ตอนที่ 1278 เจ้าอายเป็นบ้างหรือเปล่า?
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยคือหัวหน้าของสิบแปดขุนพลเทพ
ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือสติปัญญา
ล้วนเหนือกว่าขุนพลเทพทุกคน
ผู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้ในที่สุดจริงๆมีแต่เพียงคนรุ่นก่อตั้งแรกๆระดับพลังของเขาสูงกว่าขุนพลเทพจื่อเว่ยไม่รู้ต่อกี่เท่า
เมื่อสหายร่วมงานของเขาเสนอให้กวาดล้างญาติพี่น้องตระกูล สหายร่วมกลุ่ม กองทัพ หรือขุนนางของเขา เขาไม่ได้พูดไม่ได้เสนอความคิดเห็นในการต่อสู้เลย เพราะเขารู้ว่างานแบบนี้เป็นงานไร้คุณค่าศักดิ์ศรี ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือล้มเหลวมีแต่จะตอกย้ำความเกลียดชังให้กับเย่ว์ไตตันจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่
เขาไม่ยินดีเป็นศัตรูกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างเย่ว์ไตตัน
เด็กหนุ่มคนเดียวถึงกับต้องให้เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางต้องใช้แผนกับเด็กหนุ่มที่ยังไม่เติบโตเต็มที่แต่กลับสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด แม้ว่าเย่ว์ไตตันจะยังไม่เป็นนักสู้ระดับเทพแต่เขากลับทำให้นักสู้ระดับเทพหวาดกลัวได้... เป็นเรื่องดีจริงๆหรือที่จะรุกรานคนแบบนี้ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับนี้?
บางทีในศึกนี้เย่ว์ไตตันอาจหงุดหงิดอยู่ระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตามศึกนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นศึกสุดท้ายในชีวิตของเย่ว์ไตตัน ตรงกันข้ามศึกนี้อาจเป็นตัวเร่งให้เย่ว์ไตตันเข้าสู่ระดับเทพโดยสมบูรณ์
ถ้าผู้ล้างแค้นระดับเทพกลายเป็นศัตรูคุกคามชีวิตของเขาในอนาคตเขายังจะมีอนาคตที่สงบสุขได้อย่างไร?
จะให้ข้าฆ่าคู่หมั้นของเขาหรือ?
โอว..สมองของข้ายังไม่ตาย!
อย่างไรก็ตามเมื่อขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ขัดขวางคู่หมั้นของเย่ว์ไตตันในครึ่งทางเขาไม่ปฏิเสธภารกิจ แต่มองอย่างผิวเผินเขาดำเนินการตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง แต่เขาไม่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในกระบวนการดำเนินการตามคำสั่ง เช่นไม่พบเป้าหมายในระหว่างสกัดขัดขวาง?
โยนนักรบหอทงเทียนเข้าไปในมิติหอทงเทียนให้เจ้าพวกโง่เหล่านี้ล่อลวงโจมตีเป้าหมายที่พวกเขาพบ
เขาแกล้งลาดตระเวนหลีกเลี่ยงเป้าหมายแต่ละเป้าอย่างชำนาญและบังเอิญ
จึงไม่มีทางพบเจอกับคู่หมั้นของเย่ว์หยาง
ไม่ว่ายังไงสตรีเหล่านี้ก็ยังแข็งแกร่ง
ถึงแม้จะอ่อนแอ
แต่เขาไม่เต็มใจจะเข้าไปตอแย
หลังจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพวกบุกตะลุยทหารแดนสวรรค์และบุกไปถึงหอทงเทียนชั้นเก้าขุนพลเทพเทียนกุ่ยรีบตามมาถึงหอทงเทียนชั้นที่เจ็ดทันที เขารู้สึกว่าเร็วเกินไปที่จะไล่ตามเทียนเฉิงไม่ใช่คนโง่แต่เป็นความผิดพลาดอย่างแน่นอนที่เขาไปกวาดล้างตำหนักซัคคิวบัส ตำหนักซัคคิวบัสคือสถานที่เกิดของเทียนฟาคนรักของเย่ว์ไตตัน ถ้าเทียนเฉิงกวาดล้างก็จะดึงดูดความสนใจจากเทียนฟาถ้าเทียนเฉิงไม่สามารถเอาชนะเทียนฟาได้ก็คงดี แต่ถ้าเขาฆ่าเทียนฟา เกรงว่าคงยากจะเห็นอนาคตของเขา
สำหรับตอนนี้เย่ว์ไตตันยังไม่พบคู่ต่อสู้ที่เหมาะกัน
อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบของหอเทียนนั้นดีมากจริงๆนี่รังแกกันเกินไปหรือเปล่า?
แม้ว่าเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจะมีทักษะแฝงเร้นหมากรุกที่ไร้เทียมทานแม้แต่นักสู้ระดับเทพที่เข้ามาอยู่ในเกมหมากรุกก็ยังถูกเขาควบคุมได้ แต่เทียนกุ่ยไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจะไม่ชนะ เรื่องชนะนั้นเขาชนะได้แน่นอน แต่ถ้าต้องฆ่าเย่ว์ไตตันเขาเกรงว่าจะมีพลังไม่เพียงพอ ถ้าสามารถฆ่าเย่ว์ไตตันได้ง่ายๆ ทำไมเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจึงเชิญตัวเล่นที่ทรงพลังมาถึงแปดคนด้วยเล่า? เหตุใดจึงต้องจัดสรรปันส่วนสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเอามาใช้วางแผนเล่นงานเย่ว์ไตตัน? นอกนี้เจ้าตำหนักสูงสุดยังไม่มีความแน่นอนเขายังคงแฝงตัวอยู่ข้างหลังไม่ได้ส่งเสียง แสดงว่าชะตากรรมของเย่ว์ไตตันยังไม่อ่อนประกายและไม่สามารถทำลายลงอย่างง่ายดายจากการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ เย่ว์ไตตันผู้นี้เป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เป็นศิษย์ของนางพญาผู้พิชิต จะไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเขาเชียวหรือ? หากนางพญาผู้พิชิตปรากฏตัวอีกครั้ง และจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อผู้ถือว่าเป็นพันธมิตรใหญ่นั่นคงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสถึงขั้นพังทลายได้ ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ชัดเจนเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นศัตรูกับเย่ว์ไตตัน
สตรีของเย่ว์ไตตันถูกฆ่า เย่ว์ไตตันจะต้องเกลียดและตามไล่ฆ่าเขาเป็นหมื่นปีขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกว่าถ้าสมองเขาไม่ตาย ไม่มีทางที่เขาจะยอมทำ
“อ๋า?”
เมื่อขุนพลเทพเทียนกุ่ยมาถึงตำหนักซัคคิวบัสในหุบเขาปริศนาเขาประหลาดใจว่าขุนพลเทพเทียนเฉิงที่ควรถูกสังหารที่นี่หายไป
แปลก! เทียนเฉิงถูกเทียนฟาคนรักของเย่ว์ไตตันฆ่าไปแล้วหรือ? แต่เจ้าคนขี้ขลาดเก็บตัวและรอบคอบนั้นดูไม่เหมือนเป็นคนบุ่มบ่าม ตอนแรกเขาตั้งใจจะร่วมมือกับเขาเขาไม่คาดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้... เกิดอะไรขึ้น
มีนักสู้หนุ่มไม่กี่คนในสนามรบที่พังทลายนี้
ก่อนหน้านี้ขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์ไตตันมาก่อนสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์ไตตันคือ คนอ้วนชื่อว่าไห่ต้าฟู่ คนผอมชื่อเย่คงคนที่เหมือนกับน้ำแข็งชื่อเสวี่ยทันหลาง เป็นน้องชายของเสวี่ยอู๋เสียคู่หมั้นเย่ว์ไตตันผู้ส่งผลต่อเขามากที่สุดและเป็นนักวางกลยุทธ์ในกลุ่ม เด็กหนุ่มที่งดงามเหมือนหยกชื่อหัวจื่ออี้เป็นองค์ชายน้อยแห่งอาณาจักรเทียนหลัว อีกสองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดน่าจะเป็นพี่น้องตระกูลหลี่
การปรากฏตัวของคนเหล่านี้ไม่ต้องคำนึงถึงภูมิหลังของพวกเขา หลังจากการนำและชี้แนะของเย่ว์ไตตันพวกเขาเติบโตและกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ควรมองข้าม
ถ้าไม่ใช่เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มาถึงเร็วเกินไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มเหล่านี้เติบโตต่อไปอีกหลายร้อยปี ไม่อยากจะคาดคิดเลยจริงๆ
แค่พลังปัจจุบันของพวกเขา
ยังไม่เพียงพอจะฆ่าขุนพลเทพเทียนเฉิงในหมู่คนพวกนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“แมลงเกราะทองอีกตัวหนึ่ง ทุกคนไม่ต้องแย่งข้า ให้ข้าลงมือเองข้าจะระเบิดไข่เจ้าผู้นี้จนหมดความรู้สึกไปเลย!” เจ้าอ้วนไห่ตะโกนพร้อมกับใช้หมัดฮิปโปดาวตกเล่นงานขุนพลเทพเทียนกุ่ย
“คุยโม้ไร้ยางอาย!”ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกว่าพลังนี้ แม้แต่ทหารแดนสวรรค์ก็ใช้ได้คิดจะเอามาใช้ระเบิดเขาน่ะหรือ? ล้อเล่นหรือเปล่า?
เขาไม่ได้ดูถูกคู่ต่อสู้ของเขาเหมือนขุนพลเทพไท่หยางไม่คิดจะใช้นิ้วเดียวเพื่อต่อต้านพลังหมัดโจมตีราวกับสายฟ้าฟาด แม้ว่าใช้นิ้วเดียวก็เพียงพอแล้วแต่ว่าในสถานการณ์เช่นนั้น ขุนพลเทพเทียนกุ่ยตื่นตัว เขารั้งพลังเทพไว้สามส่วนและสลายพลังหมัดฮิปโปดาวตกและสะท้อนกลับไปที่หน้าของเจ้าอ้วนไห่
หนึ่งหมัด สองหมัด สามหมัด
ฝนดาวตกรูปหมัดทั้งหมดกลับไปลงที่หน้าของเจ้าอ้วนไห่
ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะร่วงลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดขุนพลเทพเทียนกุ่ยเหยียดมือป้องกันเย่คงและคนอื่นๆ เขาปล่อยหมัดออกไปราวกับสายฝนเหมือนหมัดฮิปโปดาวตกของเจ้าอ้วนไห่
ตุ้บ ตุ้บ...เจ้าอ้วนไห่ถูกทุบทั้งลำตัวไม่สามารถบินหนีออกมาได้ขณะที่เงาหมัดครอบคลุมเต็มตัว
เทียบกับหมัดของเจ้าอ้วนไห่แล้วหมัดของขุนพลเทพเทียนกุ่ยไวกว่าและหนาแน่นมากกว่า
เย่คงและพวกมองดูด้วยความงงงวยนี่เป็นไม้ตายของเจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่หรือ? ขุนพลเทพผู้นี้ใช้ออกได้อย่างไร? หรือว่าทักษะแฝงเร้นของคนผู้นี้คือการลอกเลียนแบบ? ต้องทราบว่าหมัดฮิปโปดาวตกคือวิทยายุทธ์ที่เย่ว์หยางบัญญัติสร้างตามบุคลิกลักษณะของเจ้าอ้วนไห่ยกเว้นเจ้าอ้วนไห่ ทุกคนไม่สามารถใช้งานได้ดี ต่อสู้ร่วมกับกับเจ้าอ้วนไห่มานานพวกเขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถใช้หมัดฮิปโปดาวตกโจมตีได้ ขุนพลเทพผู้นี้สามารถใช้วิทยายุทธ์นี้ได้เหมือนเจ้าอ้วนไห่ทั้งใช้ได้รวดเร็วกว่าหนักแน่นกว่า นับเป็นความจริงที่คาดไม่ถึง!
ถ้าไม่เห็นกับตาตนเองคงไม่มีใครเชื่อ
เจ้าอ้วนไห่ยังคงสับสน
เขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นและยังไม่ทันมีเวลาได้พูด ก็มองเห็นหมัดเหมือนดาวตกนับไม่ถ้วนครอบคลุมแน่นเหมือนฝน
เขาไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าใดแต่เจ้าอ้วนไห่โดนหมัดไปอย่างน้อยสิบครั้ง ขุนพลเทพเทียนกุ่ยจึงหยุดมือชั่วคราว
“เจ้ามิอาจต่อยตีที่หน้าของข้า!” เจ้าอ้วนไห่ตอนนี้หน้าบวมเป็นหมูไปแล้ว
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยโจมตีเพียงเป้าหมายเดียว
นั่นคือเจ้าอ้วนไห่เท่านั้น
ส่วนเย่คงและคนอื่นๆ
ได้แต่ยืนตะลึงมองไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ เหมือนกับผู้ชมที่ผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์เท่านั้น
“เทียนเฉิง เจ้าผู้นั้นเป็นยังไงบ้าง?” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยมองดูเจ้าอ้วนไห่ที่หันหลังหนีเขาปล่อยหมัดสะท้านฟ้าสะเทือนดินใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที ดูเหมือนเขาไม่สามารถถามเพื่อเอาคำตอบตามต้องการโดยไม่อาจฆ่าเจ้าอ้วนไห่ ใช้หมัดของเขาฟาดใส่เจ้าอ้วนไร้ยางอายต่อให้เจ้าอ้วนไห่หนังหนาหน้าด้านก็อาจกลายเป็นหมูตายมิอาจต่อต้านได้
ที่สำคัญที่สุดขุนพลเทพเทียนกุ่ยเน้นทำร้ายที่ใบหน้าเจ้าอ้วน
แม้ไม่ค่อยดีนักแต่เขาก็ยังเน้นต่อยตีด้วยหมัดเลือดเนื้อ
เจ้าอ้วนไห่จนปัญญาจะหนี
จะขอร้องก็ทำไม่ได้
“หยุดได้แล้ว!” ในที่สุดเจ้าอ้วนไห่โกรธ เมื่อเขาลุกขึ้นอีกครั้งเขายืดอกทันทีและใช้มืออีกข้างหนึ่งปัดสะโพก และสบถด่า “พอได้แล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าจะอิจฉาใบหน้าหล่อเหลาของเราคุณชายแต่เรื่องไม่ได้เป็นเช่นนั้นสักหน่อย! ข้ารู้ว่าเจ้าเศร้าและอิจฉาข้าแค่ไหนแต่มันไม่ใช่ความผิดของข้าที่เกิดมาหล่อ เจ้าทำกับหน้าข้าแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นคนดีแท้ๆคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใจคับแคบ...”
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยได้ยินเช่นนั้นเขาไม่สนองตอบแต่เย่คงและเสวี่ยทันหลางสีหน้าเปลี่ยนไปเหมือนคนอยากอาเจียนแต่ทำไม่ได้
เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
ผู้มีความอดทน
เย่คงกำหมัดแน่นและตัดสินใจทำเป็นหูหนวกเหมือนไม่ได้ยินอะไร
แต่คำพูดต่อไปของเจ้าอ้วนไห่ทำให้เขาทนไม่ได้จริงๆเพราะเจ้าอ้วนไห่บ่นต่อ “เจ้าไม่มีความรู้ด้วยตัวเองก็สามารถเรียนรู้จากเจ้าลิงที่เหมือนตัวตลกข้างๆ ข้า! ผู้พิทักษ์คุ้มครองนั้นจะต้องน่าเกลียดมากๆ เป็นเวลานานพอจนสวรรค์ขุ่นเคือง ผู้คนต้องตำหนิโลก ไม่ใช่มาขู่มาเกลียดข้า เจ้ามีรสนิยมอะไร! ถ้าเจ้าลักษณะดูไม่ดีเจ้าควรสำรวจตรวจสอบตัวเองและศึกษาอย่างนอบน้อม เจ้าควรปรับปรุงตัวเองเพื่อชดเชยสิ่งที่ตนเองขาดเจ้ามาทำตัวเหมือนคนขายเนื้อ หากคนอื่นไม่รู้ เขาอาจเรียกเจ้าว่าคนขายหมูได้ เจ้าเคยดูตัวเองหรือเปล่า ทำไมเจ้าไม่มีสติเจ้าคือหินที่กองอยู่ตามข้างถนนถูกมองข้ามหรือถูกเตะออกไป...”
เย่คงหัวเสียกางมือกางเท้า
เสวี่ยทันหลางมืออุดหู
องค์ชายเทียนหลัว
หันหน้ามองไปทองอื่นทำนองว่า ‘เราไม่รู้จักกัน’
ปรากฏว่าขุนพลเทพเทียนกุ่ยซึ่งไม่แสดงออกทางสีหน้าใบของเขาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ในที่สุดก็เปลี่ยนสีหน้าเขาต่อยเจ้าอ้วนไห่ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นกระโจนสูงหมุนตัวเตะกลางตัวเจ้าอ้วนไห่เจ้าอ้วนไห่กระแทกกับพื้นหินแตกกระจาย
ไม่รอให้เจ้าอ้วนไห่ดิ้นรนขุนพลเทพเทียนกุ่ยคว้าหลังคอเจ้าอ้วนไห่และต่อยใส่ศีรษะของเขาอีกหนึ่งหมัด
เสร็จแล้วเขารู้สึกว่ายังไม่หายโมโห
เขาตบเจ้าอ้วนไห่ลงไปคลุกฝุ่นอีกครั้งและกระทืบอีกหลายร้อยเท้า
รอจนกระทั่งบนพื้นเละเทะราวกับมีวัวกระทิงแสนตัววิ่งไปมาไม่อยู่เขาจึงค่อยพักหยุดหายใจ
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยสูดหายใจลึกพยายามข่มความโกรธและสงบใจ “เจ้ารู้ไหมทำไมข้าถึงตั้งใจทุบตีเจ้าก่อน? เป็นเพราะเจ้าอิจฉาเจ้าไม่สามารถอธิบายได้ด้วยปากได้ เจ้าเกิดมาเพื่อถูกข้าทุบตี นั่นเป็นการพิทักษ์ความยุติธรรมสวรรค์! ถ้าข้าไม่ทำอย่างนี้หรือว่าลงมือกับเจ้าเบาไปนั่นจะเป็นการขัดเจตนารมณ์สวรรค์.. ตลอดชีวิตข้านี้ไม่เคยเห็นคนอย่างเจ้าที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความเป็นความตาย คนอย่างเจ้าถ้าไม่ฆ่าให้ตายถือว่าฟ้าไม่มีความยุติธรรม! ข้าน่ะหรือเกลียดชังอิจฉาเจ้า? ข้าหล่อกว่าเจ้าตั้งร้อยเท่ารู้ไว้ด้วย
“อย่าเพิ่งโกรธโกรธกับคนหน้าตาแบบนี้นับว่าไม่คู่ควรเลย!” เย่คงเกลี้ยกล่อมอย่างเห็นอกเห็นใจ
“บัดซบ!พวกเจ้าเอาแต่ดูข้าคุณชายถูกทุบตี นี่จะไม่ช่วยกันเลยบ้างหรือ?” เจ้าอ้วนไห่ถ่มเลือด และลุกขึ้นมาพูดกับเย่คงอย่างโมโห“นี่เป็นพวกเดียวกันประสาอะไร?”
“ก็มันช่วยไม่ได้!” เย่คงแบมือทั้งและพูดเหมือนกับว่าสหายร่วมกลุ่มของเขาไม่คู่ควรช่วย
“เจ้าเป็นใคร?” พี่น้องตระกูลหลี่ทำเป็นมองซ้ายมองขวาเหมือนกับจำไม่ได้ว่าเจ้าหัวหมูผู้นี้เป็นใคร
“อิจฉา, พวกเจ้าอิจฉาข้าคุณชาย!” เจ้าอ้วนไห่แค่นเสียงและคิดออกในที่สุดว่าวันนี้เป็นความจริงที่ว่าสหายร่วมก๊วนของเขาไม่เชื่อว่าเขาหล่อกว่าหรือ? ถึงได้กล้ายืนมองเฉยๆ โดยไม่ยื่นมือช่วยเลย?
“งั้นข้าจะฆ่าเจ้าแล้วเจียวเอาน้ำมันหมูดีไหม?” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกจะบ้า มีคนไร้ยางอายแบบนี้ในโลกได้อย่างไร?
“ลงมือได้เลย ไม่ต้องเกรงใจเรา!” เย่คงโบกมือ
“อย่าลืมแบ่งน้ำมันหมูให้เราครึ่งโล” พี่น้องตระกูลหลี่รู้สึกว่าชีวิตเจ้าอ้วนไห่มีค่าเท่านั้น
“ประเมินเราคุณชายผู้นี้ต่ำไปแล้วแค่สองหมัดสามเท้าเจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าที่เป็นที่รู้จักในฐานะเสาหลักแรกของหอเทียนหรือ? เมื่อครู่นี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นอาคันตุกะจากแดนไกล ก็เลยต่อให้สามท่าเจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้จริงๆ หรือ? หากเจ้ากล้าตีใบหน้าอันหล่อเหลาของเราคุณชายคนแก่อย่างเจ้าคงยากจะมีชีวิตอยู่ได้ ฮู้วว..เจ้าไม่มีทางเล่นลูกไม้กับข้าได้แล้ว....” ร่างเจ้าอ้วนไห่เปล่งรัศมีสีทองเจิดจ้าราวกับจะกลับโลกไว้ทั้งโลก
“.....” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยใจสั่นสะท้าน เขาไม่กล้าประมาทและเร่งเร้าพลังเพ่งมองทันที
เจ้าอ้วนไห่พุ่งขึ้นท้องฟ้า
ดูเหมือนว่าเขาต้องการใช้ไม้ตายที่มีพลังถล่มฟ้าทลายโลก
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยเป็นกังวลมากตอนนี้เขาจับตามองดูลูกไม้ของเจ้าอ้วนไห่ และยังต้องระวังเย่คงและคนอื่นสีหน้าของเขายังจริงจังเหมือนตอนแรก
ไม่ว่าเจ้าอ้วนงี่เง่าจะใช้ไม้ตายที่น่าทึ่งอะไร เขาจะใช้สู้กับตัวเขาได้อย่างไร?
ในวัยหนุ่มเขาก็เข้าใจถึงเจตจำนงราชันย์และสนามพลังแล้วหรือ?
แม้ว่าจะปากไม่ดีแต่พลังของเจ้าอ้วนบ้านี่และทักษะแฝงเร้นของเขาไม่เลวไม่อย่างนั้นจะเป็นสหายร่วมกลุ่มของเย่ว์ไตตันได้อย่างไร? ทั้งเย่คงและเสวี่ยทันหลางก็ได้รับการยอมรับแสดงว่าคนเหล่านี้เป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา ต่อให้เจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็อนุโลมเรียกอัจฉริยะได้เหมือนกันเขาต้องไม่ประมาท
ท่านี้ต้องรับได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!
มาได้เลย!
ไม่ว่าเจ้ามีความสามารถใดเจ้าไม่มีทางทำลายแนวป้องกันของขุนพลเทพอย่างเขาได้
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยมีจิตวิญญาณนักสู้สูง แน่นอนว่าเขาไม่ประมาทและระวังตัวอยู่เสมอถ้าสถานการณ์ไม่ดี เขาจะไม่ยอมตายเพียงเพราะเขาเป็นขุนพลเทพ
ข้าจะรับกระบวนท่าเจ้าเอง!
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกตัวว่าเขามีสมาธิจ้องมองเจ้าอ้วนไห่ด้านบนอย่างเต็มที่...ใครจะรู้ว่าเจ้าอ้วนไห่เหมือนกับเป็ดอ้วนที่แสนเทอะทะเขาตบมือบิดสะโพกและบินออกไปพร้อมกับส่งเสียงร้องโดยไม่สนใจว่าคนที่เห็นจะคิดยังไง เมื่อเห็นฉากภาพแปลกประหลาดขุนพลเทพเทียนกุ่ยรู้สึกเหมือนในหัวใจของเขามีสัตว์ประหลาดในตำนานสามพันตัววิ่งสับสนไปมา
นี่มันท่าบ้าอะไร?
เจ้าบ้านี่เป็นนักรบประสาอะไร? โอว ไม่นี่ยังนับว่าเป็นคนหรือไม่?
เจ้าอ้วนไห่หน้าด้าน เขาจะกล้าหน้าด้านเลียนแบบอีกหรือ?
เขาตะลึงลานอยู่นาน
ขุนพลเทพเทียนกุ่ยหันกลับไปมองเย่คงด้วยความเห็นใจและคิด “นี่, ข้าเข้าใจความรู้สึกพวกเจ้าแล้วเป็นเรื่องเจ็บปวดใจที่ได้เพื่อนร่วมกลุ่มอย่างนี้ ถ้าเป็นข้าได้เพื่อนร่วมกลุ่มแบบนี้ข้าคงฆ่ามันจะใกล้ตายจากนั้นช่วยชีวิตมัน แล้วค่อยฝังทั้งเป็น แล้วเผาจากนั้นฉี่ราดขี้เถ้าแล้วโปรยลงทะเลให้ปลากิน!”
หลังจากคิดเสร็จเขาอาจคิดว่าทำอย่างนี้ยังไม่พอบรรเทาความโกรธเกลียด แต่เขาไม่สามารถคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ได้ ดังนั้นเขาอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “บางทีข้าอาจจะร้องไห้สามวันสามคืนน่าปวดหัวจริงๆ!”
“ความจริงความรู้สึกที่แท้จริงก็คือร้องไห้ไร้น้ำตา” เย่คงพูดความจริงตามตรง
“....” ขุนพลเทพเทียนกุ่ยพูดไม่ออก
เขายินดีที่เขาโชคดีมากที่ไม่มีเพื่อนร่วมงานแบบนี้อยู่ด้วยมิฉะนั้นเขาคงได้แขวนคอตาย
หลังจากแลกเปลี่ยนทัศนะกันสั้นๆ แล้วขุนพลเทพเทียนกุ่ยไม่ลืมธุระของตนเอง เขามองเย่คงและมองดูเสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวก็รีบคืนสภาพเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งทันที “บอกข้าได้ไหม? ใครสู้กับขุนพลเทพเทียนเฉิงที่นี่?”
เย่คงเงียบ
เสวี่ยทันหลางที่นั่งอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืน
เดินตามทางทีละก้าวและประทับรอยเท้าลึกบนพื้น
ทุกครั้งที่ก้าวเท้าลมหายใจของเขาจะเพิ่มแรงกล้าอีกหนึ่งจุด เมื่อเขายืนอยู่ข้างเย่คงและอยู่ข้างหน้าขุนพลเทพเทียนกุ่ยด้านหลังของเขากลายเป็นภูเขาน้ำแข็งมีหิมะปกคลุมราวกับอยู่ขั้วโลก
*** *** ***