Chapter 197 Nana, gives you 1 duty
娜娜,给你1个任务
หลังจากที่หยาซานกลับเมืองฮุยหยางแล้ว,ซูเห่าก็กลับห้องทดลอง.
นับตั้งแต่สั่งการให้หยาซานไปจัดการเรื่องดังกล่าว,ซูเห่าก็สบายใจ,ส่วนหยาซานจะใช้เวลานานเท่าไหร่,ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา.
จากท่าทางเงอะงะของหยาซาน,การจะจัดการสตรี,คงต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อย!
ระยะสั้นคงสามปี,ห้าปี,เขาก็จะรู้ว่ายีนรูนนั้นสามารถสืบทอดไปยังทายาทรุ่นถัดไปหรือไม่?
“สิ่งนี้คือสายโลหิต? งั้นก็ควรเลือกว่าสายโลหิตก็แล้วกัน!”
เขาคือคนที่สร้างสร้างสายโลหิตขึ้นมาได้,นับว่าร้ายกาจมาก!
ซูเห่ารู้สึกพึงพอใจไม่น้อยจากนั้นก็เริ่มงานวิจัยของเขาต่อไป.
หากเรื่องที่มอบให้หยาซานประสบความสำเร็จ,ซูเห่าก็คิดว่าแนวคิดที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมามีความเป็นไปได้เช่นกัน.
“บางทีจูเห่าเหรินที่ต้องการวิวัฒนาการ,ไม่จำเป็นต้องกินเนื้อกันและกันก็ได้!”
หมายความว่าอย่างไร?
วิธีการของซูเห่านั้นง่ายมาก,ในเมื่อจูเห่าเหรินสามารถกินเนื้อสัตว์กลายพันธ์เพื่อวิวัฒนาการได้,เช่นนั้นก็ให้พวกเขาออกไล่ล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธ์อื่นดั่งเช่นในอดีตก็ได้แล้ว.
ขอเพียงหยาซานสามารถสร้างจักรวรรดิขนาดใหญ่ขึ้นมา,สร้างกฎการปกครองดินแดน,แบ่งแยกดินแดนออกเป็นแปดส่วน,แต่ละส่วนก็สร้างสิ่งมีชีวิตเทียมขึ้นมา.
แต่ละดินแดนนั้นก็จะมีสัตว์กลายพันธ์ลำดับกลายพันธ์ต่าง ๆ,ตั้งแต่มนุษย์จอมพลัง,มนุษย์ความเร็ว,มนุษย์ปั่น....อื่น ๆ!
จากนั้นก็ก่อตั้งสถาบันมนุษย์กลายพันธ์ขึ้น,เหล่าคนที่ต้องการวิวัฒนาการ,ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กินกันเองแล้ว,ขอเพียงเข้าเรียนสถาบันมนุษย์กลายพันธ์,ก็จะได้รับสิทธิ์ล่าสัตว์อสูรเทียมเพื่อวิวัฒนาการซึ่งจะจัดขึ้นในทุก ๆ ปี,หากล้มเหลว,ปีหน้าก็รับโอกาสใหม่!
ในทุก ๆ ปีจะมีการจัดลำดับมนุษย์กลายพันธ์,สร้างระบบการแข่งขัน,แม้แต่เชิดชูเกียรติยศให้กับมนุษย์กลายพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ,เพื่อกำจัดความปรารถนาของเผ่าจูเห่าเหรินที่ต้องการวิวัฒนาการโดยไร้การควบคุม.
สร้างพื้นที่สัตว์กลายพันธ์เทียมขึ้น,สร้างพื้นที่อันตราย,และกำหนดโควตา,อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปสำรวจ,เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการผจญภัยเพื่อวิวัฒนาการ.
ส่วนรายระเอียดจำเป็นต้องค่อย ๆ ปรับไปทีละน้อย ๆ.
จากนั้นก็ปรับแต่งโครงสร้างทางสังคม,ไม่ให้ มีคนดั่งเช่นบุตรแห่งฆาตกรรมเกิดขึ้น,กำจัดเหล่ามนุษย์กลายพันธ์ที่มีความคิดสุดโต่งออกไปให้หมด.
ยีนที่ลึกลับล้ำค่ามากมาย,ก็จะไม่สลายหายไป.
บางทีในอนาคตวันข้างหน้า,โลกนี้อาจจะมียีนวิวัฒนาการใหม่ ๆเกิดขึ้น,หลังจากผ่านการเรียนรู้สะสมองค์ความรู้จนเพียงพอ,ว่าแต่ในอนาคตเขาจะสามารถกลับมายังโลกใบนี้ได้อีกใหม?
เรื่องในอนาคต,ไม่มีใครบอกได้อย่างแน่นอน!
“ความคิดนี้ควรค่าที่จะทดลอง,ดังนั้น ก่อนอื่นต้องเลือกผู้ให้บริการยีนที่เหมาะสม,ข้าคิดว่าหนูน้อยนี่ละดีแล้ว,เริ่มต้นจากทดลองจากพวกมันก่อน!”ซูเห่าเริ่มมุ่งเน้นหนักไปยังหนูทดลองทันที.
หนูตัวน้อยที่ถูกซูเห่าจับมา,เหตุผลคือการสังเวย,เพื่อที่จะมอบโชคลาภให้กับคนอื่น!
“อี๊ด อี๊ด อี๊ด!”หนูตัวน้อยที่ตกใจ,หากพวกมันรู้ว่าซูเห่าคิดอะไร,จะต้องออกมาโต้แย้งเรื่องนี้อย่างแน่นอน.
......
เมืองฮุยหยาง,ห้องหยาซาน.
หยาซานที่ลุกขึ้นก้าวออกไปเปิดประตู,จ้องมองราชาเงา นานาที่กำลังเอียงคอสงสัย.
นานามีดวงตากลมโตกระพริบปริบ ๆ เชื้อเชิญ,รูปร่างของเธอเพรียวบางได้รูป,ผิวที่ดูคล้ำเล็กน้อยแต่เธอกับดูมีชีวิตชีวา,ปุยขนสีขาวที่ปลายหูที่ลู่ลงเล็กน้อยดูขึ้นฟูอ่อนโยน.
นานาจ้องมองหยาซานด้วยความสงสัย“พี่ใหญ่หยาซาน,ท่านมองข้าทำไมรึ?”
หยาซานยกมือขึ้นกอดนานาลากเข้าห้อง,ปิดประตู.
“ปัง!”
นานาทั้งตกใจและงงงวย.
หยาซานที่ลากนานากดเข้ากับกำแพง,ใบหน้าที่แนบชิดเข้าใกล้กัน.
นานาที่ใบหน้าร้อนผ่าวแดงซาน,ทว่าไม่ได้ต่อต้าน.
หยาซานเอ่ยออกมาเล็กน้อย“นานา! ข้าจะมอบภารกิจให้กับเจ้า!”
นานาที่พยักหน้าเขินอาย,ไม่กล้ามองหยาซาน,เอ่ยเสียงเบาเหมือนยุง“อืม!”
หยาซานเอ่ยเพิ่ม“หน้าที่นั่นก็คือ มีเด็กกับข้า!”
นานาที่หัวใจเต้นโครมคราม,ดวงตาหวานเยิ้ม,แต่ไม่กล้าจ้องมองหยาซานตรง ๆ,พยักหน้าเบา ๆเอ่ยเสียงแผ่ว“อืม!”
จากนั้นสรวงสวรรค์ของทั้งสองก็เริ่มขึ้น.
......
ซูเห่าที่คาดเดาผิดไป!
เขาคิดว่าหยาซานจะค่อย ๆหาสตรีที่เหมาะสมเพื่อมีบุตร,อาจต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย,ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะสามารถทำภารกิจสำเร็จในทันที.
สิ่งนี้เรียกว่าอย่างไร? เรียกว่าการกระจายคำสั่งจากบนลงล่าง,ให้พนักงานด้านล่างรวมมือ,ทุกอย่างก็จะเสร็จสิ้นง่ายดายตามที่ต้องการ.
ไม่รู้ว่าหยาซานกำลังทำอะไรอยู่,ทว่าซูเห่าเวลานี้กำลังยุ่งวุ่นวายกับการทดลองในหนูตัวน้อย.
เขาพบว่าหนูตัวน้อยทั้งหมดเหมาะที่จะวิวัฒนาการเป็นลำดับท่องรัตติกาล,สามารถวิวัฒนาการเป็นปิศาจรัตติกาลได้เลย.
ทว่าบางทีศักยภาพของหนูตัวน้อยจะสิ้นสุดที่นี่,การวิวัฒนาการต่อ มีโอกาสสำเร็จเป็นศูนย์เปอเซ็น,หนูตัวน้อยในมือซูเห่า,ได้รับการฉีดน้ำยาปรับแต่งยีนเป็นราชานภา,พวกมันล้วนแต่ตกตายไปทั้งหมด,แม้จะปลูกยีนยกระดับจิงซี,แต่กับไม่ช่วยอะไรเลย.
เกี่ยวกับเรื่องนี้,ซูเห่าไม่มีทางเลือกที่ต้องหยุด,หนูตัวน้อยมีศักยภาพจำกัด,ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร.
ดังนั้นซูเห่าจึงเริ่มมองหาสัตว์ระดับกลางรอบ ๆ เมืองซือหลิน,ซึ่งพบเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับตัวลิ่น,ที่ถูกเรีกกว่าอสูรเกราะ.
อสูรเกราะดูเหมือนว่าจะเกิดมาเป็นลำดับมนุษย์เกราะตั้งแต่กำเนิด,สามารถพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิปฐพีได้สำเร็จโดยไม่ยากเย็น,ทว่าเมื่อก้าวสู่ขั้นเจ็ดบุตรแห่งชีวิต,เกราะของมันกับแตกสลาย ยีนเสียหายพังทลายและตายไป.
อธิบายได้ว่าแม้ว่ามันเหมาะที่จะก้าวไปบนขอบเขตลำดับมนุษย์เกราะที่สุด,ทว่าก็ยังมีขีดจำกัด,ไม่อาจเป็นบุตรแห่งชีวิตที่ทรงพลังที่สุดได้,หลังจากทดลองและวิเคราะห์อย่างจริงจัง,ซูเห่าก็พบเข้ากับความลับเข้า.
นั่นก็คือขนาดของสิ่งมีชีวิตมีผลต่อการวิวัฒนาการ.
ยิ่งมีขนาดใหญ่,ก็จะมีศักยภาพในสะสมพลังงานได้มาก,สามารถวิวัฒนาการได้ราบรื่น.
ดังนั้น,ซูเห่าจึงได้จับหมีระเบิดมา,พร้อมกับวิวัฒนาการมันไปบนลำดับมนุษย์จอมพลัง,ท้ายที่สุดก็สามารถวิวัฒนาการเป็นขั้นเจ็ด【บุตรแห่งพลัง】,ได้อย่างไม่มีปัญหา.
หลังจากนั้นก็เลือกหมูป่าภูเขามา,วิวัฒนาการลำดับมนุษย์เกราะ,ท้ายที่สุดก็วิวัฒนาการเป็นบุตรแห่งชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา.
สรุปแล้ว,สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ สามารถปรับตัวเข้ากับลำดับต่าง ๆ ได้,ทว่าก็มีขีดจำกัดของมันด้วยเช่นกัน.
ดวงตาของซูเห่าที่ค่อย ๆ เป็นประกายสว่างขึ้น“กล่าวได้ว่าสายพันธ์ที่ต่างกันสามารถมียีนลำดับเดียวกัน ซึ่งแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาด,เขาสามารถที่จะสร้างระบบนิเวศของสัตว์กลายพันธ์เหล่านี้ขึ้นมา,โดยที่ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูมันโดยเฉพาะ.”
อย่างไรก็ตามซูเห่าได้คิดถึงปัญหาหนึ่ง“จากนี้จะต้องสร้างพื้นที่สัตว์กลายพันธ์,จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่,สร้างระบบนิเวศน์ขนาดใหญ่,และไม่ให้มันออกจากพื้นที่ ที่จัดเตรียมไว้ให้ได้อย่างไร?”
เมื่อมีแนวคิดอีกหนึ่ง,ก็จะมีปัญหาอีกหนึ่งปรากฏขึ้นมาเรื่อย ๆ,แน่นอนว่าจะต้องค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละข้อ ๆ.
การเริ่มต้นย่อมมีปัญหาให้ต้องแก้ไขเป็นธรรมดา.
ทว่าหลังจากแก้ปัญหาทุกอย่างเสร็จสิ้น,ทุกอย่างก็จะออกมาดีเอง.
หากเริ่มต้นสมบูรณ์,เป็นไปตามที่ต้องการ,เช่นนั้นโลกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีพัฒนาการใด ๆ,มนุษย์ก็คงไม่คิดที่จะพัฒนาตัวเองเช่นกัน.
ความจริงนี้ซูเห่าเข้าใจดีที่สุด.
ซูเห่าวางมือจากการสร้างสัตว์กลายพันธ์,ตอนนี้กำลังคิดถึงปัญหาในการจำกัดพื้นที่ของเหล่าสัตว์กลายพันธ์ที่กำลังสร้างขึ้นมา.
หลังจากครุ่นคิดไปชั่วขณะ,เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้“มีอยู่นี่นา!”