บทที่ 399-400
บทที่ 399
ถึงเวลาหักปีกหงส์
บ้านของเซียวเจ๋อเทียน
เซียวเซียงเสวี่ยรีบเดินเข้าไปในห้องของเซียวเทียนอวี่ ก่อนพบว่าเซียวเทียนอวี่ยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้ากลิ่นเหม็นอับเหมือนกับไม่ได้ซักหรืออาบน้ำเลย ตอนนี้ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งเปิดหน้าเว็บไซต์พนันออนไลน์อยู่
เขาจ้องไปที่ผลการวางเดิมพันอย่างใจจดใจจ่อ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา
“แพ้อีกแล้ว!” เซียวเทียนอวี่ทุบแป้นพิมพ์ด้วยความโกรธ เมื่อเห็นผลพนันออนไลน์
หมื่นหยวนของฉัน หายไปหมดแล้วเจ้าเว็บบ้า!
เนื่องจากครอบครัวของพวกเขายังคงมีเงินอยู่มาก เซียวเทียนอวี่จึงแอบเอามาใช้ในการพนันอยู่บ่อยครั้ง
ทันใดนั้นหมอนหนึ่งใบถูกขว้างมาใส่หัวของ เซียวเทียนอวี่จากด้านหลัง
เซียวเทียนอวี่ไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้เขาหัวเซไปข้างหน้าเกือบชิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาหันกลับไปดูด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าเป็นเซียวเซียงเสวี่ย เขาเลยตะโกนขึ้นมาว่า
“พี่ ทำบ้าอะไรเนี่ย?” เซียวเทียนอวี่พูดพลางเกาหัว แล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่ เซียวเจ๋อเทียนและหรงจือหยีก็ยังไม่สามารถอบรมสั่งสอนให้ลูกชายคนนี้เป็นคนดีขึ้นได้ แต่กลับกัน พวกเขาต่างกลัวและเกรงใจลูกสาวมาก ๆ
เมื่อก่อนเซียวเซียงเสวี่ยเองเป็นคนเข้มงวดและเอาแต่ใจ จึงทำให้บริษัทเล็ก ๆ ของเธอเกิดปัญหาจนเกือบจะปิดตัวลง แต่เธอก็สามารถปรับปรุงและพัฒนาตัวเองจนทำให้บริษัทกลับมาเติบโตได้
ถ้าไม่ใช่ลูกสาวของครอบครัวนี้พยายามทำงานอย่างหนัก เซียวเทียนอวี่คงไม่มีเงินกินใช้หรือไว้เล่นพนัน
ขณะนี้ใบหน้าของเซียวเซียงเสวี่ยเย็นชามากขึ้น ก่อนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า
“พอได้แล้วเจ้าผีพนัน!”
ลึก ๆ ในใจ เธอรู้สึกเกลียดตัวเองมาตลอดที่ไม่ได้ไปเกิดเป็นเซียวเฉินเยวียน เธอใฝ่ฝันอยากย้อนเวลากลับไปเกิดในบ่อเงินบ่อทองและได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง กอบโกยเงินเท่าไหร่ก็ได้โดยที่ไม่ต้องทำงานหนัก
นอกจากนี้เธอยังรู้สึกทรมาน ที่มีน้องชายไร้ประโยชน์ซึ่งช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย!
เซียวเทียนอวี่นิ่งเงียบไป
“มองตัวเองซิ แล้วเปรียบเทียบกับเซียวเฉินเยวียนดูด้วย! เขาก็แซ่เซียวเหมือนกัน แต่กลับหาเงินได้หลายแสนหยวนในเวลาไม่กี่นาที เงินทั้งหมดนั่นต่อให้ใช้ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่มีวันหมด แต่แกช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย น่าสมเพชจริง ๆ เลยรู้ไหม!
พ่อแม่และฉันต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้มากขึ้น แต่แกที่ไม่ช่วยอะไรกลับขโมยเงินไปลงพนันทุกวัน! พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องมาเกิดในครอบครัวนี้ หรือไม่ก็เกิดเป็นลูกคนเดียวไปซะ จะได้ไม่ต้องมาเจอแก!”
เซียวเทียนอวี่ก้มหน้าลง และนั่งลงเงียบ ๆ อย่างเชื่อฟัง
เดิมที เขาเองก็รู้สึกเกลียดเซียวเฉินเยวียนมาโดยตลอด เพราะเขาถูกใครต่อใครหยิบยกมาเปรียบเทียบกับเซียวเฉินเยวียนตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาเป็นตัวตลกในสายตาทุกคน
เซียวเฉินเยวียนนั้นเป็นเหมือนเกียรติยศของวงศ์ตระกูล ที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ซึ่งต่างจากเซียวเทียนอวี่ที่ทุกคนเอาแต่ดูถูกถากถาง
เขาจึงมีแต่ความเกลียดชังและสาปแช่งเซียวเฉินเยวียนเสมอมา แม้เขาอยากจะผลักดันตัวเองให้เหนือกว่ามากแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ก้าวข้ามเซียวเฉินเยวียนไม่ได้เลย
“่ช่างมันเถอะ ตอนนี้เซียวเฉินเยวียนไม่ได้ตกลงคบหากับพี่จ้าว แต่หากเราร่วมมือกับพี่จ้าวละก็ เราจะสามารถเอาชนะเซียวเฉินเยวียนได้ในไม่ช้า ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเราแล้วล่ะ ยังไงงานนี้แกก็ต้องมาช่วยพี่ด้วย”
เซียวเซียงเสวี่ยพูดจบแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนพูดเสริมขึ้นว่า
“โชคเข้าข้างแบบนี้มันดีจริง ๆ ต่อไปนี้เราจะต้องร่วมมือกับพี่จ้าว แล้วค่อยไปจัดการส่วนแบ่งทีหลัง คอยดูเถอะ สบโอกาสเมื่อไหร่ เราจะหักปีกหงส์ให้ร่วงลงไปนอนกับพื้นซะ”
เซียวเทียนอวี่ได้ยินจึงถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อะไรนะ? พี่เฉินเยวียนคบกับผู้หญิงคนอื่นเหรอ? แล้วเธอคนนั้นเป็นใครมาจากไหน?”
เซียวเซียงเสวี่ยหยิบเอกสารฉบับหนึ่งในกระเป๋าออกมา ก่อนพูดขึ้นว่า
“ก็แค่ผู้หญิงง่อย ๆ จากครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวในเมือง F น่ะ ดูเหมือนว่าเพิ่งเข้าสู่วงการบันเทิงได้ไม่นาน และลงทุนทำร้านเบเกอรี่ด้วย แต่ทำไมกันล่ะ? เซียวเฉินเยวียนถึงลดตัวลงไปคบผู้หญิงธรรมดาแบบนี้”
บทที่ 400
อย่าขวางทางคนชั่วร้าย
“หนังที่ผู้หญิงคนนี้แสดงเพิ่งถ่ายจบไป เราคงเล่นงานอะไรตรงนั้นไม่ได้ แต่ร้านเบเกอรี่สาขาใหม่ของมันกำลังจะเปิดที่ศูนย์การค้าของชุมชนเราในวันพรุ่งนี้ แกรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?”
เซียวเซียงเสวี่ยจ้องเซียวเทียนอวี่ด้วยสายตาเย็นชา ตามด้วยบรรยากาศชวนขนลุก
เซียวเทียนอวี่เห็นดังนั้นก็ตกใจและหวาดกลัว ก่อนพยักหน้าแล้วตอบว่า “ฉันจัดการทุกอย่างได้แน่นอน พี่ไม่ต้องกังวลเลย”
วันต่อมา
ร้านเบเกอรี่ซือเปาต่าสาขาที่สิบเก้าเปิดตัวที่ศูนย์การค้าของชุมชนระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง
โดยสาขานี้ก็เหมือนกับสาขาอื่น ๆ ที่มีการร่วมหุ้นกับสปอนเซอร์และลงทุนเปิดแฟรนไชส์สาขาใหม่ขึ้นมา ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่
เนื่องจากเบเกอรี่ซือเปาต่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะมีลูกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย ทำให้เห็นว่าจากความนิยมและยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นนั้น คงไม่มีวันที่จะปิดกิจการลงง่าย ๆ
หลังจากสาขาที่สิบเก้าเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนละแวกนี้ต่างตื่นเต้นกันมาก พวกเขามายืนต่อแถวรอซื้อขนมปังกันแต่เช้า
“ในที่สุด เราก็มีซือเปาต่าเปิดใกล้ ๆ บ้านแล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องขับรถไปไกลถึงในตัวเมืองให้เสียเวลา แค่รู้ข่าวก็ตื่นเต้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมาขณะที่ยืนต่อแถว
“ขนมปังร้านนี้อร่อยมากจริง ๆ อร่อยจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ ฉันน่ะไปซื้อในเมืองทุกวัน และรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้กินขนมปังของซือเปาต่า” หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นมาด้วยความปลื้มปริ่ม
“หวังว่าจะถึงคิวของเราในอีกไม่ช้านะ คนเยอะจริง ๆ สงสัยต้องตื่นให้เช้ากว่านี้ซะแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งบ่นขึ้นมา เพราะเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าจะมีคนต่อแถวเยอะขนาดนี้ในตอนเช้า
“สู้ ๆ ละกัน ก่อนมานี่ฉันก็เตรียมใจเรื่องคิวยาวไว้แล้วล่ะ แต่ความจริงก็เกินคาดไปมาก ไม่คิดเลยว่าคนในชุมชนของเราจะให้ความสนใจกันเยอะขนาดนี้ ก็อีกหนึ่งชั่วโมงคงถึงคิวของเรา” หญิงสาวคนก่อนหน้าเขาพูดขึ้นมา
ขณะเดียวกันพนักงานภายในร้านยังคงวุ่นวายกับการอบขนมปัง ถาดใส่ขนมปังมากมายถูกยกออกมาวางในตู้กระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมให้ได้ปริมาณที่มากพอก่อนเปิดร้านในเร็ว ๆ นี้
ถังซือซือที่ยืนดูอยู่มุมหนึ่งภายในร้าน ได้เห็นภาพข้างหน้านี้ก็รู้สึกอิ่มเอมใจมาก
ตอนนี้ สปอนเซอร์หลายเจ้าแห่ติดต่อเธอมาไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อหวังว่าร่วมมือทางธุรกิจและเปิดแฟรนไชส์สาขาใหม่
ทันใดนั้นเอง มีเสียงโห่ร้องดังมาจากฝูงชนที่ยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านว่า
“พวกแกน่ะ รีบจัดการซะ ทุบร้านนี้ให้พังไปเลย!”
“ปัง! ปัง!” เมื่อฝูงชนที่ยืนต่อแถวอยู่ได้ยินเสียงทุบตีข้าวของดังขึ้นมา ต่างตกใจแล้วชะเง้อหน้าออกมาดูเหตุการณ์
หลังจากเห็นการก่อจลาจลนี้ พวกเขาก็บ่นขึ้นมาว่า
“พวกนั้นทำบ้าอะไรกันอยู่ มาก่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? ทำเพื่ออะไรเนี่ย?”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น อะไรกัน? จู่ ๆ มาทุบร้านนี้ทำไม? ฉันยังไม่ได้ซื้อขนมปังเลย”
“พวกมันไม่รู้รึไงว่าหลายคนที่นี่ต่อแถวหน้าร้านกันนานแค่ไหน?”
นอกจากฝูงชน ชายหัวล้านที่มีใบหน้าน่ากลัว ยืนสั่งลูกน้องของตนเองทุบร้านต่อไป แล้วข่มขู่ฝูงชนแถวนั้นว่า
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ไสหัวออกไปจากที่นี่! ใครเข้ามาขวางได้เจอดีแน่”
ข้างหลังชายหัวล้าน มีชายหนุ่มอีกหลายคนประมาณโหลหนึ่งได้ กำลังยืนถือท่อนไม้ชี้ไปทางฝูงชน
ทำให้ฝูงชนตื่นตระหนกกันมาก เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี จึงแยกย้ายกันไปหาที่หลบ
“เดี๋ยว! นั่นมันซุนยี่หัวหน้ากลุ่มอันธพาลละแวกนี้ไม่ใช่เหรอ? พวกนี้แหละที่ชอบมาทุบร้านคนอื่น เพียงเพราะต้องการเงินกับขยายอำนาจของตัวเอง ฉันว่าเจ้าของร้านนี้คงไปทำให้มันไม่สบอารมณ์เอาแน่ ๆ!”
นอกจากนี้บางคนที่รู้จักซุนยี่อยู่แล้ว ก็วิ่งหนีจากไป
ส่วนบางคนที่ไม่รู้ ก็พากันตกใจกลัว
ซุนยี่เป็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลที่หลายคนในละแวกนี้รู้จักกันดี และเขาก็เป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน นอกจากนี้แล้วยังมีความชำนาญในการต่อสู้ ปล้น และข่มขู่อีกด้วย ก่อนหน้านี้ เขาและลูกน้องต่างก็ทุบตีร้านค้าแถวนี้มานับไม่ถ้วน