ตอนที่ 83 แบนชีเสน่หา
ตอนที่ 83 แบนชีเสน่หา
"..."
ข่าวที่มาอย่างกระทันหันแบบนี้มันเหล่าราชันหน้าใหม่ตกตะลึง
รวมถึง หลิน ยู ด้วยเขาตกใจที่ได้ยินข่าวนี้
สงครามหมื่นอาณาจักร?
มันคืออะไรกัน?
แถมยังการบังคับวาปหมู่พวกเขาออกไปในตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้อีก
ภายใต้ความสงสัย หลิน ยู เฝ้าดูข้อมูลภายในช่องแชทภูมิภาคต่อไป เขาต้องการทราบข้อมูลที่มีประโยชน์เพิ่ม
แน่นอน มันใช้เวลาเพียงไม่นานก็มีราชันชราผู้ใจดีบางคนมอบข้อมูลให้กับเขา
"สงครามหมื่นอาณาจักรนั้นคือการที่พวกเราจะถูกวาปออกไปทุกอาณาจักรจะถูกส่งไปยังพื้นที่เดียวกัน ฆ่าสังหารกันเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากร มันจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 เดือนเป็นเวลา 3 วัน"
"ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ใบโลกเดียวกัน แต่พวกเราไม่ได้อยู่ทวีปเดียวกัน มีทวีปอยู่รับไม่ถ้วนในนโลกใบนี้ ทวีปดึกดำบรรพ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งในนั้น"
"ตราบใดที่ผู้คนหรือเผ่าพันธุ์นั้นไม่ได้มาจากทวีปดึกดำบรรพ์ พวกมันทั้งหมดถือเป็นศัตรูของพวกเรา"
"เพราะเมื่อพ่ายแพ้ในสงครามหมื่นอาณาจักร ผู้แพ้จะถูกปล้นชิงโชคชะตาไป สิ่งต่างๆภายในอาณาจักรจะเริ่มพังทลาย พวกเราจึงเรียกมันว่าศึกแห่งโชคชะตา"
"เอาทุกคน พร้อมหรือยังที่จะสู้เพื่อโชคชะตา ว่าทวีปของเราจะรุ่งเรื่องหรือล้มสลาย"
ที่หลายข้อความเด้งขึ้นมา มันเกือบจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในช่องแชท
หลิน ยู เฝ้าสังเกตอย่างเคร่ดขรึม มองดูข้อความ
เขาเชื่อว่าเขานั้นได้รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้ดีแล้ว
แต่ไม่คาดคิดว่าความจริงจะโหดร้ายยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า
การต่อสู้แห่งโชคชะตา
สงครามระหว่างอาณาจักรนับหมื่นมันต้องน่ากลัวสุดๆเลยแน่นอน
แต่ถ้าเขาไม่สู้ โชคชะตาของทวีปจะถูกชิงไปและพวกเขาก็พังทลายในที่สุด
ไม่แลกใจทำไมถึงมีราชันจำนวนมากส่งข้อความมาในช่องแชททวีปดึกดำบรรพ์ ในที่สุดหลิน ยู ก็ได้เข้าใจรู้สึกขอบคุณเหล่าราชันในทวีป
"จริงๆแล้วพวกคุณไม่ต้องกังวลกันมากก็ได้ สนามรบเหล่านั้นแบ่งออกไปตามระดับของราชัน ดังนั้นพวกคุณจะพบราชันระดับเดียวกันเท่านั้น"
"และแต่ละระดับในสนามรบจะแบ่งออกเป็นพื้นที่เล็กๆมากมาย ตราบใดที่โชค คุณอาจจะไม่เจอศัตรูเลยก็ได้"
"อย่างไรก็ตามมันมีรางวัลสำหรับการสังหารศัตรู!"
เมื่อเข้าเห็นประโยคสุดท้าย ราชันทีอธิบายก็เงียบลงไปทันที
เมื่อเห้นข้อความนี้ ดวงตาของ หลิน ยู ก็เปล่งประกายขึ้นทันที
มีรางวัลสำหรับการสังหารศัตรูงั้นเหรอ
คิดแล้วว่าต้องมีผลประโยชน์แบบนี้
ถ้าอย่างนั้นดูเหมือนว่าเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่านี้ สิ่งนี้เกิดขึ้นทุกๆ 3 เดือนดังนั้นเขาไม่สามารถทำให้มันสูญเปล่าได้
การพัฒนาความแข็งแกร่งจะช่วยให้พวกเขาอยู่รอดได้ในสนามรบ
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องในวันพรุ่งนี้ เขาก็ปิดช่องชองลงและเริ่มเตรียมความพร้อมในดินแดน เขาเดินนทางไปยังโรงผลิตอาวุธเพื่อดูว่าอะไรพอจะมีประโยชน์กับเขาบ้าง
....
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ท้องฟ้าสว่างขึ้น หลิน ยู ออกไปจากดินแดนพร้อมกับกองทัพพืชของเขารีบไปยังส่วนลึกของทะเลทรายโกบี
สงครามหมื่นอาณาจักรเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งวันเท่านั้น ดังนั้นเขาต้องรีบยกระดับพืชทั้ง 3 ที่มีค่าประสบการณ์เกิน 400 ให้ถึงระดับ 7
ทหารระดับ 7 4 ตัวอยู่อีกไม่ไกลแล้ว เขาจะปลอดภัยมากขึ้นเมื่อต้องเชิญหน้ากับศัตรู
ในไม่ช้า เขาก็ขี่มูรันชิมาถึงส่วนลึกของทะเลทรายโกบี และส่งมังกรเงาพฤกษาทั้ง 10 ตัวออกไปสำรวจบริเวณรอบๆ คอยมองหาร่องรอยของมอนสเตอร์
ภายใต้การค้นหาแบบปูพรม เขาพบกับรังมอนสเตอร์ขนาดเล็กในเวลาไม่นาน
"ไปกันเถอะ ไปลุยกัน"
หลิน ยู ออกคำสั่งให้ทำลายรังมอนสเตอร์ทันทีด้วยทหารระดับ 6 100 ตัว
มันเป็นรังที่ซอมบี้ระดับ 6 มารวมตัวกัน พวกมันมีมากกว่า 30 ตัว พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้กองทัพพืชของหลิน ยู
ภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที พวกมันก็ถูกโจมตีโดยกองกำลังครึ่งหนึ่งของกองทัพพืช จากนั้นพืชทั้ง 3 ตัวก็มาปิดบัญชีทำให้ได้รับค่าประสบการณ์ไปเต็มๆ
หลังจากจัดการซอมบี้หมดแล้ว เสียงเตือนก็ดังขึ้นในหัวของหลิน ยู
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้ทำลายรังมอนสเตอร์ระดับ 6 ได้สำเร็จ ได้รับแก่นแท้ดินแดนระดับ 6 1 ชิ้น]
หลิน ยู รีบตรวจสอบค่าประสบการณ์ของพืชทั้ง 3 ตัว ถ้าตามหลักแล้วค่าประสบการณ์ต้องเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 แต้ม
"เยี่ยม ไปหารังมอนสเตอร์ที่ต่อไปกันเถอะ"
เมื่อพูดแบบนั้น หลิน ยู ก็ขี้มูรันชิ เดินทางต่อเข้าไปยังส่วนลึก ของทะเลทรายโกบี
ด้วยกองทัพพืชระดับ 6 ทั้ง 100 ตัวนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การกวาดล้างมอนสเตอร์ได้สูงมาก
เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนมอนสเตอร์ระดับ 6 ที่ตกตายภายใต้การโจมตีของพืชทั้ง 3 นั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จะกระทั่งเวลาผ่านไปทั้งช่วงเช้า นางพญาปิศาจโลหิตก็มีค่าประสบการณ์เต็มในที่สุด เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นในหัวเขาทันที
[ขอแสดงความยินดีด้วย นางพญาปิศาจโลหิตทีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในการอัพเกรดเป็นระดับ 7 การอัพเกรดต้องใช้แก่นแท้ดินแดนระดับ 6 คุณต้องการอัพเกรดหรือไม่?]
"อัพเกรด!"
ในตอนนี้ หลิน ยู ได้รวบรวมแก่นแท้ดินแดนครบ 10 อันแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จับเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้มันเลย
ขณะที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง นางพญาปิศาจโลหิตถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงทันที ร่างกายของเธอเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
สิ่งแรกที่เปลี่ยนคือดอกไม้บนหัวของมัน มันควบแน่นกว่าเป็นดอกไม้ตูมที่ดูเบาบาง
จากนั้นเถาวัลย์ที่อยู่ตัวของมันก็พันพับเข้าไปในตัว เกิดเป็นส่วนโค้งเว้าที่ดูมีเสน่ห์ หากมองจากระยะไกลเธอจะเหมือนสาวขี้อายที่รอการปลดปล่อย
เมื่อรวมกับเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปด้วยหนาม ที่ร่ายรำไปรอบๆตัวตลอดเวลา มันทั้งดูสง่างามและน่าเกรงขาม พร้อมกับความงามที่ดูอมหิต
หลิน รอ แทบไม่ไหวที่จะตรวจสอบข้อมูลของมัน
[ชื่อ : แบนชีแห่งเสน่หา]
[เผ่าพันธุ์ : พฤกษา]
[ระดับ : ระดับ 7 (0/2500)]
[ความแข็งแกร่ง : 800]
[ร่างกาย : 800]
[ความว่องไว : 633]
[วิญญาณ : 770]
[สกิล : ปราการพฤกษา , เถาวัลย์พิษ , หมอกพิษโลหิต , จุมพิตแบนชี (ใช้พลังแห่งเสน่ห์ ควบคุมศัตรู 1 ตัวอย่างสมบูรณ์ในเวลาสั้นๆ ระยะเวลาในควบคุมขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางจิตใจของศัตรู)]
[หมายเหตุ : หนึ่งในสาม ร่างของแบนชี เหี่ยวเฉา เสน่ห์ และความบ้าคลั่ง เก่งในการควบคุมศัตรู]
"ควบคุมศัตรูโดยสมบูรณ์?"
หลิน ยู ตกตะลึงเมื่อเข้าเห็นสกิลใหม่ที่เพิ่งเรียนรู้ของ แบนชีแห่งเสน่หา ดวงของเขาก็เบิกกว้างขึ้น
สกิลนี้มีพลังมากกว่า หมอกพิษซะอีก
แม้ว่าหมอกพิษจะสร้างภาพลวงตาเป็นหมู่ แต่อยากสุดมันก็สร้างได้แค่ภาพหลอน
แต่ จุมพิตแบนชี นี้ แตกต่างออกไป มันสามารถควบคุมศัตรูได้อย่างสมบูรณ์
แม้ว่ามันจะเป็นเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆแต่ถ้ามันใช้ถูกจังหวะ เขาสามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาศได้ เช่น สั่งให้ศัตรูเข้าโจมตีกันเอง
ฉากนี้แค่คิดก็สยองแล้ว
ดูเหมือนแบนชีร่างนี้ได้เสริมความสามารถในการหว่านสเน่ห์จนถึงขีดสุด เพื่อความสามารถในการควบคุมศัตรู
นอกจากนี้ยังอีก 2 ร่างพวกมันน่าจะเป็นสายพิษและสายเลือด หลิน ยู อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอ เขาไม่รู้ว่านางพญาปิศาจโลหิตตัวอื่นๆจะเลื่อนขั้นเมื่อไร
"ไปกันเถอะ พวกเราไปลองสกิลใหม่กัน"
หลังจากปิดหน้าต่างข้อมูล หลิน ยู ก็ นำแบนชีแห่งเสน่หา ตัวนี้เดินทางไปพร้อมกับพืชตัวอื่นๆทันทีเดินทางสำรวจต่อไป
ใช้เวลาเพียงไม่นานก็พบสถานที่ๆเหมาะสม
เขาเจอเข้ากับหมาป่าปิศาจระดับ 6 2 ตัว
หมาป่าปิศาจทั้ง 2 ตัวกำลังล่าเหยื่อด้วยกันในเวลานี้ พวกมันบังเอิญเจอเข้ากลับ หลิน ยู พวกเขาถูกดึงดูดทันทีด้วยกลิ่นของเนื้อและเลือดบนร่างกาย มันพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกับเสียงคำราม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกมันจะได้เข้ามาใกล้ กลีบดอกไม้บนหัวของแบนชีเสน่หาก็บานออก แม้แต่หลิน ยู เองก็ยังสั่นสะท้าน มันปล่อยระลอกคลื่นแปลกๆออกมา
หลังจากนั้น หนึ่งในหมาป่าปิศาจก็ตัวสั่น ดวงตาค่อยๆกลายเป็นสีชมพู จากนั้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า มันกัดเข้าที่คอของหมาป่าปิศาจอีกตัวหนึ่ง
"เอ๊งงง!"
หมาป่าปิศาจกรีดร้องและถูกกระชากลงพื้น มันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเพื่อนมันถูกโจมตีมัน
มันพยายามที่จะดึกร่างออกมาจากปากเพื่อนของมัน แต่ถูกกัดเข้าที่คออีกครั้ง มันร้องครวญครางออกมาและตายลงในที่สุด
ส่วนหมาป่าปิศาจที่ถูกควบคุมก็ถูกแทงโดยเถาวัลย์ 2 3 สายเข้าที่หน้าอก มันไม่แม้แต่จะหลุดจากการควบคุมของแบนชีเสน่หาจนกระทั่งตายลงไป