารถพูดได้ถูก
เด็กผู้หญิงระดับเทพสองคนที่อยู่ข้างหน้ามีประสบการณ์เหนือกว่าจักรพรรดินีราตรีหลายเท่างั้นหรือ?
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นพูดจ้าวภูผาจะไม่ยอมเชื่ออย่างแน่นอน แต่นี่เป็นราชันย์ไร้ใจกล่าวเขาจึงไม่อาจโต้แย้งได้ เพราะคำพูดของราชันย์ไร้ใจนั้นล้ำค่าไม่มีผิดอย่างแน่นอน แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าผู้ทรงภูมิปัญญาอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คือตงฟางนั้นผิด คำพูดที่ล้ำค่าของราชันย์ไร้ใจนั้นไม่ผิดแน่ นี่คือคำพูดที่เป็นทักษะแฝงเร้นของเขาความแท้จริงของเจตจำนงประกายเทพ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายใต้คำพูดที่ล้ำค่าของเขา
ดังนั้น
ราชันย์ไร้ใจบอกว่าสาวน้อยทั้งสองคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาเป็นนักสู้ระดับเทพไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกเหลือเชื่อเพียงไหน แต่ก็เป็นความจริง!
จักรพรรดินีราตรีรีบฉวยโอกาสทักทายอี้หนานและเย่ว์ปิงนางกอดสาวน้อยทั้งสองโดยตรง นางยังมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังฝันอี้หนานกับเย่ว์ปิงทั้งสองคนกลายเป็นนักสู้ระดับเทพได้อย่างไร? นางแม้รู้ว่าเย่ว์หยางเลื่อนระดับได้รวดเร็วที่สุดแต่เขาก็ยังไม่เลื่อนเป็นระดับเทพ!
“พี่ปิงหยินพาเราไปยังสถานที่สำหรับฝึกฝนและกระบวนการนั้นยังไม่ชัดเจนในทันที แต่เนื่องจากเรามีความเหมาะสมเป็นพิเศษเราจึงต้องแบกรับชะตาอนาคตของพี่สามล่วงหน้าไปก่อน ทักษะระดับเทพนี้ไม่ใช่ของพวกเรา เป็นของพี่ชายไม่สิ ควรจะบอกว่าเป็นความสำเร็จของพี่สามในอนาคต เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเราไม่ต้องทำอะไรเลย. รู้แต่ว่าการแบ่งเบาภาระให้พี่สามเป็นเรื่องดี” สาวน้อยเย่ว์ปิงยังสับสนเล็กน้อยและนางไม่รู้ความจริงมากนัก นางยิ่งเล่าให้จักรพรรดินีราตรีฟัง นางก็ยิ่งสับสน
ช่วยแบกรับชะตาอนาคตเพื่อพี่ชายหรือ?
เย่ว์หยางยังไม่ถึงระดับเทพ!
เขายังไม่บรรลุระดับเทพด้วยตัวเองแล้วนางจะช่วยแบกรับภาระในอนาคตให้เขาได้อย่างไร?
ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? ตามความแข็งแกร่งและภูมิปัญญาของอี้หนานและเย่ว์ปิงพลังและสติปัญญาของพวกนางเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสำเร็จด้วยตนเอง แม้ว่าจะมีผู้อื่นส่งเสริมอยู่หลังฉาก พวกนางไม่จำเป็นต้องรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขาเขาสามารถทำให้สาวน้อยทั้งสองยกระดับได้หลายเท่า!
พี่ปิงหยินจากปากของปิงเอ๋อนั้น จักรพรรดินีราตรีรู้จักเป็นธรรมดาแต่นางเชื่อว่าสาวกิเลนปิงหยินในช่วงเวลาที่ผ่านมาคอยลอบพิทักษ์เย่ว์หยางด้วยความสามารถของนางและความเยาว์วัยของนางที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ แม้ว่านางจะเป็นอสูรอมตะจากเผ่าบูรพาอมตะแต่เป็นไปไม่ได้ที่นางจะบรรลุเป้าหมายเช่นนี้ได้
ความยากลำบากนี้ไม่ด้อยไปกว่าการสร้างต้นกล้าสองต้นให้กลายเป็นไม้ยืนต้นที่สูงตระหง่านพร้อมกัน
ไม่ใช่เทพผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้
ถ้านางไม่เห็นกับตาตนเอง
และนอกจากนี้สองคนนี้ยังเป็นญาติและลูกหลานของนางเองจักรพรรดินีราตรีไม่สามารถรับความจริงข้อนี้ได้
“เราถูกน้องปิงหยินพาตัวไป ที่นั่นเป็นโลกที่วิเศษสุดยอดที่ไม่รู้จบเป็นความสำเร็จลับๆ ของเย่ว์หยาง เรารู้ว่าสิ่งที่ให้การสนับสนุนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องปิงหยิน นางเพียงแต่นำเราเข้าไปเราไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่มีเสียงบอกให้เราทำเช่นนี้ เราทำอย่างนี้เพื่อเขา ยิ่งไปกว่านั้นขั้นตอนการแบกรับเจ็บปวดแสนสาหัสมาก หลังจากสำเร็จแล้วย่อมเป็นผลดีเราต้องการรับภาระให้เย่ว์หยางให้มากเท่าที่ทำได้น่าเสียดายที่ความอดทนและการหลอมรวมพลังของเรามีข้อจำกัดอี้หนานไม่ได้พูดเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่จักรพรรดินีราตรีเข้าใจว่าสาวน้อยทั้งสองได้พบกับท่านผู้ทรงศักดิ์ใหญ่
ท่านผู้ทรงศักดิ์ใหญ่ผู้นี้
คงจะเป็นผู้พิทักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเย่ว์หยาง
ต้องเป็นท่านผู้สูงศักดิ์ใหญ่นี้ประทานพรทำให้เด็กน้อยรุ่นหลานของนางได้รับพลังเลื่อนระดับหลายขั้นจนกลายเป็นนักสู้ระดับเทพ
สำหรับการใช้วิธีลับนี้ดูเหมือนกับจะนำอนาคตของเย่ว์หยางมาใช้ล่วงหน้าหรือแม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่จักรพรรดินีราตรีได้บทสรุปในใจในเมื่อเบื้องหลังของเย่ว์หยางมีผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่เขาเป็นคนผู้มีพลังเหลือเชื่อขนาดนั้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเย่ว์หยางล้วนแต่เป็นปาฏิหาริย์
วันนี้อี้หนานกับเย่ว์ปิงกำลังแบกอนาคตของเขาที่ทำให้เขาเป็นนักสู้ระดับเทพเหตุผลนี้นับว่าแปลกประหลาดจริงๆ!
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น มีอะไรบ้างที่เป็นเรื่องปกติ?
จักรพรรดินีราตรีรู้สึกปลื้มใจ
อย่างช่วยไม่ได้
นางกอดสาวน้อยอี้หนานและเย่ว์ปิงทั้งสองอีกครั้ง ตั้งแต่นางลงมือต่อสู้อย่างเดียวดายยากลำบาก มีกำลังเสริมปรากฏขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดพวกนางเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ.... ถึงกระนั้นนางก็ยังปลาบปลื้มอยู่ในใจว่ามี ‘ผู้ศักดิ์ใหญ่’ หนุนอยู่เบื้องหลังเย่ว์หยาง เมื่อมีผู้พิทักษ์ซึ่งมีศักดิ์ศรีไม่มีใดเทียบคอยปกป้องเด็กคนนี้ถึงได้ปลอดภัย!
ตอนแรกจักรพรรดินีราตรีถูกศัตรูผู้แข็งแกร่งข่มกดดันตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางราชันย์ไร้พ่ายและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ ตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงแสงอรุณของวันใหม่ได้
“พวกเจ้าเป็นเด็กดีมาก ภาระนี้ต้องหนักหน่วงและขมขื่นมาก!” จักรพรรดินีราตรีรู้ว่าอี้หนานและเย่ว์ปิงพูดสบายๆ แต่เพียงผิวเผินเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะง่ายดูสบายๆ ขนาดไหนแต่พวกนางไม่มีพลังเทพแต่ต้น เพียงแต่ฝืนใจแบกภาระให้ผู้อื่น นี่เป็นงานที่ยากลำบาก และพวกนางมีพลังเทพที่น่ากลัวสูงกว่าพลังของตัวพวกนางเองหลายเท่าพวกนางจะต้องทุ่มเทไปขนาดไหน?
เป็นกระบวนการที่เจ็บปวดมากมายแค่ไหน?
จักรพรรดินีราตรีมิอาจคาดคิดได้
นางสงสัยว่าภายใต้เงื่อนไขเดียวกันนางจะมีความอดทนเพียงพอเหนือกว่าอี้หนานและเย่ว์ปิงหรือไม่...“พรดังกล่าวนี้เป็นการผสานรวมของพลังเทพภูมิปัญญาและความอดทนของตนเองโดยขึ้นอยู่กับทักษะแฝงเร้น สมบัติวิเศษและอสูรศึกความทะเยอทะยานน่ายกย่องและน่าทึ่ง ถ้าสักวัน ถ้าวันหนึ่งเจ้าของพลังเทพตื่นขึ้นจริงๆ และร่วมมือกับทั้งสองบางทีอาจจะเปลี่ยนไปเป็นพลังศักยภาพที่แท้จริงของพวกนางและแรงบันดาลใจอย่างเป็นทางการจากการเป็นเทพเสมือนของพวกนางจะอยู่ได้ไม่นาน” ราชันย์ไร้ใจถอนหายใจยาวไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาเอ่ยปากเสียงจริงจัง “ภายในเวลาสามวันถ้าพวกเจ้าไม่สามารถโจมตีเอาชนะศัตรูได้เด็ดขาดความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่จะมาเยือน”
“เจ้าเด็กเย่ว์ไตตันนั่น อีกสามวันค่อยมารับพลังเทพที่พวกนางใช้อยู่แล้วกลายเป็นเทพอย่างเป็นทางการหรือ?” จ้าวภูผารู้สึกได้ถึงวิกฤต เหงื่อเยียบเย็นเกาะพราวที่หน้าผากของเขา
“ถ้าเย่ว์ไตตันสามารถครอบครองพลังเทพของพวกนางทั้งสองได้อย่างนั้นเขาจะเป็นเสี้ยนหนามขัดขวางเราจริงๆ!” ราชันย์ไร้พ่ายรู้สึกแย่ขึ้นมาบ้าง
หากเย่ว์ไตตันที่ซ่อนตัวสามวันให้หลังได้รับพลังนักสู้ระดับเทพของสตรีทั้งสองข้างหน้านี้ได้เต็มที่ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือจากเย่_อวี่ เย่เมิ่ง เฟ่ยเหวินหลี แค่ความช่วยเหลือของพวกนางเขาเกรงว่าผลการรบครั้งนี้คงออกมาไม่ดีเป็นแน่ ตงฟางวางแผนมานานหลายพันปี แผนเกมหมากรุกมีแนวโน้มว่าจะไร้ประโยชน์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ‘ผู้พิทักษ์’ ผู้ที่ให้พรเด็กหญิงสองคนซึ่งอยู่เบื้องหลังเย่ว์ไตตันเกรงว่าจะเป็นสุดยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดา พลังอาจจะอยู่ระดับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
ต้องเป็นเช่นนั้น
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ดีแน่
เขาเกรงว่าต่อให้เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้มาถึงก็คงได้ไม่คุ้มเสีย!
“เจ้าโง่!” ราชันย์ไร้ใจสบถอย่างโมโห “ภาระที่หนักหน่วงจะจำกัดอยู่ที่สองคนนี้ได้อย่างไร จนถึงตอนนี้ข้าได้แต่หวังว่าคงจะน้อยกว่าสิบ มิฉะนั้นการพลิกสถานการณ์จะเป็นความจริง!”
สิบคน?
ผู้รับพลังเทพมาสิบคนเหมือนกับเด็กสาวทั้งสองที่อยู่ข้างหน้านี้น่ะหรือ?
ในเวลาสามวันพลังเทพซึ่งคนเหล่านี้แบกรับไว้จะไปรวมอยู่กับเย่ว์ไตตันอย่างนั้นหรือ? แล้วใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?
จ้าวภูผาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ถึงกับสั่นจนควบคุมมิได้ เขาโกรธราวกับภูเขาไฟปะทุ ปล่อยหมัดใส่อี้หนานเย่ว์ปิงและจักรพรรดินีราตรี “ตายซะเถอะ,ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น! ตาย! พวกเจ้าต้องตาย
ไม่รอให้จักรพรรดินีราตรีถูกทำร้ายอี้หนานและเย่ว์ปิงต้านรับหมัดด้วยความเร็วสูง สี่หมัดน้อยผนึกพลังสะท้อนกระแทกฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไปหมื่นเมตรได้อย่างง่ายดาย
กระจกวิเศษเบี่ยงเบนทิศทางอย่างชาญฉลาดบอลแสงของจ้าวภูผาถูกปัดกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในอีกด้านหนึ่งพลังเทพผนึกนับไม่ถ้วนออกมาจากห้วงมิติมืดแต่ถูกพลังของมนุษย์พฤกษาศักดิ์สิทธิ์กระแทกกระเด็นออกไปเป็นกิโลเมตรท้องฟ้าปรากฏรัศมีสีเขียวฉายสว่างไปทั่วกลายเป็นสตรีผู้หนึ่งคอยช่วยอยู่ด้านหลังเย่ว์ปิงด้วยมือที่เรียวงามต้นไม้ใหญ่น้อยโบราณหลายพันต้นผุดขึ้นจากอากาศว่างเปล่ารวมกับสนามพลังของเย่ว์ปิงเกิดเป็นโลกพฤกษาโบราณที่มีชีวิตนิรันดร์มิอาจทำทำลายได้
“เป็นไปไม่ได้,เจ้าไม่ใช่นักสู้ระดับเทพ เจ้าจะสู้กับเราได้อย่างไร?” จ้าวภูผาโกรธแทบบ้าเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเด็กผู้หญิงได้
“สิ่งที่เราแบกรับอยู่คือพลังแห่งชะตาที่เหนือทุกสิ่งในโลกดังนั้นท่านจึงไม่สามารถสั่นคลอนได้!” อี้หนานแค่นเสียง นางไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่ทรงพลังเหนือกว่ายักษ์ชะตาของเย่ว์หยางนางไม่ทราบว่าผู้พิทักษ์ลึกลับแยกพลังยักษ์ชะตาออกมาจากเย่ว์หยางได้อย่างไรและอำนวยให้การสนับสนุนร่างของนางแต่เมื่อรับภาระได้สำเร็จก่อนที่เย่ว์หยางจะเอาพลังกลับไปจะไม่มีอะไรสั่นคลอนพลังนี้ได้ ต่อให้เป็นนักสู้ระดับเทพก็ตาม!
“ไม่มีใครหยุดพี่ชายได้ก่อนที่ข้าจะล้มลง พวกท่านไม่มีทางทำได้สำเร็จ!” ร่างของเย่ว์ปิงนั้นบริสุทธิ์อย่างยิ่งและนางได้รับการแนะนำจากผู้พิทักษ์ให้ผสานเจตจำนงราชันย์ สนามพลังอสูรพิทักษ์และความรู้แจ้งอักขระรูนโบราณ
ไม่ต้องพูดถึงราชันย์ไร้พ่ายที่ตอนนี้เร่งใช้ผนึกอย่างสิ้นหวัง
แม้จะโจมตีเป็นพันกระบวนท่า
แต่เขาต้องล้มเลิกความคิดจะสั่นคลอนป่าโบราณที่นางกลั่นสร้างจากพลังเทพในขณะนั้น
ชีวิตอมตะแต่โบราณกาล...นี่คือพลังประกายเทพที่พวกนางได้รับมาชั่วคราว แสดงออกถึงเจตจำนงสูงสุดของนางสิ่งเหล่านี้แม้พลังโจมตีจะเล็กน้อย แต่พลังป้องกันตนเองกลับไม่รู้จะจัดการอย่างไร