NH-ตอนที่ 43 การท้าประลองการต่อสู้ (1)
ในลานกว้างของหมู่บ้านลีฟ ลุกซ์ ยืนนิ่งขณะที่เขาเผชิญหน้ากับกลุ่มคนแคระ 6 คนที่ต่อสู้กับตั๊กแตนตาแดงก่อนหน้านี้
เฟรดเดอริก หัวหน้าของพวกเขายืนกอดอกขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่มที่สูงกว่าเขา
“ฉันได้ยินมาว่านายได้นำศพของ ตั๊กแตนตาแดง กลับมาหลังจากที่มันถูกฆ่าโดยฝูงยุงแถบแดง นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” เฟรดเดอริก กล่าวถาม
“ใช่” ลุกซ์ตอบกลับ “อย่างไรก็ตามพวกที่สังหารมันก็คือ ยุงเกราะดำหลาย 10 ตัว ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับ 1 ทั้งหมด”
เฟรดเดอริกพยักหน้ารับทราบ “ฉันรู้ว่านายไม่ได้ผิด เพราะนายแค่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเราอยู่ดี เพราะพวกเราสามารถอยู่ต่อในหมู่บ้านลีฟได้อีกไม่เกิน 4 วันเท่านั้น และ ตั๊กแตนตาแดง อาจจะไม่เกิดขึ้นอีกก่อนที่พวกเราจะจากไป”
“แน่นอนว่านายสามารถเก็บคอร์มอนสเตอร์เอาไว้ได้หากต้องการ ส่วนพวกเราขอเพียงแค่ กรงเล็บและเกราะภายนอกของมันก็เพียงพอแล้ว นายจะช่วยมอบสิ่งเหล่านี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพได้หรือไม่?”
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?” ลุกซ์กล่าวถาม
เขาไม่ได้รังเกียจที่จะมอบกรงเล็บและเกราะนอกของตั๊กแตนตาแดง ให้กับพวกเขา เพราะเขาแน่ใจว่าเขาสามารถฟาร์มสิ่งของเหล่านี้ได้ก่อนที่จะออกจากหมู่บ้านลีฟอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาพบสายตาที่เกลียดชังที่มาจากสมาชิกปาร์ตี้ของ เฟรดเดอริกที่มองมาที่เขาราวกับว่าเขาไปฆ่าสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกแย่
“ฮะ? นายกล้าปฏิเสธงั้นเหรอ?” นักรบโล่ ของกลุ่มตะโกนขึ้น “พวกเราพยายามประนีประนอมกับนายมากที่สุดแล้ว แม้ว่านายจะขโมยเหยื่อของพวกเราไปก็ตาม โดยพื้นฐานแล้ว นายควรจะมอบศพนั้นให้เราและกล่าวขอโทษด้วยซ้ำ!”
“ถูกต้อง!”
“ออกุส พูดถูก ตั๊กแตนตาแดง เป็นของพวกเราโดยชอบธรรม นายมันก็แค่หัวขโมยเท่านั้นแหละ!!”
“ใช่ คืนสิ่งของที่เป็นของพวกเราโดยชอบธรรมมาซะ!”
แม้ว่า เฟรดเดอริก จะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้หยุดสมาชิกปาร์ตี้ของเขาจากการบ่นในเรื่องนี้ สายตาของเขายังคงสงบในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ ลุกซ์ เพื่อรอคำตอบ
เนื่องจากความโกลาหลที่เกิดขึ้นในสวนฟิกาโร่ ทำให้คนแคระบางคนที่อยู่ในหมู่บ้านลีฟสังเกตุเห็นเรื่องนี้ ในไม่ช้าฝูงชนก็มารวมัตวกันและมองดูฉากนี้ด้วยความสนใจ
มันเป็นที่รู้กันว่าพวกคนแคระนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เย่อหยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องดื่ม นอกจากนี้พวกเขายังไม่กลัวการทะเลาะวิวาท เพราะงั้นเผ่าอื่น ๆ ที่รู้ จึงไม่สามารถตำหนิพวกคนแคระที่ดื้อรั้นเหล่านี้ได้
“ทำไมพวกนายไม่ซื้อมันไปแทนล่ะ?” ลุกซ์กล่าวถาม “ฉันจะมอบส่วนลด 50% จากราคาตลาดให้ ว่ายังไง?”
ก่อนที่เฟรดเดอริกจะได้ทันตอบ ออกุส นักรบโล่ก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายทันที
“นายกล้าที่จะเรียกร้องการซื้อขายงั้นหรือไม่!” ออกุส ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน “คิดจะขายสิ่งที่เดิมควรจะเป็นของพวกเราให้กับพวกเรา? หรือว่านี่คือวิธีทำการค้าของฮาล์ฟเอลฟ์?”
“ไอ้คนละโมภ!”
“คนฉวยประโยชน์!”
“หัวขโมย!”
คนแคระในฝูงชนที่ล้อมรอบพวกเขาเริ่มพึมพัมซึ่งกันและกัน
สิ่งนี้ทำให้ กลุ่มของ โคเล็ตต์ มาถึงสถานที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน และมองไปที่ ฮาล์ฟเอลฟ์หนุ่ม และ เฟรดเดอริก ด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว
“เฟรดเดอริก นายกำลังแกล้งพี่ใหญ่ของฉันอยู่งั้นเหรอ!” โคเล็ตต์ ก้าวไปข้างหน้าทันที และ ยืนท่ามกลางระหว่าง ลุกซ์ และ หัวหน้าปาร์ตี้ชาโดว์เทมเพสต์ โดยเธอได้กอดอกของเธอแน่น “แม้ว่ากลุ่มของนายจะเป็นคนที่ต่อสู้กับ ตั๊กแตนตาแดง แต่คนที่ฆ่ามันก็คือพวกยุง ดังนั้นนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนี้ได้กลายเป็นของนายอีกต่อไป! นายกล้าดียังไงมารังแกพี่ใหญ่ของฉันแบบนี้”
“ที่แท้ก็สาวน้อยจากตระกูลโกลเด้นสเลเยอร์นี่เอง ทางที่ดีเธออยู่ให้ห่างเรื่องนี้ดีกว่า!” ออกุส ไม่ได้ถอยขณะที่เขาจ้องไปที่ โคเล็ตต์
ทั้งสองเป็นลูกของ ตระกูลดยุค ในโซไรอัส แม้ว่าดินแดนของพวกเขาจะห่างไกลกัน แต่ โลกเอลิเซียม ก็อนุญาติให้พวกคนแคระจากโซไรอัส มาปรากฏตัวในดินแดนที่ปกครองโดยราชาคนแคระ
สิ่งนี้ทำให้ตระกูลเหล่านี้ได้รู้จักกันและสร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นขึ้นมาแม้ว่าดินแดนของพวกเขาจะอยู่ห่างไกลกันก็ตาม
“หึ่ม! คิดว่านายจะทำให้ฉันกลัวได้เหรอ เจ้าหมู!” โคเล็ตต์สวนกลับคำพูดทันที “เข้ามาเลย ฉันนี่แหละจะทุบนายด้วยกระบองของฉันเอง!”
ลุกซ์ รีบคว้าตัวสาวน้อยที่หยิบอาวุธขึ้นมาและตั้งท่าพร้อมที่จะต่อสู้กับ นักรบโล่ที่มองลงมาที่เธออย่างดูถูกเหยียดหยาม
เห็นได้ชัดว่า โคเล็ตต์ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ นักรบโล่ แต่เธอก็ยังแสดงท่าทีที่กล้าหาญออกมา เพราะเธอไม่สามารถนั่งอยู่ด้านข้างและปลล่อยให้ ลุกซ์ ถูกกลุ่มคนแคระคนอื่นรังแกได้
“ใจเย็น ๆ ก่อนโคเล็ตต์” ลุกซ์ กล่าวพูดขณะที่เขาพยายามปลอบเด็กสาวผู้น่ารักที่แก้มป่องเหมือนกับหนูแฮมสเตอร์ ลึกๆ แล้ว เขารู้สึกตื้นตันใจมากเพราะในขณะที่คนแคระคนอื่น ๆ มองเขาด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร ก็มีเพียงโคเล็ตต์เท่านั้นที่ยังใจดีกับเขา
หลังจากใช้เวลากับ โคเล็ตต์ และ คนอื่น ๆ สักพัก ลุกซ์ ก็เกือบลืมไปว่า เขาเป็นฮาล์ฟเอลฟ์เพียงคนเดียวในหมู่บ้านเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยคนแคระ ดังนั้น นี่อาจจะเป็นความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ เพราะงั้นแล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกเผ่าพันธุ์จะเข้าข้างพวกของตนเอง
“นายจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?” ลุกซ์ กล่าวถาม เฟรดเดอริก ที่นิ่งเงียบมานาน
เฟรดเดอริก จ้องมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่จริงจังและชักดาบออกมา “ต่อสู้ตัวต่อตัว ถ้าพวกเราชนะ นายจะต้องมอบกรงเล็บและเกราะนอกของ ตั๊กแตนตาแดงมา”
“แล้วถ้าฉันชนะล่ะ?” ลุกซ์กล่าวถาม
เฟรดเดอริก ไม่ได้ตอบทันที เขามองไปที่สมาชิกปาร์ตี้ของเขา เพื่อดูว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างอื่นหรือไม่ สิ่งนี้ทำให้คนแคระทั้งหมดผงกศีรษะพร้อมกัน อันที่จริง เขาได้บอกพรรคพวกของเขาไปแล้วเกี่ยวกับแผนที่จะท้าประลองลุกซ์หากการเจรจาไม่สำเร็จตามที่พวกเขาต้องการ
เนื่องจากนี่เป็นการประลอง พวกเขาจึงต้องมอบสิ่งตอบแทนเพื่อให้มันยุติธรรมต่อหน้าของทุกคน
“ความช่วยเหลือ” เฟรดเดอริก ตอบ “พวกเราจะเป็นหนี้คำขอนาย 1 อย่าง และ นายสามารถขอจากพวกเราได้เมื่อนายพบเราอีกครั้งในอนาคต”
ตามที่คุณย่าของเขาบอก เป็นที่รู้จักกันว่าพวกคนแคระมักจะทำตามข้อตกลงของพวกเขา นี่คือเหตุผลว่าทำไม เมื่อต้องติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่น คนส่วนใหญ่จึงใช้คนแคระเป็นตัวกลางในการเจรจา และ พวกเขารู้ว่าคนแคระจะให้การสนับสนุนในเรื่องการต่อรองอย่างยุติธรรม
“ความช่วยเหลือ? ถ้าฉันขอให้นายไปสำรวจดันเจี้ยนกับฉัน และ สิ่งของภายในดันเจี้ยนทั้งหมดต้องตกเป็นของฉันทั้งหมด เห็นแบบนี้นายยังจะเต็มใจอีกหรือไม่?”
“พวกเราคือดวอร์ฟ พวกเรารักษาคำพูดของพวกเราเสมอ!”
เหล่าคนแคระที่เฝ้าดูจากด้านข้างต่างพยักหน้าและรับรู้ได้ถึงคำพูดของ เฟรดเดอริก
“ตกลง” ลุกซ์ ตอบกลับทันที พร้อมกับลูบหัวของโคเล็ตต์ “ในเมื่อนายต้องการท้าประลอง ฉันเองก็ไม่ขอปฏิเสธ ว่าแต่กฏคืออะไร?”
เฟรดเดอริกยิ้มในทันที “ที่นายต้องทำก็คือการเอาชนะฉัน…”
“ฉันด้วย!” ออกุส ได้พูดแทรกขึ้น “ฉันก็ไม่พอใจในเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นนายจะต้องเอาชนะฉันให้ได้ด้วย!”
เฟรดเดอริก และ ออกุม ต่างอยู่ในแรงค์มือใหม่ตอนนี้ ซึ่งก็หมายความว่าในบรรดาคนแคระเด็กทั้งหมดในหมู่บ้านลีฟ พวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งพวกเขายังได้สืบประวัติเกี่ยวกับภูมิหลังของลุกซ์มาแล้ว และ พบว่าเขาเพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านเริ่มต้นนี้ได้ไม่นาน
เนื่องจากเป็นกรณีนี้ จึงแทบไม่มีทางเป็นไปได้ที่ ลุกซ์ จะเอาชนะพวกเขาในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เพราะท้ายที่สุด พวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าเขา
อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่พวกเขาเชื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะท้าประลองในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวเพื่อให้ดูยุติธรรมสำหรับทุกคน ในทางเทคนิคแล้วพวกเขาได้เดินบนเส้นทางแห่งความถูกต้องมาตั้งแต่เริ่ม ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะตำหนิพวกเขาว่ารังแกเด็กใหม่
“พี่ใหญ่ลุกซ์ พี่ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้” โคเล็ตต์ จับมือของ ลุกซ์ และ เงยหน้าขึ้น “พวกเขาเป็นมือใหม่แล้ว อีกทั้งพวกเขายังแข็งแกร่งกว่าพี่มาก”
ลุกซ์ ยิ้มขณะที่เขาลดตัวลงและกระซิบข้างหูของเธอ “ไม่ต้องกังวลไป จำตอนที่ฉันสู้กับดาร์กดรักเกอร์ได้ไหม ฉันสามารถจัดการพวกเขาได้”
ดวงตาของ โคเล็ตต์ เบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะเธอเกือบจะลืมไปเกี่ยวกับ เดียโบล บอดี้การ์ดของ ลุก์
แม้ว่าโครงกระดูกจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับแรงค์มือใหม่ แต่การต่อสู้แบบ 2 ต่อ 1 ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่เพิ่งกลายเป็นมือใหม่อยู่ดี
“ตกลง!” โคเล็ตต์ พยักหน้า ขณะที่เธอกลับไปยังที่ที่สมาชิกปาร์ตี้ของเธออยู่ “อย่าแพ้พวกเขาล่ะ พี่ใหญ่ลุกซ์!”
ลุกซ์ ยกนิ้วโป้งขึ้นมา เขารู้ว่าคนแคระส่วนใหญ่ไม่ชอบเขา แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
ส่วนการท้าประลองจัดขึ้นในเมืองที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะมันมีกฏสากลที่ป้องกันไม่ให้เกิดการตายขึ้นมา นี่เป็น 1 ในมาตราการป้องกันที่ เทพเจ้าแห่งเกม เอลิออน ได้ทำขึ้นเพื่อยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับความไม่ลงเลยจนอาจนำไปสู่การทะเลาะวิวาท
แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องยอมรับการต่อสู้ก่อนเพื่อให้คุณลักษณะนี้สามารถทำงานได้
ใครก็ตามที่ต่อสู้ภายในหมู่บ้าน หรือตัวเมือง โดยไม่แจ้งว่าจะมีการท้าประลองกัน พวกเขาจะถือเป็นอาชญากรและถูกจับโดยทหารรักษาการณ์ที่ลาดตระเวนในดินแดนเหล่านี้
เฟรดเดอริกได้ประกาศคำเชิญท้าประลองไปที่ ลุกซ์ และ เกือบจะในทันที ลูกบอลทรงกลมแสงเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขา
นักดาบหนุ่มได้ใช้มีดสั้นทิ่มไปที่ปลายนิ้วและหยดเลือดลงไปบนลูกแก้วที่ลอยอยู่บนอากาศเพื่อส่งสัญญาณว่าเขาตั้งใจที่จะเริ่มการต่อสู้ หลังจากได้รับเลือดของเขาแล้ว ลูกแก้วก็บินไปทาง ลุกซ์
ลุกซ์ เรียกเอาท์เบรกเกอร์ออกมา และ ทำแบบเดียวกัน และ หยดเลือดลงบนลูกแก้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาตอบตกลงที่จะท้าประลอง
“ฉันคือผู้ดูแลการท้าประลองในการต่อสู้ครั้งนี้” เสียงที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ได้ดังขึ้น “การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นในอีก 30 วินาที โปรดเตรียมตัวให้พร้อม”
ตัวจับเวลานับถอยหลังได้ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของลูกบอลทรงกลมเพื่อส่งสัญญาณว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ลุกซ์ ได้เปลี่ยนไปสวมชุดเกราะนักรบผู้ไม่ย่อท้อ สิ่งนี้ทำให้ เฟรดเดอริก และ ออกุส ขมวดคิ้วแน่น เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นชุดเกราะนี้มาก่อน
เมื่อนับถอยหลังครบ 10 วินาที ลุกซ์ ก็ใช้ เอาท์เบรกเกอร์ชี้ไปที่ เฟรดเดอริกและยิ้มออกมา
“อย่าแปลกใจล่ะหลังจากที่นายแพ้ เข้าใจไหม?” ลุกซ์ กล่าวพูดด้วยความมั่นใจ
“ฉันไม่แปลกใจหรอก” เฟรดเดอริกตอบกลับในขณะที่เขาชี้อาวุธของตัวเองไปที่ ลุกซ์ “นั่นก็เพราะว่าฉันจะไม่แพ้”