(ฟรี) บทที่ 395 รุกรานสองจักรพรรดิด้วยประโยคเดียว
ซืออวี้เฉิงมองไปที่สตรีตรงหน้าและแผ่นหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นทันที
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นฉู่หลิงฉวน แต่สตรีตรงหน้านี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่ง มันเป็นแรงกดดันจากจิตวิญญาณราวกับมดที่อยู่ต่อหน้าพระเจ้า!
นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่เซินหนิงพูดก่อนหน้านี้...
นี่คือตัวตนระดับจักรพรรดิ ผู้นำในตำนานของศาลาหมื่นดาบ!
เขาถึงกับบอกว่าอีกฝ่ายเป็นภรรยาของหลี่หราน?!
ฉู่หลิงฉวนพูดอย่างเย็นชา “บอกข้าสิว่าเจ้าต้องการตายอย่างไร? ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เจ้าพึงพอใจ”
“……”
ขาของซืออวี้เฉิงอ่อนยวบ เขาคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเสียง “ตุบ” และทั้งตัวสั่นเหมือนตะแกรง
“ขะ...ข้า… ผู้นำนิกายฉู่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
เขารู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้ง
คนที่สามารถนั่งในตำแหน่งเจ้าเมืองได้ย่อมไม่ใช่คนงี่เง่า ภายใต้สถานการณ์ปกติเขาจะไม่ทำผิดพลาดง่ายๆเช่นนี้
เป็นเพียงว่าหลังจากผ่านช่วงขึ้นๆลงๆก่อนหน้านี้ หลี่หรานก็คุยด้วยง่ายอย่างคาดไม่ถึง ทำให้เขาเลิกระวังตัวไปพักหนึ่ง…
เขาต้องการประจบหลี่หราน แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเหยียบต้นขาใหญ่ยักษ์เข้า!
ซืออวี้เฉิงตัวสั่นในขณะที่คุกเข่าลงกับพื้น “ผู้นำนิกายฉู่ ผู้ต่ำต้อยคนนี้มีตาหามีแววไม่”
“......”
ฉู่หลิงฉวนไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่จิตสังหารของนางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เซียงเจิ้งยังคงไม่ฟื้นคืนสติ
แต่มองไปที่พี่ชายที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วคุกเข่าลง
จิตใจของเขายังคงสับสนเล็กน้อย ‘ทำไมผู้นำนิกายฉู่ถึงมาที่เมืองเจียงเจ๋อ แถมยังเดินเล่นและจับมือกับหลี่หราน…?’
ในเวลานี้ ฉู่หลิงฉวนเองก็สังเกตเห็นว่านางยังคงจับมือกับหลี่หราน ใบหน้าสวยของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งและรีบดึงมือออก
จากนั้นนางก็จ้องมองที่หลี่หรานราวกับจะกินเลือดเนื้อ
เจ้าศิษย์อกตัญญูคนนี้!
หลี่หรานแสดงใบหน้าไร้เดียงสาราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ฉู่หลิงฉวนสงบลงและพูดเบาๆว่า “ซืออวี้เฉิงใช่มั้ย? เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียหรือเปล่า?”
“ผู้นำนิกายฉู่โปรดเมตตา!” ซืออวี้เฉิงหน้าซีดราวกับกระดาษ เขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและร่างกายอ่อนปวกเปียกเหมือนโคลน
จักรพรรดิไม่สามารถถูกทำให้อับอาย
สิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้คงเป็นเพียงเรื่องขำขันหากเป้าหมายถูกแทนที่ด้วยผู้อื่น
แต่ถ้าเป็นฉู่หลิงฉวน… เขาก็สมควรตายจริงๆ!
ทันใดนั้นสายลมก็กระโชกแรง ร่างของซืออวี้เฉิงลอยอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้ว
เขาเป็นเหมือนลูกแกะที่รอการโดนเชือด
ดวงตาของฉู่หลิงฉวนวูบไหวเล็กน้อย ราวกับกำลังศึกษาว่าจะเริ่มดำเนินการที่ใด
ขณะที่ซืออวี้เฉิงกำลังจะทนไม่ไหว สตรีชุดขาวที่อยู่อีกฝั่งก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นผู้นำนิกายของวิถีธรรม หากเจ้าฆ่าเจ้าเมืองอย่างเปิดเผย?”
“มันเกี่ยวอะไรกับวิธีธรรม?” ฉู่หลิงฉวนส่ายหัว “ใครบอกว่าวิถีธรรมต้องไม่ฆ่าคน? ถ้าเซิงเย่กล้าพูดกับข้าแบบนี้เขาก็ต้องตายเช่นกัน เจ้าเมืองเล็กๆนี้จะนับเป็นอะไร?”
“นอกจากนี้อวี้ชิงหลัน เขาก็พูดถึงเจ้าเช่นกัน ทำไมเจ้ายังคงอดกลั้น?”
ซืออวี้เฉิงตกตะลึงอีกครั้งหลังจากได้ยินสิ่งนี้
“อะ อะ อวี้ชิงหลัน?!”
เขาเห็นเพียงแขนเสื้อที่พลิ้วไหวและเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ดุจเมฆพร้อมกับลายปักสีเข้มของเทคนิคเต๋า ซึ่งทำให้ยากจะจำแนกความแตกต่าง
นี่คืออวี้ชิงหลัน เทพธิดาแห่งสถาบันเทียนซู?
เขารุกรานตัวตนระดับจักรพรรดิถึงสองคนด้วยประโยคเดียวจริงๆ?!
ซืออวี้เฉิงเกือบจะหมดสติ
เซียงเจิ้งซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการคุกเข่าข้างๆก็ตัวแข็ง และหลังจากเงียบไปนานเขาก็ค่อยๆฟื้นคืนสติ
รุกรานจักรพรรดิสองคน และสองในนั้นยังแข็งแกร่งที่สุดในวิถีธรรม
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้ว่าเซิงเย่จะอยู่ที่นี่เขาก็ต้องมีคำอธิบาย!
อวี้ชิงหลันไม่โกรธมากและพูดเบาๆว่า “มันเป็นเพียงเรื่องตลก ผู้นำนิกายฉู่อ่อนไหวเสียจริง”
“อ่อนไหว?”
ฉู่หลิงฉวนแทบจะสำลักด้วยความโกรธ “เขาบอกว่าข้าคือคุณนายหลี่แล้วยังบอกว่าเป็น ‘สหายที่ดี’ ของหลี่หราน เขาไม่สมควรตายหรือไง?”
อวี้ชิงหลันมองนางและถามกลับว่า “นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าโกรธหรือเจ้าแค่อับอายกัน?”
“......” ใบหน้าสวยของฉู่หลิงฉวนแดงก่ำ
เป็นความจริงเหมือนที่อีกฝ่ายพูด นางไม่ได้โกรธมากนัก นางเพียงอับอายและขุ่นเคืองที่ถูกมองผ่าน...
“นักพรตเต๋าตัวเหม็น เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร! เจ้าอยากตายหรือไง?!” นางจ้องมองอวี้ชิงหลันด้วยความอับอาย
อวี้ชิงหลันส่ายหัวและพูดว่า “นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้สัญญากับหรานเอ๋อร์แล้วว่าจะไม่ทะเลาะกับเจ้าอีกต่อไป และในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้ออกมาเดินเล่นกับหรานเอ๋อร์ นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ไม่ต้องการเห็นการฆ่ากันให้เสียอารมณ์”
“นี่…” ฉู่หลิงฉวนรู้สึกลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของนาง
การฆ่าซืออวี้เฉิงนี้ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย แต่มันจะส่งผลต่ออารมณ์ของการเดินเล่นอย่างแน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ… หลี่หรานจะไม่คิดว่านางเป็นชอบใช้ความรุนแรงใช่ไหม?
ฉู่หลิงฉวนเริ่มกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของนางเป็นครั้งแรก...
หลี่หรานเองก็เกลี้ยกล่อม “ลืมมันไปเถอะท่านอาจารย์ มันเป็นเพียงความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่จำเป็นต้องฆ่าแกงกัน”
“อะแฮ่ม ในเมื่อพวกเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าจะละเว้นเขาสักครั้ง”
ฉู่หลิงฉวนใช้ประโยชน์จากคำพูดของทั้งสองและถอนแรงกดดันจากตัวซืออวี้เฉิง
“ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่านผู้นำนิกายฉู่! ขอบคุณท่านนักพรตอวี้และบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่!”
ซืออวี้เฉิงเริ่มก้มหัวอีกครั้งราวกับได้รับการอภัยโทษ
“เอาล่ะ ไสหัวไปได้แล้ว ข้าไม่อยากเห็นเจ้าที่นี่”
ฉู่หลิงฉวนโบกมืออย่างเร่งรีบ
ซืออวี้เฉิงรีบพูดว่า “ขะ...ข้าน้อยขอตัวก่อน!”
หลังจากพูดเช่นนั้นเขาก็กอดเข่าแล้วกลิ้งลงไปข้างล่างเหมือนลูกบอล
“......”
หลี่หรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เจ้าเมืองคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ
เซียงเจิ้งกลืนน้ำลายและพูดด้วยเสียงเบา “บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนเช่นกัน”
หลี่หรานพยักหน้า “ไปเถอะ พี่ใหญ่ซือของเจ้าดูเหมือนจะไม่ปกติ”
“ทราบแล้ว” เซียงเจิ้งบอกลาด้วยความเคารพแล้วเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
—
นอกภัตตาคาร ทั้งสองยืนอยู่นอกประตู ใบหน้าซีดและยังคงเต็มไปด้วยความกลัว
ซืออวี้เฉิงเช็ดเหงื่อเย็นและพูดอย่างจริงจัง “น้องเซียง ข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว เจ้าควรจะเป็นเจ้าเมือง”
เซียงเจิ้งตกตะลึง “อา? ท่านหมายความว่ายังไง?”
ซืออวี้เฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ารุกรานตัวตนระดับจักรพรรดิถึงสองคน เจ้าคิดว่าข้ายังกล้าเป็นเจ้าเมืองแห่งนี้อีกหรือ?”
เซียงเจิ้งเกาศีรษะ “อย่างไรก็ตาม ท่านได้รุกรานจักรพรรดิถึงสองคน ท่านจะไปที่ไหนได้? หากพวกนางต้องการฆ่าท่าน ข้าเกรงว่ามันคงไม่มีประโยชน์แม้จะซ่อนตัวในผ้าห่มของจักรพรรดิเซิง”
“......”
ซืออวี้เฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และดูเหมือนว่าจะเป็นจริง...
แม้ว่าดินแดนอันกว้างใหญ่จะกว้างขวาง แต่ก็ไม่มีที่ให้เขาหลบซ่อน!
เซียงเจิ้งปลอบโยน “เอาล่ะพี่ใหญ่ ถ้าสองคนนั้นต้องการให้ท่านตาย ท่านจะออกมาแบบเป็นๆได้ยังไง?”
“ดังนั้นอย่าลังเลที่จะเป็นเจ้าเมือง ท่านสามารถเพลิดเพลินได้ทุกวัน จากนี้ไปทุกวันที่มีชีวิตอยู่จะถือเป็นพรสำหรับท่าน”
“คิดอย่างนี้แล้วท่านจะสบายใจขึ้น”
มุมปากของซืออวี้เฉิงกระตุก “เจ้าช่างปลอบประโลมผู้คนได้ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
/////