ตอนที่ 985 นี่คือเหตุผลที่คะแนนของคุณลดลงงั้นหรือ?
หวัง เสี่ยวหนี๋ ปีนี้อายุ 15 ปี เป็นเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทั้งยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยมปลาย และความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ หวัง จงโฮ่ว พ่อของเธอ ที่มีต่อลูกสาวคนเดียวคนนี้ ก็คือการให้เธอได้ตั้งใจเรียนในโรงเรียนมัธยมเป็นเวลาสามปี และได้สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีได้ ..ในอนาคต
หวัง เสี่ยวหนี๋ เคยเชื่อฟังคําพูดของพ่อเธอมาก และยังเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาโดยตลอด เธอเป็นคนขยันเรียนมาก และผลการเรียนของเธอก็อยู่ในเกณฑ์ดี หากเป็นไปตามนี้ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีในอนาคต ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากนัก
แต่แล้ว.. จนกระทั่งวันหนึ่ง หวัง จงโฮ่ว ก็ได้พบว่าคะแนนสอบของลูกสาวของเขาต่ำกว่าคะแนนสอบครั้งก่อนอยู่หลายสิบคะแนน หวัง จงโฮ่ว จึงได้รีบมาคุยกับลูกสาวของเขา และถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น และอะไรกันที่ทําให้คะแนนของเธอลดลงไปอย่างมาก
หวัง จงโฮ่ว ปกติก็มักที่จะยุ่งอยู่กับงาน และไม่มีเวลามาสนใจการเรียนของลูกสาวมากนัก โชคดีที่ลูกสาวของเขาเป็นคนรู้เรื่องรู้ราว มีเหตุผล และไม่เคยทําให้เขาต้องเป็นกังวล..
แต่มาคราวนี้ เขาเกิดเป็นห่วง ทั้งเป็นกังวลขึ้นมาแล้วจริงๆ, สิ่งแรกที่เขานึกคิดขึ้นมาได้ก็คือ ลูกสาวของเขากำลังมีความรักในวัยเรียน?, เพราะนี่เป็นหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยมาก ที่จะทําให้ผลการเรียนของเด็กลดลงไปมาก เช่น หนุ่มสาวในวัยนี้เองก็มักที่จะโง่เขลา เมื่อเริ่มมีความรัก มันก็มักที่จะส่งผลกระทบต่อการเรียนอย่างรุนแรง..
“นิวนิว ไหนบอกพ่อมาอย่างตรงไปตรงมาว่า ลูก.. กำลังมีความรักใช่หรือเปล่า?” หวัง จงโฮ่ว ได้ถาม
หวัง เสี่ยวหนี๋ หน้าแดง และได้พูดว่า : “ที่ไหนกันล่ะคะ ไม่เอาแล้ว คุณพ่อ อย่าพูดอะไรไร้สาระ..”
หวัง จงโฮ่ว กล่าวถามไปอีกว่า : “ถ้าไม่ใช่ว่าลูกกำลังมีความรัก ไหนลูกลองช่วยอธิบายให้พ่อฟังหน่อยได้ไหมว่า ..อะไรทำให้คะแนนสอบครั้งนี้ถึงได้ลดลงไปมากขนาดนี้?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ พูดว่า : “คุณพ่อคะ หนูไม่ได้มีความรักในวัยเรียนจริงๆ.. ทุกคนเองก็มักที่จะมีเวลาที่จะแพ้ชนะเสมอ และครั้งนี้หนูก็เพิ่งสอบได้คะแนนน้อยเป็นครั้งแรก คุณพ่อเองก็อย่าได้คิดมากไปสิค่ะ”
หวัง จงโฮ่ว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง : “จริงหรือ?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า “จริงคะ คุณพ่อ คราวหน้าหนูจะพยายามสอบให้ได้คะแนนดีกว่านี้ โอเคไหม?”
ลูกสาวของเขาได้ให้สัญญาว่าการสอบครั้งหน้าจะทำคะแนนให้ดีกว่านี้ ดังนั้น หวัง จงโฮ่ว จึงได้เชื่อเธอ และด้วยเหตุนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ลูกสาวของเขาเองจะไปมีความรักในวัยเรียน? และนอกจากนี้แล้ว เธอก็มักที่จะเชื่อฟังเขามาตลอด..
หวัง จงโฮ่ว จึงได้เลือกที่จะเชื่อลูกสาว แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในวันหนึ่ง.. หวัง จงโฮ่ว ก็ได้รับโทรศัพท์จากครูประจําชั้นของลูกสาวของเขา..
“คุณหวัง ผมเองอยากที่จะทราบ และทำความเข้าใจให้ได้ว่า ทำไมช่วงนี้ เสี่ยวหนี๋ ถึงได้ไม่มีสมาธิในการเรียนบ่อยๆ ทั้งการสอบครั้งที่แล้วเธอก็ทำคะแนนออกมาได้แย่มาก ทางผมเองก็ได้เข้าไปพูดคุยกับเธอ เธอได้บอกกับผมว่าช่วงนี้ที่บ้านมีเรื่องเยอะ และบอกว่าพ่อของเธอป่วย ทําให้เธอเครียดมาก และเธอก็ได้สัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว แต่แล้วเธอก็กลับยังคงเป็นแบบนี้ หากปล่อยไปแบบนี้สถานการณ์มันจะดูแย่ลงเรื่อยๆ เธอมักจะเซื่องซึมในชั้นเรียน และดูกระสับกระส่าย แม้กระทั่งบางครั้ง ผมเองยังได้เห็นว่าเธอนอนหลับในชั้นเรียน เมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบนี้.. คุณหวัง มีเรื่องผิดปกติอะไรในครอบครัวของคุณหรือเปล่า หรือมีเรื่องหนักๆ อะไรเกิดขึ้น?” ครูประจำชั้น ได้สอบถาม
หวัง จงโฮ่ว ตอนนี้.. ได้ตกตะลึงไปแล้ว
“คุณหวัง คุณยังฟังผมอยู่หรือเปล่า?” ครูประจําชั้น ได้กล่าว
หวัง จงโฮ่ว ได้รีบพูดว่า : “อืมม.. ทางคุณครูก็อย่าได้เข้าใจผิดไป ที่บ้านของเราไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เรื่องนี้ทางคุณครู สบายใจได้ ผมจะรีบหาสาเหตุให้ชัดเจนให้เองครับ”
ครูประจําชั้น กล่าวว่า : “รีบทําความเข้าใจให้เร็วที่สุดดีกว่าครับ ยังไง เสี่ยวหนี๋ ก็ถือได้ว่าเป็นต้นกล้าชั้นดี ด้วยผลการเรียนที่ผ่านมาของเธอ.. ผมเชื่อว่าเธอจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ แต่คุณก็อย่าได้ไปโกรธลูกให้มากจนเกินไป ต้องระมัดระวังในการสั่งสอน เสี่ยวหนี๋ ให้รู้ และให้เข้าใจก็พอแล้ว”
“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ” หวัง จงโฮ่ว ได้พูด
หลังจากวางสายไป หวัง จงโฮ่ว ก็ได้โกรธมาก เรื่องนี้เป็นเพราะลูกสาวของเขาได้โกหกเขาจริงๆ ทั้งครูประจำชั้นของเธอก็ได้เรียกไปคุย ที่สำคัญเธอกลับบอกว่าพ่ออย่างเขาป่วย แล้วเธอบอกไปได้ยังไงว่าพ่อคนนี้ของเธอป่วย? เรื่องนี้มันส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขามาก
เขาป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วนี่ทําไม.. เขาถึงได้ไม่รู้?
แบบนี้ ..ต้องมีปัญหากับลูกสาวของเขาแน่ๆ ทั้งมันก็ยังเป็นเรื่องใหญ่มาก…
หวัง จงโฮ่ว ไม่มีอารมณ์ทํางานอีกต่อไปแล้ว เขาได้รีบลางาน และรีบกลับไปที่บ้าน ทั้งได้บุกเข้าไปในห้องลูกสาวของเขาทันที และเริ่มค้นหา
แต่ผลลัพธ์… คือ
เขา.. กลับพบพื้นที่โดยรอบห้องเต็มไปด้วย โปสเตอร์ดารา และหนังสือที่ระลึก…
ทั้งหมดในที่นี่ก็เกี่ยวข้องกับดาราคนหนึ่ง หวัง จงโฮ่ว จึงได้รู้ว่า.. ในโลกนี้ ก็ได้มีดาราคนหนึ่งที่มีชื่อว่า หัว อี้อู่..
เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของเขาได้หลงใหลดาราคนนี้มาก และเธอก็ได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อของที่อยู่โดยรอบๆ นี้ ปกติแล้ว หวัง จงโฮ่ว ก็ได้วางใจ และได้ให้เงินค่าขนมกับลูกสาวของเขาเก็บไว้เป็นก้อน ทั้งเขาก็ไม่เคยได้ถาม.. และทั้งหมดมันก็เป็นผลให้ลูกสาวของเขาได้ใช้เงินจํานวนมากไป กับดาราคนหนึ่ง.. เรื่องนี้เขาไม่เคยได้รู้เลย
คืนนั้น หวัง จงโฮ่ว จึงได้โยนโปสเตอร์ และแผ่นภาพดาราเป็นปึกหนาๆ ลงต่อหน้าลูกสาวของเขา : “นี่คือเหตุผลที่คะแนนของลูกลดลงงั้นหรือ?”
“อ๊ะ!” หวัง เสี่ยวหนี๋ ได้กรีดร้องขึ้นมาอย่างตกใจ และพูดด้วยอารมณ์โกรธอยู่เล็กน้อยไปว่า : “คุณพ่อคะ นี่คุณพ่อเข้าไปในห้องของหนูงั้นเหรอ? แล้วนี่ยังไปรื้อค้นของหนูได้ยังไง!”
หวัง จงโฮ่ว ได้พูดด้วยความโกรธออกไปว่า : “ถ้าพ่อไม่ได้เข้าไปห้องลูก พ่อก็คงยังไม่รู้ว่าลูกกําลังทําอะไรอยู่ พ่อเองก็กำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมคะแนนของลูกมันถึงได้ตกลงไปขนาดนี้ ที่แท้.. ลูกก็กําลังไล่ตามดาราอยู่ นี่ลูกกำลังเป็นแฟนคลับสมองพิการแบบที่ชาวเน็ตเขาพูดถึงกันใช่ไหม? งั้นพ่อก็เข้าใจได้แล้วว่า สมองของลูก มันคงจะพิการไปหมดแล้วจริงๆ!”
หวัง เสี่ยวหนี๋ พูดว่า : “เกิดอะไรขึ้นหากหนูจะวิ่งไล่ตามดาราคนหนึ่ง แล้วหนูไม่สมควรที่จะชอบใครงั้นเหรอไง?”
หวัง จงโฮ่ว ก็ได้ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธไปว่า : “มันไม่ผิด แต่เรื่องนี้มันกลับมีอิทธิพลต่อผลการเรียนของลูก มันถึงได้ไม่ถูกต้อง! พ่อขอถามหน่อยเถอะว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่! ลูกได้ไล่ตามดาราคนหนึ่ง ไล่ตามจนหลงเสน่ห์อีกฝ่ายไป ครูประจําชั้นของลูกก็ได้มาบอกพ่อว่า ลูกไม่มีสมาธิในการเรียน เอาแต่สัปหงกอยู่ในห้อง! ตอนนี้ลูกช่วยบอกความจริงกับพ่อมาดีกว่า!”
หวัง เสี่ยวหนี๋ ที่ได้ถูกพ่อของเธอตวาดใส่ จนทำให้เธอตกใจมาก.. เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เธอยังไม่เคยเห็นพ่อของเธอโกรธมากถึงขนาดนี้ ทั้ง ..คุณพ่อ ก็ไม่เคยตะโกนใส่เธอเสียงดังมากขนาดนี้ด้วย
“หนู…” หวัง เสี่ยวหนี๋ ได้อ้ำๆ อึ้งๆ “หนูได้ช่วยพี่ชายอี้อู่ ทําข้อมูล…”
หวัง จงโฮ่ว ไม่เข้าใจ : “ทําข้อมูลอะไร?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ พูดว่า : “เยอะมาก โดยทั่วไปแล้ว ก็จำเป็นต้องทําข้อมูลทุกวัน ข้อมูลที่มีก็เยอะมากๆ ด้วย อย่างตอนนี้ พี่อี้อู่ ได้เปลี่ยนพรีเซนเตอร์ใหม่ เราก็ต้องเริ่มทำบล็อกข้อมูล และโพสต์ลงไป ทั้งนี้เราก็ต้องสร้างคอมเมนต์ให้พี่อี้อู่ เยอะๆ ถ้าคอมเมนต์น้อยแฟนคลับบ้านคนอื่นก็จะเข้ามาหัวเราะเยาะพี่ชายอี้อู่ ดังนั้นเราต้องเตรียมข้อมูลให้ดี ทั้งยังต้องดูดีสำหรับพี่เขาให้มากๆ แฟนคลับอย่างพวกเราก็มีมากกว่าสิบบัญชี เปลี่ยนกันเข้ามาเพื่อคอมเมนต์ และกดไลค์ เช่น คอมเมนต์หนึ่ง พวกเราเองมีสิบบัญชี ก็เท่ากับสิบคอมเมนต์ แต่ละคนก็สามารถช่วยกันลงคอมเมนต์ได้มากกว่า 100 คอมเมนต์ ถ้าขยันๆ หน่อย คนหนึ่งก็สามารถมีส่วนร่วมได้สองถึงสามร้อยความคิดเห็น งานนี้มันก็ดูออกจะเสียเวลาไปมาก แต่นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากมีใครเข้ามาด่าพี่อี้อู่ แล้ว.. เราก็ต้องรีบเข้าไปต่อต้านด้วย”
หวัง จงโฮ่ว ที่ได้ฟังก็ได้ตกตะลึงไป เหมือนกับเขาได้เปิดโลกใหม่ แล้วนี่มัน.. อะไรกัน?
“อะไรคือต้องเข้าไปต่อต้าน?” หวัง จงโฮ่ว ได้พูดอย่างไม่เข้าใจ
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า : “ก็เวลามีคนเข้าไปคอมเมนต์แย่ๆ ในบัญชี พี่อี้อู่ เราก็ต้องรีบเข้าไปด่าคนๆ นี้นะสิคะ ทั้งยังต้องรีบรายงานคนๆ นี้ด้วย พวกเราเองแต่ละคนก็มีอยู่หลายสิบบัญชี ผลัดกันเข้าไปรายงาน มันก็เหมือนกับการแจ้งความ ตราบใดที่มีจํานวนการรายงานเพิ่มขึ้น บัญชีของอีกฝ่ายก็จะถูกบล็อก โดยทั่วไปแล้วมันยากมากที่จะกลับมาใช้งานได้อีก ทางพวกเราเองก็มักที่จะทำแบบนี้กัน เนื่องจากเรามีสมาชิกเยอะมาก ทั้งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกคน มันก็เลยมักที่จะประสบความสําเร็จ”
หวัง จงโฮ่ว กล่าวว่า : “ยังมีอะไรอีก?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า : “อืมม.. ยังมี... แบบว่าถ้าพี่ชายอี้อู่ ติดอันดับในผลการประเมิน ประมาณว่า พี่ชายเขาติดในกระแสนะค่ะ ประมาณว่าเขาอยู่ในอันดับยอดนิยมก็ได้ เมื่อนั้นเขาเองก็มักจะตกอยู่ในกระแสการค้นหาที่ร้อนแรง ดังนั้นเราจึงต้องเข้าไปควบคุมความคิดเห็นอยู่เสมอ และในบางครั้ง พี่ชายอี้อู่ อาจจะตกไปอยู่ในอันดับการค้นหาที่ร้อนแรงในตอนกลางคืน เราเองก็ต้องรีบช่วย พี่ชายอี้อู่ เข้าควบคุมความคิดเห็น วิธีการก็คือสิบบัญชีต่อหนึ่งคน เราจะผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาช่วยกันกดไลค์ และคอมเมนต์ให้กับพี่ชายของเรา”
หวัง จงโฮ่ว ได้มีเหงื่อแตกพลั่กๆ : “นี่ลูกกำลังเสียเวลาไปเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้ จนกระทั่งละทิ้งการเรียน ทั้งยังแอบหลับในชั้นเรียนเพราะด้วยเหตุนี้ งั้นเหรอ?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า : “นี่มันจะไปเรียกว่าเรื่องไร้สาระได้ยังไง เราทุกคนเองก็เป็นผู้อาสา เพื่อประโยชน์ของพี่ชาย และการที่เราสามารถช่วยพี่ชายได้ มันก็เป็นเรื่องที่ดี และนี่ถ้าคอมเมนต์ของพี่ชายออกมาน่าเกลียด จํานวนความคิดเห็น และยอดกดไลค์ก็จะน้อยลงตาม พรีเซนเตอร์ที่จะเข้ามาซื้อก็น้อยลงไปด้วย แบบนี้คนอื่นก็จะต้องหัวเราะเยาะ พี่ชายอี้อู่ ทั้งพวกเราเองก็ไม่อยากให้พี่ชายอี้อู่ ต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ!”
หวัง จงโฮ่ว ถึงกลับพูดไม่ออก : “นี่ลูกสับสนไปหมดแล้วหรือยังไง? เขาถูกหัวเราะเยาะ แล้วเรื่องนี้มันไปเกี่ยวอะไรกับลูก? ดาราคนอื่นทําเงินได้หลายสิบล้าน แล้วนี่เขาได้จ่ายเงินให้ลูกบ้างหรือยัง ลูกถึงได้ยอมทำอะไรพวกนี้ให้?”
หวัง เสี่ยวหนี๋ กล่าวว่า : “เราจะไปขอเงินพี่ชายอี้อู่ ได้อย่างไร.. เราทุกคนได้ใช้พลังความรักเป็นแรงขับเคลื่อน ที่พวกเราทําเช่นนี้ก็เพราะพวกเราชอบ พี่ชายอี้อู่ แล้วแบบนี้เราจะไปเรียกเก็บเงินได้ยังไง เราจึงไม่คิดที่จะรับเงิน”
หวัง จงโฮ่ว : “.....”