บทที่ 7-8
บทที่ 7
ทุนการศึกษาห้าพันหยวน
“นี่คือห้องพักที่คุณผู้ชายเตรียมไว้ให้ครับ ส่วนเรื่องค่าเช่า คุณหนูถังจ่ายแค่ห้าร้อยหยวนต่อเดือน โดยจะต้องโอนค่าเช่ามาที่บัญชีนี้ทุก ๆ ต้นเดือนครับ” กู่ชวนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งเลขบัญชีให้กับถังซือซือ
“เป็นไปไม่ได้หรอก! ห้าร้อยเนี่ยนะ?” เธอตกใจเมื่อได้ยินเรื่องค่าเช่า
ระหว่างที่ถังซือซือกำลังตกใจจนเกือบจะปฏิเสธ กู่ชวนเดินเข้ามาพร้อมยื่นกุญแจห้องให้เธอก่อนหันหลังเดินกลับออกไป
เมื่อสมัยตอนยังเป็นนักเรียนในโลกเดิมเธอมีฐานะร่ำรวยอยู่แล้ว แค่เห็นห้องพักแบบนี้ก็รู้ทันทีว่าราคาขายอย่างน้อยต้องประมาณสักห้าหมื่นหยวน แต่ถ้าเช่าอยู่ก็ต้องมีแปดพันหยวนแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จ่ายแค่ห้าร้อยหยวน
‘หรือรับไว้ก่อนดี?’
ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมผุดขึ้นมา คอนโดเฟิงตันนี้เป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทตระกูลเซียว และคงไม่ต้องพูดถึงคนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดนี้ ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเซียวเฉินเยวียน
เขาทั้งรวยแล้วก็มีเจตนาแปลกดีชะมัด แต่เมื่อย้อนไปในสมัยอยู่ดาวเคปเลอร์ ด้วยการทำงานอย่างหนักมาหลายปี ถังซือซือประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็สามารถซื้อบ้านได้หลายหลังโดยไม่มีปัญหา ช่างน่าเสียดายที่ตอนนี้ เธอต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แต่ตอนนี้คงไม่ต้องมาทำตัวเกรงใจอะไรมาก เพราะเรื่องใหญ่กว่านี้คือการทำงานหาเงินใช้คืน เมื่อเธอหาเงินได้มากพอในอนาคต เธอจะค่อยๆ จ่ายคืนในส่วนที่เขาลดค่าเช่าให้
มู่ซูเสียนรู้สึกประหม่ามากขึ้นก่อนหันไปคุยกับลูกสาว “ซือซือ ลูกรู้จักเพื่อนคนนี้ได้ยังไง? แล้วทำไมห้องพักหรูหรานี่ถึงราคาถูกมากล่ะ? เพื่อนของลูกคือ...” ดูเหมือนมู่ซูเสียนกำลังคิดถึงสถานภาพของเพื่อนลูกสาวตัวเองไปในทางที่ไม่ดี แล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มซีดขาว
“แม่ แม่เหนื่อยใช่ไหม? ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้หนูมีสอบ งั้นหนูขอตัวเข้าห้องนอนก่อนนะคะ!”
หลังจากนั้น ระหว่างที่มู่ซูเสียนกำลังเดินเข้าห้องนอนส่วนตัว ถังซือซือรีบวิ่งเข้าไปในห้องของตัวเองทันที
ถังซือซือเก็บของใช้ส่วนตัว แล้วรีบยกผ้าห่มขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวล้มลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเหยียดแขนขาอย่างสบายใจ
เธอนอนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปขอบคุณกู่ชวน
“คุณกู่ ขอบคุณนะคะ! แล้วก็ฝากคำขอบคุณถึงคุณเซียวด้วยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะคะที่ช่วยพวกเรา!”
กู่ชวนได้รับข้อความแต่ก็ไม่ค่อยสนใจอะไร เขาส่งต่อข้อความของถังซือซือให้เซียวเฉินเยวียนโดยทันทีก่อนขับรถต่อไป
ดวงตาของเซียวเฉินเยวียนขยับขึ้นลงเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้กู่ชวนตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
ถังซือซืออ่านดูข้อความแล้วคิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก จู่ ๆ เธอก็ลืมตาตื่นมาอยู่บนดาวดวงอื่น และคงหาคำตอบให้กับเรื่องนี้ไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน แล้วยังมีเรื่องที่เธอได้พบกับผู้คนมากมายในโลกนี้จนไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไงอีก ตอนนี้เธอรู้สึกมืดแปดด้านและไม่รู้อะไรเลยว่าวันต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
‘แต่ยังปลอดภัยดีก็โอเคแหละ!’ ปัจจุบัน ดูเหมือนว่า เซียวเฉินเยวียนเป็นประธานคนปัจจุบันของตระกูลเซียวผู้มั่งคั่งกลุ่มแรกในเมืองหลวงแห่งนี้ แต่กลับทำตัวเย็นชา ลึกลับ และน่ากลัวซึ่งไม่เข้ากับหน้าตาเอาซะเลย
ถังซือซือเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วกำลังจะผล็อยหลับไป จู่ ๆ เธอก็สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น
เดี๋ยวนะ!
พรุ่งนี้มีสอบเรื่องบทกวีและวรรณกรรมนี่นา!
ถังซือซือลุกขึ้นนั่งทันที เธอขมวดคิ้วเข้ม แล้วคิดว่าเรื่องสอบชิงทุนคงจบลงแค่นี้
การสอบชิงทุนมีความสำคัญมากสำหรับถังซือซือ เพราะนักเรียนที่ได้รับทุนนี้จะได้เป็นเงินทั้งหมดห้าพันหยวนเป็นอย่างต่ำ และสูงสุดถึงหนึ่งหมื่นหยวน
ซึ่งจำนวนเงินทุนมหาศาลก็ย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับ ถังซือซืออยู่เหมือนกันที่จะไขว่คว้าไว้!
แต่เธอไม่ได้ทบทวนอะไรเลยเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องสอบ เพราะเกิดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายตลอดสองวันที่ผ่านมา!
ก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในครอบครัวของเธอ ถังซือซือสามารถเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ด้วยคะแนนของเธอที่ผ่านตามเกณฑ์พอดี ถึงแม้ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิบอันดับแรกของประเทศ
ในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง ถังซือซือประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวจนไม่มีกำลังใจที่จะเรียนต่อ รวมไปถึงผลการเรียนของเธอก็เริ่มลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าความสามารถของเธอจะลดลงตามคะแนน
เมื่อไม่กี่วันก่อน ถังซือซือเห็นประกาศสอบชิงทุนพอดี ดูเหมือนว่าในที่สุดเธอก็มีความกระตือรือร้นขึ้นอีกครั้ง และต้องการต่อสู้เพื่อตัวเอง เพราะทุนการศึกษานี้จะสามารถช่วยให้ชีวิตการเป็นอยู่ของเธอกับแม่ดีขึ้น
ด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่เธอได้เจอมาตลอดทั้งวัน เธอเข้าใจแล้วว่ามู่ซูเสียนยังไม่ได้รับค่าจ้างจากเซียวเทียนอวี่มาหลายเดือน ด้วยความโกรธ เธอจึงตัดสินใจทวงความยุติธรรมจากเซียวเทียนอวี่ แต่ผลออกมามันกลับ...
ถังซือซือนั่งนิ่งอยู่บนเตียงต่อไปพร้อมกับค่อย ๆ ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็แสดงออกถึงความแน่วแน่ขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน เธอรีบลุกออกมาจากเตียงแล้วสวมเสื้อคลุมสีขาวบางก่อนเปิดประตูห้อง แล้วพูดเสียงดังว่า
“แม่! หนูจะกลับไปทบทวนหนังสือที่มหาวิทยาลัย พรุ่งนี้มีสอบ!”
หลังจากนั้นเธอรีบแต่งตัวแล้วลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะเริ่มออกเดินทางในตอนกลางคืน...
ถังซือซือไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพถนนในโลกนี้ เธอจึงเปิดการนำทางในโทรศัพท์มือถือแล้วค้นหาที่อยู่ของมหาวิทยาลัยหนานซาน
เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะหนานซานอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่ตั้งอยู่ในตอนนี้...
“ห้าร้อยเมตร?”
“เยี่ยมเลย!”
“แต่เดี๋ยว... ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าเขาจงใจให้มาอยู่ใกล้ ๆ มหาลัยกันนะ?”
ถังซือซือคิดในใจ เธอไม่รู้จริง ๆ เลยว่าคำตอบของคำถามนี้จะเป็นยังไง หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเธอก็รีบวิ่งตรงไปทางทิศใต้ทันที
บริเวณหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยหนานซาน
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย แม้จะเป็นตอนกลางคืน แต่ในคืนนี้หอพักหลายสิบอาคารเต็มไปด้วยแสงสว่างไสว แน่นอนว่าวัยรุ่นหนุ่มสาวหลายคนต่างเป็นนักศึกษาที่มีทั้งเรียนภาคพิเศษ และทบทวนหนังสือในตอนกลางคืน รวมไปถึงนักศึกษาบางกลุ่มที่เตรียมตัวเพื่อสอบชิงทุนในวันพรุ่งนี้ด้วย
เมื่อเดินผ่านทะเลสาบในสวนของหอพัก ถังซือซือเดินชะลอตัวลง แล้วเห็นเงาของหอพักอาคารหนึ่งปรากฏขึ้น
ในเวลานี้ เธอเหลือบไปเห็นเงาสองเงากำลังนัวเนียอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับเสียงแว่ว ๆ ลอยออกมา
“กลางแจ้งแบบนี้เลยเหรอ?”
ถังซือซือพยายามรีบเดินผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ระหว่างเดินนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวพูดขึ้นว่า
“พี่คะ พี่จะเลิกกับนังสี่ตานั่นเมื่อไหร่ ฉันรอไม่ไหวแล้วนะ”
“อย่ากังวลไปตงเหมย ฉันทำวิทยานิพนธ์จบเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะทิ้งเขาแน่นอน แล้วเดี๋ยวโอปป้าคนนี้จะพาเธอออกไปเที่ยวด้วยกันตลอดทั้งสัปดาห์นี้เลย”
บทที่ 8
ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้แกร้องไห้
“อืม แต่ก็ดีนะ เมื่อวานเธอไม่ได้โทรหาพี่ทั้งวันเลย! ตอนแรกก็นึกว่าพี่ยังจะหลงเสน่ห์ยัยคนสี่ตานั่นอยู่ แล้วนี่เขาจะไม่สงสัยเอาเหรอ?”
“ใครจะไปหลงสาวตาโตนั่นกันล่ะ! แฟชั่นแบบนั้นดูเชยจะตาย สู้ตงเหมยของพี่ไม่ได้เลยสักนิด เธอน้อยใจพี่เหรอ?”
‘ดูเหมือนว่าฉันจะบังเอิญได้รู้อะไรเข้าซะแล้วสิ...’
‘แต่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันนี่ รีบไปต่อดีกว่า’
ถังซือซือเดินมาถึงหอพักของเธอ อาคารหอพักที่ 17 ห้อง 307
ถังซือซือเดินเข้าไปตรงหน้าประตูของหอพักที่ถูกปิดไว้อย่างสนิท เหมือนกับไม่ค่อยมีใครอาศัยอยู่ แต่ก็ยังมีคนอยู่บ้าง
เธอสัมผัสถึงความทรงจำหนึ่งได้อย่างรวดเร็วว่านี่เป็นปฏิกิริยาที่กำลังกลัวของเจ้าของร่างเดิมที่มีต่อหอพัก
ภาพของการถูกรังแกกำลังผุดขึ้นมาในหัวของถังซือซือทีละภาพ... เธอกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกอึดอัด
“เอี๊ยด” เสียงของประตูหอพักกำลังถูกเปิดออกและดังขึ้น
เริ่นเฉียง พันหม่าลี่ หวยปิง นี่คือเพื่อนร่วมห้องสามคนของถังซือซือ ซึ่งดูเหมือนทุกคนจะหลับกันไปนานแล้ว
ในแต่ละห้องของหอพักจะมีเตียงคู่เตียงสองเตียงและโต๊ะอ่านหนังสือสี่โต๊ะ ถังซือซือเดินมานั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง แล้วเปิดไฟ สวมหูฟัง ก่อนจะเปิดหนังสือแล้วเริ่มทบทวนอย่างรวดเร็ว
ระดับความเข้าใจทางวรรณกรรมของถังซือซือค่อนข้างอยู่ในระดับดีเยี่ยม เพราะเจ้าของร่างเดิมรักการอ่านหนังสือเกี่ยวกับวรรณกรรมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จึงเลือกภาควิชาวรรณคดีในการสมัครวิชาเอกของมหาวิทยาลัย แม้ว่าเกรดของเธอในมหาวิทยาลัยช่วงสามปีแรกจะไม่ค่อยดีนัก แต่ทักษะพื้นฐานอื่น ๆ นั้นอยู่ในเกณฑ์ดีเสมอ
แต่สำคัญที่สุดคือ ถังซือซือมีความทรงจำอันน่าทึ่ง เพราะเธอสามารถจำสิ่งที่เคยอ่านได้จากการอ่านเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ดังนั้น ทั้งหมดที่เธอต้องทำคือ การเปิดหนังสือเล่มหนาเท่าอิฐนี้ไปทีละหน้า...
“โอ้ ฉันก็นึกว่าใคร ที่ไหนได้ก็คางคกตัวหนึ่งกลับมานี่เอง แต่นี่มันดึกแล้ว แกจะมาขยันโชว์ให้ใครดูไม่ทราบ? นี่พวกเธอรีบลุกขึ้นดูเร็ว ๆ!” พันหม่าลี่เป็นคนที่ชอบรังแกถังซือซืออยู่บ่อยครั้ง เธอลุกขึ้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะถังซือซือแล้วเชิดหน้าใส่อย่างเย้ยหยัน
“ฮ่าๆๆๆ ช่างมันเถอะน่า! เป็นไปได้เหรอว่านังคางคกมันจะสอบชิงทุนได้น่ะ? นี่ก็ใกล้เช้าแล้วนะอีคางคก!” เริ่นเฉียงซึ่งนอนอยู่ใกล้กับโต๊ะของถังซือซือ เมื่อได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเริ่มหยอกล้อกลั่นแกล้งต่อไป
“ก็ได้ ก็ได้ งี้ไหม? ถ้าเธอได้ทุนละก็ ฉันจะไปกินเครื่องในสดหน้าบอร์ดประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยให้ดูเลย! อย่าลืมไปดูล่ะ!” พันหม่าลี่ไม่คิดว่าถังซือซือจะสอบชิงทุนได้ ดังนั้นเธอจึงพูดท้าทายออกไปอย่างมั่นใจ
“ฮ่าๆๆๆ! เธอกล้าพูดได้ยังไงกันเนี่ย! ฉันคิดชื่อหัวข้อข่าวได้ละ ‘สะพรึง! สาวหน้าคางคกคนแรกในแผนกวรรณกรรมได้รับรางวัลทุนการศึกษา และพันหม่าลี่ สาวฮอตแห่งหอพัก 17 กับการกินเครื่องในสดครั้งแรกในชีวิต!’”
“ให้ตายเถอะ ทิ้งความคิดนั้นไปเลย ไอ้เพื่อนเลว! ฮ่าๆๆ คางคกหน้าโง่ ๆ แบบเธอจะได้ทุนการศึกษาเนี่ยนะ ถ้าแกได้ จริง ๆ วันนั้นหมูคงปีนต้นไม้ได้”
ทั้งสองคนรังแกถังซือซือมาตลอดสามปี การเสียดสีด้วยวาจานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น ปกติแล้ว จะมีการบังคับถังซือซือให้ถูพื้น ทำอาหาร ซักเสื้อผ้า หรือแม้แต่ช่วยคัดลอกบันทึกและทำการบ้านแทนพวกเธอ
“พรุ่งนี้ตื่นกี่โมงดีล่ะเธอ?”
“แน่นอนว่าแปดโมงเหมือนเดิม เดี๋ยวมีคนบริการทำอาหารเช้าให้พวกเราเองแหละ และนางนี่ก็ยังมาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ อยู่ได้?”
“ฉันว่าจะพูดแบบนั้นอยู่พอดี แต่พวกเราใช้ชีวิตเหมือนในเทพนิยายจริง ๆ เลยเนอะเทพธิดาหม่าลี่ มีคนทำอาหารให้กินทุกเช้าเนี่ย”
ระหว่างทั้งสองพูดคุย ถังซือซือสวมหูฟังอยู่แต่สามารถได้ยินเสียงบางอย่าง ที่ดูเหมือนจะเยาะเย้ยแทรกเข้ามาแต่เธอก็ไม่สนใจเสียงพวกนั้น
“อา”
“รอไม่ไหวซะแล้วสิ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้พวกแกต้องร้องไห้!”
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท ถังซือซือค่อย ๆ ปิดหนังสือแล้วถอนหายใจยาว ๆ เฮือกหนึ่ง ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พร้อมมากสำหรับการสอบครั้งนี้
“กริ่ง กริ่ง กริ่ง…”
เวลาแปดโมงเช้า ห้องสอบเปิดแล้ว กลุ่มนักศึกษาต่างทยอยกันเข้าห้องสอบของตัวเอง
ถังซือซือมัดผมยาวของเธอไว้ ก่อนจะจัดหน้าม้ายาวแล้วติดกิ๊บ หลังจากนั้นทัดเส้นผมบางส่วนไว้หลังหู เผยให้เห็นใบหน้าที่มีแต่กระ และสิวของเธอ
“เหอะสัตว์น้ำ!” “คางคกคลาส E ถูกสารเคมีกระตุ้นเหรอนี่?” “สิวเต็มหน้าเลย!” “ฉันรู้สึกกลัวจนแทบอยากจะโยนอาหารเช้าทิ้งเลยว่ะ!”
“แม่งเอ๊ย! นี่เพิ่งตอนเช้าเองนะ! หัวใจดวงน้อยของฉัน ต้องมาอดทนกับอะไรแบบนี้!”
“นางน่าเกลียด! คนที่หลงรักเธอในอนาคตคงต้องเป็นรักแท้แสนน้ำเน่าแน่ ๆ!”