ตอนที่ 1277 เหตุเปลี่ยนแปลง
อาณาจักรหลิงหวิน ภูมิภาคซีเหอ แดนสวรรค์ตะวันตก
เมืองลี่จ้าวที่เหลือแต่ซากปรักหักพัง
“ในที่สุดก็มาถึงจนได้...” หลังจากที่ได้รับข่าวแดนสวรรค์รุกรานมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร และจักรพรรดิใต้พิภพรีบเร่งตามมาทันทีในที่สุดก็มาถึงรอยแยกมิติเวลาที่สามารถพากลับหอทงเทียนได้ ต้นทางเข้าสู่แดนสวรรค์ ด้วยพลังของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะเทเลพอร์ตผ่านระยะทางที่ไกลอย่างไรก็ตามหลังจากผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้งแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีฝีมือดีพอเท่าเย่ว์หยาง แต่พวกเขาก็มีความก้าวหน้าอย่างน่าทึ่ง ร่างกายของพวกเขาเลื่อนระดับเข้าสู่ขอบเขตใหม่อย่างไม่เคยนึกจินตนาการมาก่อน!
ด้วยเจตจำนงที่กล้าแข็งดุจเหล็กกล้าพวกเขาเทเลพอร์ตระยะไกลอย่างบ้าคลั่งแทบไม่ต้องเก็บรั้งพลังใดๆ ทั้งนั้น
ก่อนที่พวกเขาจะทรุดตัวลงเพราะหมดเรี่ยวแรง
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปลายทางได้สำเร็จ
ราชาคุกฟ้าเกาเผิงกำลังรอพวกเขาเงียบๆพร้อมกับกลุ่มผู้อาวุโสที่เคยถูกกักขังอยู่ในแดนสวรรค์ รอพวกเขาอยู่เงียบๆ
ความจริงในการสนทนากันทีแรกราชาคุกฟ้าเกาเผิงและสหายเก่าไม่ต้องการให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าจักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพ เย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางองค์ชายเทียนหลัว ฯลฯผู้เยาว์รุ่นหลังมีส่วนร่วมในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในหอทงเทียนพวกเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของพวกเขา ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือแพ้ในที่สุดและกองทัพแดนสวรรค์มีพลังมากมายเพียงไหน? พวกเขารู้สึกว่าหากเก็บผู้เยาว์รุ่นหลังไว้ปล่อยให้การต่อสู้กันทั้งหมดได้พบกับความพินาศถูกทำลายเก็บลูกหลานที่มีพรสวรรค์โดดเด่นจำนวนหนึ่งไว้ และรอให้เย่ว์หยางค่อยกลับมาโน้มน้าวการกระทำของเขา
ไม่ว่าเย่ว์หยางเต็มใจรับช่วงดูแลหอทงเทียนหรือไม่ราชาคุกฟ้าเกาเผิงและสหายคนรุ่นเก่าของเขาถือว่าเย่ว์หยางเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ไปแล้ว
เย่ว์หยางโน้มน้าวพวกเขาด้วยเหตุผล
เป็นเรื่องง่ายมาก
มีอยู่เพียงประโยคเดียว คือ “ต้องทำทุกอย่างเพื่อหอทงเทียน มิฉะนั้นหอทงเทียนอาจถูกทำลายอย่างราบคาบ ไม่มีความเป็นไปได้โดยประการอื่น
ในการเผชิญหน้ากับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังน่าเกรงขามผ่านการวางแผนมาเป็นเวลาหลายพันหลายหมื่นปีโดยพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาใช้กองกำลังแดนสวรรค์ที่มิอาจต้านทานได้ถ้าผู้คุ้มครองหอทงเทียนประมาทสักเล็กน้อย หอทงเทียนจะถูกทำลายราบคาบ
แทนที่จะอยู่รอความหวังเก็บออมกำลังมิสู้กลับไปต่อสู้ให้เต็มที่ดีกว่า
อย่างน้อยก็พอมีโอกาสรอดได้บ้าง
ยังมีแววเป็นไปได้
“เราจะไม่กลับไป เราเฒ่ากระดูกผุกร่อนจะอยู่สู้ที่นี่ หอทงเทียนไม่จำเป็นต้องให้เราผู้ติดตามจักรพรรดิอวี้รุ่นก่อนผู้ล่วงลับไปแล้วคอยปกป้องอนาคตของหอทงเทียนขึ้นอยู่กับพวกเจ้า!” ราชาคุกฟ้าตัดสินใจอยู่ในแดนสวรรค์ต่อไปแสวงหาโอกาสที่ดีที่สุดและขอพินาศไปพร้อมกับแดนสวรรค์ สำหรับมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นๆที่จะเร่งรีบกลับไปให้ทันเวลาในการต่อสู้ขั้นเด็ดขาด พวกเขาโบกมือเล็กน้อยแสดงว่าสำหรับพวกเขาไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวและเขาตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว
“ผู้อาวุโส, อย่างนั้นเราขอลาก่อน” มารสัมฤทธิ์ฟ้าคำนับเขา
นี่คือการอำลา
บางทีนี่อาจกลายเป็นการอำลาตลอดกาลแต่นี่คือผู้ปกป้องหอทงเทียนที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แม้ร่างกายจะตาย แต่วิญญาณจะยังปกป้องต่อ ตอนแรกเย่ว์หยางยังไม่เติบโตจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงพาเผ่าพันธุ์เข้ารุกราน ผู้อาวุโสในวังมารไม่ลังเลเพื่อจะกลับไปพลิกสถานการณ์เข้าต่อกรกับศัตรู...เปลี่ยนเป็นมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพถ้าสักวันพวกเขาเห็นเย่คง เจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเชื่อได้ว่าพวกเขาจะทำอย่างเดียวกัน
นี่คือจิตวิญญาณแห่งการเสียสละของนักสู้หอทงเทียนทั้งยังเป็นนักสู้ผู้ปกป้องหอทงเทียน
เพราะนี่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต
หอทงเทียนกำลังมีปัญหา
แต่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
“รอเดี๋ยว” ราชาคุกฟ้าเกาเผิงมอบของวิเศษสามอย่างให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าจักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพ
“นี่คือ?” มารสัมฤทธิ์ฟ้าถือกระบี่วิถีกำศรวลสมบัติชั้นเทพที่เย่ว์หยางทิ้งไว้ให้เขา ในดินแดนมิติฝึกฝน ก่อนที่ซื่อเสินจะสละชีวิตตายอย่างกล้าหาญเย่ว์หยางได้สัญญากับบุรุษผู้น่าทึ่งน่านับถือผู้นี้ไว้แล้วจะต้องส่งมอบกระบี่คู่มือของเขาให้กับเจ้าของที่เหมาะสมที่สุด ก่อนที่จะเปลี่ยนมือเจ้าของตอนแรกเย่ว์หยางมีความโลภอยากได้กระบี่เทพโบราณนี้ แต่การกระทำของซื่อเสินทำให้เขาใจสั่นสะท้าน เด็กหนุ่มข้ามโลกไม่ต้องการทิ้งกระบี่วิถีกำศรวลไว้กับเจ้าของดังนั้นเขาตัดสินใจหาเจ้าของสมบัติเทพโบราณที่เหมาะสมรับสืบทอดปณิธานของซื่อเสินและเขาพิจารณาแล้วว่าผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็คือบุรุษอันดับหนึ่งแห่งวังมารมารสัมฤทธิ์ฟ้า
ไม่มีใครในโลกที่เหมาะสมจะใช้กระบี่วิถีกำศรวลอีกแล้วนอกจากมารสัมฤทธิ์ฟ้า
ไม่ใช่ว่าเย่ว์หยางไม่สามารถรับกระบี่วิถีกำศรวล
อย่างไรก็ตามเจตจำนงราชันย์ของเขาเกินกว่าเจตจำนงของกระบี่ของซื่อเสินไปมากเมื่อเขายอมรับเป็นเจ้าของกระบี่วิถีกำศรวล ความทรงจำของซื่อเสินจะถูกลบไปด้วยแทนที่จะเป็นเช่นนี้ การมอบให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าจะเป็นการดีกว่า
และด้วยศักยภาพของมารสัมฤทธิ์ฟ้าควบคู่ไปกับการได้รับสืบทอดจากซื่อเสินในอนาคตเขาจะได้รับความสำเร็จที่สูงส่งแน่นอน
“เจ้ากับเย่ว์หยางน้อยเป็นผู้รับสืบทอดที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามการต่อสู้อาจทำให้เวลาของเจ้าเหลือไม่มากนักเพียงแค่สามวันเท่านั้น ข้าหวังว่าในอีกสามวันข้างหน้าเจ้าจะสามารถรับตกทอดพลังได้สูงสุดและบรรลุขอบเขตระดับใหม่!” ราชาคุกฟ้าเกาเผิงบอกมารสัมฤทธิ์ฟ้ามีเวลาทำความเข้าใจสามวัน
ถ้าในเวลาสามวันเขายังไม่สามารถรับตกทอดพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างนั้นบางทีเขาอาจไม่มีทางได้ต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อหอทงเทียน....หากไม่มีกระบี่วิถีกำศรวลในมือพวกเขาสามคนรีบกลับไปจะมีพลังช่วยเย่ว์หยางได้เท่าไหน?
มารสัมฤทธิ์ฟ้ารับกระบี่วิถีกำศรวลแล้วเขาสั่นไปทั้งร่าง
ความตึงเครียดและตื่นเต้นอีกทั้งความปีติยินดีแทบทำให้มารอันดับหนึ่งทรุดตัวทันที
เขาลูบสัมผัสกระบี่วิถีกำศรวลอย่างนุ่มนวลด้วยหัวใจที่คารวะและรู้สึกซาบซึ้งสำนึกคุณ เขารู้สึกถึงสำนึกที่ซื่อเสินเจ้าของคนก่อนได้ทิ้งไว้ก่อนนั้น เขารู้สึกได้ถึงกระบี่วิถีกำศรวลระดับเทพกระบี่โบราณที่ไม่มีใดเหมือนได้ส่งพลังวิญญาณที่ไม่มีที่สุดเข้ามาทีละนิด... ในขณะเดียวกันเขาสัมผัสได้ถึงสำนึกความรู้สึกที่ส่งผ่านใจอธิบายให้เห็นถึงเจตจำนงสูงสุดของเขา!
“ปัง....”
ทันใดนั้นเสียงสะท้อนของสำนึกกระบี่สะท้องก้องกังวาลถ่ายทอดความทรงจำอันไม่มีที่สิ้นสุดของกระบี่นี้ ในเวลานี้เขาไม่เพียงแต่เห็นกำเนิดของกระบี่วิถีกำศรวล แต่ยังเห็นการตายของเทพที่เป็นเจ้านายคนก่อนการฝึกฝนและความเข้าใจ การต่อสู้ในช่วงเวลาที่เขามีชีวิต!
ในขณะนี้มารสัมฤทธิ์ฟ้ารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเขารู้สึกว่าหัวใจเขากับหัวใจของบุรุษนามซื่อเสินคนแปลกหน้าเริ่มเต้นเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกัน
จังหวะการเต้นของหัวใจเริ่มใกล้เคียงและเหมือนและพร้อมกันในที่สุด
ไม่มีความแตกต่าง
แตกต่างจากมารสัมฤทธิ์ฟ้าซึ่งได้รับตกทอดกระบี่วิถีกำศรวล จักรพรรดิมังกรเริ่มใช้สมบัติเทพ แต่เป็นกระบองพิชิตมารสมบัติจากเผ่าภูตบูรพา
“นี่คือสมบัติพิเศษแตกต่างจากเจ้าของที่มีสมบัติที่ทรงพลังมันไม่เพียงแต่มีพลังสังหารที่ทรงพลังน่ากลัวเท่านั้นแต่เป็นเหมือนดาบสองคมที่สามารถทำร้ายศัตรู เจ้าต้องมีความชัดเจนและเข้าใจอาวุธนี้เปลี่ยนไปได้อย่างน่าอัศจรรย์โดยนักสู้เผ่าภูตบูรพา ในใจของเจ้าต้องไม่มีความชั่วร้ายดุจปีศาจมิฉะนั้นคนที่จะถูกกำจัดคนแรกก็คือเจ้า!” ราชาคุกฟ้าเกาเผิงมองดูจักรพรรดิมังกรอย่างจริงจัง “บรรพบุรุษของเจ้าเคยใช้มันครั้งหนึ่งในที่สุดทั้งศัตรูและตัวของเขาเองก็พบกับความพินาศ นี่คือกระบองพิชิตมาร!”
“ในฐานะเผ่าพันธุ์ทรยศเผ่าบูรพาข้าไม่ต้องการจะกลับไปเส้นทางที่ถูกต้องทันที กลัวว่าถ้าใช้แล้วจะกลับมาย้อนทำร้ายตัวเอง แต่ข้าหลงซ่วนยังรอด้วยความหวังเช่นกัน” จักรพรรดิมังกรน้อมรับกระบองพิชิตมารด้วยความเคารพและแสดงมารยาทให้เกียรติระดับสูง
จักรพรรดิใต้พิภพก็ได้เช่นกัน
เป็นราชาคุกฟ้าเกาเผิงเป็นผู้มอบสมบัติกึ่งเทพให้เขาเอง‘พันธนาการฟ้า’
นี่คือสมบัติที่ทรงพลังที่สุดที่ราชาคุกฟ้าเกาเผิงสามารถจัดหาได้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนักสู้รุ่นหลังและเพื่อปลดเปลื้องตนเองอย่างสมบูรณ์ เขาได้นำสมบัติที่ดีที่สุดของตนมาให้
“มีเพียงเท่านี้ที่ข้าพอทำได้ต้องบอกว่าในฐานะรุ่นอาวุโส ข้าล้มเหลวจริงๆ!” เกาเผิงส่ายหน้าฝืนยิ้ม
“ไม่เลย” จักรพรรดิใต้พิภพรับพันธนาการฟ้าสมบัติวิเศษชั้นกึ่งเทพ เขาไม่เคยคุกเข่า ไม่เคยร้องไห้มาก่อนกลับคุกเข่าหลั่งน้ำตา ทั้งที่ก่อนนั้นเขาคิดว่ามีแต่มนุษย์ที่อ่อนแอเท่านั้นที่ร้องไห้ “ตอนนี้ข้าโยวหมิงเข้าใจท่านได้อย่างเต็มที่แล้ว! นอกจากนี้ข้าโยวหมิงมีความรู้ของตนเอง มีปัญญาเป็นของตนเองเป็นไปไม่ได้ที่จะรับการยอมรับจากสมบัติชั้นเทพแต่สมบัตินี้เหมาะกับข้ามากที่สุดแล้ว .... ท่านผู้อาวุโสสักวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อข้าโยวหมิงกลับคืนบาดาลข้าขอสัญญาว่าจะหาผู้เยาว์รุ่นหลังที่ดีที่สุดมาสืบทอดเจตนารมณ์ของท่าน!”
“ฮ่าฮ่าตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่ตำหนิว่าเราผู้เฒ่าตระหนี่ก็ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกสามวันจงพยายามให้หนัก!สิ่งที่เราสามารถช่วยได้ก็คือความพยายามเล็กน้อยเหล่านี้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นจะนำพวกเจ้าไปสู่อนาคตแบบไหนแต่ข้าขอให้พวกเจ้าโชคดี!”
ราชาคุกฟ้าเกาเผิงหัวเราะ
และหันหลังกลับไปยืนกับกลุ่มผู้เฒ่ามารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรและจักรพรรดิใต้พิภพทั้งสามคนกระทำวันทยาวุธแสดงความเคารพสูงสุด
ก็เหมือนกับนักสู้แห่งหอทงเทียนพวกเขาคารวะตอบแสดงความยินดีเมื่อได้พบกันในช่วงขณะนั้นพวกเขาไม่ได้เป็นผู้อาวุโสกับผู้เยาว์นักสู้รุ่นหลังอีกต่อไปแต่เป็นกลุ่มสหายที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันและร่วมมือเพื่อปกป้องหอทงเทียน
ในท่ามกลางเสียงหัวเราะ
พวกเขาลอยตัวจากไป
บางทีในอนาคตพวกเขาอาจไม่มาอีก แต่มีความมุ่งมั่นว่าพวกเขาอาจยอมพินาศไปพร้อมกับศัตรู และเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ตลอดไป
ไม่ว่าจะเป็นพันปีหรือหมื่นปีต่อมาหรือคนรุ่นต่อไปในอนาคตจะลืมไปนาน แต่พวกเขายังคงอยู่ต่อสู้จารึกประวัติศาสตร์ตลอดไปโดยไม่อาจลบล้างได้จากรุ่นสู่รุ่นของผู้พิทักษ์หอทงเทียนบางคนอาจมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งและเป็นอมตะ และบางคนอาจจะคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่พวกเขาทำล้วนมีเป้าหมายในการปกป้องไม่ต่างกัน
ความทรงจำอาจเสียไปและถูกลืม
แต่ประวัติศาสตร์จะปฏิบัติต่อนักรบเหล่านี้ไม่ต่างกัน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอมตะหรือไม่เป็นที่รู้จักในหอทงเทียนพวกเขาจะได้รับมรดกและสืบทอดประวัติศาสตร์ของหอทงเทียน
ไม่ว่าชีวิตจะยืนยาวหรือไม่ไม่ว่าจะมีความสามารถแข็งแกร่งหรือไม่
ก็เป็นกันทุกคน
ทุกคนเป็นเหมือนดวงดาวที่ฉายประกายสว่างไสวรุ่งโรจน์ไม่รู้จบอยู่บนท้องฟ้านั่นคือความทรงจำและความงดงามที่ประดับอยู่ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์
ภายใต้สนโบราณของหอทงเทียนโลกหมากรุก ในเกมกระดานหมากรุกบัณฑิตวัยกลางคนเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางพยายามระงับความโกรธและตรวจดูกระดานหมากรุกของเขาเขาเหนื่อยเมื่อพบว่าตำแหน่งหมากรุกของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงแบบนี้มีขนาดเล็กมากและดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม แต่สิ่งที่ทำให้เกลียดก็คือการเปลี่ยนแปลงแบบนี้โดยไม่คาดคิดทำให้เขาควบคุมไม่ได้และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้
เห็นได้ชัดว่ามีบางส่วนของหมากรุกที่ถูกควบคุมโดยตัวเอง พวกมันกระโดดออกจากการควบคุมของผู้เล่นหมากรุกเองได้อย่างไร?
ใครคอยช่วยเหลือหมากที่น่าสงสารเหล่านี้ในความมืด?
หากไม่มีเบื้องหลัง
เป็นไปไม่ได้ที่ตัวหมากจะไปได้ไกลกว่าตำแหน่งเดิม...แล้วใครคือคนนั้น เป็นเจ้าตำหนักสูงสุดที่เป็นเหมือนชาวประมงถือโอกาสหรือเปล่า?คิดว่าเขาโง่นักหรือ? ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดนี้ จะให้หอทงเทียนพักหายใจได้หรือ?เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าตำหนักสูงสุดจะถือโอกาสยึดแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เขาจะไม่ทำเช่นนั้น หอทงเทียนจะต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับสมบัติจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ไม่ใช่เขา อย่างนั้นเป็นใคร? จักรพรรดิทอง? ไม่ จักรพรรดิทองจากไปแล้ว
อย่างนั้นเป็นใคร?
จักรพรรดิอสูร?
จักรพรรดิอสูรซ่อนตัวอยู่จนเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในที่ลับ?
หรือจะเป็นราชันย์ไร้ใจ ต่อหน้ารักความสงบสุขแต่ต้องการพลังอำนาจไว้ในมือตลอดเวลาไม่ใช่หรือ? ตาเฒ่านี่น่าสงสัยมากกว่า!
“ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใดก็ตามตราบใดที่ยังเป็นตัวหมากในกระดานของข้า เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกเกมกลับมาได้ต่อให้เป็นเย่ว์ไตตันผู้โชคดีก็ตาม!” เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางแค่นเสียงหรี่ตาด้วยความมั่นใจ เพราะเขาลอบวางหมากในกระดานไว้แล้ว...