Chapter 194 God name 【Creates the god of century】
神名【创世纪之神】
ซูเห่าที่กินอาหารอย่างพอใจ,ร่างกายรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก.
อาหารของหยาซานทำให้ซูเห่าพอใจมาก,หากเป็นไปได้,ซูเห่าต้องการให้หยาซานมาอยู่ข้าง ๆ ไปตลอดเลย,น่าเสียดาย,ไม่อาจทำเช่นนั้นได้.
เมื่อเขาตกตายในโลกใบนี้ไป,ก็ต้องท่องไปในอวกาศอันไกลโพ้น,ทว่าหยาซาน,ก็จะหายไปไม่อาจได้พบกันอีก.
คิดถึงตรงนี้,ทำให้ซูเห่าเศร้าใจขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.
เส้นทางของการไล่ล่าภูมิปัญญา,เป็นเส้นทางที่ไกลและโดดเดี่ยว,ไม่มีใครแบ่งปันความสุขในความรู้ใหม่ ๆ ที่เขาได้รับมาเลยและไม่มีใครปรับทุกเวลาเขาต้องพบเจอกับปัญหา.
แม้นว่าซูเห่าจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวดังกล่าวนัก,ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจไปเหมือนกัน.
หากมีคนที่เชื่อใจสักคนร่วมเดินทาง,ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ดีหรอกรึ?
ยกตัวอย่างชาติก่อน บิดาของเขาอู๋หยุนเทียน,หรือชาตินี้น้องชายหยาซานที่ช่วยจัดการงานหยุหมหยิมยุ่งยากให้กับเขา.
คิดได้เช่นนี้,เขาก็จมอยู่ในความคิดเหมือนกัน.
“บางที....เป็นไปได้ใหม?”
ซูเห่าที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้ม,เวลานี้เขายังห่างไกลจากความสามารถที่จะทำได้,เพราะจิตสำนึกในพื้นที่พินบอลนั้น,มันดูง่ายเกินไป.
จวบจนถึงเวลานี้,การที่เขาสามารถเกิดใหม่,และอยู่รอดมาจนถึงเวลานี้,ตลอดจนสามารถสะสมความรู้และความแข็งแกร่ง,เป็นเพราะพื้นที่พินบอลจริง ๆ.
ความรู้พื้นฐานเมื่อครั้งเป็นโหลวเจาฮุยยังคงถูกเก็บไว้ในส่วนหนึ่งของพื้นที่พินบอล,หลายปีมานี้แทบไม่ได้เปิด,จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังโต๊ะที่สร้างเอาไว้อย่างเงียบ ๆ.
หลายปีที่ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในช่วงนั้น นับว่ามีความสุขมากเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วเหมือนกัน.
มันคือช่วงเวลาที่ไร้ความกังวล.
น่าเสียดายเวลานั้น,เขายังไม่มีพลังเพียงพอที่จะปกป้องตัวเอง,ทำให้มีเวลาน้อยไปหน่อย.
ยกตัวอย่างเหมือนกับเวลานี้,หากเขาไม่มีพลังเพียงพอที่จะสังหารบุตรแห่งฆาตกรรม,เขาคงตายแล้วไปเกิดใหม่แล้ว,ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องเริ่มใหม่,ไม่สามารถที่จะเรียนรู้วิจัยได้อีกต่อไป.
ทว่าหลังจากสังหารบุตรแห่งฆาตกรรมไป,เขาก็มีเวลามากขึ้นที่จะเรียนรู้สำรวจฟังก์ชันอื่น ๆ ของพื้นที่พินบอลอย่างจริงจัง.
ซูเห่ามั่นใจว่า,เขาจะต้องพบอะไรที่น่าสนใจแน่.
ซูเห่ายังคงนอนอยู่บนเก้าอี้พิงหลังพร้อมกับจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า,หยาซานที่ศึกษาท่าทางของเขา,นั่งบนเก้าอี้เพ่งพิศไปบนท้องฟ้าเช่นกัน.
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่,ซูเห่าก็หันหน้าไปถามหยาซาน“หยาซาน,เจ้าหนีมาเช่นนี้,เมืองฮุยหยางสามารถวางใจได้แล้วรึ?”
หยาซานพยักหน้าเอ่ยอย่างจริงจัง“แน่นอน,หลายปีมานี้ข้ารู้แล้ว,ไทนี่ะเป็นผู้บริหารที่เหมาะสมที่สุดและยังมีราชาวิปลาสโนวหลิน,และจักรพรรดิสวรรค์เมิ่งชวน ร่วมมือกัน,ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น,ไม่ต้องให้ข้าลงมือ,พี่ใหญ่เหว่ย คงไม่รู้,หลายปีมานี้ข้าพบว่าข้านั้นไม่มีความสามารถในการบริหารเลย,มีข้าอยู่หรือไม่ ก็มีค่าเท่ากัน ฮ่าฮ่าฮ่า.”
ซูเห่าพยักหน้าเผยยิ้ม“เจ้าสามารถพบจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง,เจ้านับว่าเหนือกว่าคนอื่น ๆ.”
หยาซานที่ยังหัวเราะ“ใช่แล้ว! หน้าที่ของข้าเวลานี้เพียงแค่ เป็นศูนย์รวมของแก๊งซือหลินเท่านั้น,ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั่น ก็ให้คนอื่นจัดการถึงจะเหมาะสม.”
ซูเห่าเอ่ย“ดีแล้ว,เจ้าเข้าใจความหมายของการบริหารที่แท้จริงแล้ว,นี่คือเส้นทางที่ถูกต้อง เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือทำมันด้วยตัวเอง.”
หยาซานเอ่ย“กล่าวตามจริง,ข้าคิดว่า,ใครที่เชื่อฟังก็สนับสนุนพวกเขาเต็มที่,หากใครไม่เชื่อฟัง,ข้าก็จะเพ่งเล็งจัดการเขาให้เขาเชื่อฟัง,ฮ่าฮ่าฮ่า,ไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายขนาดนี้.”
ซูเห่าหัวเราะเผยยิ้ม“ใช่แล้ว,นั่นก็คือเรื่องง่าย ๆ.”
หยาซานเอ่ย”ก่อนหน้านั้นไท่นี่ยังไม่วิวัฒนาการ,ข้าจึงไม่วางใจ ถึงได้คอยอยู่เคียงข้างเธอ.
ตอนนี้ข้าช่วยเธอวิวัฒนาการเป็นจักรพรรดิปฐพีแล้ว,หลังจากสอนเธอบินได้,ข้าก็วางใจได้แล้ว.”
ซูเห่าเอ่ย“สาวน้อยไท่นี่,ไม่ใช่ว่าเป็นจักรพรรดิปฐพีที่อายุน้อยที่สุดไปแล้วหรอกรึ?!”
หยาซานที่ยกมือขึ้นเกาศีรษะ,จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า”พี่ใหญ่เหว่ย,หลังจากนี้,ข้าต้องการช่วยไท่นี่พัฒนาเป็นบุตรแห่งชีวิต,หลังจากนั้นเธอก็จะมีพลังเพียงพอปกครองที่นั่น,หลังจากนั้นข้าก็จะกลับมายังเมืองซือหลินช่วยท่านจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ.
ข้าไม่ค่อยสนใจงานหยุมหยิมของแก๊งซือหลิน,ข้าชอบทำงานข้าง ๆ พี่ใหญ่เหว่ยต่างหาก,หากเป็นไปได้,ข้าไม่ต้องการกลับไปยังเมืองฮุยหยางเลย!”
ซูเห่าที่จ้องมองหยาซานคราหนึ่ง,”เจ้าสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง,เจ้ามีอิสระที่จะคิดและเลือก,เลือกสิ่งที่เจ้าชอบเถอะ.
ขอเพียงเจ้ายอมรับผลที่ตามมาได้,ไม่ว่าสิ่งใดล้วนแต่ไม่สำคัญ.”
หยาซานที่ยอมรับความเห็นของพี่ใหญ่เหว่ยเอ่ยด้วยความตื่นเต้น“หลังจากนี้ข้าจะกลับเมืองฮุยหยางตรวจสอบเดือนละสองครั้ง,เพื่อไม่ให้แก๊งซือหลินออกนอกเส้นทาง,ส่วนเวลาอื่น ๆ ข้าจะอยู่ที่เมืองซือหลิน!”
ซูเห่าเอ่ยเพิ่ม“ใช่แล้ว,สถานการณ์ของไกลี่กับพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
เอ่ยถึงเรื่องนี้,หยาซานก็หัวเราะเสียงดังเอ่ยออกมาว่า”ไกลี่และพวกแก๊งสี่ราชาได้กลายเป็นทีมรักษาความปลอดภัยของแก๊งซือหลินไปแล้ว.
นอกจากนี้,พวกเขายังประกาศเข้าร่วมแก๊งซือหลินอย่างเป็นทางการ,คอยสนับสนุนสมาชิกหลักของแก๊งซือหลินเต็มกำลัง,ไม่เคยเอ่ยเลยว่าจะกลับเมืองหลินหยวน.”
ซูเห่าเอ่ย”หยาซานเจ้าไม่ควรสับสนกับภาพที่เห็น,ไกลี่คือมนุษย์ทำนาย,เขาฉลาดมาก,เป็นคนที่มีหลักการเป็นของตัวเองและยังเป็นคนที่ภาคภูมิมั่นใจในตัวเองด้วย.
คนประเภทนี้จะไม่ถูกหลอกด้วยทฤษฎีตื้น ๆ,ถึงแม้นว่าจะเชื่อได้ชั่วขณะ,ท้ายที่สุดก็จะเข้าใจตัวเองได้ในที่สุด.
ตอนนี้เขาสนับสนุนแก๊งซือหลินเพราะเขาคิดว่าแก๊งซือหลินคือตัวเลือกที่ดีที่สุด,ทว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้นในอนาคต.
หากเขาพบว่ามีวิธีที่ดีกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้,เขาก็พร้อมที่จะละทิ้งแก๊งซือหลินไปทันที,แม้แต่เข้าแทนที่โดยตรง,เจ้าเข้าใจที่ข้าเอ่ยใหม? หยาซาน!”
หยาซานที่ดวงตาเบิกกว้าง,เขาไม่คิดถึงเรื่องนี่มาก่อน“พี่ใหญ่เหว่ย,แล้วข้าควรทำอย่างไร?”
ซูเห่าเผยยิ้มเอ่ยออกมาว่า“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย,เจ้าเพียงแค่รักษาความสามารถที่เหนือกว่าจนอีกฝ่ายไม่อาจขัดขืนได้ก็พอ,ให้พวกเขาเป็นผู้ตาม,กำจัดความคิดทางเลือกที่ดีกว่าของเขาไปให้หมดก็พอ.”
หยาซานดวงตาเป็นประกาย,พยักหน้าอย่างจริงจัง“ทราบแล้วพี่ใหญ่เหว่ย!”
ซูเห่าเอ่ย”เวลานี้,แก๊งซือหลินมีโครงสร้างทางสังคมที่ดี,ทว่ายังห่างไกลจากความสำเร็จที่จะจัดการกับทุกปัญหา.
หยาซานเจ้าต้องจำเอาไว้,ตอนนี้เจ้าคือผู้นำของแก๊งซือหลิน,เจ้าไม่อาจหลงทางได้,หากเจ้าหลงทาง ทั้งแก๊งซือหลินก็จะหลงทางไปด้วย.
ดังนั้น,ขอเพียงเจ้ามีเป้าหมายที่หนักแน่น,เจ้าก็มุ่งไปที่นั่นเต็มกำลัง,ใช้ดาบและมือของเจ้าเบิกทางไปยังเป้าหมายนั่นซะ.
เมื่อไม่อาจไปถึงเป้าหมาย,เจ้าก็จะไม่รู้ว่ามันผิดหรือไม่? หากมีใครบางคนบอกเจ้าว่าอาหารของเจ้าไม่อร่อย,ทว่าที่จริงแล้วมันอร่อยมาก,เจ้าจะต้องเป็นคนที่รู้และเข้าใจมันดี,หากมันไม่ถูกต้อง,เจ้าก็ต้องปรับปรุงมันให้ดีให้ได้!”
ซูเห่าเอ่ย“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างไร,สิ่งที่เจ้าต้องมีก็คือพลังที่เด็ดขาดเป็นต้นทุน.”
คำพูดเหล่านี้,เขาที่ล้างสมองหยาซานซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
หยาซานที่เชื่อมั่นในตัวของหยาซานอย่างที่สุด.
หยาซานเอ่ยอย่างจริงจัง“พี่ใหญ่เหว่ยข้าเข้าใจ,ท่านสามารถวางใจได้,แก๊งซือหลินจะไม่ไปผิดทาง,ถึงจะไปผิดทาง,ข้าก็จะทำให้มันกลับมาทิศทางเดิม!”
จากนั้นหยาซานก็เอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ที่จัตุรัสเมืองฮุยหยาง,ข้าได้สร้างวิหารและมีรูปแกะสลักของท่านสถิตอยู่,หลังจากปรึกษาหารือจากทุกคน,พวกเขาได้ตั้งชื่อว่า,”เทพผู้สร้างยุคสมัย!”
ซูเห่า“พรึด~”