ตอนที่แล้วบทที่ 39-40
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43-44

บทที่ 41-42


บทที่ 41

ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเซียวเฉินเยวียน เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ทำให้คนในครอบครัวและคนรอบข้างพลอยกังวลไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากพ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้ไม่นาน เขาก็ได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทตระกูลเซียวทันที ผู้สนับสนุนทุกคนในคฤหาสน์เฟิงตันต่างรู้ดีว่าเขาต้องแบกรับภาระหนักไม่น้อย ฝางเสวี่ยหลานหรือคุณยายของเขาก็ชราลงมากทั้งยังป่วยหนักอีกด้วย เมื่อเห็นว่าหลานชายคนเดียวของเธอยังไม่มีคู่ชีวิต ด้วยเหตุนี้จะไม่ให้เธอร้อนใจได้ยังไง?

สำหรับกู่ชวนแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของ     เซียวเฉินเยวียนมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเจ้านายของตัวเองมีท่าทีอ่อนโยนต่อผู้หญิงคนหนึ่ง

เฮ้อ เราคงกังวลมากไป นี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีก็ได้...

แม้ว่าในความคิดของกู่ชวน ถังซือซือนั้นแทบไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเจ้านายของตัวเองเลย แต่เธอสามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้ และกู่ชวนเองก็ประทับใจในเรื่องนั้น...

บางที ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มคุณผู้ชายอย่างที่หมอซูบอกไว้ก็เป็นได้...

คอนโดเฟิงตัน

ถังซือซือกำลังเปิดกล่องลังกระดาษที่เซียวเฉินเยวียนส่งมาให้ ภายในกล่องส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบทำอาหาร และเครื่องดื่มราคาแพงหลายยี่ห้อ

เธอส่ายหัวทันทีเมื่อรู้ดีว่าเขาส่งมาเพื่ออะไร ก่อนจะถอนหายใจ แต่แล้วก็เจอกับของบางอย่างที่ต่างออกไป

มันเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์มือถืออันดับหนึ่งในเมืองหลวง

เมื่อโทรศัพท์รุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรก กลุ่มลูกค้าทั่วเมืองหลวงต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก พวกเขายอมลงทุนกางเต็นท์ค้างคืนหน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อรอซื้อโทรศัพท์รุ่นนี้...

ถังซือซือหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของตัวเองขึ้นมา แล้วเปรียบเทียบกับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ระดับคุณภาพของทั้งสองเครื่องช่างต่างกันจริง ๆ

ทันใดนั้น ก็มีเสียงอึกทึกเหมือนประตูถูกกระแทกอย่างแรง พร้อมกับเสียงคนพูดดังขึ้นมาว่า

“ยกตูดโง่ ๆ ของแกออกมาจากห้องเดี๋ยวนี้! อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะนังอัปลักษณ์! อย่ามัวมุดหัวอยู่แต่ในห้องและทำเป็นไม่สนใจนะ! ฉันเตะประตูแกพังแน่ถ้าไม่ยอมออกมา! พูดไม่รู้เรื่องเดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่! แกต้องชดใช้ที่มารังแกแม่ของฉัน!”

เสียงดังโหวกเหวกอะไรกัน?

มู่ซูเสียนกำลังอาบน้ำแล้วได้ยินเสียงดังลอดเข้ามา ถังซือซือกลัวว่าจะเป็นคนไม่ดีมาบุกห้อง จึงรีบวิ่งไปหน้าประตูเพื่อจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง

ข้างนอกประตูมีผู้ชายหัวล้านวัยกลางคนยืนอยู่ ใบหน้าของเขาอ้วนกลม สวมเสื้อยืดตัวเล็กจนเห็นพุงยื่นปริออกมา นอกจากความอ้วนแล้วยังมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก ตอนนี้เขากำลังจ้องมองถังซือซือด้วยสายตาเคียดแค้น เหมือนกับว่าเขาสามารถกลืนเธอได้ทั้งเป็น

เสียงที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลังเขา

“ลูกแม่ นังเด็กหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้แหละ! ที่มันโยนถุงยางใส่กระเป๋าแม่! มันทำให้แม่ต้องเสียเงินและอับอายขายขี้หน้า! กระทืบมันให้ตายเลยลูก! ยัยอัปลักษณ์นิสัยโสโครก!”

นั่นยายมนุษย์ป้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ใช่เหรอ ตามมาถึงที่นี่ได้ยังไง?

เมื่อพวกเขาเห็นว่าถังซือซืออยู่ที่นี่คนเดียว และยังดูอ่อนแอมาก ๆ เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าลูกชายของเธอ เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสแก้แค้น ก่อนเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดต่อว่า

“ลูกแม่ เล่นงานมันจนกว่าลูกจะสมใจเลยนะ! นังนี่สมควรโดนแล้ว! ดูหน้าขี้เหร่ ๆ ของมันสิ! ไม่มีผู้ชายเอาแล้วยังมาทำนิสัยแบบนี้!”

“พวกคุณกลับบ้านไปแปรงฟันให้สะอาดก่อนเถอะ ปากเหม็นขนาดนี้” ถังซือซือมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา ตอบกลับอย่างท้าทาย

“ยายเด็กเวร กรี๊ดๆๆ! หน้าตาอย่างกับคางคกไม่พอ ยังมากล้าปากดีอีก!” คุณป้าแสดงสีหน้าโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม

ลูกชายของคุณป้ายืนมองร่างกายผอมบางของถังซือซือ และใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิว ฝ้า และกระ ก่อนแสดงรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เอื้อมมือออกไปหมายจะจับตัวถังซือซือ

“แกน่ะ...”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ถังซือซือก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ตบไปที่ปากของเขา

“เผียะๆๆ!”

เธอกระชากคอเสื้อของเขาลงมา แล้วลงมือตบผู้ชายร่างอ้วนตัวใหญ่ต่อไป!

เขาถูกตบปากซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง สายตาที่มองถังซือซือเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับปากของตัวเองที่กำลังบวมเป่งเป็นสีม่วง

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะถูกผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ท่าทางอ่อนแอตบเอาได้!

“ยัยบ้า...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบอีกครั้ง ยังไม่ทันที่คำสบถจะออกจากปาก ถังซือซือก็เงื้อมือฟาดปากของเขาอย่างรุนแรงต่อไป!

ถังซือซือพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันบอกให้แกกลับไปแปรงฟันให้สะอาด มันยากนักหรือไง หรือฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องกันแน่ ห๊ะ?”

บทที่ 42

เริ่มร้องไห้ออกมา

 

หลังจากพูดจบแล้ว ถังซือซือกระชากคอเสื้อของผู้ชายร่างอ้วนตัวใหญ่อีกครั้ง แล้วตบปากเขาอีกสิบกว่าครั้ง เขาเริ่มรู้สึกกลัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง มุมปากมีเลือดซึมออกมา

ระหว่างที่รอให้ถังซือซือหยุดตบเสียที สภาพใบหน้าของเขาบวมเป่งจนดูไม่ออกเลยว่าตรงไหนคือรอยฟกช้ำ ตรงไหนคือไขมัน

ถังซือซือหยุดตบเขา ก่อนผลักเขาให้ล้มลงกับพื้น ด้วยความกลัว เขาเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้วเริ่มร้องไห้ออกมา

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พอคุณป้าเห็นลูกชายของตัวเองถูกตบร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น เธอตกใจมากและโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน ก่อนจะย่อตัวไปดูลูกชายแล้วพูดขึ้นว่า

“แกมันโหดร้าย! นี่มันฆาตกรชัด ๆ ...”

ถังซือซือเดินเข้าไปหาคุณป้าแล้วดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นมา มองด้วยสายตาถมึงทึงพร้อมพูดเบา ๆ ว่า “ไปให้พ้น! ถ้าไม่อยากหน้าบวมเหมือนลูกของคุณ!”

คุณป้ารู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ตอนแรกเธอตัดสินว่า      ถังซือซือเป็นคนอ่อนแอ แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้! ขณะนี้เธอหวาดกลัวจนแทบไม่มีแรงยืน

เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่าถังซือซือสามารถจัดการเธอให้ลงไปนอนกับพื้นได้ง่าย ๆ!

เธอช่วยพยุงลูกชายให้ยืนขึ้น แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พากันเดินจากไปอย่างไม่มีทางเลือก

“แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่งั้นฉันจะตบให้แรงกว่านี้ คอยดู!” เธอตะโกนขู่เสียงดังไล่หลังพวกเขา เห็นคุณป้าและลูกชายเริ่มออกตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

พวกขี้ขลาดนี่เก่งแต่ปากจริง ๆ เลย

หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าห้อง

มู่ซูเสียนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าสงสัย “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นข้างนอกเหรอลูก?”

“แค่หัวขโมยฝึกหัดนะคะแม่ แต่ไม่มีอะไร หนูสั่งสอนพวกมันไปแล้ว” ถังซือซือพูดพร้อมกับยิ้มกว้างเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“บางครั้งการสู้กลับก็ดี ถ้ายอมมันเราเองนี่แหละจะเดือดร้อน!” มู่ซูเสียนเห็นด้วยกับการกระทำของถังซือซือ

ฮิฮิ... ดูเหมือนครั้งนี้แม่จะเห็นด้วยกับเราแฮะ

มู่ซูเสียนนั่งลงแล้วพูดว่า “น้าของลูกโทรมาเมื่อกี้” พอดีว่า

“เร็ว ๆ นี้ลูกพี่ลูกน้องของลูกกำลังจะจัดงานหมั้นน่ะ เขาเลยโทรมาเชิญพวกเราไป...”

ถังซือซือเห็นท่าทีของมู่ซูเสียนดูเศร้าเล็กน้อย สีหน้ามีร่องรอยกังวลใจ

คนบ้านตระกูลมู่ มีหัวหน้าครอบครัวเป็นนักวิชาการชื่อ มู่หานจาง และภรรยาของเขาหลินอวี้อิงก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พวกเขามีลูกด้วยกันสองคนคือมู่ซูเสียนและ            มู่เชี่ยนลี่

มู่เชี่ยนลี่มีศักดิ์เป็นน้องสาวของมู่ซูเสียน แต่เธอไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นคือเมื่อไร ที่จู่ ๆ น้องสาวของเธอก็ชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับเธอในทุก ๆ ด้าน แม้แต่ตอนที่มู่เชี่ยนลี่โทรมาเชิญให้ไปร่วมงาน น้ำเสียงและคำพูดของเธอก็ยังแฝงความเย้ยหยันและดูถูก

เมื่อก่อนมู่เชี่ยนลี่จะด้อยกว่ามู่ซูเสียนในทุกด้านตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เธอไม่ได้แสดงความเกลียดชังหรือต้องการเอาชนะน้องสาวคนนี้เลย เมื่อเห็นว่าน้องสาวมีนิสัยชอบเปรียบเทียบ เธอจึงหาวิธีกระชับความสัมพันธ์ แล้วเริ่มเข้าหาน้องสาวด้วยความเป็นมิตร

แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม...

ความหวังดีของมู่ซูเสียนต้องจบลง เพราะน้องสาวเริ่มต่อต้านเธอมากขึ้น จนสุดท้ายก็แยกทางกันไปเติบโต

ด้วยความเกลียดชังของมู่เชี่ยนลี่ที่มีต่อพี่สาวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มู่ซูเสียนเห็นว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะรักษาความเป็นพี่น้องกันไว้อีก

เมื่อมู่ซูเสียนแต่งงานกับถังปู้ฝาน แล้วได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของตระกูลถังที่ร่ำรวย มู่เชี่ยนลี่ไม่พอใจมาก เธอจึงผลักดันตัวเองเต็มที่เพื่อไปแต่งงานกับนักธุรกิจที่ร่ำรวยในเมืองหลวง เมื่อเธอแต่งงาน เธอสวมชุดวิวาห์ราคาพันล้าน โชว์ความเอิกเกริก หรูหรา อลังการ ให้ผู้หญิงทุกคนในเมือง F ต้องอิจฉา

หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน เธอมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่า     ฟู่ม่านโหรว และเธอเริ่มเปรียบเทียบความสามารถของฟู่ม่านโหรวกับถังซือซือ แล้วยังเปรียบเทียบเรื่องหน้าตาอีกด้วย

ต่อมาถังปู้ฝานและมู่ซูเสียนหย่าร้างกัน มู่เชี่ยนลี่แสร้งปลอบใจเธออยู่ไม่นาน แม้ว่าตอนนั้นต่อหน้าจะทำเป็นดี แต่ภายในใจนั้นกลับดูถูกเธอตลอดเวลา

เมื่อรู้ว่ามู่ซูเสียนย้ายมาอยู่ในเมืองหลวง ภายใต้หน้ากากน้องสาวที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลพี่สาวตลอดมา เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อสร้างโอกาสในการเปรียบเทียบ ดูถูก และเย้ยหยัน

ตอนนี้ฟู่ม่านโหรวกำลังจะหมั้นกับเดวิดฉื่อ ลูกชายของตระกูลฉื่อ ผู้ที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ในเมืองหลวง มู่เชี่ยนลี่จะพลาดโอกาสในการเย้ยหยันมู่ซูเสียนและลูกสาวของเธอทางอ้อมได้อย่างไร

ในขณะที่มู่ซูเสียนกำลังหาเหตุผลที่จะไม่ไปร่วมงาน แต่ถังซือซือกลับคิดว่าเธอและแม่ควรไปร่วมงานนี้