บทที่ 43-44
บทที่ 43
ตาสุนัขมองคนต่ำ
วันถัดมา
ถังซือซือเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยที่สุดในเมืองหลวง
มู่ซูเสียนไม่ค่อยเต็มใจจะใช้จ่ายไปกับเสื้อผ้าราคาแพงเท่าไหร่ แต่ถังซือซือไม่ต้องการเห็นแม่ของตัวเองถูกคนอื่นดูถูก โดยเฉพาะพี่น้องด้วยกันเอง เธอจึงตัดสินใจซื้อชุดไปร่วมงานหมั้นให้กับมู่ซูเสียน
เพราะเซียวเฉินเยวียนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้านเบเกอรี่ เธอจึงเหลือเงินจากทุนการศึกษาอีกกว่าแปดพันหยวน
หลังจากเธอเลือกร้านที่ดูดีได้แล้ว ถังซือซือก็รีบเดินตรงเข้าไปทันที
พนักงานผู้หญิงสองคนที่หน้าร้านเหลือบมองถังซือซือ ที่วันนี้เธอแต่งตัวได้เชยมาก แถมหน้าตาไม่ดี ซึ่งทำให้พวกเธอคิดว่าเธอต้องจนมากแน่ๆ พวกเธอขยิบตาให้กัน ความเยาะเย้ยถากถางเกิดขึ้นในจิตใจ
ครู่ใหญ่ มีหนึ่งในพนักงานหญิงสองคนเดินเข้ามา ทรงผมดูทันสมัย สีลิปสติกที่ใช้ดูมีราคาแพง รูปร่างดีทีเดียว
“เดินระวัง ๆ หน่อยนะคะ” พนักงานผู้หญิงพูดเบา ๆ ก่อนยืนดูอยู่ห่าง ๆ
ถังซือซือทำเป็นไม่สนใจ แล้วเดินช้า ๆ ดูเสื้อผ้าไปทีละโซน
ผ่านไปสักพักใหญ่ เมื่อพนักงานผู้หญิงเห็นถังงซือซือกำลังเอื้อมมือไปจับเสื้อชุดหนึ่ง สีหน้าของพนักงานผู้หญิงดูไม่พอใจขึ้นมาทันที กลัวว่าถังซือซือจะทำให้เสื้อผ้าหรูหราในร้านของพวกเธอต้องมัวหมอง
ถังซือซือหยิบชุดเดรสสีดำตัวเล็กออกมา ก่อนเหลือบดูป้ายราคาที่เขียนบอกไว้ว่าราคาสามหมื่นสองพันหยวน
“มีส่วนลดอะไรบ้างไหม?”
“ไม่มีหรอก เสื้อผ้าของเราเป็นเกรดผ้าระดับไฮเอนด์ มีแค่สมาชิกพิเศษเท่านั้นที่จะรับส่วนลดได้”
“อีกอย่างนะคะ ในเมื่อคุณลูกค้ากล้าเดินเข้ามาในร้านหรูหราขนาดนี้ จะมัวกังวลเรื่องได้ส่วนลดหรือไม่ได้ส่วนลดทำไมกัน?”
พนักงานหญิงอาศัยโอกาสในการพูดดูถูกทางอ้อม ๆ ใส่ถังซือซือทันที
เธอเดินกลับมาหาพนักงานหญิงอีกคนที่เฝ้าอยู่หน้าร้านแล้วแอบกระซิบกันเบา ๆ ว่า “ไม่มีเงินแล้วยังสะเออะเข้ามาอีก”
ถังซือซือทำเป็นไม่สนใจอีกครั้ง ก่อนหยิบชุดเดรสไปลองใส่
ต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกาแอบกระซิบนินทาและเยาะเย้ยกันเสียงดัง เพราะพวกเธอเจตนาให้ถังซือซือได้ยิน
ถังซือซือจัดระเบียบชุดเดรสให้ดูเรียบร้อย ก่อนยืนหันหลังให้พนักงานผู้หญิงทั้งสอง แล้วถามขึ้นว่า
“ข้างหลังดูสวยไหม?”
ต้าโปลั่งแสดงสีหน้าเหยียดหยามก่อนตอบว่า
“ก็ดูต่ำดีนะคะ”
ถังซือซือยิ้มตอบกลับ เธอมองหน้าพวกพนักงานแล้วพูดขึ้นว่า
“ดูต่ำดี! ฉันเพิ่งเคยเห็นคนที่มีทัศนคติเป็นเหมือนสำนวนหนึ่งว่าไว้ ตาสุนัขมองคนต่ำ*!”
*ตาสุนัขมองคนต่ำ = การมองจุดต่ำต้อยของคนอื่น ถือเป็นคำสบถอย่างหนึ่งที่สื่อถึงคนที่มีจิตใจคับแคบ และมีสายตาเหมือนสุนัขตอนที่เห็นคนแปลกหน้า ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า เป็นการดูถูกคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้า
“ฮ่าๆๆๆ!” ลูกค้าหลายคนที่กำลังเลือกดูเสื้อผ้าอยู่ได้ยินก็พากันหัวเราะเสียงดัง
“เหลือเชื่อ! ฉันไม่คิดเลยนะว่าจะมีคนใช้สำนวนความหมายแรง ๆ แบบนี้มาด่า”
“ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเหยียดหยามคนจากภายนอก บางทีคนที่ดูฟุ่มเฟือยทำตัวรวย ๆ นี่แหละมีหนี้สินเพียบ”
“คนเราตัดสินกันจากภายนอกไม่ได้จริง ๆ สมควรแล้วที่พนักงานพวกนั้นได้รับบทเรียนนี้!”
“ยัยบ้านี่…” ต้าโปลั่งนึกไม่ถึงว่าถังซือซือจะพูดแรงได้ขนาดนี้ ใบหน้าเรียวเล็กของต้าโปลั่งที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอางบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
เฮิ่นเทียนเการีบมาห้ามเธอไว้ ก่อนกระซิบข้างหูเบา ๆ ว่า
“อย่าเพิ่งสนใจยัยคนนี้เลย! ดูนั่นสิ คุณหนูถังลี่ชามาแล้ว!”
ผู้หญิงคนนั้นดูมีฐานะร่ำรวยและทันสมัย สวมชุดแฟชั่นสไตล์หรูหรากำลังเดินเข้ามาภายในร้าน
เส้นผมสีดำเงา ทรงผมเก๋ไก๋ตามฉบับแฟชั่นวีค สวมรองเท้าส้นสูงปากปลา ถือกระเป๋าปักลายหงส์ไฟสีแดงเลือดหมู ริมฝีปากสีแดงดูดีมีเสน่ห์
“คุณหนูถังลี่ชาคะ! ทางร้านเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ!”
ต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกามีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าพวกเขากำลังต้อนรับผู้ที่มีฐานะร่ำรวยที่ทรงอิทธิพล พวกเธอเดินตามไปอย่างช้า ๆ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข โค้งคำนับตลอดเวลา
ถังลี่ชาปรายตามองพนักงานทั้งสอง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งขึ้นว่า
“พวกหล่อนแนะนำฉันมาซิ ว่ามีคอนเลคชั่นอะไรใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง?”
“คุณหนูถังลี่ชา เชิญดูทางด้านนี้ก่อนค่ะ โซนนี้เพิ่งมาถึงเมื่อวาน แล้วเดี๋ยวล็อตใหม่พรุ่งนี้เข้ามาเมื่อไหร่ทางเราจะโทรแจ้งไปทันทีค่ะ!”
“อืม” ถังลี่ชาเดินมาตรงโซนเสื้อผ้าที่ถังซือซือกำลังยืนอยู่ แล้วยืนมองถังซือซือด้วยสายตาดูถูก ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานว่า
“นังนี่เป็นใครเนี่ย? ที่ร้านไม่มีกฎรึไงว่าใครบ้างที่มีสิทธิ์เข้าร้านนี้ และหนังหน้าแบบไหนที่ไม่มีสิทธิ์น่ะ?”
บทที่ 44
ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่
ต้าโปลั่งรีบตอบถังลี่ชาทันทีว่า “เด็กหน้าตาน่าเกลียดที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ คิดว่าตัวเองมีเงินเข้าหน่อยก็สะเออะเข้าร้านมา แต่อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณหนูถังลี่ชา”
“อ๋อเหรอ ช่างมันละกัน เดี๋ยวพวกหล่อนไปเตรียมห้องส่วนตัวให้เรียบร้อย ฉันต้องการลองเสื้อล็อตใหม่ทั้งหมด”
ขณะเดียวกัน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ถังซือซือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดรับสาย
“อยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงเหมือนเพิ่งตื่นนอนของ เซียวเฉินเยวียนพูดขึ้น ถังซือซือถึงกับแอบเขินเมื่อได้ยินเสียงงัวเงียของเขา
เธอรายงานเขาว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“ผมหิวแล้ว” เขาเรียกร้องให้เธอรีบกลับไปทำอาหารให้
แล้วมาบอกฉันทำไมเนี่ย?
“อย่าลืมสิ คุณสัญญากับผมเมื่อคืน ว่าจะทำอาหารให้เมื่อผมต้องการ”
ก็ได้ ๆ เธอยินดีทำให้อยู่แล้ว แต่เธอต้องการเวลาซื้อเสื้อผ้ากับแม่ก่อนซะก่อนจึงตอบไปว่า
“ฉันทำให้ได้อยู่แล้ว แต่ฉันต้องซื้อเสื้อผ้าให้แม่ก่อน เรื่องเลือกเสื้อผ้าคงใช้เวลาสักหน่อย คุณรอไปอีกสักพักแล้วกันนะ” ถังซือซือตอบตามความจริง
หลังจากนั้นเซียวเฉินเยวียนก็วางสายไป
เดาใจเขาไม่ถูกเลยจริง ๆ…
แต่เอาเถอะ ตอนนี้ไปเลือกเสื้อผ้าต่อดีกว่า
พอถังซือซือเก็บโทรศัพท์มือถือเสร็จ เธอก็รีบไปเลือกเสื้อผ้าต่อทันที
“ชุดนี้ก็ดูพอใช้ ไหนพวกหล่อนไปเอามาชุดนั่นมาให้ฉันลองที”
ระหว่างที่ถังลี่ชากำลังรอลองชุด เธอเหลือบไปเห็น ชุดเดรสเอวสูงคอปกในมือของถังซือซือพอดี จึงหันไปสั่งต้าโปลั่งให้ไปหยิบชุดที่ถังซือซือมา
เมื่อต้าโปลั่งเดินมาอยู่ตรงหน้าถังซือซือก็พูดขึ้นว่า “คุณลูกค้าช่วยคืนชุดเดรสให้ทางร้านด้วยค่ะ”
“ทำไมล่ะ? แต่ฉันต้องการซื้อนะ!” ถังซือซือตอบกลับด้วยน้ำเสียงท้าทาย
“ฮ่าๆๆ นี่ดิฉันพูดด้วยดี ๆ แล้วนะคะ ไม่ชอบให้พูดสุภาพด้วยรึไง?”
พวกเธอรู้สึกตลกขบขันเมื่อได้คำพูดของถังซือซือ ถังลี่ชายกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ต้าโปลั่งและเฮิ่นเทียนเกาก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกัน
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า พอดีว่าชุดนี้ราคาห้าหมื่นแปดพันหยวน แล้วก็ตัวนี้ไม่มีส่วนลดด้วยนะ”
ต้าโปลั่งบอกราคาเต็มด้วยน้ำเสียงดูถูก ย้ำเรื่องส่วนลดซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง เพื่อให้ถังซือซือรู้ตัวว่าไม่มีทางจ่ายได้
“ฉันเกลียดคนที่มาปล้นความสุขของฉันมากที่สุด เธอนี่มันไร้มารยาท กล้ามากนะที่มาขัดความต้องการของฉันในตอนนี้!”
ถังลี่ชาลุกขึ้นยืนแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนพูดจาดูถูกถังซือซืออย่างเย่อหยิ่งต่อไป
ผ่านไปไม่กี่นาที ชายร่างสูงและผอมบางคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าร้าน
เฮิ่นเทียนเกาเหลือบไปเห็นพอดี เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หลังจากนั้น สีหน้าของเฮิ่นเทียนเกาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ตอนนี้เต็มกลับไปด้วยความตกใจจนหน้าซีดเผือด เธอรีบวิ่งออกไปต้อนรับทันที ก่อนโค้งตัวงอแทบจะเก้าสิบองศา พูดเสียงดังฟังชัด
“สวัสดีค่ะคุณกู่! วันนี้ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่ได้ เชิญเข้ามาก่อนเลยค่ะ!”
สีหน้าท่าทางดูประจบประแจงทำให้ทุกคนภายในร้านต่างพากันสงสัย
สีหน้าของต้าโปลั่งเองก็เต็มไปด้วยความตกใจและประหม่า
เดิมทีถังลี่ชาเป็นลูกค้าสมาชิกระดับซูเปอร์แพลตตินั่ม แต่สำหรับคุณกู่แล้ว เขาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของประธานเซียว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของแบรนด์เสื้อผ้าร้านนี้
ว่ากันว่าถ้าสามารถทำให้คุณกู่ประทับใจในการบริการได้ จะมีโอกาสไม่น้อยที่จะได้เลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนในอนาคต ต้าโปลั่งจึงรีบวิ่งไปหากู่ชวนและแสดงสีหน้าท่าทางประจบประแจงให้มากกว่าเฮิ่นเทียนเกา
เมื่อเขาพบกับความเอาใจใส่อย่างกระตือรือร้นของพนักงานทั้งสอง เขาจึงให้หยิบทิปไม่กี่หยวนให้พนักงานทั้งสองไป
คุ้นเสียงนี้มาก ๆ เลยแฮะ
ถังซือซือตกใจมากเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียง
มาไงเนี่ย?
จู่ ๆ กู่ชวนก็โผล่มาเฉยเลย
หลังจากกู่ชวนเดินเข้ามาในร้าน เขาก็เดินตรงไปยังทิศทางที่ถังลี่ชากับถังซือซือยืนอยู่ทันที
เมื่อถังลี่ชาเห็นกู่ชวนเดินมา เธอก็รู้สึกประหม่าจนมือสั่นไม่หยุด
เหตุผลที่ทุกคนต่างเกรงใจกู่ชวน เพราะเขาเป็นถึงผู้ช่วยส่วนตัวของเซียวเฉินเยวียน เจ้าของคนปัจจุบันของบริษัทตระกูลเซียว ครอบครัวที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง
มีกี่คนกันที่พยายามจะบรรลุความร่วมมือทางธุรกิจกับท่านประธานเซียว โดยหวังปีนป่ายผ่านบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของเขา?
ถังลี่ชายืนนิ่งจนเกร็งไปทั้งตัว เธอพยายามอย่างมากที่จะฝืนยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังประหม่า
กู่ชวนหันหน้ามาหาต้าโปลั่งแล้วพูดขึ้นว่า “จัดเสื้อผ้าและกระเป๋าล็อตใหม่ล่าสุดทั้งหมดให้คุณหนูถังเดี๋ยวนี้”