บทที่ 45-46
บทที่ 45
ได้เจอความรักโรแมนติก
เรื่องบ้าอะไรเนี่ย?
ถังลี่ชายกมือปิดปากตัวเองด้วยความประหลาดใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
คุณกู่สั่งของให้เรางั้นเหรอ?
ไม่มีทาง โกหกน่า เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เธอไม่สามารถหยุดครุ่นคิดได้เลย เธอคิดว่า... บางทีเซียวเฉินเยวียนอาจอยู่ใกล้ ๆ เธอนึกภาพตัวเองที่สวย บริสุทธิ์และเป็นที่ประทับใจของเขา และวันนี้... เขาก็ส่งผู้ช่วยส่วนตัวมาซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าให้เธอ?
วินาทีถัดมา เป็นไปได้ว่าเซียวเฉินเยวียนจะปรากฏตัวต่อหน้าเธอ แล้วสารภาพรัก...
นี่มัน... เหมือนกับฉากในซีรีส์ละครโรแมนติกในแพลตฟอร์มออนไลน์เลย มันกำลังเกิดขึ้นกับฉันจริง ๆ เหรอเนี่ย?
ไม่ไหว… หัวใจเต้นเร็วมาก... เขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว...
นี่คือความรู้สึกเมื่อได้เจอความรักสุดโรแมนติกงั้นเหรอ?
เหมือนหัวใจของฉันกำลังถูกผึ้งห้อมล้อมในสวนดอกไม้เลย ทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้กันนะ?
จู่ ๆ เธอก็ตัดสินใจ หันกลับไปเพื่อรีบร้อนเติมเครื่องสำอาง แล้วสั่งให้พนักงานช่วยจัดเสื้อผ้ากับกระเป๋าให้สวยงาม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายเซลฟี่
กรี๊ด! ฉันจะเป็นผู้หญิงที่ทุกคนต้องอิจฉา เตรียมลงรูปพร้อมแคปชั่นเด็ด ๆ ไว้แล้วว่า ฉันนี่แหละผู้หญิงของ เซียวเฉินเยวียน...
ต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกาต่างไม่เชื่อหูของตัวเอง หรือจะเป็นอย่างที่พวกเธอคิดไว้...
โอ้ พระเจ้า อย่าบอกนะว่าความคิดของพวกเราถูกต้อง?
ความโรแมนติกดั่งนิยายรัก กำลังจะเกิดขึ้นในร้านของพวกเราเหรอเนี่ย?
สำหรับสมาชิกระดับซูเปอร์แพลตตินั่มอย่างถังลี่ชาแล้ว เธออาจมีแนวโน้มที่จะเป็นเป้าหมายของประธานเซียว ซึ่งเป็นไปได้ในทางธุรกิจว่า ต่อจากนี้ไป กลุ่มลูกค้าผู้หญิงนับไม่ถ้วนจะแห่กันเข้ามาซื้อเสื้อผ้าร้านนี้เมื่อได้รู้ข่าวการสารภาพรัก...
กำไรอันมหาศาลกำลังกวักมือเรียกหาพวกเธอ!
การเลื่อนขั้นและการขึ้นเงินเดือนจะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป!
ทั้งสองรีบ ‘แสดงความยินดี’ อย่างจริงใจให้กับถังลี่ชาทันที ที่ตอนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการแห่งความสุขของตัวเองจนดึงสติกลับมาไม่ได้ เพราะเธอคิดไปไกลถึงการได้ขึ้นเป็นคุณผู้หญิงแห่งบริษัทตระกูลเซียวไปซะแล้ว!
เฮิ่นเทียนเการีบถอดเสื้อผ้าบนราวทีละตัว ส่วนต้าโปลั่งก็เดินตรงปรี่ไปที่ถังซือซือและแอบคิดในใจว่าจะสร้างความประทับใจให้คุณกู่ด้วยการทวงเสื้อผ้าให้กับคุณหนูถังจากผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดคนนี้
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้าไร้วาสนา พอดีเสื้อผ้าแถวนี้ทั้งหมดเป็นของคุณหนูถังลี่ชาค่ะ กรุณาช่วยคืนชุดเดรสในมือให้ดิฉันด้วยนะคะ”
กู่ชวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถังซือซืออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ผมพูดไม่ชัดเจนพอรึไง?! ถือสิทธิ์อะไรมาพูดจาพล่อย ๆ ใส่คุณหนูถังแบบนี้? ผมขอย้ำอีกครั้ง จัดเสื้อผ้าและกระเป๋าล็อตใหม่ล่าสุดทั้งหมดให้คุณหนูถังซือซือเดี๋ยวนี้ แล้วทีหลังหัดพูดจาให้สุภาพกับคุณหนูด้วย!”
อะไรนะ?
มะ... ไม่ใช่เราหรอกเหรอ?
ถะ ถัง... คุณหนูถังซือซือเนี่ยนะ?
ล้อกันเล่นแน่ ๆ... เด็กผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียด แต่งตัวกะโปโลอย่างกับเด็กไร้บ้าน จริง ๆ แล้ว... ปะ เป็นถึง...
เหมือนกับฟ้าผ่าฟาดลงตรงกลางใจ ผู้หญิงสามคนในร้านถึงกับตกใจสุดขีดจนตาค้าง ยกเว้นแต่ถังซือซือที่ยืนนิ่งพร้อมกับแสดงสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ทั้งสามคนต่างยืนนิ่งแล้วถกเถียงกับตัวเองในใจ
ซวยแล้ว... ฉันพูดอะไรไปบ้างเนี่ย?
เป็นไปได้ยังไงกัน?... ยัยนั่นก็ชื่อถัง แถมยังเป็นคุณหนูอีกด้วย
หลังจากที่ถังลี่ชารู้ตัวว่าเธอคิดเองเออเองทั้งหมด ใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ยิ่งคิดว่าเมื่อกี้นี้ตัวเองเพ้อฝันไปมากแค่ไหน ก็ยิ่งอับอายมากเท่านั้น จนอยากจะหารูในดินโคลนเพื่อคลานเข้าไปซ่อนตัว
เธอไม่มีหน้าจะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ได้แต่ฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา แล้ววิ่งหนีออกจากร้านไป
โธ่เอ๊ย... น่าขายหน้าชะมัด... ปากแจ๋วด่ามันไปตั้งเยอะ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะเป็นเราเองที่ต้องเจ็บใจ...
รู้แล้วแหละ... คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ตระกูลถังของเราจะมีโอกาสได้ดองกับตระกูลเซียว...
ทางด้านของต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกา พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในอาชีพ ถึงแม้พวกเธอจะทำอาชีพเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมในร้านนี้มานานหลายปี มีโอกาสสนิทสนมกับลูกค้าสาวไฮโซและลูกค้าขาจรมากมาย แต่วันนี้ พวกเธอมีตาแต่กลับไร้แวว แถมยังเผลอสร้างความขุ่นเคืองกับคนที่ไม่ควรขุ่นเคืองด้วย ต่อให้ต้องตายเป็นหมื่นครั้งก็ยังชดใช้ไม่พอ
บทที่ 46
ความยากจนจะกำหนดขอบเขตของความสุขสบาย
พนักงานผู้หญิงทั้งสองรีบเดินมาหาถังซือซือ ก่อนโค้งคำนับแล้วพูดขึ้นว่า
“คุณหนูซือซือคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ! ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วย! พวกเรามีตาแต่ไร้แวว! ถ้ามีอะไรที่ทางร้านชดเชยให้ได้ คุณหนูรีบบอกมาได้ทันทีเลยค่ะ...”
“คุณหนูซือซือ! ฉะ... ฉันจะแพ็คสินค้าให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ และพะ... พรุ่งนี้ทางร้านมีสินค้าล็อตใหม่เข้ามาพอดี ทางเราจะรีบส่งไปให้คุณหนูได้เลือกก่อนใครเลย! คุณหนูโอเคไหมคะ?”
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเปลี่ยนสีเปลี่ยนข้างได้รวดเร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือซะอีก
เมื่อกู่ชวนและถังซือซือกำลังเดินออกจากร้าน ต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกาก็รีบวิ่งตามไปทันที ก่อนโค้งคำนับหลายครั้งระหว่างเดิน พวกเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นมาก ต่างจากตอนแรกที่แสดงท่าทางเหยียดหยามถังซือซือ
เมื่อทั้งสองเห็นกู่ชวนและถังซือซือเดินพ้นหน้าร้านไป ก็หันกลับมาแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปหาผู้จัดการร้าน ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก!”
ภายในรถเบนซ์
“คุณหนูถังครับ แม่บ้านซ่งเตรียมวัตถุดิบไว้ให้พร้อมแล้ว ตอนนี้เรากำลังจะไปที่อาคารสำนักงานใหญ่กันครับ ส่วนเสื้อผ้าและกระเป๋าจะถูกส่งไปที่คอนโด แล้วก็มีเครื่องประดับอีกนิดหน่อยที่คุณผู้ชายให้ผมจัดไว้ให้คุณกับคุณแม่ด้วย ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ ผมต้องขอโทษด้วยที่เข้ามาจัดการให้ช้าไปนะครับ”
อืม ก็โอเค?
เขาไม่ได้คุยอะไรกับถังซือซือต่อจากนั้น เพียงไม่กี่นาที พวกเขาก็เดินทางมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทตระกูลเซียว
“คุณหนูถังครับ เดี๋ยวผมต้องไปทำธุระที่แผนกข้อมูล รบกวนคุณหนูไปที่ชั้นบนสุดด้วยตัวเองนะครับ คุณผู้ชายกำลังรอคุณหนูอยู่”
ระหว่างที่พวกเขากำลังขึ้นลิฟต์ กู่ชวนก็เดินออกไปเมื่อลิฟต์เปิดมาที่ชั้นของแผนกข้อมูล
ตึกนี่ใหญ่ไม่ใช่เล่นเลย
นี่เป็นครั้งแรกของถังซือซือที่ได้เข้ามาในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทตระกูลเซียว ทั้งอาคารและสภาพแวดล้อม ก็ดูหรูหราใหญ่โตมาก ๆ
อาคารนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง มูลค่าของที่ดินเทียบได้เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง พื้นที่นี้มีขนาดใหญ่มากจนน่าขนลุก
โซนทิศเหนือของบริษัทตระกูลเซียว เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนส่วนตัวของเซียวเฉินเยวียน มีทั้งสนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ และสวนดอกไม้ ถ้าเดินเลยสวนไปก็เป็นลานกว้างสำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์
ถังซือซือดูแผนที่ขององค์กรบนผนังของลิฟต์ เธอเข้าใจประโยคที่ว่า ‘ความจนจะกำหนดขอบเขตของความสุขสบาย’ อย่างถ่องแท้ก็วันนี้
“งี้เองสินะ”
พอถังซือซือก้าวออกมาจากลิฟต์ ดวงตาขอเธอเบิกกว้างทันที
ผนังรอบห้องถูกแทนที่ด้วยกระจกหนาใสขนาดกว้างตั้งแต่พื้นไปจรดเพดาน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงได้หนึ่งร้อยแปดสิบองศา เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนกลางเพดานของห้อง พบว่ามีกระจกใสทรงกลมที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าสีครามและเมฆขาว ถังซือซือรู้สึกอิจฉาทันทีเมื่อได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้
เชื่อแล้วว่าคนเราสามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้ถ้ามีเงินจริง ๆ!
พนักงานตำแหน่งเลขานุการคนหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมามองถังซือซือซึ่งสวมเสื้อราคาถูกอย่างกับเด็กกะโปโล ดูไม่เข้ากับสถานที่นี้เอาเสียเลย เธอจึงลุกขึ้นยืนทันที ก่อนยกนิ้วขึ้นผลักแว่นตาตัวเองแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร? แล้วมีธุระอะไรรึเปล่า?”
“มีคนบอกให้ฉันขึ้นมาค่ะ” ถังซือซือตอบตามความจริง
“แต่บริษัทนี้ไม่ใช่ที่ที่คุณจะเข้ามาได้ตามใจชอบนะคะ รบกวนช่วยออกไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ถังซือซือแสดงสีหน้าเรียบเฉยแล้วตอบกลับไปว่า
“ก็ได้ค่ะ”
เธอหันหลังเดินกลับเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่ลังเล
เลขาสาวดันแว่นขึ้นอีกครั้งแล้วเหลือบมองดูนาฬิกา “คุณกู่บอกว่าจะพาผู้หญิงคนหนึ่งมานี่ ทำไมไม่เห็นใครขึ้นมาเลย ใช้เวลานานจัง?”
ถังซือซือกดปุ่มลงไปที่ชั้นหนึ่ง
เลขาคนนั้นบอกว่าถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปซะ ฉันทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่ายก็ถูกแล้วนี่?
แม่สอนฉันเสมอว่าเราต้องเป็นพลเมืองดี ควรปฏิบัติตามกฎของทุก ๆ ที่
แบบนี้เราก็ไม่ได้ทำอาหารให้คุณชายปีศาจแล้วน่ะสิ? เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เรามาที่นี่ไม่ใช่เหรอ
ทันทีที่เธอนึกถึงเหตุผลนี้ขึ้นมาได้ เซียวเฉินเยวียนก็วิดีโอคอลมาทันที
เธอยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก…
ถังซือซือรู้สึกผิดจนประหม่าเล็กน้อย ก่อนกดปุ่มรับสายอย่างลังเล
ขณะนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาเริ่มแสดงสีหน้าเอาแต่ใจ เหมือนกำลังนำภัยพิบัติโหมกระหน่ำเข้ามาใส่ถังซือซือ
เซียวเฉินเยวียนเอียงคอ จ้องเขม็งมองถังซือซือด้วยใบหน้าที่ดูหิวโซ เตรียมพ่นคำพูดมากมายออกมาในไม่ช้านี้