บทที่ 937 (58) เดินสองขา(ตอนฟรี)
บทที่ 937 (58) เดินสองขา
กลุ่มของจี้เฟิงขับรถไปหาร้านอาหารใกล้ๆนิคมอุตสาหกรรมเพื่อทานอาหารกลางวัน
เดิมทีผู้ช่วยของซูหยวนเกรงใจและปฏิเสธที่จะมาด้วย แต่ซูหยวนยืนกรานและชักชวนอย่างเป็นกันเอง จะเห็นได้ว่าซูหยวนให้ความสำคัญกับผู้ช่วยหญิงคนนี้ของเธอมาก
อันที่จริงจี้เฟิงก็มองเห็นว่าผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวผิงคนนี้เป็นคนฉลาด เธอจัดเตรียมหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเธอเองโดยไม่ต้องรอให้ซูหยวนออกคำสั่ง และไม่ว่าเธอจะแสดงออกโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม แค่พฤติกรรมของเธอก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ซูหยวนเห็นคุณค่าของเธอ
รู้วิธีแสดงออกและกล้าแสดงออก นั่นคือคนที่มีแรงจูงใจในตัวเอง!
ยิ่งกว่านั้น เสี่ยวผิงยังเป็นลูกสาวของพนักงานเก่าในโรงงานอีกด้วย เธอมาทำงานที่โรงงานทันทีหลังเรียนจบ ดังนั้นซูหยวนจึงไว้วางใจและมั่นใจที่จะสอนงานเธออย่างจริงจัง เพราะเธอไม่ต้องห่วงเรื่องการโยกย้ายงานหลังจากสอนงานให้แล้ว
แต่จี้เฟิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะกุญแจหลักอยู่ที่เสี่ยวผิงคนนี้มีความสามารถเพียงพอที่จะเป็นผู้ช่วยของซูหยวนได้หรือไม่ เธอจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่เธอไม่ใช่สายลับทางธุรกิจที่ฝ่ายตรงข้ามจงใจส่งมาก็ไม่เป็นไร
“บอส เราจะไปที่ไหนกันดี?”
กัวเถาผู้รับผิดชอบการขับรถหันไปถามจี้เฟิง
จี้เฟิงโบกมือของเขาและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ฉันไม่มีร้านที่เฉพาะเจาะจงหรอก เอาร้านที่นายรู้จักก็ได้ มีแต่คนกันเองทั้งนั้น แค่กินข้าวด้วยกันไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นทางการ!”
กัวเถาพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าจี้เฟิงไม่มีนิสัยชอบโอ้อวดวางท่า ดังนั้นเขาจึงหยุดรถและหาร้านอาหารง่ายๆตามที่จี้เฟิงต้องการและพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นเอาร้านนี้ก็แล้วกันนะครับบอส!”
จี้เฟิงลงจากรถและเงยหน้าขึ้นมอง ที่นี่เป็นโรงแรมธรรมดา ไม่มีการจัดระดับดาว รถที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าก็มีไม่มากนัก ดูแล้วไม่น่าจะใช่ร้านที่มีชื่อเสียงในละแวกนี้ แต่ก็ดูไม่เลว
“ดี!” จี้เฟิงพยักหน้า “งั้นก็เข้าไปเลย!”
เมื่อกลุ่มชายหญิงสี่คนเดินเข้าไป พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ที่ประตูก็ยิ้มอย่างกระตือรือร้นทันที “ยินดีต้อนรับ...”
ภายใต้การนำของพนักงานต้อนรับ ทั้งสี่คนนั่งลงที่โต๊ะอาหารในห้องโถง
ซูหยวนเป็นผู้รับผิดชอบในการสั่งอาหาร ในขณะที่จี้เฟิงกำลังนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดเกี่ยวกับการพัฒนาโรงงานผลิตยาในอนาคต สถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ทำให้จี้เฟิงรู้สึกว่าสิ่งต่างๆไม่ราบรื่นนัก และค่อนข้างลำบากที่จะจัดการ
คังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ถูกลอกเลียนแบบ ซึ่งหมายความว่าชื่อเสียงของคังหยวนสลิมมิ่งได้มาถึงระดับหนึ่งแล้ว เพราะถ้าหากประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ ใครจะมาลอกเลียนแบบให้เสียเวลา เพราะการสร้างแบรนด์ใหม่ของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
โดยพื้นฐานแล้ว โรงงานของผู้ผลิตที่ชอบลอกเลียนแบบเหล่านั้นจะตั้งอยู่ในพื้นที่นอกเขตเมืองเจียงโจวที่มีการดูแลครอบคลุมแค่ในระดับท้องถิ่น
ในพื้นที่ที่ห่างไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร ตามเมืองเล็กๆบางแห่ง โรงงานถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อทำการผลิตสินค้าเพื่อลอกเลียนแบบโดยเฉพาะ และแม้ว่าโรงงานทั่วไปจะรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในทันที นั่นคือสิ่งที่คนเหล่านั้นรู้และใช้ได้จริง
แต่คำถามคือ โรงงานเซียวจะมุ่งสู้เส้นทางระดับไฮเอนด์และปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดเพื่อกำจัดคู่แข่งของผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบเหล่านั้นหรือเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับผู้ผลิตลอกเลียนแบบโดยตรงเพื่อให้พวกเขาไม่สามารถทำการลอกเลียนแบบได้อีก?
การเติบโตของโรงงานเซียวฟามาซูติคอลในเวลานี้ขึ้นอยู่กับยอดขายของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ที่ร้อนแรง หากมีปัญหาในการขาย การพัฒนาของโรงงานเซียวอาจหยุดชะงัก ดังนั้นจี้เฟิงจึงต้องให้ความสนใจเกี่ยวกับปัญหานี้
แต่สำหรับตอนนี้ จากที่ซูหยวนกล่าว พวกเขาต้องรอรายงานการวิจัยตลาดออกมาก่อน จากนั้นพวกเขาจึงจะสามารถกำหนดแผนการพัฒนาของโรงงานเซียวได้อย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม ตามความตั้งใจเดิมของจี้เฟิง หากผลวิจัยที่ออกมาพิสูจน์ได้ว่าผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ สถานการณ์ปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร สุดท้ายแล้วตลาดไม่ใช่สิ่งที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะยึดครองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ซึ่งหน่วยงานต่างๆอาจมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับองค์กรด้านล่างเหล่านี้อย่างแยกไม่ออก
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบีบสินค้าลอกเลียนแบบเหล่านั้นให้ออกจากตลาดไปโดยสิ้นเชิง
ภายใต้เงื่อนไขของการรักษาสภาพที่เป็นอยู่ให้คงที่ เพิ่มความเข้มข้นทางการโฆษณา ขยายช่องทางให้มากที่สุด พยายามพัฒนาเครือข่ายการขายที่สมบูรณ์และครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด ด้วยสิ่งเหล่านี้ ปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กลยุทธ์ทางการตลอดของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์จะยังไม่เปลี่ยนแปลงในเร็วๆนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ชื่อของโรงงานเซียวฟามาซูติคอลและชื่อของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์มีความเสถียรมากพอในทิศทางที่ดีสำหรับตลาดในวงกว้าง เมื่อนั้นถึงจะดำเนินการขั้นต่อไป
และแผนต่อไปของจี้เฟิงคือพัฒนายาตัวใหม่หรือไม่ก็เสริมความแข็งแกร่งให้กับคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ ไม่ว่าจะแบบไหนจะต้องใกล้เคียงกับ ยาลดความอ้วนหมายเลข 53
ตราบใดที่สามารถรับประกันประสิทธิภาพของยาได้ ผงลดน้ำหนักรุ่นที่พัฒนาและปรับปรุงใหม่จะสามารถทำกลยุทธ์การตลาดระดับไฮเอนด์ได้แน่นอน
ด้วยวิธีนี้ คังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์จะมีความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดที่ยอดเยี่ยมทั้งในตลาดระดับล่างและระดับไฮเอนด์ ซึ่งเทียบเท่ากับการเดินสองขา ไม่เพียงแต่เดินได้อย่างมั่นคง แต่โรงงานเซียวฟามาซูติคอลจะพัฒนาไปยังระดับที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน
ตอนนี้กุญแจที่ไขสู่ทุกสิ่งอยู่ที่การตลาดของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์!
ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการเพิ่มโฆษณาให้มากขึ้น ขยายช่องทางการขาย เพิ่มนโยบายส่วนลดสำหรับตัวแทนที่สั่งซื้อในปริมาณมาก.. อะไรก็ตามที่เพิ่มยอดขายได้ สามารถนำไปปฏิบัติได้ทั้งสิ้น!
ตราบใดที่ตลาดของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์มีเสถียรภาพ ทุกอย่างก็จะจัดการได้ง่าย!
“ซูหยวน หลังจากรายงานการวิจัยตลาดออกมาแล้ว เธอต้องรายงานให้ฉันทราบทันที” จี้เฟิงกล่าว
“อย่ากังวล ผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจยังคงเป็นคุณ ยังไงฉันก็ต้องแจ้งให้คุณทราบอยู่แล้วล่ะค่ะ” ซูหยวนยิ้ม
“อืม แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องมั่นใจคือรายงานการตรวจสอบและวิจัยตลาดจะต้องถูกต้องแม่นยำ!” จี้เฟิงกล่าว
ซูหยวนยิ้มและกล่าวว่า “เราจ้างบริษัทที่ทำด้านนี้โดยตรงในการตรวจสอบ และในขณะเดียวกันเราก็ส่งพนักงานของเราออกไปทำการตรวจสอบด้วย จากทั้งสองทาง ความถูกต้องในรายงานการตรวจสอบและวิจัยตลาดจะต้องไม่มีความผิดพลาด!”
จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก!”
ในความเป็นจริงมีหน่วยงานสำรวจหลายแห่งในประเทศ และอาจไม่ถูกต้องมากนัก แต่เมื่อรวมกับผลการสำรวจของพนักงานในโรงงานผลิตยาแล้ว จะปลอดภัยกว่ามาก
..............
หลังจากกินอาหารกันเสร็จ จี้เฟิงขับรถไปส่งกัวเถาและคนอื่นๆกลับไปที่โรงงานผลิตยา จากนั้นเขาได้ขับรถตรงไปที่มหาวิทยาลัย
ระหว่างทาง จี้เฟิงได้โทรหาหวังซินและหยางหยูตามลำดับเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเครือข่ายเถิงเฟย และได้รู้ว่าการพัฒนาเบราว์เซอร์ใกล้จะเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะรอจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ดีแล้วค่อยเข้าไปดู
ในความเป็นจริง สำหรับบริษัทเครือข่ายเถิงเฟยในตอนนี้ จี้เฟิงยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่สำหรับหยางหยูและเว่ยซิน จี้เฟิงยังคงสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ ด้วยพรสวรรค์ที่พวกเขามี แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังไม่มีผลงานและยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่จี้เฟิงไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ง่ายๆ
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่บริษัทเครือข่ายเถิงเฟยก่อตั้งขึ้น จุดประสงค์คือหาอะไรให้พวกเขาทำ และเมื่อแผนอื่นๆของจี้เฟิงเริ่มต้นขึ้น พวกเขาจะมีประโยชน์อย่างมาก
“Rrrrr~~!”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้น แต่เนื่องจากเขาขับรถอยู่จึงไม่สะดวกที่จะหยิบขึ้นมาคุย ดังนั้นเขาจึงสวมหูฟังบลูทูธและกดรับ
“ครับ นั่นใครครับ?”
“เจ้าบ้า ฉันเอง! ตอนนี้นายอยู่ไหน?” เสียงของจางเล่ยดังขึ้น
จี้เฟิงมองผ่านกระจกหน้ารถแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันเข้ามาในเขตเมืองมหาวิทยาลัยแล้ว ห่างจากมหาวิทยาลัยของเราไม่เกินสิบนาที ทำไมเหรอ? มีอะไรรึเปล่า?”
“มี! นายเอารถมารับฉันหน่อย!” จางเล่ยกล่าว “ฉันอยู่ที่ถนนคนเดินจินหลิง นายมาตรงทางเข้าของถนนได้เลย!”
“นายไปทำอะไรอยู่ที่นั่น? ไม่ได้ไปเรียนเหรอวันนี้?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
จางเล่ยยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “จะชวนเฉินจิ้งยี่ออกจากบ้านแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย และในเมื่อมีโอกาสที่หาได้ยากแบบนี้ ฉันเลยอยากมากินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้งบ้างไรบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าการหารถแท็กซี่ตอนเที่ยงมันจะยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้! รถไฟใต้ดินคนแน่นจนเท้าของฉันไม่ติดพื้นด้วยซ้ำ ยอมใจเลยจริงๆ การจราจรในเจียงโจวเนี่ย!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “โอเคๆ ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงก็คงถึงแล้วล่ะ หาที่นั่งรอไปก่อนก็แล้วกัน!”
หลังจากวางสาย จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “ไอ้หมอนี่.. ชอบคุยโม้ว่าจีบสาวเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ นี่ผ่านมาครึ่งปีได้แล้ว เพิ่งจะออกเดทเป็นครั้งแรก เก่งแต่พูด เอาเข้าจริงก็ไก่อ่อนดีๆนี่เอง .. ฮ่าๆ~!”
นับตั้งแต่ที่หวังเหล่ยแฟนเก่าของเฉินจิ้งยี่ทำร้ายเธอ จางเล่ยก็ค่อยๆเข้าไปดามใจให้เธอ หลังจากคำนวณอย่างคร่าวๆ ตอนนี้เวลาน่าจะผ่านไปอย่างน้อยก็ครึ่งปีแล้ว
จี้เฟิงเคยถามจางเล่ยอยู่บ้างเป็นครั้งคราว และจางเล่ยมักจะตอบอย่างสบายๆว่าเป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้วยฝีมือระดับเขาแล้ว การจีบหญิงไม่ใช่ปัญหา เหลือแค่เวลาว่าจะตกลงคบกันเมื่อไหร่เท่านั้น
แต่ตอนนี้ จี้เฟิงรู้แล้วว่าจางเล่ยคุยโม้มาโดยตลอด...
ภายในเวลาประมาณ 20 นาที จี้เฟิงก็มาถึงสี่แยกของถนนคนเดินจินหลิงและมองเห็นจางเล่ยกับเฉินจิ้งยี่นั่งอยู่บนม้านั่งป้ายรถเมล์กำลังมองไปรอบๆเป็นระยะ ดูเหมือนกำลังรอเขาอยู่
ชุดของจางเล่ยในวันนี้ทำให้จี้เฟิงรู้สึกสะดุดตาเป็นพิเศษ ผู้ชายคนนี้สวมเสื้อยืดไว้ด้านใน ด้านนอกเป็นแจ็กเก็ตสีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนและสวมรองเท้าหนังไม่เป็นทางการ ทั้งตัวดูดีมีสไตล์แต่ก็เรียบง่าย เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่ดูเฉื่อยชาไม่ใส่ใจดูแลตัวเองก่อนหน้านี้ นี่เป็นเหมือนคนละคนกันเลยก็ว่าได้
ส่วนเฉินจิ้งยี่สวมเสื้อแจ็กเกตธรรมดา กางเกงยีนที่เรียบง่าย ผมยาวถูกมัดเป็นหางม้าที่ด้านหลัง ดูสดใสสมวัย
เมื่อทั้งสองคนนี้นั่งเคียงคู่กันพวกเขาดูเหมาะสมกันมาก
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะ “ว่ากันว่าผู้หญิงที่ดีจะทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และผู้ชายคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นสินะ!”
จี้เฟิงขับรถไปทางพวกเขาพร้อมกับลดกระจกลงและพูดด้วยรอยยิ้ม “เล่ยซือ คุณเฉิน ฉันจะไปจอดรออยู่ที่จุดจอดรถแท็กซี่ด้านหน้านะ!”
ตามข้อบังคับของเจียงโจว รถยนต์ส่วนตัวและรถแท็กซี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ช่องทางเดินรถประจำทาง ดังนั้นจี้เฟิงจึงขับรถตรงไปข้างหน้าและหยุดตรงที่จุดจอดรถแท็กซี่
เฉินจิ้งยี่และจางเล่ยรีบวิ่งไปที่รถ และหลังจากเปิดประตูรถจางเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “เจ้าบ้า ทำไมนายมาเร็วจัง!”
“ตอนนายโทรหา ฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่...” จี้เฟิงพูดในขณะเดียวกันดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มือของจางเล่ยและเฉินจิ้งยี่ เขาเม้มปากยิ้ม ‘ในที่สุดสองคนนี้ก็ได้คบกันอย่างเป็นทางการแล้วสินะ พวกเขาควรได้รับความสุข’
‘แต่... ถ้าถงไคเต๋อและคุณนายถง พ่อและแม่ของจางเล่ยรู้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไงกับลูกสะใภ้ในอนาคตคนนี้..’
“จี้เฟิง ฉันต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องลำบาก” เฉินจิ้งยี่กล่าวอย่างสุภาพ
จางเล่ยพูดอย่างไม่ใส่ใจทันที “ที่รัก เธอไม่ต้องสุภาพกับไอ้หมอนี่หรอก!”
“คุณกำลังพูดถึงอะไร!” เฉินจิ้งยี่หน้าแดงทันที “คุณคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนคุณที่ไม่รู้ว่ามารยาทคืออะไรงั้นเหรอ?!”
จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “เล่ยซือพูดถูกแล้ว พวกเราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้น!”
พวกเขาสามคนขับรถออกจากสี่แยกถนนคนเดินและค่อยๆพ้นช่วงที่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นจี้เฟิงก็ถามขึ้นว่า “ยังไงกัน เล่ยซือ คุณเฉิน พวกคุณเหมือนจะ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
....จบบทที่ 937 ~