บทที่ 47-48
บทที่ 47
เชฟชื่อดังชาวจีนและชาวต่างชาติหลายคน
หล่อ... หล่อจัง...
“คุณน่ะ... ลืมมาทำอาหารให้ผมรึเปล่า?”
ดูเหมือนว่าคนอย่างคุณจะยอมรับฉันได้แค่เรื่องอาหารสินะ?
“นี่อยู่ไหนแล้ว?” น้ำเสียงที่เหมือนกับเสือโคร่งตัวใหญ่กำลังหิวโซ สร้างความกดดันมากทีเดียวเมื่อได้ฟัง
“จะอยู่ไหนได้ล่ะ ฉันอยู่ในลิฟต์แล้วนี่ไง ฮิฮิ” รู้สึกผิดเป็นบ้า
“แล้วทำไมเลขชั้นลดลงเรื่อย ๆ เลยล่ะ ไม่ใช่ว่ากำลังขึ้นมาหรอกเหรอ?” เขาถามขึ้นมาหลังจากสังเกตหน้าปัดบอกเลขชั้นในลิฟต์
ซวยแล้ว…
ขนาดยืนเอาตัวบังแล้วยังอุตส่าห์เห็นอีกเหรอเนี่ย?
“คือว่า... เลขาหน้าห้องคุณบอกว่าถ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่าขึ้นมาตามใจชอบ! ฉันเลยตกใจจนทำตัวไม่ถูก! รีบลงลิฟต์กลับทันทีเลย ไม่งั้นคงเป็นการผิดกฎของบริษัทใช่ไหมล่ะ? ฉันไม่กล้าฝ่าฝืนหรอก ใครจะไปกล้าฝ่าฝืนกับบริษัทแบบนี้กัน…”
เก่งมากเลยสมองของฉัน เพียงไม่กี่นาทีก็คิดหาคำแก้ตัวดี ๆ ได้ไวขนาดนี้
ระหว่างที่เขารอให้เธอพูดจนจบ เขาก็ตอบกลับมาว่า
“คุณเป็นคู่หมั้นของประธานบริษัทตระกูลเซียวนะ จะขึ้นมาทั้งที่ไม่เห็นต้องมีธุระอะไรเลย”
เอ่อ?
ถังซือซือรู้สึกเขินจนหน้าและใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ผู้ชายคนนี้... ปกติไม่ใช่คนที่จะพูดดีกับใครก่อนนี่! ไปหัดพูดจาเลี่ยน ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ไม่นานเขาก็พูดต่อขึ้นมาอีกว่า
“หนึ่งนาที เจอกันที่หน้าประตูลิฟต์”
หลังจากนั้น เขาก็วางสายไป
เดี๋ยวสิๆๆ?
ถังซือซือรีบกดปุ่มไปชั้นบนสุดอย่างรวดเร็วทันทีที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุด
ช่วงเวลาคับขันแบบนี้ พอลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้วเปิดออก กลุ่มพนักงานบริษัทจำนวนมากทยอยเดินอัดกันเข้ามา
พนักงานหญิงหลายคนในชุดทำงานรัดรูปเดินเข้ามา เมื่อพวกเธอเหลือบไปมองถังซือซือก็พูดขึ้นมาว่า
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? บริษัทเรารับสมัครนักศึกษาฝึกงานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“จะมาทำงานทั้งทีไม่ดูแลตัวเองหน่อยเหรอ? แต่งตัวบ้านนอกแบบนี้... เธอคงไม่รู้ใช่ไหมว่าประธานบริษัทของเราเจ้าระเบียบขนาดไหน?”
“แหกตาดูพวกฉันซะบ้าง ในบริษัทเรามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ดูแลตัวเอง?”
สำหรับพวกเธอแล้ว การที่ประธานเซียวเฉินเยวียนจะเข้ามาพบพนักงานในบริษัทปีละครั้ง ถือเป็นโอกาสที่ดีในการไขว่คว้าโอกาสได้เป็นสะใภ้ของตระกูลเซียว การดูแลตัวเองให้สวยอยู่เสมอแบบนี้ ต่อให้ต้องทำงานถึงห้าสิบปีก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยง...
หลังจากนั้น พวกเธอขยิบตาให้กัน ก่อนจะแอบถ่ายรูปถังซือซือแล้วโพสต์ไปใน ‘กลุ่มเทพธิดาสำนักงานใหญ่เซียว’ ที่ตั้งกลุ่มไว้เป็นการส่วนตัว
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ตอนนี้ทุกคนกำลังพักเบรกจากงานที่ทำอยู่ ไม่กี่นาทีให้หลังจากนั้นก็เกิดการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในกลุ่มโซเชียล
“ฮ่าๆๆ นั่นเธอเป็นใครกัน? บริษัทของเรามีผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ด้วยเหรอ? สิวบนหน้าเธออย่างกับพื้นผิวดวงจันทร์เลยล่ะ”
“แต่งตัวได้ต่ำตมมาก ดูเหมือนคนจรจัดยังไงไม่รู้ สงสัยคงเพิ่งเข้าบริษัทมาใหม่มั้ง?”
“อย่าโพสต์ภาพน่าเกลียดสิ เดี๋ยวจะกินข้าวไม่ลงเอานะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็ถูกดึงดูดความสนใจอีกครั้ง เมื่อมีพนักงานคนหนึ่งพิมพ์ขึ้นมาว่า
“เฮ้ๆๆ พวกเธอรู้ข่าวนี้ไหม? กู่ชวนพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในบริษัทด้วย!”
“จริงดิ! เธอไปได้ยินข่าวมาจากไหน? มันเกี่ยวอะไรกับท่านประธานของเราด้วยรึเปล่า?”
“ทิงหลิวเสวี่ยเล่าว่า ดูเหมือนจะพามาที่นี่เพื่อทำอาหารให้ท่านประธานของเรา”
“ไม่มีทาง! ครอบครัวของท่านประธานมีเชฟชื่อดังชาวจีนและชาวต่างชาติหลายคน ยังจะต้องเรียกคนนอกมาทำอาหารให้ด้วยเหรอ? ต้องไม่ใช่แค่ทำอาหารแน่ ๆ...”
“ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแฟนของท่าประธาน! แต่มาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าเป็นถึงแฟนของท่านประธาน ก็ไม่ต้องทำอาหารด้วยตัวเองอยู่แล้วนี่...”
ทุกคนต่างถกเถียงประเด็นนี้กันอย่างดุเดือด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร
ลิฟต์ขึ้นผ่านไปทีละชั้นเรื่อย ๆ มีพนักงานออกไปทีละคนต่อหนึ่งชั้น พนักงานบางคนสงสัยถังซือซือว่าไม่เห็นจะออกจากลิฟต์ไปชั้นไหนเลย?
พนักงานคนหนึ่งสังเกตเห็นปุ่มที่เธอกดลิฟต์ขึ้นไป ฉันตาฝาดรึเปล่า? นั่นชั้นบนสุดนี่!
หลังจากออกจากลิฟต์ พนักงานคนนี้ก็รีบส่งข้อความไปในกลุ่มทันที
“ทุกคน... ผู้หญิงน่าเกลียดคนนั้นกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนสุด!”
บทที่ 48
ผู้หญิงธรรมดาคนนี้
“ฮ่าๆๆ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ! คงเป็นแค่แม่ครัวธรรมดา หวังว่าคงไม่ไปทำอาหารห่วย ๆ เสิร์ฟท่านประธานนะ”
“เป็นผู้หญิงน่าเกลียดธรรมดานี่เอง นึกว่าเป็นแฟนท่านประธาน แต่ยังไงก็เถอะ พวกเรายังมีหวัง!”
เซียวเฉินเยวียนเดินออกจากห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย พอหญิงสาวผู้เป็นเลขาเห็นเขาเดินออกมา เธอจึงรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพทันที ก่อนจะเห็นว่าเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟต์
ท่านประธานมายืนรอแบบนี้ เดี๋ยวคนทำอาหารนั่นคงใกล้มาถึงแล้วสินะ?
จะเป็นเชฟแบบไหนกัน?
ทิงหลิวเสวี่ยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ก็พบว่ามีการพูดคุยกันมากมายใน ‘กลุ่มเทพธิดาสำนักงานใหญ่เซียว’ ก่อนจะนั่งไล่อ่านย้อนขึ้นไปอย่างละเอียด ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดจนเขียวคล้ำ
นี่... นี่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกับที่ฉันเพิ่งไล่ลงไปหรือเปล่า?! อย่าบอกนะว่าเธอกลับขึ้นมาอีกครั้ง?
แย่แล้ว... หรือว่า...
ไม่สิ แต่ฉันไม่รู้ซะหน่อยนี่ว่าเป็นเธอ ดันมาพลาดอะไรแบบนี้ได้ยังไงกันนะ
แต่บุคลิกเธอ... ทุกอย่าง... เหมือนเป็นผู้หญิงธรรมดาเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีทักษะการทำอาหาร ถึงขนาดที่ท่านประธานไม่ได้สั่งให้เชฟชื่อดังชาวจีนหรือชาวต่างประเทศทำอาหารมาส่งให้ หรือว่ามันมีอะไรมากกว่าทำอาหารรึเปล่านะ?
ทิงหลิวเสวี่ยจ้องไปที่ประตูลิฟต์ด้วยความตื่นเต้น
“ติ๊ง”
ใบหน้าผู้หญิงที่เธอเห็นก่อนหน้านี้กำลังก้าวออกมา
ดวงตาของทิงหลิวเสวี่ยเปลี่ยนเป็นขาวโพลนทันที
หลังจากพยายามข่มความตกใจของตัวเอง ก็ต้องตกใจจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากเบ้ากับภาพตรงหน้า
“ที่รัก ในลิฟต์คนเยอะมากเลย ใช้เวลานานมากกว่าจะขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ฉันไม่ได้ตั้งใจจะถ่วงเวลาทำอาหารให้คุณหรอก ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ”
ถังซือซือพูดจาออดอ้อนเซียวเฉินเยวียนที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนโน้มตัวเข้าไปจับคอเสื้อของเขาแล้วเขย่าเบา ๆ หลังจากนั้นเธอถามขึ้นว่า
“ที่รักคะ... ที่รักโกรธฉันเหรอ?”
หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าทิงหลิวเสวี่ยตอนนี้ ซึ่งเธอได้ตัดสินไปแล้วว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดธรรมดา รวมถึงพนักงานผู้หญิงในกลุ่มทุกคนก็เห็นพ้องตรงกันว่า ‘น่าเกลียด’ ยิ่งกว่าอะไร แต่ดูเหมือนภาพที่เธอเห็น ผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่แค่เชฟธรรมดาแล้วมั้ง?
แต่เดี๋ยวก่อน? ท่านประธานยืนนิ่งไม่ตอบกลับอะไรเลยนี่
งั้นคงไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะมั่งคั่งของท่านประธานเอง แทบไม่มีใครในเมืองหลวงเทียบได้เลย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สนใจคนสวย ๆ หรือดาราดัง แต่กลับไปให้ความสนใจผู้หญิงโลโซคนนี้
ต้องทำอะไรสักอย่าง... นังนั่นต้องปล่อยประธานของฉันซะ ฉันจะจัดการเอง!
ไม่กี่วินาทีต่อมา ในขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปผลักถังซือซือ จู่ ๆ ก็เห็นถังซือซือเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้ม เซียวเฉินเยวียนต่อหน้าต่อตา ตามมาด้วยเสียงหยอกล้อว่า “ฮ่า ๆ หอมแก้มได้แล้ว”
ทันใดนั้นทิงหลิวเสวี่ยก็ตกใจจนแข็งทื่อเหมือนรูปปั้น
อนาจารที่สุด! ท่านประธานโดนยัยนั่นหอมแก้ม!
หลังจากนั้น เธอสังเกตดูท่าทางของเซียวเฉินเยวียนที่กำลังจะทำอะไรบางอย่าง เขาเท้าสะเอวแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ว่า
“คุณมาช้าไปสามนาทีนะ”
“แหม ๆ ที่รักก็คราวหน้าฉันจะไม่มาสายแล้วค่ะ ต่อไปจะมาให้ตรงเวลาแน่นอน! ฉันสัญญา!”
สีหน้าของเซียวเฉินเยวียนเริ่มดูสบายใจมากขึ้น ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วยกแขนให้ถังซือซือคล้อง ก่อนเดินกลับเข้าไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา
หืม? ถังซือซือรู้สึกถึงบรรยากาศชวนให้สะใจบางอย่าง... ดูเหมือนว่าเขาจะมีทักษะน่าทึ่งบางอย่างที่ทำให้ใคร ๆ ได้มองก็ต้องอิจฉา!
ทิงหลิวเสวี่ยรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในตำแหน่งเลขานุการของเธอขึ้นมาทันที
เธอรีบเปิดเข้า ‘กลุ่มเทพธิดาสำนักงานใหญ่เซียว’ อีกครั้งและพบว่าคนอื่น ๆ ยังคงคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ข้อความด้วยความรู้สึกหม่นหมองไปว่า
“ฉันขอพูดอะไรเล็กน้อยนะ… ผู้หญิงคนนั้นมาทำอาหารให้ท่านประธานจริง ๆ…”
“แล้วก็... ไม่ใช่แค่มาทำอาหารให้ท่านประธานเท่านั้น... เธอยังเรียกท่านประธานว่า...”
“เธอเรียกท่านประธานว่าที่รัก… แล้วก็หอมแก้มท่านประธานด้วย…”
“ไม่ใช่แค่หอมแก้มนะ ยังได้ควงแขนท่านประธานเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวด้วย...”
“ประโยคสุดท้ายจากฉัน ท่านประธานไม่แม้แต่จะชายตามองฉันเลย ฮือๆๆ...”
เหมือนกับสายฟ้าฟาดผ่ากลางใจ แชทของทิงหลิวเสวี่ยกระทบกับความรู้สึกของพนักงานหญิงทั้งหมด ตอนนี้ ‘กลุ่มเทพธิดาสำนักงานใหญ่เซียว’ เงียบกริบเหมือนป่าช้า