ตอนที่ 1284 ใครเดินหมากของข้า?
บนกระดานหมากรุกหินโบราณรูปเกมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แต่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางที่กำลังนั่งสมาธิในส่วนลึกของดวงตาของเขามีประกายความโกรธ “ใครเดินหมากของข้า?”
ก่อนหน้านี้เขามีความสงสัยและรู้สึกเสมอว่าเกมทั้งหมดเดินไปอย่างราบรื่นเกินไปมีเย่ว์ไตตันและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและจักรพรรดิแห่งฝันสามเสาหลักแห่งหอทงเทียนอยู่ในสภาพซบเซาด้วยเหตุผลง่ายๆ คือไม่อาจต่อสู้ได้ การต่อสู้อย่างรุนแรงยังเป็นไปไม่ได้ แต่เกมหมากรุกทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นจักรพรรดิทองฉวยโอกาสช่วยให้เย่ว์ไตตันหนี แต่ดูเหมือนสถานการณ์มั่นคงเพียงเล็กน้อย เย่ว์ไตตันแบกโชคชะตาของหอทงเทียน แม้ว่าจะไม่มีจักรพรรดิทองแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าหรือจับสังหารเขาได้ง่ายๆ มิฉะนั้นเขาคงต้องลงมือด้วยตนเอง
ในฐานะผู้เล่นเกมหมากรุกเย่ว์ไตตันจะเดินหมากแพ้เขาในที่สุด
แทนที่จะเริ่มต้นเดินหมาก
เย่ว์ไตตันกลับหายไปและหนีไปอย่างไม่มีร่องรอย
สตรีผู้หลับใหลมาเป็นเวลานานดูเหมือนไม่รีบร้อนนางได้แต่นั่งดูหอทงเทียนล่มสลายเฉยๆ นี่เป็นไปได้อย่างไร? นอกจากนี้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้กล้ากวาดพิชิตแดนสวรรค์จะมองดูหอทงเทียนล่มสลายโดยไม่ลงมือได้อย่างไร?
ถ้าเขาสงสัยว่าไม่มีอะไรผิดปกติ อย่างนั้นใครบางคนต้องลอบเดินหมากลับเป็นแน่
ทักษะแฝงเร้นหมากรุกสามารถควบคุมได้แม้แต่นักสู้ระดับเทพควบคุมทุกอย่างในโลกได้ อย่างไรก็ตามหากมีผู้เฝ้าดูที่แข็งแกร่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ประโยชน์จากการเดินหมากของตนเองลับๆ
อย่างไรก็ตามผู้เฝ้าดูเช่นนั้นไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมากกว่าเขา แต่ยังมีคนที่มากกว่าหนึ่งดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำเป็นมองไม่เห็น
ถ้าอย่างนั้นใครกันที่เข้ามาเกี่ยวข้อง?
จักรพรรดิทองควรจะเป็นหนึ่งในนั้น แต่พลังของจักรพรรดิทองยังไม่เพียงพอจะหลอกลวงเขาเป็นแน่ และเขายังไม่มีพลังมากพอจะเปลี่ยนเกม
แต่ถ้ามีจักรพรรดิอสูรและราชันย์ไร้ใจปีศาจเฒ่านั่นเล่า? ถ้าเป็นพวกเขาก็คงยังจะดีกว่าที่น่ากลัวที่สุดก็คือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่เสมอ ถ้าเขาถือมีดอยู่เบื้องหลัง อย่างนั้นเขาจะตกอยู่ในความยากลำบาก! มีแต่เจ้าตำหนักสูงสุดที่ทรงพลัง ฉลาด ลึกซึ้งที่สุดมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นเขาที่จะเดินหมากลับๆ ขณะที่ดูตัวหมากรุกมีแนวโน้มว่าจะปิดบังตัวเองไว้ให้มากที่สุด
ปัญหาก็คือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ทำเช่นนี้ไม่มีอะไรได้เปรียบ
เทียนอี้ต้องการให้หอทงเทียนตกต่ำ
เขาไม่มีเหตุผลในการก่อกวนแผนการให้ยุ่งเหยิงก่อนทำลายหอทงเทียนเทียนอี้ควรช่วยตัวเขาก่อนเมื่อหอทงเทียนถูกกำหนดให้พินาศตลอดไปและถูกทำลายสิ้นเชิงก็ยังไม่สายเกินกว่าจะออกหน้า เขาไม่อาจอดทนรอได้อย่างไร?
เรื่องนี้ไม่มีเหตุผล!
ไม่!
ไม่ใช่เทียนอี้!
เป็นไปได้ไหมว่าผู้ชมดูนั้นก็คือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่ได้สัญญากับเขาไว้แล้ว?
แต่จักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่อได้ให้สัญญากับเขาไว้แล้ว เขาคือนักสู้ระดับเทพ สัญญาของเขามีค่าพันตำลึงทอง เขาก็คือตัวแทนความประสงค์ของเขามั่นคงต่อสัญญาและเขามีเหตุผลพอที่จะทำลายหอทงเทียนด้วยหมากของเขา
ถ้าไม่ใช่สองคนนี้ อย่างนั้นจะเป็นใคร?
ในโลกนี้ใครมีพลังอย่างพวกเขาบ้าง? ผู้นั้นสามารถซ่อนพ้นจากดวงตาของเขาอย่างชาญฉลาดได้หรือไม่?เขามีความสามารถซ่อนตัวพ้นจากการเป็นหมากของเขาได้หรือ?
หรือว่าจะเป็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหรือเป็นองค์หญิงเย่เมิ่ง? พวกเขามีพลังเช่นนั้นแน่ แต่พวกเขาเป็นศัตรูพวกเขาไม่สามารถซ่อนหมากที่จะเล่นได้ทั้งเดินหมากของตัวเขาได้อย่างร้ายกาจ ทักษะแฝงเร้นหมากรุกไม่อาจเมินเฉยได้... จักรพรรดิทอง จักรพรรดิอสูรและราชันย์ไร้ใจพวกเขาไม่อาจใช้พลังหลอกเขาได้ อย่างนั้นใครคือผู้ชมดูหมากรุก?
ในหอทงเทียน ใครที่เพิกเฉยต่อการกำกับของเขาได้?
ยังจะมีใครอีก
มีภูมิปัญญาที่ร้ายกาจทำให้เกมหมากรุกยุ่งเหยิงได้ แต่ทำโดยเขาไม่รู้ตัวได้หรือ?
เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางเข้าสมาธิลึกขุนพลเทพทั้งสิบแปดของเขาล้มเหลว และถูว่านแห่งเผ่ามังกรกลืนสวรรค์ขัดขวางล้มเหลวเขาติดตามร่องรอยวิกฤต ภายใต้ทักษะแฝงเร้นหมากรุกของเขามีคนที่มองไม่เห็นที่สามารถก้าวข้ามกฎสวรรค์กระดานหมากรุกซ่อนตัวอยู่ในที่เร้นลับขณะมองดูเกมหมากรุกและใช้มือที่มองไม่เห็นก่อกวนให้เกมหมากรุกของเขาสับสน... พละกำลังและสติปัญญาของมนุษย์ล่องหนผู้นี้น่าจะไม่ด้อยไปกว่าเขา!
และ
ไม่มีใครรู้
ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเองหรือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้และผู้พิชิตแห่งแดนสวรรค์ล้วนถูกบังตา!
ในหอทงเทียนยังมีผู้พิทักษ์ที่เขาไม่รู้จักแต่ฉลาดอย่างนั้นหรือ? เขาหรือนางผู้นี้เป็นใครใช้ชีวิตแบบไหน?
“ข้าจะหาเจ้าให้พบ...” ในสายตาของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางมีแววกระตือรือร้นเขาจะต้องหาคู่ต่อสู้ของตนเองที่ก่อกวนสถานการณ์ที่เขาต้องชนะให้สับสน และความคิดต่อสู้ในใจของเขาลุกโพลง “ดีมาก การต่อสู้แบบนี้เท่านั้นที่น่าสนใจและคนแบบนี้เท่านั้นที่คู่ควรให้ข้าตงฟางทุ่มกำลังสู้! เจ้าซ่อนตัวอยู่หลังเย่ว์ไตตันเพื่อเดินหมากแข่งกับข้าไม่ใช่หรือ? ผู้เล่นที่แท้จริงคือเจ้าไม่ใช่เย่ว์ไตตันที่เจ้าผลักดันให้เป็นจุดหมายโจมตีของทุกคนใช่ไหม?ถ้าอย่างนั้นเจ้าเป็นใคร?”
ตงฟางพึมพำกับตนเอง
เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาที่มีพลังจากเดิมเดียวดายและเกียจคร้านกลับมีไฟลุกโหมต้องการต่อสู้
ความวิตกกังวล ความหวาดกลัวและความหวั่นไหวที่ประดังเข้ามาเปลี่ยนเป็นความรู้สึกต้องการสู้ที่น่าตื่นเต้นในเวลากว่าหมื่นปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเงาแห่งความล้มเหลวในเกมหมากรุกที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วและมองไม่เห็น
ภายใต้การท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางรู้สึกตื่นเต้น
คู่ต่อสู้เช่นนี้คือสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดในชีวิต
มีแต่การแข่งขันระดับนี้เท่านั้นถือว่าเป็นการใช้ภูมิปัญญาของนักรบต่อสู้กันอย่างแท้จริง
ปรากฏว่าเย่ว์ไตตันผู้ซึ่งพยายามพากเพียรอย่างหนักและเตรียมพร้อมหาวิธีการทุกอย่างออกมาใช้ เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาในตอนนี้ เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เป็นเทพการเติบโตก้าวหน้าของเขามีเรื่องน่าสงสัยมีทั้งปาฏิหาริย์และความบังเอิญมากมายเกินไป หลายอย่างต่อต้านความคงอยู่หรือเจตจำนงสวรรค์ ดูแล้วไม่สมเหตุสมผล... การวิเคราะห์ตามสถานการณ์ปัจจุบันพรสวรรค์ที่ผิดธรรมดาของเย่ว์ไตตันมีอยู่แทบทุกอย่าง บางทีเขาอาจเป็นหุ่นเชิด
ต้องเป็นการผลักดันโดยผู้พิทักษ์หอทงเทียนที่แท้จริงซึ่งเร้นตัวอยู่เบื้องหลังเขา
เย่ว์ไตตันถูกผลักดันให้ขึ้นเวที
เป็นเป้าหมายของการโจมตีและดึงดูดการโจมตีมาทั้งหมด
แต่ผู้พิทักษ์หอทงเทียนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังสามารถใช้ความประมาทเลินเล่อที่ไม่มีใครรู้นี้แสดงภูมิปัญญาอันชาญฉลาดระดับเทพจัดการสถานการณ์โดยรวม
บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน
ข้างทะเลสาบเรืองแสง
เพราะความปรารถนาอันแรงกล้าของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เย่ว์หยางผู้ซึ่งถูกชี้นำโดยทักษะแฝงเร้นหมากรุกที่มองไม่เห็นในที่สุดก็ปลดปล่อยตนเองอย่างแท้จริง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีเจตจำนงราชันย์อย่างแท้จริงแต่ระดับนักสู้ของเขายังต่ำกว่าระดับเทพและเขาไม่สามารถละเลยกฎสวรรค์ทั้งหมดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กฎเหนี่ยวนำและทักษะแฝงเร้นหมากรุกของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง
ทักษะแฝงเร้นหมากรุกไม่สามารถส่งผลต่ออิสรภาพของเย่ว์หยางแต่เย่ว์หยางก็ไม่ได้มีอิสรภาพอย่างสมบูรณ์เช่นกัน
เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางยิ่งเพ่งสมาธิมากยิ่งขึ้น
ก็ยิ่งเกิดพลังเหนี่ยวนำมากขึ้น
ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความเป็นไปได้ในการไล่ล่าที่มากขึ้น!
อย่างไรก็ตามในทันทีที่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางเปลี่ยนความตั้งใจอย่างลึกลับเย่ว์หยางรู้สึกทันทีว่าร่างกายและจิตใจของเขาอยู่ในสภาพที่ดีเขารู้สึกโล่งใจและเป็นอิสระอย่างแท้จริง
เขาไม่รู้ว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำอะไรจนเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางตามเพ่งเล็งเขาได้ แต่เขามั่นใจว่าพวกนางลงมือแสดงถึงความพยายามแน่นอน
บางทีอาจไม่ใช่แค่พวกนางแต่ยังมีคนอีกมากมายเช่น เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและสหายร่วมกลุ่มอื่นๆรวมทั้งอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้เฒ่าหนานกงได้เสียสละและพยายามอย่างมากในเรื่องนี้... เจ้าตำหนักใหญ่ยอมยกเลิกติดตามตัวเย่ว์หยางเองเขาไม่รู้ว่าทุกคนทำได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาต้องรีบก้าวหน้าให้ได้ เจ้าตำหนักใหญ่รั้งสำนึกของเขากลับคืนไปเขาจำเป็นต้องรู้แจ้งและยกระดับเพื่อทำให้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางและผู้รุกรานจากแดนสวรรค์ทั้งหมดสิ้นหวัง
ยักษ์ชะตาสูงหนึ่งกิโลเมตรไม่ว่ายังไงเขาต้องควบคุมให้ได้
ขอเพียงมีพลังนั้น
ทักษะแฝงเร้นหมากรุกจะถูกทำลาย อันตรายของหอทงเทียนจะได้รับการแก้ไขและทุกคนจะพลิกชะตาได้ ชัยชนะครั้งสุดท้ายจะอยู่เพียงปลายเอื้อม!
“หน้าโง่, ไม่มีเวลามากจะมากลัวอีกแล้ว!” จื้อจุนพบว่าเจ้าเด็กผู้นี้มัวแต่กระหยิ่มพอใจในตัวเองจนแทบจะผละจากการฝึกฝน นางตวาดเตือนเขาอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะความพยายามอย่างหนักของทุกคนและการทำงานหนักของเขาจึงสร้างอิสรภาพให้เขาได้เขาไม่ควรจะเสียเวลาแม้แต่ชั่วครู่หรือวินาทีเขาควรจะรู้ว่าถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจพลังแห่งยักษ์ชะตาสูงหนึ่งกิโลเมตรได้ในสามวันความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่า
“เข้าใจแล้ว!”เย่ว์หยางรีบข่มใจและฟื้นฟูสภาพให้พร้อมรู้แจ้ง
เขาจะไม่รู้ความสำคัญของโชคชะตาได้อย่างไร
ขอเพียงหลุดพ้น
เขาแค่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมยินดีและประทับใจการพยายามอย่างหนักของทุกคน
จื้อจุนเกรงว่าจิตใจของเขาจะเจอกับอุบัติเหตุนางกอดร่างของเขาแน่นฝ่ามือลูบหลังของเขาและใช้หน้าผากนางแนบหน้าผากเย่ว์หยางอย่างเงียบงันปลดพันธนาการทั้งหมดโดยไม่มีรั้งส่วนที่เป็นความลับเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาทั้งหมดที่นางได้จากการฝึกฝนและรู้แจ้งในชีวิตของนาง
และใจนางผสานกับใจของเขาจนแยกไม่ออก
เพื่อเป้าหมายช่วยให้เย่ว์หยางก้าวหน้าและทำให้เขาควบคุมยักษ์ชะตาได้ภายในสามวัน ความสำเร็จในอนาคตจื้อจุนยินดีทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา นางจะไม่ยอมเสียเวลาแม้สักครึ่งวินาที
คัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกัน
เช่นเดียวกับเจ้าของคัมภีร์ทั้งสองสัมผัสกันไม่ว่าจะเป็นโล่ม่านพลังหรือเจตจำนงพวยพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าพันประสานกันอย่างไม่มีที่ติ นิมิตพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนการดำรงคงอยู่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม ณเวลานี้ได้ปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเย่ว์หยางและจื้อจุน
ทั้งเย่ว์หยางและจื้อจุนมีอสูรพิทักษ์คุ้มครองซึ่งไม่เคยเผยให้โลกภายนอกได้รับรู้ อย่างเช่นเงาปีศาจของเย่ว์หยาง
ตอนนี้ทั้งหมดออกมาโดยไม่มีการเรียกหรืออัญเชิญ
ร่วมรับรู้กับเจ้านาย
ร่างเงาปีศาจกลายเป็นร่างอวตารเป็นล้านๆมีการจัดกลุ่มใหญ่กลายเป็นเงายักษ์หรือมีพลังชีวิตที่สูงส่งและแปลกใหม่มากขึ้นและในที่สุดทั้งหมดก็รวมกับร่างของเย่ว์หยางเพื่อสนับสนุนเขา ในอีกด้านหนึ่งมีแสงเทพศักดิ์สิทธิ์พร่างพรายแพรวพราวเปล่งประกายไปทั้งโลกสามารถรองรับทั้งสวรรค์และโลกพฤกษาได้ เพราะการปรากฏของอสูรพิทักษ์ ทำให้เกิดเสียงเหมือนเพลงก้องกังวาน
อสูรพิทักษ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ที่จื้อจุนไม่เคยฝนกลับมีความรู้แจ้งเข้าใจเติมเต็มความรู้ให้นางอย่างนับไม่ถ้วน
ในที่สุดก็ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
ย้อนกลับในอดีตเพราะคำแนะนำของผู้เฒ่านิทรา จื้อจุนเลือกเส้นทางฝึกฝนที่ยากลำบากนางทุ่มเทฝึกฝนก้าวหน้า อสูรพิทักษ์ของนางทั้งหมดได้รับการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าแม้แต่ในช่วงเวลาที่นางถูกความตายคุกคาม นางไม่เคยใช้พลังของอสูรพิทักษ์ ในการฟื้นฟูนับไม่ถ้วนและก้าวหน้าอย่างยากลำบากนี้ทำให้จื้อจุนไม่ยึดติดกับสถานะกึ่งเทพอีกต่อไปนางมีความเข้าใจก้าวหน้าในระดับต่อไป
ขณะเดียวกันอสูรพิทักษ์ของนางก็เช่นกันทรงพลังขึ้นอย่างมากเพราะพลังของจื้อจุนหลั่งไหลเข้าไปในตัวพวกมัน
เหนือกว่ากึ่งเทพแม้กระทั่งเหนือกว่านักสู้ระดับเทพ
ความสำเร็จของนางในวันนี้
อสูรพิทักษ์ระดับที่เหมือนกับเจ้านายทั้งภาพลักษณ์และเจตจำนงนางคือเทพธิดาประกายจันทรา!